เข้าสู่ระบบ“เอาไอ้นั่นที่เธอยึดไปมาให้ฉันซะ แล้วก็ล้มเลิกความคิดที่จะนำเรื่องของพวกฉันเข้าสภาด้วย”
เขตครามผละออกไปยืนในระยะที่พอจะพูดคุยกันได้ ไม่อยากทำตัวสนิทสนมกับเธอมากเกินไป เพราะในบริเวณนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่บุคคลภายนอก ยังมีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเดียวกันเดินขวักไขว่ และคนเหล่านั้นกำลังให้ความสนใจเธอกับเขา “ฉันต้องฟังที่นายพูดหรือไง ไม่อะ” ใบข้าวไม่อยากยอมให้เขา เธอไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังเขานี่นา เขาเคยเป็นสามีของเธอ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ “อย่าดื้อได้ไหมใบข้าว เธอกำลังจะทำให้ฉันเดือดร้อนนะ” น้ำเสียงทุ้มเจือความหวาน สายตาที่ทอดมองต่ำก็หวานเชื่อมลง “แล้วไง เดือดร้อนมันก็เป็นปัญหาของพวกนาย ไม่ใช่ปัญหาของฉัน” ใบข้าวสะบัดหน้าหนีไปด้านข้าง ไม่ชอบสายตาเชื่อมหวานเล็กน้อยแบบนั้นของเขตครามเลย มันทำให้เธอสับสน ว่าจริงๆแล้ว เขาอยากผลักไสเธอออกไปจากชีวิต หรืออยากดึงเธอกลับเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขากันแน่ “เธอจะเอาแบบนี้จริงๆเหรอใบข้าว?” คราวนี้เขตครามไม่ได้ขยับเข้าไปใกล้เธอเพียงแค่ร่างกาย เขาโน้มใบหน้าลงไปจนหน้าผากเกือบจะชนเข้ากับหน้าผากของเธอ คำพูดชวนขนลุก และรับรู้ได้ถึงความวามไหวในน้ำเสียง ส่งผลให้ใบข้าวยืนตัวแข็งทื่อไม่ต่อต้าน ความคิดต่างๆในหัวถูกการคุกคามทำให้มันอื้ออึง ให้ตาย! เสน่ห์ของเขตครามนี่ มันช่างอันตรายซะจริง “มะ หมายถึงเรื่องอะไร?” ใบข้าวลดเสียงพูดลง ตอนนี้เธอแทบจะลืมวิธีการหายใจไปแล้ว เพราะหน้าผากของเขา ที่กดแนบเข้าหาหน้าผากของเธอ “เรื่องของเรา เธออยากให้มันเปลี่ยนไปจริงๆเหรอ?” น้ำเสียงทุ้มหวานมาพร้อมกับแววตาสื่อความรู้สึก มันต่างจากเด็กหนุ่มที่ชื่อเขตครามโดยสิ้นเชิง และใบข้าวก็รู้ได้ในทันทีว่า เขานี่แหละคือสามีของเธอ สามีใจร้ายจอมบงการที่เธอยอมแพ้ให้ในท้ายที่สุด ทำไมเธอถึงจำไม่ได้ ทำไมความทรงจำที่มีมันไม่สมบูรณ์ มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอในอนาคตกัน “ฉัน … ” “เห้ยคราม! นั่นแกกำลังทำอะไรยัยหนูเน่าวะ?” ในขณะที่ใบข้าวกำลังเฟ้นหาคำตอบและความรู้สึกของตัวเองมาตอบคำถามของเขา เธอกับเขาก็ถูกรบกวนโดยเสียงร้องโหวกเหวกของภัทร เขตครามมองคนตัวเล็กอย่างเสียดาย ก่อนจะตัดสินใจผละออกห่างจากเธอ จ้องหน้าเพื่อนสนิทที่กำลังเดินเข้ามาใกล้นิ่งๆ แววตาแบบนั้นภัทรรู้ได้ทันทีว่ามันมีความหมายว่ายังไง แต่ใครจะสนกัน เรื่องแบบนี้ใครเริ่มเร็วกว่าคือผู้ชนะ “ว้าว! ยัยหนูเน่าตัดผมแล้วแฮะ” ในความล้อเลียนนั้น ซ่อนความพึงพอใจไว้ไม่มิด เขตครามที่สนิทสนมกับภัทรมานานหลายสิบปี เก็บซ่อนความรู้สึกไม่สบายใจไว้ ปรายตามองไปทางใบข้าวเล็กน้อย ด้วยความอยากรู้ว่าเธอจะหวั่นไหวกับภัทรหรือเปล่า “หลีกไป ฉันจะกลับหอ!” เมื่อไม่ได้มีแค่เธอกับเขา ใบข้าวก็ไม่คิดจะอยู่ตรงนี้ต่อ เมื่อกี้มีแค่เขตครามที่ขวางทางกลับหอของเธอ ตอนนี้มีทั้งภัทร ทั้งยัยพราวฟ้า และเพื่อนชายหญิงของเขาเกือบทั้งก๊วน แน่นอนว่าคนพวกนี้ ไม่มีวันหลีกทางให้เธอง่ายๆ “คิดว่าที่นี่เป็นที่ไหน มหาวิทยาลัยที่คุ้มกะลาหัวเธออยู่หรือไง เอาของนั่นคืนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้เลย” เพราะเขตครามไม่ยอมเข้าข้างเธอ พราวฟ้าจึงใช้โอกาสนี้ทวงของๆตัวเองกลับคืนมา ใบหน้าของดาวมหาวิทยาลัยตึงขึ้นอีกหนึ่งระดับ เมื่อใบข้าวเมินคำพูดของเธอ ทำเหมือนไม่ได้ยิน ไม่สิ ยัยหนูท่อทำท่าทางเหมือนเธอไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ “นี่! ยัยข้าว แกคิดว่าตัวเองเป็นใครห่ะ!” พราวฟ้าก้าวเดินไม่กี่ครั้งก็ถึงตัวของใบข้าว ยกมือกำไหล่ยัยคนอวดดีไว้ทั้งสองข้าง จิกเล็บลงไปด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่ก็ไม่เห็นสีหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดบนใบหน้ายิ่งยโสนั่นเลย ถ้าเธอไม่มีอำนาจเงินหนุนหลัง ยัยใบข้าวนี่แหละ ที่จะได้ตำแหน่งดาวมหาวิทยาลัยไปครอง ยัยนี่เกิดมาเพื่อเป็นคู่แข่งกับเธอ ทั้งเรื่องหน้าตา ตำแหน่งต่างๆในมหาวิทยาลัย รวมไปถึงเรื่องของความรัก เธอรู้สึกได้ว่า เขตครามกำลังเทความสนใจไปให้ยัยใบข้าว “เอามา! ฉันบอกให้เอามาไง!” พราวฟ้าออกแรงเขย่าจนร่างกายของใบข้าวสั่นไหวรุนแรง เส้นผมสีดำเงาพลิ้วไหวตามแรงเขย่า ปิดซ่อนสีหน้าไม่พอใจของคนถูกกระทำไว้ ใบข้าวพยายามควบคุมสติ กับคนพวกนี้ เธอใช้กำลังต่อกรด้วยไม่ได้ “พอเถอะน่าพราว เราจะไปต่อไม่ใช่หรือไง ไปกันเถอะ” เขตครามสามารถหยุดยั้งเหตุการณ์ต่างๆได้ เพียงแค่เขาเอ่ยปากขึ้นเท่านั้น ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน พราวฟ้าถอยห่างออกมาจากใบข้าวทันที มีเพียงใบข้าวเท่านั้นที่รู้สึกว่ามันช้า เขาควรพูดให้เร็วกว่านี้ ไม่ใช่ปล่อยให้ยัยพราวนั่น เขย่าร่างเธอจนหัวสั่นหัวคลอน “ไหนครามบอกว่ามีธุระไปไม่ได้แล้ว?” พราวฟ้าเกาะแขนแกร่งข้างซ้าย ซบใบหน้าได้รูปลงไปบนเสื้อช็อปสีกรม เมื่อไม่ได้รับคำตอบกลับมา ก็เชิ่ดใบหน้าขึ้นมองความสมบูรณ์แบบบนใบหน้าของเขตคราม ดวงตาสีดำขวับซ่อนความหลงใหลไว้ไม่ได้ เธอรักเขามานานแล้ว เขาต้องเป็นของเธอ เธอไม่มีวันให้คนอื่นมาแย่งเขาไป โดยเฉพาะผู้หญิงไร้ค่าอย่างใบข้าว “เปลี่ยนใจแล้ว ไปกันเถอะ” เขตครามก้าวนำออกไป ไม่ได้สลัดเรียวแขนเกะกะนั่นออก เมื่อผู้นำของกลุ่มเดินไปแล้ว ภัทรที่ยังอยากจะหาเรื่องใบข้าวอยู่ เกิดความลังเลที่จะก้าวตามไป แต่เพียงไม่นานเขาก็สลัดความรู้สึกอยากกลั่นแกล้งเหล่านั้นทิ้ง วิ่งตามกลุ่มเพื่อนไปเป็นคนสุดท้าย “ไม่เข้าใจเลย” ใบข้าวบ่นพึมพำอยู่คนเดียว เธอไม่เข้าใจเขตครามเลย แต่ที่ไม่เข้าใจมากที่สุด คือเธอที่รู้สึกแย่กับการกระทำของเขา ทำไมเธอต้องหวงเวลาที่เขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่น ทำไมต้องรู้สึกน้อยใจเวลาที่เขาไม่แคร์ ที่บอกจะแก้เส้นทางสู่อนาคตใหม่ มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายวันสุดท้ายของทริปฮันนีมูน มินตราทอดสายตามองไปยังร่างของสามี ที่กำลังเดินย้ำพื้นทรายเข้ามาใกล้บริเวณบ้านพัก เธอเก็บงำความลับไปมาตลอด จนกระทั่งถึงวันสุดท้ายของทริปฮันนีมูน ถึงเวลาที่ต้องบอกให้เขารู้สักที ว่ากลับไปจากตรงนี้ ชีวิตของเขากับเธอมันจะไม่เหมือนเดิม “ยิ้มอะไรหืม? พี่หล่อละสิ” หมอหนุ่มเอ่ยถามภรรยาที่นั่งยิ้มอยู่บนเก้าอี้ “ก็หล่อค่ะ แต่ที่มินยิ้ม ไม่ใช่เพราะเหตุผลนั้น” มินตราตอบยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมอีก “แล้วยิ้มเพราะอะไร ดีใจที่จะได้กลับบ้าน” หมอหนุ่มคาดเดาอาการ จากนั้นก็เข้าไปสวมกอดภรรยาไว้ รู้สึกได้ว่าเธอมีน้ำมีนวลขึ้น สงสัยจะเป็นเพราะว่า เขาให้เธอกินเยอะไปหน่อย ก็นะ เอาเปรียบเธอซะขนาดนั้น ก็ต้องบำรุงหน่อยสิ “พี่คริสจะย้ายบ้านไหมคะ?” มินตรายังคงพูดอ้อมค้อม เพราะอยากทำให้สามีประทับใจ เธอรู้ว่าเขาชอบเด็ก แต่ยังไม่มั่นใจว่าเขาพร้อมจะเลี้ยงเด็กหรือยัง “เราอยากย้ายหรือเปล่า พี่มีบ้านนะแต่มันอยู่ไกล” หมอหนุ่มนึกตาม บ้านเขามีพร้อมและมีหลายหลัง แต่คอนโดมันสะดวกกว่า ใกล้ที่ทำงานด้วย “ไกลมากไหมคะ?”มินตราเริ่มกังวลเพราะถ้าไกลมาก มันอาจจะกระทบกับงานของเธอด้วย “ไม่นะ ท
สองชั่วโมงต่อมา เพราะไม่ใช่คนในพื้นที่หมอหนุ่มจึงกลับไปชวนภรรยาออกมาทานข้าวข้างนอก ทานเสร็จก็เดินเล่นกันอยู่สักพัก เมื่อความรู้สึกบางอย่างพวยพุ่งขึ้นมา คนหื่นห่ามก็รีบชวนภรรยากลับไปที่บ้านพัก ตั้งใจว่ามาฮันนีมูนครั้งนี้ต้องได้เบบี้กลับไปด้วย ปึ่ง! เพียงแค่ประตูบ้านพักปิดสนิทลง บทรักหอมหวานก็เริ่มขึ้นทันที เสื้อผ้าที่ร่างบางสวมใส่ ถูกมือหนาถอดออกอย่างเร่งรีบ ริมฝีปากกดลงจนแนบชิด ลากไล้ลิ้นจนริมฝีปากสีสดแยกออกจากกัน กวาดต้อนลิ้นเล็กหวังให้เธอตอบสนองด้วยจังหวะที่เร่าร้อนขึ้นกว่านั้ร“อืม พี่คริส จะทำตรงนี้เลยเหรอคะ?”ดวงตาคู่หวานเต็มไปด้วยแรงสิเน่หา มองใบหน้าสามีด้วยแววหยาดเยิ้ม จนคนตัวโตทนไม่ไหว ละมือออกไปปลดตะขอกางเกงลง ปลดปล่อยตัวตนแข็งขืนออกมาเผชิญกับโลกภายนอก ชักรูดขึ้นลงช้าๆ ในขณะที่ริมฝีปากดูดดึงกับปากจิ้มลิ้มไม่ห่าง “อื้อ อ๊ะ อีกนิดสิคะ มินยังไม่พร้อมเลย”ผลักอกสามีออกห่างเพื่อบอกว่าตัวเองยังไม่พร้อมที่จะมีอะไรกันตอนนี้ สามีที่ได้ยินอย่างนั้นรีบทรุดตัวลงนั่งคลุกเข่า มองจุดซ่อนเร้นแสนสวยพลางกลืนน้ำลายลงคอ เขาติดใจตรงนี้มาก ชอบเหลือเกินที่ลิ้นและมือของตัวเอง สามารถท
วันต่อมา 10:00 น. มินตรากับสามีเดินทางมาถึงชลบุรีตั้งแต่เช้า เพราะสามีเป็นบุคคลกรสำคัญทางการแพทย์ จึงไปไหนไกลกว่านี้ไม่ได้ ทั้งที่ลาหยุดกว่าห้าวันเพื่อพาภรรยาไปเที่ยวเก็บเกี่ยวน้ำผึ้งพระจันทร์แสนหวานหลังแต่งงาน แต่เพราะศัลยแพทย์เฉพาะทางมีน้อย เลยมาได้ไกลสุดแค่นี้ “ขอโทษนะครับที่พี่พามาได้ไกลสุดแค่นี้” “ไม่เป็นไรค่ะ เอาไว้เรามีเวลามากกว่านี้ เราค่อยไปที่ๆไกลกว่านี้ก็ได้” พูดจบก็เตะทรายแรงๆเป็นการระบายความโกรธ หมอหนุ่มมองภรรยาก่อนจะอมยิ้ม รู้แหละว่าเมียไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรที่แสดงออกว่าไม่พอใจออกมา คงกลัวว่าเขาจะคิดมาก มุมนี้ของเธอเขาก็ชอบสุดๆเลย “ตอนนั้นพี่คิดว่าจะเลิกเป็นหมอแล้วนะ” นั่นคือสิ่งที่เขาเคยคิดแต่ไม่กล้าทำ วันนั้นเขาบอกมันกับพ่อ อยากไปทำหน้าที่อาจารย์มากกว่า ผลสรุปคือเขาทะเลาะกับพ่ออย่างหนัก แต่วันนี้ที่เลือกบอกกับภรรยาว่าตัวเองไม่อินกับอาชีพหมอแล้ว นั่นก็เพราะอยากจะเลิกทำอาชีพนี้จริงๆ “ไม่เป็นหมอแล้วจะหาเลี้ยงหนูกับลูกยังไงล่ะ” คนตัวเล็กโดดขึ้นกอดรอบลำคอของสามี ดึงใบหน้าหล่อเหลาลงมาใกล้ อะไรทำให้เขาตัดสินใจแบบนี้ คิดว่าบอกเธอแล้
สองเดือนต่อมา วันแต่งงานของมินตรากับหมอคริส พิธีแต่งงานในช่วงเช้าจัดขึ้นที่บ้านของเจ้าสาว หลังจากแห่ขบวนขันหมากเสร็จ แขกเหรื่อก็มานั่งในห้องรับรองกันพร้อมหน้า โดยมีเพียงแค่ญาติของทั้งสองฝ่าย เพื่อนสนิท และนักข่าวที่ขอมาทำข่าวเพียงไม่กี่คน เป็นงานแต่งเรียบง่ายตามความต้องการของเจ้าสาว พิธีตักบาตรเช้าและแห่ขันหมากเสร็จลง ตอนนี้จึงเหลือเพียงพิธีสู่ขอและพิธีสวมแหวนแต่งงาน จากนั้นก็จะมีพิธีรับไหว้ผู้ใหญ่ พิธีรดน้ำสังข์ และจบด้วยพิธีส่งตัวบ่าวสาวเข้าเรือนหอ เป็นพิธีแต่งงานตามขนบธรรมเนียม ที่ถูกรวบรัดให้กระชับขึ้นกว่าสมัยก่อน เจ้าสาวของงานสวมชุดไทยสีขาวปักดิ้นสีทองทั้งชุด ฝีมือสุดประณีตโดยช่างตัดเย็บชื่อดัง แม้จะมีเวลาเพียงแค่ไม่นาน แต่ชุดที่ได้จากห้องเสื้อก็สวยงามมาก จนได้รับความสนใจจากคนที่กำลังจะมีแพลนจัดงานวิวาห์พิธีสู่ขอดำเนินไปจนถึงพิธีสวมแหวน มินตรายื่นมือข้างซ้ายไปให้คนตัวโตจับ แหวนเพชรขนาดหลายกะรัตมีเพชรเล็กๆล้อมรอบตัวเรือน ถูกสวมเข้าไปในนิ้วนางข้างซ้ายของเจ้าสาว หลังจากสวมเสร็จเธอก็ยกมือไหว้ขอบคุณเจ้าบ่าว ด้วยกิริยานอบน้อม จากนั้นก็หยิบแหวนมาสวมให้เจ้าบ่าวบ้าง ซึ
