Chapter 4
ลฎาภายกมือบีบกำแน่น ลูบใบหน้าแล้วเดินไปเดินมาในห้องน้ำสี่เหลี่ยมเพราะยังออกไปไหนไม่ได้ เป็นเวลาหลายนาทีจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเวลาและข้อความที่เข้ามา แต่ก็ยังมีคนเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ทำให้ยังไม่สามารถเปิดประตูออกไป สิบนาทีผ่านไปหลังจากที่นั่งอยู่บนฝาชักโครก เธอหันไปวางโทรศัพท์บนชักโครกรวมถึงเอกสาร แล้วลุกขึ้นแนบหูกับประตู เพื่อฟังเสียงฝีเท้าอีกครั้งหนึ่ง จนกระทั่งมีเสียงก๊อกเปิดล้างมือแล้วจึงก้มมองเงาที่ผ่านออกไป ...รอจนกระทั่งทุกอย่างในห้องน้ำไม่มีเสียง ลฎาภาหยิบกระเป๋าแล้วค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออกส่งสายตามองผ่านช่อง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่เธอจึงเปิดประตูออก ทว่า... “เฮ้ย...!!” เสียงอุทานดังขึ้นทำให้ลฎาภาตกใจและรีบก้มหน้าลงทันทีก่อนจะรีบหันตัวและวิ่งออกจากห้องน้ำไป แต่ก็ไม่ระวังเพราะมัวแต่ตกใจและอายจึงชนกับคนที่กำลังเดินเข้ามาในห้องน้ำ “ผม...เข้าห้องผิด ?” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจพลางเดินถอยหลังดูสัญลักษณ์ข้างหน้าอีกครั้ง ทว่าคนชนทำอะไรไม่ถูกเพราะรู้สึกอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี “มะ...ไม่ค่ะ ขอโทษค่ะ” หญิงสาวพูดไม่เต็มเสียงพลางก้มหน้าก้มตาเดินออกจากห้องน้ำไปโดยที่ไม่แม้แต่มองหน้าชายหนุ่มที่เดินชน เขาส่งสายตามองเธอพลางยิ้มขำออกมากับท่าทางของหญิงสาวตรงหน้าก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป... ลฎาภายกมือขึ้นเขกขมับตัวเองด้วยความอาย ตั้งแต่เดินออกจากห้องน้ำชายมาจนกระทั่งถึงป้ายรถเมล์ เป็นครั้งที่เท่าไหร่กันแล้วเวลาตื่นเต้นมักเดินเข้าห้องน้ำผิด เธอล้วงมือหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าเป็นเวลานาน ใบหน้าเริ่มซีดเพราะเพิ่งนึกออกว่าลืมวางไว้พร้อมกับเอกสารในห้องน้ำชาย สวรรค์ ! นี่เธอต้องเดินกลับไปเอาใช่หรือไม่ ?! หญิงสาวกัดริมฝีปากขมวดคิ้วด้วยใบหน้าคิดหนัก เดินวนไปมาเป็นวงกลมจนกระทั่งตัดสินใจได้ว่าจะต้องเดินกลับไปเอา เธอยกมือขึ้นตบแก้มทั้งสองข้างเพื่อเรียกสติกลับคืนมา หันไปทางบริษัทที่เพิ่งเดินออกมา ลฎาภายืนอยู่หน้าตึกสูงพลางสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วก้าวเข้าไป จนกระทั่งหยุดอยู่ที่บริเวณใกล้หน้าห้องน้ำชาย ดวงตากลมโตมองไปยังทางเข้าแล้วก็ยกมือขึ้นเขกศีรษะอีกครั้ง ให้เดินเข้าไปอีกก็คงไม่กล้า เธอยืนรออยู่นานราวเกือบยี่สิบนาทีเมื่อเห็นว่าไม่มีใครเข้าออกห้องน้ำชายแล้วจึงรีบเดินเร็วเข้าไปทันที