LOGINคฤหาสน์เดชาพิพักษ์
หลังจากที่ขลุกสร้างความวุ่นวายให้เพื่อนรักทั้งวัน ฉันก็กลับเข้าบ้านตอนหกโมงกว่าพร้อมน้ำพริกแสนอร่อยที่มี๊ชอบ
“แล้วมี๊ละคะ…”
เมื่อเห็นว่ากลางชุดโซฟาสุดหรูในโถงใหญ่มีเพียงผู้เป็นพ่อนั่งทำหน้าเครียดอยู่กับไอแพดในมือ จึงเอ่ยถาม จากนั้นก็พาตัวเองไปนั่งลงข้าง ๆ ฝั่งซ้ายพลางดึงท่อนแขนแข็งแรงของป๊ามาออดอ้อนออเซาะตามความเคยชิน
“น่าจะขึ้นไปอาบน้ำนะ” ป๊าวาดมือข้างเดียวกันขึ้นลูบหัวฉันอย่างอ่อนโยน
“ไอ้เฮียไปไหน”
หมายถึง เฮียตะวัน พี่ชายฝาแฝดของฉัน
นี่ก็อีกคน…ไม่รู้เป็นยังไง แค่เข้ามาแล้วไม่เห็นพาหนะคู่ใจของมันจอดอยู่ในโรงรถ ก็ต้องถามหาแล้ว ทั้งที่เจอหน้าก็แทบจะฆ่ากันตายตลอด
“ไปสนามเซิร์ฟ” ป๊าขยับปากตอบ ตายังคงจดจ่ออยู่กับกราฟและภาพรวมดัชนีราคาหุ้น “ลูกล่ะ เลิกเล่นแล้วเหรอ ป๊าเห็นเซิร์ฟสเก็ตถูกทิ้งไว้ในห้องเก็บของหลายปีแล้วนะ”
“อือ เบื่อแล้ว” ถึงคนพาเล่นจะกลับมาแล้วก็ไม่มีประโยชน์…
ฉันไม่หายโกรธง่าย ๆ แน่
“...?” คราวนี้ป๊าหันมาเลิกคิ้วมองกัน คล้ายกับอยากได้เหตุผลหรืออะไรสักอย่างที่ทำให้ฉันตัดใจทิ้งสิ่งที่ชอบไปง่าย ๆ
“สตรีมเกมสนุกกว่าเยอะเลย ไปดีกว่า” นี่เป็นวิธีการเลี่ยงตอบคำถามได้ดีที่สุด ฉันยกแขนป๊าไปพาดคืนไว้บนตักท่านเหมือนเดิม แล้วยื่นหน้าไปขโมยหอมแก้มผู้ชายของมี๊ฟอดหนึ่ง ก่อนลุกเดินเอื่อยเฉื่อยไปขึ้นบันได
“อ้าว กลับมาแล้วเหรอ ลูกกินข้าวมารึยัง” มี๊เปิดประตูออกมาในตอนที่ฉันก้าวถึงบันไดขั้นสุดท้ายพอดี ทำให้ฉันต้องเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน จากที่จะเข้าห้องตัวเองก็ปรี่ไปสวมกอดท่าน หอมแก้มซ้ายขวา และจบด้วยจุมพิตหนัก ๆ ตรงหน้าผาก
มี๊ตอนอาบน้ำใหม่ ๆ เนี่ยตัวห๊อม…หอม
“เรียบร้อยแล้วค่า จ้าวซื้อน้ำพริกที่มี๊อยากกินมาให้ด้วยนะ”
“ว้าว ลูกสาวใครเนี่ยมันน่ารักจริงๆ” มี๊กดหัวฉันแนบอก ก่อนจะปรับน้ำเสียงให้แข็งขึ้นในประโยคต่อมา “จะเอาอะไรว่ามา”
“มี๊ใครเนี่ย รู้เห็นทุกอย่างเหมือนมีตาทิพย์”
“อย่ามาลีลา”
“วันนี้ขอสตรีม[1]ยาว ๆ ได้มุ้ย” ฉันช้อนมองผู้ให้กำเนิดตาปริบ ๆ ไม่ต่างจากลูกแมวกำลังอ้อนวอนขอความเห็นใจ
“ยาวนี่ถึงกี่โมง”
“ก็ดึกหน่อย”
“ไม่เอายันเช้านะ”
“ไม่ถึงแน่นอน” ฉันรีบเอานิ้วชี้กับกลางไขว้กันไว้ได้หลัง ไม่ได้อยากโกหกนะ แต่กลัวมันติดลม และที่ต้องขออนุญาตก่อนก็เพราะว่ามี๊ชอบแอบใช้กุญแจผีไขเข้ามาสอดส่องอยู่เรื่อย
แม้เราสองพี่น้องจะโตแค่ไหนก็ยังดูเป็นเด็กในสายตามี๊เสมอ
ครืด! ครืด!
