ถึงจะสับสนวุ่นวายใจ แต่ใบข้าวก็ไม่ลืม ว่าตัวเองในวัยยี่สิบเอ็ดปีนั้น ลำบากตรากตรำขนาดไหน เธอไม่ต้องจ่ายค่าเทอมก็จริง เพราะได้ทุนค่าเล่าเรียนแบบเต็มจำนวน แต่ค่าใช้จ่ายส่วนตัวนี่สิที่เธอต้องหา แล้วงานที่หาเงินได้เยอะที่สุดสำหรับเธอ เธอยกให้งานกลางคืนเป็นนัมเบอร์วัน
“วันนี้ข้าวขึ้นไปร้องเพลงแทนปอนะ” ผู้จัดการบอกใบข้าวให้ขึ้นไปร้องเพลงแทนคนที่ขอลาหยุด เธอพยักหน้ารับทันที ได้ขึ้นไปร้องเพลงคือดีที่สุดแล้วสำหรับงานที่นี่ ได้เงินดีแถมยังไม่เปลืองตัวเหมือนงานเสริฟอีกต่างหาก เธออยากทำประจำอยู่ที่ตำแหน่งงานนี้แหละ แต่น่าเสียดายที่ผับแห่งนี้มีนักร้องประจำอยู่แล้ว และอีกเหตุผลที่เธอประจำอยู่ตำแหน่งงานนี้ไม่ได้ก็คือ มันยากต่อการหลีกเลี่ยงเวลาที่เขตครามมาที่นี่ไงล่ะ ใบข้าวเปลี่ยนไปสวมชุดเกาะอกสีทองปักเลื่อม เป็นชุดที่เธอซื้อมาสำรองไว้ใส่เวลาขึ้นไปร้องเพลง ชุดเดรสสั้นแบบรัดรูปอวดท่อนขาเรียวยาว ไม่ได้ทำให้คนใส่รู้สึกวูบหวิวที่ต้นขา ตอนก้าวขาขึ้นไปยืนบนเวทีท่ามกลางสายตาหลายร้อยคู่ เธอยังคงนิ่งสงบ และร้องเพลงได้แบบไม่สะดุดหรือลืมเนื้อร้องเลย จนกระทั่งคนกลุ่มหนึ่งได้ก้าวเข้ามาในบริเวณห้องโถงของชั้นหนึ่ง เป็นกลุ่มของเขตครามที่เธอไม่ได้รับรายงานจากผู้จัดการว่าเขาจะมา การมาของพวกเขาสร้างความยินดีให้กับคนอื่น เหล่าลูกหลานคนรวยที่มีคนอยากคบค้าสมาคมด้วยมากที่สุดในย่านนี้ แต่สำหรับใบข้าวการมาของพวกเขามันก่อปัญหา เธอตะลึงจนลืมเนื้อร้องไปหมด เมื่อเพลงนั้นจบลงพร้อมเสียงโห่ของคนดู เธอก็ถูกผู้จัดการตำหนิ และให้คนอื่นขึ้นเวทีไปทำหน้าที่แทนเธอ ใบข้าวไม่มีอารมณ์อยากจะทำงานต่อ เธอไม่มีเวลามากพอจะเปลี่ยนกลับไปใส่ชุดเดิม เดินออกมาจากห้องพักพนักงานทั้งอย่างนั้น เดินผ่านผู้คนไปด้วยท่าทางซังกะตาย ความสนิทสนมของเขตครามกับพราวฟ้า ช่างมีผลต่อหัวใจเธอซะจริง “เธอจะไปไหน?” เขตครามถามคนที่เดินเหม่อจนมองไม่เห็นตัวเอง ใบข้าวได้ยินแต่ไม่อยากหยุดเดิน เธออยากกลับ ถ้าขืนเผชิญหน้ากันอีก เธออาจจะเหวี่ยงวีนไปเรื่อย ซึ่งนั่น มันไม่สมกับเป็นเธอเลย เธอเคยแสดงออกว่าหึงหวงเขตครามที่ไหน ตอนที่แต่งงานกันแล้ว ก็จำได้ว่าไม่เคยทำ หมับ! “ใบข้าว … เธอไม่สบายหรือไง?” เขตครามคว้าข้อมือขาวนวลไว้แน่น ดึงรั้งไม่ให้คนตัวเล็กกว่าก้าวเดิน เอื้อมมือไปหวังจะแตะหน้าผากวัดไข้ แต่มือของเขาถูกปัดออกไป ไม่ได้แรงมาก และเขาไม่มีความคิดว่าจะโกรธเพราะการกระทำของเธอ “บอกว่าอย่ามายุ่งกับฉันไง ไปอยู่กับคนของนายซะสิ ป่านนี้ยัยพราวฟ้านั่น นั่งไม่ติดที่แล้วมั้ง” “เธอบอกว่าอยากเปลี่ยนอนาคต” มุมปากหยักสวยยกขึ้นเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่ใบข้าวไม่มีวันได้เห็น เพราะเธอเอาแต่เดินก้มหน้า “แล้วไง!” “ที่เธอพูดมา มันเหมือนเธอกำลังหึงฉันอยู่เลย” “หึง? ฉันจะหึงนายทำไม … ตอนนี้ เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” ใบข้าวเงยหน้ามองเสี้ยวหน้าด้านข้าง ที่มันอ่อนโยนขึ้นมาก มากจนคำว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน แผ่วเบาจนกลายเป็นเสียงกระซิบ “แต่ฉันหึงเธอนะ” ประโยคของเขตครามเองก็แผ่วเบา และมันถูกพัดให้จางหายไปโดยสายลมยามค่ำคืน “นายพูดอะไรนะ?” ใบข้าวไม่ได้ยิน เธอถาม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากเขา และเขาไม่คิดที่จะหยุดเดิน ไม่ยอมปล่อยมือของเธอด้วย เมื่อเขาพาเธอเดินมาจนถึงรถหรูสีดำวาว เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยมือเธอให้เป็นอิสระ “ลาออกซะใบข้าว” “หมายความว่ายังไง?” ความอ่อนหวานเมื่อครู่ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความสับสน และความไม่สบายใจ “ลาออกจากงานนี้ซะ” เขตครามย้ำด้วยสีหน้าจริงจัง ความเผด็จการนั้นส่งผลให้ใบข้าวฉุนขาด “ถ้าฉันบอกว่าไม่ล่ะ! อย่ามาบงการชีวิตฉันนะ!” ใบข้าวสะบัดข้อมือจนหลุด เธอเกือบจะเคลิ้มไปแล้ว จนกระทั่งเขาสั่งให้เธอลาออก เขาไม่รู้หรือไม่ได้ใส่ใจ ว่าเงินจากการทำงานที่นี่ คือเงินที่ใช้หล่อเลี้ยงชีวิตของเธอ “อย่าดื้อ!” “ดื้อเหรอ? เหอะ! นายเป็นพ่อฉันหรือไง ก็ไม่ อย่ามายุ่งกับชีวิตของฉัน ต่อจากนี้ก็ด้วย!” พูดเสร็จใบข้าวก็รีบเดินหนี ทิ้งคนหวังดีไว้ข้างหลัง เขตครามไม่คิดจะเดินตามไป ร่างสูงใหญ่หมุนตัวไปหารถ ระบายความโกรธด้วยการยกเท้าเตะเข้ากับล้อยางดำเงา เมื่ออารมณ์ขุ่นมัวเบาบางลงบ้างแล้ว ก็เดินเข้าไปในอาคารที่ตัวเองเป็นเจ้าของ สั่งผู้จัดการว่าห้ามให้ใบข้าวเข้ามาทำงานอีก ใบข้าวกลับมาถึงหอพักด้วยความรู้สึกโกรธและเสียใจ เธอเสียเวลาอยู่กับมันพักใหญ่ เมื่อเริ่มคิดได้เธอก็เปลี่ยนไปนั่งรวบรวมข้อมูล ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นเป็นข้อมูลที่จะใช้ในการประชุมสภานักเรียนวันพรุ่งนี้ เมื่อมั่นใจว่าข้อมูลที่ตัวเองมี สามารถเตะเหล่าพวกพ้องรวมทั้งเขตครามออกไปจากห้องซ้อมได้ จิตใจของใบข้าวก็รู้สึกสงบลง วันต่อมา ร่างสมส่วนในชุดนักศึกษาขนาดพอดีตัวก้าวเดินอย่างเร่งรีบ ไปยังอาคารอำนวยการของมหาวิทยาลัย กอดเอกสารปึกใหญ่ไว้ในอ้อมแขน ในกระเป๋าสะพายมีหลักฐานชิ้นสำคัญ สีหน้ามาดมั่นซุกซ่อนความหวาดหวั่นไว้ มันไม่ง่ายเลย และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเล่นงานเขตครามกับพวกพ้อง แม้จะเพิ่งได้นั่งตำแหน่งประธานนักศึกษาตอนอยู่ปีสี่ แต่เธอทำงานอยู่ในสภานักศึกษามาตั้งแต่อยู่ปีหนึ่งแล้ว ระยะเวลาเกือบสี่ปีของการทำงาน เขตครามกับพวกพ้องของเขา คือกลุ่มคนที่สร้างปัญหาให้มหาวิทยาลัยมากที่สุด ถ้ามันมีแค่การสร้างปัญหาจะดีกว่านี้ แต่พวกเขาทำคุณประโยชน์ให้มหาวิทยาลัยด้วยนี่สิ ความชั่วกับความดี ก็เลยถูกเอามาหักล้างกัน “พี่ข้าวหอบเอกสารอะไรมาเยอะแยะคะ?” ปิ่นมุก นักศึกษาชั้นปีที่สาม คณะบริหาร หนึ่งในสมาชิกของสภานักศึกษา เอ่ยถามใบข้าวด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าจิ้มลิ้มไม่ยอมคลายความสงสัย ใบข้าวจึงยื่นเอกสารแผ่นบนให้เธออ่าน มันคือข้อความร้องเรียนจากนักศึกษาคณะของเธอและคณะอื่นๆ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากชมรมดนตรี “พี่จะเอาเรื่องนี้เข้าที่ประชุม” ใบข้าวรับเอกสารของตัวเองกลับมาจากรุ่นน้องต่างคณะ เธอเก็บบุหรี่ไฟฟ้าเอาไว้เป็นไพ่ใบสุดท้าย ถึงแม้อยากจะใช้มันในทันทีก็เถอะ พราวฟ้ามีพรรคพวกอยู่ในสภานักศึกษาไม่น้อยเลย การเล่นงานผู้หญิงคนนั้นแบบโต้งๆ เป็นอะไรที่ค่อนข้างสิ้นคิด“เธอนี่ก็ขยันทำลายความอดทนของฉันจริงๆเลยนะใบข้าว”“แล้วทำไม ต้องทนล่ะ ฉันขอร้องหรืองาย ก็ไม่นี่”ใบหน้าแดงก่ำเชิ่ดขึ้นสูง ตั้งใจจะมองใบหน้าที่กดต่ำลงมาอีกครั้ง จนลมหายใจร้อนรินรดทั่วหน้าผาก แต่ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้นไป เขาก็เชิ่ดใบหน้าขึ้นไปอยู่ในองศาเดิม สิ่งที่เธอเห็นจึงมีเพียงแค่ปลายคาง และไรหนวดจางๆที่เพิ่งโผล่ขึ้นมา งับ! ริมฝีปากหยักสวยกัดเข้าปลายคาง เขตครามร้องลั่นดันปลายคางหนี “ทำบ้าอะไรวะ!”