ไม่มี ! หญิงสาวเดินเข้าออกห้องน้ำทุกห้องแต่กลับไม่พบโทรศัพท์มือถือและเอกสารที่ลืมวางไว้บนที่กดชัดโครก “จะทำยังไงล่ะเนี่ย !” เธอยกมือขึ้นขยี้เส้นผมด้วยความหงุดหงิดเมื่อรู้ว่าของที่ลืมวางไว้ได้หายไปแล้ว ขณะที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความวุ่นวาย เสียงพูดคุยและคนก็ได้เดินเข้ามาในห้องน้ำ ลฎาภาตกใจจึงรีบก้มหน้าขอโทษและวิ่งออกมาโดยทันที นอกจากอายยังซวยซ้ำซวยซ้อนไม่สิ้นสุด ไม่คิดว่าจะตื่นเต้นเข้าห้อง— น้ำผิดและลืมเอาของออกมาอีก ลฎาภายืนพิงกับเสาต้นใหญ่ที่ห่างไม่ไกลจากห้องน้ำชายมากนักพลางถอนหายใจขยับตัวเพื่อหันมองไปยังฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง “แล้วของของฉันล่ะ ใครจะเป็นคนเก็บไป” แน่นอนว่ายังไม่ละความพยายามที่จะตามหาของคืนมา หญิงสาวเดินไปยังประชาสัมพันธ์เพื่อถามแต่ก็ไม่พบอะไร หนำซ้ำยังหน้าแตกและอายกลับมาอีก จนสุดท้ายแล้วก็ลองโทรเข้าที่เบอร์ของเธอดูแต่ไม่มีใครรับสายเป็นหลายครั้งจนต้องตัดใจและนั่งรถกลับบ้านอย่างผิดหวังสุด ๆ ในชีวิต งานก็ยังไม่มีโทรศัพท์ดันมาหายอีก ! สวรรค์ทำร้ายเธอจริง ๆ ทันทีที่ถึงเวลาเลิกงานปุ๊บ ถลัชนันท์เก็บของบนโต๊ะและหยิบกระเป๋าเดินออกไป เพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่ก็มองด้วยความแปลกใจแต่ก็ไม่กล้าถามอะไร หญิงสาวใช้เวลาขับรถไม่นานก็มายังร้านที่นัดหมายกับแฟนหนุ่ม วันนี้เป็นวันที่เธอต้องกล้าพูดและทำใจยอมรับจบความสัมพันธ์กับเขาสักที ถลัชนันท์เดินมานั่งรอมุมหนึ่งของร้านที่คนน้อยที่สุด ก่อนสั่งเครื่องดื่มไปพลาง ๆ รอชายหนุ่มมา ตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมาเขาทำให้เธอมีความสุขมาก แต่จะให้ยอมรับและให้อภัยนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทั้งที่คบกับเธอแต่มีผู้หญิงอื่นควงไปไหนมาไหนด้วย ทำราวกับว่าเธอเป็นคนโง่ที่ไม่รู้เรื่องอะไร ผ่านไปแล้วเกือบครึ่งชั่วโมงจวนพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า ถลัชนันท์ก็ยังคงนั่งรอแฟนหนุ่มอยู่ที่เดิม กาแฟที่สั่งมาก็จิบไปพลาง ๆ จนหมดแต่ไม่เห็นวี่แววเขาเลยสักนิด เขาจะอ่านข้อความที่เธอส่งให้เมื่อเช้าแล้วหรือยัง ? หญิงสาวถอนหายใจออกมาจนนับไม่ถ้วน ครั้นมองออกไปนอกร้านฝั่งตรงข้ามสายตาก็สะดุดเข้ากับใครบางคน แววตาเธอสั่นระริกกับสิ่งที่เห็น มือเรียวที่เคยผ่อนคลายอยู่นั้นกำแน่น ดวงตาแผ่วร้อนและน้ำตาเริ่มปริ่มออกมา ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านอาหารฝรั่งขึ้นชื่อ อีกทั้งยังมีราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับร้านอาหารทั่วๆ ไป ถลัชนันท์หัวเราะให้กับตัวเองอย่างสมเพช ไม่คิดเลยว่าต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง เขามาดินเนอร์กับผู้หญิงคนอื่นโดยที่ปล่อยให้เธอนั่งรออย่างนั้นเหรอ ? กำลังตอกย้ำกันใช่หรือไม่ ! หญิงสาวลุกขึ้นเดินออกจากร้านไปทันที เธอยังคงจอดรถไว้ที่ร้านกาแฟและเดินข้ามถนนมายังอีกฝั่ง สายตามองส่องเข้าไปในร้าน เห็นแฟนหนุ่มกำลังยิ้มหวานให้กับหญิงสาวอีกคนอยู่ เขาไม่รู้สึกละอายบ้างเลยหรือไงกัน ?! ถลัชนันท์สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะผลักประตูร้านเดินเข้าไปข้างใน โดยไม่ได้สนใจพนักงานที่เข้ามากล่าวทักทาย แต่สาวเท้าเดินตรงไปยังโต๊ะของแฟนหนุ่มทันที “มีความสุขจริงนะคะ พี่อาร์ต” หญิงสาวกัดฟันพูด ส่งสายตามองแฟนหนุ่มและหญิงสาวที่นั่งอยู่ อรรถนนท์เบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนจะลุกขึ้นมาหา พูดแก้ต่างตัวเองทันที “เอ่อ นี่เพื่อนที่ทำงานน่ะ” ถลัชนันท์หัวเราะสมเพช ถ้าวันนั้นไม่เจอว่ากำลังมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน วันนี้ก็คงจะเชื่อหมดใจอย่างที่พูดออกมา “เพื่อนพี่ที่ทำงานเหรอคะ ?” เธอกัดฟันพูดส่งสายตาจิกมองไปยังหญิงสาวในชุดเดรสสีชมพูที่นั่งอยู่ด้วยความเหลืออด “ชะ...ใช่” อรรถนนท์ตอบไม่เต็มเสียง เขาได้แต่ภาวนาให้แฟนสาวเชื่อว่าสิ่งที่พูดเป็นจริง “แล้วรู้ไหมคะ ? ว่าวันนี้รักนัดพี่อาร์ตตอนเย็น...” เธอพูดเสียงสั่น “เอ่อ...พี่ติดงานเลยไม่ได้เปิดข้อความ ไว้วันหลังพี่จะชดเชยให้นะ” ชดเชยอย่างนั้นเหรอ...ช่างน่าขันเสียจริง ถลัชนันท์ยิ้มหวานให้ ก่อนจะมองด้วยสายตาดูแคลน “ไม่ต้องหรอกค่ะ ความจริงแล้วที่นัดก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากมาย...” เธอยังคงควบคุมอารมณ์มองสีหน้าของเขาที่เริ่มมีเหงื่อผุดออกมาเล็กน้อย “แค่จะบอกพี่อาร์ตว่า...” ถลัชนันท์ยังคงยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม เอื้อมมือหยิบแก้วน้ำขึ้นมาแล้วสาดไปที่หน้าเขาก่อนวางคืนดังเดิม “ว้าย !” หญิงสาวที่นั่งอยู่ลุกขึ้นมาทันที หล่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองเดินมาเช็ดใบหน้าชายหนุ่ม “ทำไมทำกับพี่แบบนี้” อรรถนนท์พยายามควบคุมสีหน้าและอารมณ์เพราะคนในร้านก็ต่างมองกันเป็นสายตาเดียว “พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ” ไม่ทำอะไรผิด... หญิงสาวหัวเราะออกมายกมือขึ้นกอดอก ก่อนจะฉีกยิ้มส่งให้เขา “ถ้าอย่างนั้น ทีหลังพี่ควรจะบอกเลิกรัก ก่อนที่จะ...” ถลัชนันท์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดต่อไปว่า “ไปมีคนใหม่” “เดี๋ยวรัก นี่กำลังเข้าใจผิดแล้วนะ” อรรถนนท์พูดขึ้นทว่าหญิงสาวข้างตัวนั้นรั้งเขาไว้ไม่ให้เดินไปหา แต่เขาก็สะบัดมือออกเดินตามไป “พี่ไม่ได้มีคนอื่นเลยนะ...” “ไม่มีคนอื่น ไม่มีบ้าอะไร !” ถลัชนันท์ตะโกนใส่หน้าเขาด้วยความโมโหที่ยังไม่ยอมรับความจริง หนำซ้ำยังจะแถไปเรื่อยอีก “ฉันได้ยินเต็มสองหู เห็นสองตา ว่าพี่กับเธอมีอะไรกัน ครางเสียงดังทั่วห้องเลย !” หมดความอดทนแล้ว และก็ไม่อายด้วย เพราะตอนนี้โมโหถึงมากที่สุด “เอาเถอะ ถือว่าฉันกับพี่ไม่ติดค้างอะไรกันอีก เราจบกัน !” “รัก คือพี่...” อรรถนนท์เอื้อมมือรั้งหญิงสาวไว้ “ไปตายซะ ไอ้เฮงซวย !” ถลัชนันท์ตะโกนใส่พร้อมกับสะบัดมือทิ้งอย่างแรง แล้วเดินออกจากร้านไปทันที ทุกคนต่างมองและมีเสียงซุบซิบมากมาย ทว่าหญิงสาวกลับมองผ่านเป็นเรื่องเล็กน้อยและรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ระบายความรู้สึกนี้ออกจากใจไปChapter 61 (special III)“นี่...” เธอเรียกเขาด้วยเสียงสะอื้นก่อนจะใช้มือดึงเสื้อจากทางด้านหลัง “ทำไมถึงยอมมารับฉันล่ะ”“ไม่รู้สิ” ศรันภัทรตอบโดยไม่หันหลังกลับไปงั้นเหรอ...?ถลัชนันท์ปล่อยมือออกจากเสื้อของเขา ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปกอดชายหนุ่มทางด้านหลัง นั่นไม่ใช่ความรู้สึกที่รักเลยเพียงแต่ว่าอยากทำยังไงก็ได้ให้ความเจ็บปวดนี้หายไป“มีอะไรกับฉันได้ไหม” เป็นคำพูดสิ้นคิดหรือความต้องการในส่วนลึกกันแน่ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันเพียงแต่ถ้ามันปลอบใจจากความเจ็บปวดได้แล้วล่ะก็... “แค่ครั้งนี้ แล้วพรุ่งนี้ฉันสัญญาว่าจะหย่ากับคุณ ขอร้องละ”ศรันภัทรยืนอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อได้ยินคำพูดจากปากหญิงสาว เขาเองตอนนี้ยังสับสนมากที่จะบอกว่ารู้สึกชอบผู้หญิงคนนี้แบบคนรักจริง ๆรู้ดีว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้น...ถลัชนันท์คลายมือออกจากชายหนุ่มยกมือขึ้นปาดน้ำตา บางทีก็คิดว่าพอแล้วกับความรักที่เข้ามา“ขอโทษค่ะ ฉันคงบ้าไปหน่อย” เธอพูดเสียงสั่นพลางหัวเราะ “ถ้ายังไงพรุ่งนี้เราไปหย่ากันนะค
(special I)เวลาทำงานผ่านไปจวบจนกระทั่งหมดวันแล้ว ถลัชนันท์ขยับตัวเก็บกองเอกสารบนโต๊ะให้เข้าที่ ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายเช็กชื่อออกจากบริษัทไป แต่ละวันผ่านไปก็ช่างยาวนานซะเหลือเกิน และก็ไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก ตื่นเช้าออกไปทำงานกลับมาบ้านกินข้าวและเข้านอน ถึงแม้ว่าช่วงเดือนนี้จะเริ่มสนทนากับสามีที่แต่งงานด้วยมากขึ้นก็ตาม ทว่าความสัมพันธ์รักใคร่ก็ไม่ได้พัฒนาตามไปด้วยเลยหญิงสาวเดินออกจากลิฟต์แล้วหยุดชะงักเมื่อเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปหยิบขึ้นมาดูปลายสายที่โทร. เข้ามา“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ถลัชนันท์เอ่ยถามอย่างทันทีเมื่อรู้ว่าคนที่โทร.