ระหว่างกำลังตีบอสอย่างดุเดือดกับเพื่อนร่วมทีม หน้าจอไอโฟนที่วางอยู่ใกล้ ๆ ก็สว่างวาบขึ้นมา ฉันเหลือบมองเล็กน้อย เห็นแล้วว่าเป็นแจ้งเตือนข้อความไลน์จากใครบางคน แต่ยังไม่สามารถละมือออกจากเมาส์และคีย์บอร์ดได้ในเวลานี้
“พี่ภีม มาช่วยกันหลังให้จ้าวหน่อย”
“แป๊บ ๆ”
พี่ภีมคือปรมาจารย์แห่งเกมแบล็คดีเซิร์ท[2] เป็นทั้งผู้สร้างกิลด์[3]และคอยพาน้อง ๆ ไปตามล่าบอส[4]ตัวเป้ง เควส[5]ไหนที่ว่ายากนะ พี่ภีมจัดการได้หมด
ฉันรู้จักพี่เขามาเกือบสามปีได้แล้ว ตั้งแต่เริ่มเข้าวงการสตรีมใหม่ ๆ ทั้งที่อยู่ในเชียงใหม่เหมือนกัน แต่ไม่เคยนัดเจอสักที ส่วนมากก็จะอยู่แต่ในเกมเนี่ยแหละ
“จ้าวว่ามันจะไม่ไหว ของแตก[6]หมดแล้ว”
“ไหวดิ อีกสองหลอดเอง”
“โห!!! ใช้คำว่าเอง”
“เอาน่า เชื่อพี่”
ฟู่วววว์…เกือบหลับแต่กลับมาได้
ฉันเป่าลมออกปากระบายความอึดอัดที่สะสมมาตลอดสามสิบนาทีกว่า หลังเควสอันโหดร้ายจบลงด้วยชัยชนะแบบฉิวเฉียด เรียกได้ว่าบอบช้ำเอาเรื่องเหมือนกัน หูฟังสีโปรดถูกปัดลงไปคล้องต้นคอ ก่อนจะเอือมหยิบไอโฟนมาดู
MM : พรุ่งนี้ไปซื้อของเป็นเพื่อนหน่อย (22:05)
MM : เดี๋ยวเลี้ยงชาบู (22:05)
MM : 1 มื้อ (22:06)
MM : 3 มื้อ (22:10)
MM : ทั้งอาทิตย์เลยอะ (22:12)
MM : ????? (22:20)
MM : เตี้ย!!!! (22:25)
MM : อ่านก็ช้า เสือกอ่านแล้วไม่ตอบอีก (22:29)
JJ : ไม่ ไป!!!! (22:29)
[1] สตรีมเกม คือ ถ่ายทอดสดเกมที่เล่นแบบเรียลไทม์
[2] แบล็คดีเซิร์ท (Black Desert) คือเกมต่อสู้ผจญภัยแนวเก็บเลเวล
[3] กิลด์ คือกลุ่มของผู้เล่นที่เล่นด้วยกันเป็นประจำโดยเฉพาะ
[4] ล่าบอส คือ ตามหาศัตรูที่ต้องเอาชนะเพื่อผ่านเควสนั้น ๆ
[5] เควส คือ กิจกรรมในเกม
[6] ของแตก ความหมายในเกม คือพวกไอเทม ชุดสวมใส่ ที่โดนบอสตีจนพลังลดเหลือน้อย
“เจ๊จ้าว…”เสียงเล็ก ๆ ดังตามมาจากด้านหลัง ทำให้ฉันกับไฟที่เพิ่งเดินพ้นประตูห้างสรรพสินค้าต้องหยุดชะงักและหันกลับไป พบว่าร่างที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเราไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น น้องริรัน เป็นลูกสาวคนสวยของอาแม็กซ์กับอาลลิน เพื่อนสนิทป๊า“สวัสดีค่ะ เฮียไฟ” น้องยกมือไหว้ทักทายไฟด้วยน้ำเสียงสดใส“ค่ะ”ฉันเหล่มองเจ้าของคำพูดเสนาะหูนิดหนึ่ง อดขนลุกกับน้ำเสียงละมุนละไมแบบนี้ไม่ได้ ถึงไฟจะดูเป็นผู้ชายสุภาพแต่ตอนอยู่ในกลุ่มเพื่อนก็ขวานผ่าซากเหมือนกัน และฉันก็เคยเจอแต่โหมดนั้น...