กึ่ด! “อ๊ะ! ขะ ข้าว อย่ากัด”เบี่ยงหน้าหนีจากการโดนงับปลายคาง ทำให้ลำคอของเขากลายเป็นจุดหมายใหม่ของคนเมา แม้จะเอ่ยปากปรามออกไปแล้ว ใบข้าวก็ยังไม่ละริมฝีปากและฟันออกไป เธอยังคงเพิ่มรอยฟันต่อไป จากข้างลำคอ ไหปลาร้า และเหนืออกจับกดตรงนี้เลยดีไหม ให้ตาย! ทำไมตรงนี้คนเยอะนักวะ “ใบข้าว! อึก! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”“ฮึก! นาย นายก็เกลียดฉันเหมือนกันใช่ไหม”น้ำเสียงยานคางเมื่อครู่ชัดเจนพอๆ กับสติที่ถูกดึงกลับมาเพราะน้ำเสียงทุ้มดุ คนเมายกมือขึ้นดันแผ่นอกแกร่งออกไป เมื่อเขาไม่ยอมพูดและไม่ยอมคลายอ้อมกอด ความน้อยเนื้อต่ำใจก็ไหลขึ้นไปรวมกันอยู่รอบดวงตา เมื่อมันมีมากพอก็เอ่อล้น ไม่นานก็ร่วงหล่น
ชั่วโมงต่อมา ร่างสมส่วนในชุดนักศึกษาหยุดลงหน้าอาคารหลายสิบชั้น Devil Club คือสถานบันเทิงแบบครบวงจร ภายในอาคารแห่งนี้ซุกซ่อนความบันเทิงไว้หลากหลายรูปแบบ และหนึ่งในความบันเทิงเหล่านั้นก็คือบาร์เหล้า เป็นโซนที่ใบข้าวคุ้นเคยกับมันดี เพราะเคยทำงานโซนนี้มาก่อน ใบข้าวเกลียดความผิดพลาดของตัวเองมาก แต่ตอนนี้เธอกำลังอยากจะเมา อยากทิ้งความรู้สึกแย่ๆเหล่านี้ไป แค่ช่วงเวลาหนึ่งก็พอ “น้องข้าว! มะ มาที่นี่ทำไม”ผู้จัดการร้องเสียงหลง เมื่อเห็นใบข้าวยืนนิ่งอยู่หน้าประตูทางเข้า เจ้าของชื่อเหลือบตามองไปทางเสียงร้อง เมื่อเขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอก็รีบยกมือขึ้นไหว้ “สวัสดีค่ะ วันนี้ข้าวไม่ได้มาสมัครงาน ข้าวมาใช้บริการค่ะพี่นุ หวังว่าพี่จะต้อนรับข้าวในฐานะแขกนะคะ”พูดจบใบข้าวก็เดินผ่านร่างผู้จัดการเข้าไปข้างใน คนที่มีความผิดติดตัว มีชนักติดหลัง รีบเดินตามหลังเข้าไป เดินแยกไปเพื่อหยิบโทรศัพท์ติดต่อหาเจ้านายเด็ก ปล่อยหน้าที่บริการใบข้าวให้พนักงานคนอื่นรับไปทำ รอสายอยู่สักพัก เมื่อสายถูกรับก็รีบร้อนรายงาน“คุณครามครับ ตอนนี้แย่แล้วครับ”[ อะไรแย่? คุณกำลังจะถูกผมไล่ออกหรือไง ] เสียงของปลายสาย
ชั่วโมงต่อมา รถยนต์หรูสามารถฝ่ารถติดของเมืองใหญ่มาถึงที่หมายได้สำเร็จ คำพูดที่ว่าจะให้เธอลงก่อนจะถึงมหาวิทยาลัย ตอนนี้กลายเป็นเพียงแค่ลมผ่านปาก ใบข้าวมองไปทางอาจารย์ที่ไม่ยอมหยุดรถ สลับกับมองเส้นทางด้านหน้า ภาวนาว่าครั้งนี้ เขาจะไม่ใช้ข้ออ้างแบบเดิมกับเธออีก “ให้ข้าวลงตรงนี้เถอะค่ะอาจารย์”“ไปลงที่เดียวกับผมดีกว่านะ ตรงนั้นเงียบกว่าที่นี่เยอะเลย”“อ่า