มาคือสามีนั่นเอง น้อยครั้งที่เขาจะติดต่อมาหาหรือยอมพูดคุยด้วย[เปล่า คุณแม่บอกวันนี้คุณจะไม่กลับมากินข้าวที่บ้าน เลยให้ผมโทร.มาถามว่ากลับดึกไหม ?]พอได้ฟังก็รู้สึกสมเพชตัวเองมานิดหนึ่ง ทว่าเรื่องนี้ก็เริ่มชินไปซะแล้ว อีกอย่างแม่สามีไม่ได้ใจร้ายเหมือนในละครหลังข่าว ตรงข้ามกันกลับทำดีกับเธอด้วยซ้ำไป“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันมีนักเดตกับเพื่อนสมัยเรียน” เธอตอบกลับไปแล้วพูดต่อไปว่า &ld
ค่ำคืนแสนหวานอันยาวนานได้ผ่านพ้นไปเข้าสู่เช้าวันหยุดสุดสัปดาห์ ร่างเล็กบนเตียงขยับตัวปรือตาด้วยความหนักอึ้ง หันมองพื้นที่เตียงว่างเปล่าก่อนใช้แรงที่เหลืออยู่น้อยนิดพยุงร่างกายขึ้นนั่ง สะโพกปวดร้าวระบมไปหมดจนไม่มีแรงจะขยับ ดวงตากลมมองรอบห้องที่เงียบสนิทไร้วี่แววของชายหนุ่มประตูห้องถูกเปิดออกหญิงสาวรีบยกผ้านวมขึ้นปิดบังร่างกาย พลางส่งสายตามองอวิ่นเยว่เดินเข้ามาหา“คุณตื่นแล้วหรือ” เขาเดินเข้ามาหาลฎาภาพยักหน้าแทนคำตอบด้วยความเขินอายพลางขยับตัวลงจากเตียงแต่ว่าขาสั่นจนแทบไม่มีแรง ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากก่อนเดินเข้ามาอุ้มเธอขึ้น นัยน์ตาคมมองร่างเปลือยที่เชยชมมาทั้งคืนมีร่องรอยตีตราจนนับไม่ถ้วน“ฉันเดินเองได้ค่ะ”อวิ่นเยว่หัวเราะในลำคอ “แสดงว่ายังมีแรงเหลือสินะ”“คุณเผิง !” เธอแก้มแดงผ่าวร้อนขึ้นมาทันทีชายหนุ่มยิ้มขำก่อนจะอุ้มหญิงสาวมายังห้องน้ำ เขาวางเธอลงบนขอบอ่างอาบน้ำก่อนเอ่ยถามขึ้นว่า “คุณอาบน้ำไหวไหม ?”“ไหวค่ะ คุณออกไปเลยนะคะ” ลฎาภาตอบกลับในทันทีอวิ่นเยว่ยิ้มข
Chapter 57การเคลื่อนไหวของร่างกายรุกล้ำเข้ามาโดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิด อวิ่นเยว่ดันร่างเล็กให้ชนชิดกับผนังกำแพง บดจูบขยี้ริมฝีปากด้วยความโหยหา คราวนี้ทำเธอหายใจลำบากจึงต้องดันเขาออกห่าง แต่กลายเป็นว่าการพักนั้นทำให้ชายหนุ่มรุกล้ำลิ้นเข้ามาได้สำเร็จ“อื้อ” เสียงร้องครางดังประท้วงบอกจนต้องถอนจูบออกด้วยความเสียดาย อวิ่นเยว่จ้องมองใบหน้าเนียนสวยแดงก่ำก้มหลบเขินอาย มือข้างหนึ่งเชยขึ้นให้สบตาอีกครั้งและจูบหยอกเย้าเบา ๆ จนสติสัมปชัญญะของหญิงสาวหลุดล่องลอยไปลฎาภาควบคุมความต้องการของร่างกายไม่ได้ราวกับว่าไม่ฟังสิ่งที่สมองสั่งการสักนิด เธอเผลอให้ความปรารถนาที่อยู่ภายในจิตใจเข้าครอบงำจนหมดสิ้น จูบเร่าร้อนอ่อนโยนจนแทบระทวยนี้กลับรู้สึกคุ้นเคยโหยหามากที่สุดแต่...