ริรันระบายยิ้มหวาน ก่อนจะดึงสายตากลับมาที่ฉันอีกครั้ง “รันคิดไว้แล้วว่าต้องเจอเจ๊ที่นี่”“เห็นลงสตอรี่ว่ากดไม่ทัน ไม่ใช่ไง?” ฉันถาม“ซื้อต่อในกลุ่มมาค่ะ แพงมากเลย” ใบหน้าหวานราวกับเจ้าหญิงน้อยเหงาหงอยลง แต่แววตาก็ยังแฝงความตื่นเต้นอยู่“ธรรมดาแหละ ของหายาก”ยอมรับว่าเสียดายนิดหน่อยที่ลืมนึกถึงน้อง ไม่งั้นก็คงชวนมาแต่แรก จะได้ไม่ต้องรบกวนไฟดวงตากลมโตเคล
ปึก! อ๊ะ!ฉันผงะถอยในตอนที่เลี้ยวออกจากประตูห้องแล้วปะทะเข้ากับแผงอกของใครบางคนจนเกือบเสียหลัก โชคดีที่เขาตวัดแขนรวบเอวฉันไว้ได้ทันก่อนจะล้มไม่เป็นท่า และอะไรก็ตามที่โถมเข้าใกล้กันเกินพอดีด้วยความเร็วเกินไปมันมักส่งผลกระทบต่อประสาทสัมผัสเสมอ ทำให้ฉันต้องกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับโฟกัสพลันใบหน้าหล่อเหลาก็ชัดเจนมากขึ้น…“...หมอก” สติถูกดึงกลับมาพร้อมกับใจที่เต้นรัว ไม่แน่ชัดว่าเกิดจากความตกใจหรืออะไร ฉันแสร้งกระแอมไอในลำคอเล็กน้อยพลางผลักดันคนตัวโตออกห่าง สีหน้าถูกปรับเป็นหงุดหงิดโดยอัตโนมัติ “แล้วมายืนทำบ้าอะไรตรงนี้!”“มารอมึงไง”“รอทำไม”“ไปหาของหวานกินกัน”“ไม่ว่าง” ก็รู้อยู่แล้วนะว่าฉันมีนัดกับไฟ ยังจะมาชวนอีก ไม่เข้าใจเลยจริง ๆม่านหมอกยกข้อมือซ้ายขึ้นมาเช็กเวลา แล้วแย้งกลับอย่างคะยั้นคะยอ “นี่ยังไม่สี่โมงเลยนะ ไปแค่แป๊บเดียวเอง ไม่ถึงสองชั่วโมงหรอก”ทำไมเขาถึงชอบใช้สายตาแบบนั้น… แบบลูกหมาตัวน้อย ๆ กำลังขอขนมกิน ทั้งที่ตัว
ไฟพาฉันเข้ามากินข้าวเช้าในแคนทีนใต้ตึกบริหารที่โต๊ะประจำ ไม่รู้ผ่านไปกี่นาทีที่ฉันยังเอาแต่นั่งเท้าค้างเขี่ยหมูในจานข้าวราดผัดผักแสนอร่อยราวกับเด็กน้อยเบื่ออาหารอยู่แบบนั้น“ทำไมถึงชอบดูอะไรที่มันไม่เจริญตา”ฉันเหลือบตามองเจ้าของคำถามซึ่งนั่งเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ อยู่ฝั่งตรงข้ามแวบหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าไฟต้องการคำตอบจริงจังทางทฤษฎีหรือแค่หาเรื่องพูดไปเรื่อยเพื่อทำลายความเงียบเหงาบนโต๊ะอาหาร“ก็มันเห็นเองไหมล่ะ”เมื่อก่อนฉันก็บังเอิญเห็นพายุจูบกับสาวรุ่นพี่ในโรงเรียนมัธยมอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าขัดตา บางครั้งยังแอบจิ้น แอบฟินคล้ายกับกำลังดูหนังโรแมนติกอะไรทำนองนั้นทว่าครั้งนี้ฉันดันหัวลุกเป็นไฟ...และเหมือนจะลุกโชนกว่าเดิมเมื่อเห็นตัวต้นเรื่องเดินกอดคอพายุผ่านประตูบานเลื่อนเข้ามา ไม่นานทั้งคู่ก็มาหยุดยืนหัวตัวโต๊ะ“สวัสดีเช้าแสนสดใสค้าบเพื่อน ๆ”“สดใสพ่อง...” ฉันมองพายุด้วยสายตารำคาญ“อ้าว ไปแดกรังแตนที่ไหนมาฮะเอ๊ะ หรือว่าโดนเทก็เลยหงุ
วันนี้ฉันมาถึงมหา’ลัยก่อนเวลาเรียนเกือบชั่วโมง เพราะเมื่อคืนโดนสั่งงดเล่นเกม แถมมี๊ยังควบคุมให้เข้านอนแต่หัวค่ำก็เลยตื่นเช้ากว่าปกติ พร้อมกับความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าจากการพักผ่อนอย่างมีประสิทธิภาพในรอบหลายเดือนความจริงก็รู้หมดแหละว่าอะไรดี…ไม่ดี แต่มันอดไม่ได้ไง พอเริ่มแล้วก็ยากจะหยุด อารมณ์แบบยิ่งเล่น ยิ่งเดือด ยิ่งชนะ ยิ่งห้าว ยิ่งไม่สะดุด ก็ยิ่งไหลไปเรื่อย จากเที่ยงคืนก็ขยับเป็นตีหนึ่งตีสอง หนักสุดก็สว่างคาตา…งงเหมือนกัน ไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่จุดนี้ได้ไงครืด! ครืด! ครืด!แรงสั่นเป็นจังหวะในกระเป๋าสะพายไหล่ทำให้ฉันต้องยกข้อมือซ้ายขึ้นมาดู หน้าปัดแอปเปิ้ลวอชโชว์สายเรียกเข้าจาก แตมมี่ เพื่อนเลิฟ ฝีเท้าฉันชะลอลงเล็กน้อย ขณะล้วงหยิบไอโฟนออกมารับสาย“คิดถึงเค้าเหรอคะ…” [เปล่า กูจะบอกว่าวันนี้ไม่ว่างแล้ว] “อะ อ้าว…” ประโยคไร้สิ้นเยื่อใยแบบนั้นทำริมฝีปากที่คลี่ยิ้มบานแช่งในตอนแรก คว่ำเป็นกะละมังข้าวหมาเลยทีเดียวเชียว [กูมีงานค้างที่ต้องรีบเคลียร์อะ] “แต่มันเป็นรอบพรีวิวเลยนะ” ฉันเริ่มงอแง ช่วงไหล่ลู่ลงอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก ความสดใสสลายหายวับไปกับมวลอากาศ นึกถึงตอนนั่งหลังขดหลังแข็งแ