แบบนั้นก็ได้ค่ะ”ใบข้าวก่นด่ารถที่ขับตามหลังรถยนต์คันนี้มา ถ้าหากไม่มีรถคันนั้น เธอได้ลงจากรถคันนี้ไปตั้งนานแล้ว ไม่ต้องเสี่ยงถูกเข้าใจผิด เห้อ! แต่จะว่าไป ไอ้รถคันที่ขับตามหลังมา ก็ดูคุ้นๆตาแฮะ “ขอบคุณที่ให้ข้าวติดรถมาด้วยค่ะ”“อื้อ ยินดีครับ”ใบข้าวรีบร้อนลงจากรถเพราะทางข้างนอกสะดวกแล้ว เธอเพิ่งจะผลักหลังเพื่อนให้สู้เรื่องของอาจารย์คริสไปเมื่อวาน วันนี้กลับอาศัยรถของเขามามหาวิทยาลัย ถ้ามีใครเห็นเขาแล้วเอาไปลือแปลกๆ แล้วถ้ามันไปถึงหูมินตรา เธอกลัวว่าเพื่อนที่มีอยู่เพียงไม่กี่คน จะเลือกหันหลังให้เธอ เธอไม่อยากสูญเสียใครไป เพราะเท่าที่มีอยู่ก็น้อยนิดเหลือเกิน “ไปทำอีท่าไหนถึงได้นั่งรถเขามา”ในขณะที่ใบข้าวกำลังจะเดินพ้นตึกคณ
วันต่อมา ร่างสมส่วนในชุดนักศึกษาก้าวออกมาจากห้องนอนด้วยความระมัดระวัง มองไปรอบๆห้องโถงขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่ใช้สอยในส่วนของครัว ห้องนั่งเล่น และอื่นๆ เมื่อไม่เห็นเงาลูกชายเจ้าของอาคาร ลมหายใจก็ถูกพรูออกมาเบาๆ จากนั้นมันก็หนักหน่วงขึ้น และยอมรับกับตัวเองในที่สุดว่าเธอ น้อยใจที่ถูกเขาทิ้งให้จัดการชาบูที่เหลือเพียงลำพัง เมื่อวาน ในขณะที่เธอกับเขากำลังนั่งสู้กับหมูสไลด์ และของสดจากท้องทะเลแถวอ่าวไทย เขตครามรับสายโทรศัพท์จากบุคคลหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็ทิ้งเธอไว้ที่นั่น กับอาหารที่ตักมาแล้วและเหลืออยู่มากกว่าครึ่ง ถึงแม้เขาจะทิ้งเงินสองหมื่นไว้ให้เธอจ่ายค่าอาหาร แต่เธอต้องจัดการอาหารที่เหลือเหล่านั้นคนเดียว แน่นอนว่าเธอกินมันไม่หมด และต้องจ่ายค่าปรับไปตามกฎของร้านถึงหนึ่งพัน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นของความน้อยใจ เขาไปไหน ไปกับใคร แล้วทำไมถึงไม่กลับมานอนบ้าน “โอ้ย! ช่างเขาสิ ช่างเขา”เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ใบข้าวก็ร้องออกมา เหมือนกับว่าเพิ่งจะได้สติ เธอเป็นแค่คนอาศัยชายคาบ้านเขาอยู่ ยังไม่ใช่แฟน และไม่ใช่เมียของเขาด้วย จะรอทำไม เขาจะไปที่ไหนกับใครก็ช่างสิ เขาจะไม่กลับมาเลยก็ได้ เพราะนั่นม