“จะบ้าเหรอค่ะ เตรียมงานไม่ทันหรอก”“งั้นเธอก็ยอมพี่หน่อยสิ นะๆ เดี๋ยวจะรีบๆเสร็จให้” “ทำไมวนกลับมาเรื่องนี้อีกแล้ว” “ก็กลิ่นเรามันหอมน่ากิน” กลิ่นตัวของเธอหอมจริงๆ ทั้งกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆที่เธอเลือกใช้ กลิ่นแชมพูจากเส้นผม กลิ่นสบู่ รวมทั้งกลิ่นกายเนื้อของเธอที่มันผสมกับครีมบำรุงผิว กลิ่นอ่อนๆพวกนั้น มันหอมติดจมูกทุกครั้งที่เอาตัวเข้าไปคลอเคลีย “ละ เลิกดมได้แล้วค่ะ ไม่ใช่หมาสักหน่อย แล้วมืออะ จะไต่ลงไปถึงไหนเนี่ย” มินตรารีบหยุดมือที่ไต่หายเข้าไปในกางเกงของตัวเองไว้เขามือไวมาก เผลอแป๊บเดียวเกือบจะสอดเข้าไปในกลีบเนื้อของเธอ อยากจะตีมือให้หัก ถ้าไม่ติดว่ามือนี้ใช้ช่วยชีวิตคนนะ เธอจะตีมันให้หักจริงๆ “นิดเดียวนะ” “ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวไม่ทัน” มินตราห่วงงานของเขา เวลาครึ่งชั่วโมงน้อยลงเรื่อยๆ ตอนนี้เหลือเวลาเพียงไม่กี่นาทีเอง ถ้าเขาได้ใส่มันเข้ามา บอกได้เลยว่าเวลาแค่นี้มันไม่พอ “เรานี่นะ ฝากไว้ก่อนเถอะ!” หมอคริสพูดจบก็ฝากฝังรอยฟันไว้ที่ลาดไหล่ขาวเนียน ไม่ได้ออกแรงมากนัก แต่ตั้งใจให้มันมีร่องรอยฟันชัดเจน กดคนที่พยายามดิ้นหนีคมเขี้ยวไว้แน่น เพื่อให้เธอซึมซับความรู้สึกเ
สามเดือนต่อมา มินตราใช้ชีวิตในฐานะคนรักของศัลยแพทย์ชื่อดังมาร่วมหนึ่งเดือนแล้ว สถานะคนรักที่ถูกเปลี่ยนถ่ายมายังเธอตอนคาบเกี่ยว ไม่ได้ส่งผลเสียอย่างที่เคยคิดไว้ มันส่งผลในทางตรงข้ามกัน ทั้งยังช่วยหนุนบริษัทก่อสร้างที่กำลังซบเซาของครอบครัวเธอให้รุ่งเรืองขึ้น “วันนี้น้องมินไม่ไปหาคุณหมอเหรอคะ”มะนาวถามเจ้านายที่กำลังจะขึ้นนั่งตำแหน่งผู้บริหารแทนพ่อ ด้วยการทำผลกำไรมากกว่าที่เคยทำมาให้แก่บริษัท คนถูกถามยุ่งมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเสียสละเวลาเงยหน้าขึ้นมาตอบคำถามของเลขาคู่ใจ “คุณหมอมีเคสผ่าตัดค่ะ เห็นว่ามีเคสยาวถึงวันพรุ่งนี้เลย”“อื้อหือ ขยันจนไม่อยากเชื่อว่านั่นคือเพื่อนของตัวเอง”“ฮ่าๆ นั่นนะสิคะ มินเองก็คิดแบบนั้น”“ถ้าคิดถึงจะแอบไปหาก็ได้นะคะ เดี๋ยวพี่เคลียร์ที่เหลือเอง”“อ่า ถ้าอย่างนั้นเคลียร์ตรงนี้เสร็จมินไปนะคะ”ไม่ได้เจอกันครบหนึ่งสัปดาห์พอดี มินตราคิดว่าแว๊บเข้าไปให้กำลังใจคนทำงานหนักบ้าง เขาจะได้ไม่งอแงตอนที่ว่างกับร่างกายเธอ คนที่เชียร์คู่นี้มาตลอดยิ้มอ่อน ดีใจเหลือเกินที่ได้เห็นใบหน้าแบบนี้ของคนที่เธอรักเหมือนน้องสาว สี่ชั่วโมงต่อมา หลังจากตรวจอาการคนไข้ และส่