ครืด! ครืด!พอหงายหน้าจอขึ้นดูก็ต้องหลุดถอนหายใจเฮือกยาว ถามถึงปัญหา…ปัญหาก็มาเลย[เกิดเรื่องที่บ้านใหญ่แล้วค่ะ] น้ำเสียงของ ป้าแมว ผู้ดูแลความเรียบร้อยในบ้านซึ่งผมเคยอาศัย ยังคงตื่นตระหนกทุกครั้งที่ต้องพูดประโยคนี้ ผิดกับผมที่แม้แต่สีหน้าก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแรก ๆ อาจมีบางที่ตื่นเต้นจนจับจังหวะหัวใจไม่ได้ แต่พอมันบ่อยเข้า บ่อยเข้า สมองผมก็ทำการบันทึกไปเรียบร้อยแล้วว่ามันคือเหตุการณ์ปกติ“ครับ…” ผมตอบรับเรียบเฉย ก่อนจะกดวางสายแล้วผุดลุกจากโซฟา “เดี๋ยวกูมา”บอกเพื่อนไปแบบนั้นแล้วก็รีบพาตัวเองออกมาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์คันโปรดที่จอดอยู่ด้านหน้าและขับออกไปด้วยความเร็วสุดปลอกต่อให้คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติแค่ไหน ใจผมก็กระวนกระวายอยู่ดี…ความจริงผมก็เริ่มอยู่กับปัญหาพวกนี้ได้แล้วแหละ เวลามันทำให้ผมค่อย ๆ ดีขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าลืมได้ สี่ปีก่อนตอนที่แม่จับได้ว่าเตี่ยแอบซุกเมียอีกคนไว้นานนับสิบปี นั่นเป็นการทะเลาะกันรุนแรงที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา สุดท้ายมันก็จบลงด้วยการแยกย้าย แม่พาผมไปอยู
หลายอาทิตย์ต่อมา…“พวกมึงจะเอาด้วยไหม” เฮียตะวันถาม“ก็ได้หมดนะ” ลมก็ตอบง่าย ๆ ตามสไตล์“กูว่าเจ๋งดี” ไฟก็ว่าแค่นั้น ก่อนมาสะดุดที่ไอ้ตัวปัญหาอย่างพายุเนี่ยแหละ“แต่จะไม่เจ๊งก่อนใช่ไหม”“ปากเสียฉิบหาย”ส่วนฉันยังคงนั่งกอดอกจ้องหน้าสมาชิกคนเดียวที่ไม่ออกความคิดเห็น เพราะยังไม่มีข้อสรุปจริง ๆ จัง ๆ ก็เลยวนเวียนอยู่แต่กับเรื่องที่พายุบอกจนจับใจความสำคัญของนัดรวมตัวกันวันนี้ได้ไม่ดีนัก รู้แค่ตอนนี้เรากำลังนั่งสุมหัวกันอยู่ในทาวน์โฮมปูนเปื่อยสี่ชั้นสไตล์โมเดิร์นลอฟท์ขนาดกว่าห้าร้อยตารางเมตร ซึ่งกำลังจะถูกประยุกต์ให้เป็นศูนย์รวมความบันเทิงระดับพรีเมียมใจกลางเมือง ภายใต้ชื่อ เอสเอเอ็มคลับ ที่มาจาก Sun And Moonตะวัน กับ จันทร์เจ้าแต่สาเหตุมันไม่ได้มาจากจันทร์เจ้าเลยสักนิด ไหงต้องมารับผิดชอบร่วมด้วยก็ไม่รู้เรื่องมันเกิดมาจากไอ้พวกบรรลัยทีมเนี่ยแหละ ไปกินเหล้ากันได้ทุกวี่ทุกวัน พอเมาก็ห้าวตีนไล่ตีรันฟันแทงเขาไปทั่ว ทำอดีตหัวหน้ามาเฟียใหญ่อย่าง







![NightZ [IV] UNFAITHFUL](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)