ที่บ้าที่สุดคือการตอบสนองเผลอไปกับคารมของเขา !อวิ่นเยว่จูบซับไปตามใบหน้าไล่จนมาถึงต้นคอของหญิงสาว มือที่เคยรั้งเอวไว้คลายออกล้วงเข้าไปในสาบเสื้ออย่างรวดเร็ว ไม่รอช้าที่จะใช้มือปลดเสื้อผ้าส่วนบนออกโยนทิ้งลงพื้นในขณะที่สติของเธอกำลังหลุดลอย“คุณเผิง” เธอเอ่ยเรียกชื่อเขา ทั้งที่ยิ่งเร
Chapter 56อวิ่นเยว่ผ่อนลมหายใจซุกที่หัวไหล่ของเธอ “นะ”เพียงคำเดียวก็รู้ถึงความหมายที่เขาต้องการบอกว่า ‘ขอซุกหน้าอกแบบอาหยูด้วยคน’“ทำไมอาหยูถึงได้ แล้วผมไม่ ?”ไม่น่าถามนะคำถามนี้ คุณเผิง !“ไม่ค่ะ” เธอตอบกลับเสียงเข้มพลางจ้องหน้าเขาเขม็ง“อาหยูเป็นเด็ก”“เหรอ” เขาขานรับอย่างจำใจก่อนจะขยับตัวหันมา นัยน์ตาคมจ้องมองหญิงสาวตรงหน้า เขาต้องใช้ความอดกลั้นอย่างมากที่จะไม่คิดอะไรเกินเลยตอนนี้ ชายหนุ่มเบี่ยงหน้าหลบยกมือขึ้นปิดปากด้วยความเขินอาย ไม่รู้ว่าจะอดทนไปได้นานแค่ไหนกัน“เราขึ้นกันเถอะ อาหยูกำลังรออยู่”อวิ่นเยว่พูดพลางขยับตัวออกห่างจากหญิงสาว ก่อนจะลุกขึ้นโดยลืมไปว่าร่างเปลือยของเขานั้นเธอได้เห็นเต็มสองตา !ลฎาภาอึ้งนิ่งค้างจนทำอะไรไม่ถูก เขาลืมไปไหมว่าเธอยังอยู่ตรงนี้ “คุณเผิงรีบออกไปเลยนะคะ !”อวิ่นเยว่หันมองและเพิ่งคิดได้ว่าตอนนี้โชว์กายให้หญิงสาวมองอยู่นั่นเอง เขาทำหน้านิ่งรีบเดินไปหยิบผ้าขนหนูและเสื้อคลุมเดินออกจากห้องน้ำไปอย่าง
Chapter 55หลังจากรับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ป้าผ่องจึงจัดการเก็บครัวและกลับบ้านไป ทางด้านลฎาภาที่ไม่รู้สึกคุ้นชินบ้านหลังใหญ่จึงทำตัวไม่ค่อยถูก ทั้งยังไม่รู้ว่าควรจะไปตรงไหนต่อดี จึงได้แต่ยืนงงอยู่หน้าบันไดเป็นเวลานาน“หม่าม้า” เจ้าตัวกลมเดินเข้ามาดึงชายเสื้อของเธอและออกแรงลาก“อาหยู...”เธอเอ็นดูก่อนจะเอ่ยถามขึ้น “มีอะไรเหรอจ๊ะ”“อาบน้ำกับอาหยูได้ไหม” น้ำเสียงออดอ้อนและแววตาของ เจ้าตัวกลมทำให้ลฎาภานิ่งเงียบไปชั่วขณะ ไม่ใช่ว่าจะปฏิเสธหรอกนะ เพียงแต่ว่าสภาพร่างกายที่ยังพักฟื้นไม่สมบูรณ์ ก็ไม่อยากจะใช้แรงดูแลเด็กมากนัก แต่ถ้าหากปฏิเสธไปจะเป็นการทำร้ายจิตใจหรือเปล่านี่สิ“ไม่ได้เหรอ” เสียงอู้อี้ในปากและท่าทางออดอ้อนของเจ้าตัวกลมทำให้หญิงสาวรู้สึกลำบากใจไม่น้อย ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน อาจเป็นเพราะว่าพ่ายแพ้ต่อเด็กผู้ชายน่ารัก ๆ ทว่าความรู้สึกที่เป็นอยู่ตอนนี้แตกต่างจากการพบกับเด็กคนอื่น ๆ ที่เพิ่งเคยเจอครั้งแรก“แต่ว่านะ...”“ได้สิ” เสียงของอวิ่น