ก๊อกๆ เขตครามดึงตัวเองออกมาจากความทรงจำ มองที่นั่งข้างตัวซึ่งเหลือไว้เพียงความว่างเปล่า พราวฟ้าลงจากรถไปตอนไหนเขายังไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ ลมหายใจหนักหน่วงถูกพรูออกมา เลื่อนกระจกรถฝั่งที่ถูกเคาะลง ใบข้าวยืนทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ด้านนอก “เธอมาช้า”“ฉันมาถึงตั้งนานแล้วเถอะ แต่ … พราวฟ้าอยู่บนรถของนายนี่นา ฉัน … ฉันกลัวยัยนั่นเข้าใจผิด”ใบข้าวแอบหลบมุมรออยู่นานเกือบครึ่งชั่วโมง จนกระทั่งมั่นใจว่าพราวฟ้าไม่ได้ไปกับเขา และรถของเขายังจอดนิ่งอยู่กับที่ เธอถึงได้ออกมาจากที่ซ่อน และยืนอยู่ตรงนี้ข้างรถเขา ในฝั่งที่จะมองเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดที่สุด แต่มันไม่ฉายอะไรอย่างที่ใจเธอกลัว ใบหน้าของเขาตอนที่มองเห็นเธอ แสดงออกชัดว่ากำลังดีใจ “ทำไมต้องกลัว คนที่เป็นอะไรกับฉันคือเธอไม่ใช่หรือไง”เมื่อทิศทางข้างหน้าชี้ชัดแล้วว่าต้องเดินแบบไหน เขาก็ไม่มีความลังเลอีกเลย ถึงแม้ใบข้าวจะยังคงทิ้งระยะห่างไม่ต่างจากเดิม แต่เขาเชื่อว่าสักวัน เธอจะเปิดใจยอมรับเขาเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ยอมให้ผู้ชายร้ายกาจอย่างเขากางปีกปกป้อง ระหว่างนั้นก็ … ปล่อยให้เธออวดเก่งไปก่อน “ฉันไปเป็นอะไรกับนายตอนไหน จำไม่เห
“ให้มินไปส่งไหมข้าว?” “อ่า ไม่เป็นไรๆ มินกลับบ้านดีๆนะ ปิ่นก็ด้วย อย่าเถไถลล่ะ”ใบข้าวปฏิเสธมินตรา จากนั้นก็หันมาบอกน้องเล็กบ้าง ยืนรอจนกระทั่งมินตรากับปิ่นมุกแยกย้ายไปยังรถของพวกเธอ จริงๆเธอก็อยากกลับบ้านแบบสบายๆอยู่หรอก แต่เป็นเพราะว่าเธอไม่ได้พักอยู่ที่หอเดิมแล้ว ขืนให้มินตราไปส่งความลับเธอก็แตกนะสิ “เพื่อนไปไหนแล้วล่ะ?”ในขณะที่ใบข้าวกำลังเดินไปบริเวณทางเข้าด้านหน้าของมหาวิทยาลัย การเดินของเธอก็ถูกฉุดรั้งไว้ด้วยคำถาม จากผู้ชายที่มีน้ำเสียงคุ้นหู ไม่นานใบหน้าคุ้นเคยก็ปรากฏอยู่ในสายตา ดวงตาสีเข้มกว่าฉายแววสนุกสนาน เมื่อเห็นว่าเธอทำสีหน้าไม่พอใจส่งไป “ฉันบอกนายไปแล้วไม่ใช่หรือไง อย่ามาทำเหมือนสนิทกันได้ไหม เวลาอยู่มหาวิทยาลัยก็ต่างคนต่างอยู่หน่อยสิ”“เห้อ! อย่าเอาแต่ใจให้มันมากนักนะใบข้าว ฉันไม่ได้ใจดีขนาดนั้นหรอกนะ”เขาพยายามจะไม่ทำนิสัยเหมือนตอนยังเป็นวัยรุ่น เพราะตอนนั้นนิสัยเขาแย่มาก แต่เธอก็ขยันในการดึงตัวตนนั้นกลับมา มันไม่ดีกับตัวเขา และไม่ดีต่อตัวเธอมากกว่าใคร เขาใจร้ายกับเธอสุดๆ นั่นก็เพราะเขารู้สึกตัวช้าไป “ก็ ก็รู้”ใบข้าวลดระดับใบหน้าลง รู้สึกน้อยใจที่โดนตำ