เพี้ยะ!
“ถ้าไม่รักจะมาคบกันทำไมว่ะ!!!” ใบหน้าหล่อร้าย มาดนิ่ง หันสะบัดตามแรงตบกระทบ จนใบหน้าขาวๆ นั้นขึ้นรอยฝ่ามือชัดเจน เขาทำเพียงมองตอบกลับไปด้วยใบหน้านิ่งๆ เฉยชา และไร้ความรู้สึก แตกต่างจากหญิงสาวตรงหน้าที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มือกำแน่น ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า มองจ้องอย่างเจ็บแค้นและโกรธเคือง
“เสียชาติเกิด!! ไอ้หน้าตัวเมีย!!” อีกฝ่าตะโกนด่าดังลั่นอีกครั้ง ซึ่งเขาเองก็ทำเพียงยืนมองอยู่เฉยๆ ยอมรับคำกล่าวหา ไม่เถียงอะไรออกไปสักคำ
“จบแล้วใช่ไหม กูจะได้ไปสักที” พูดพลางหันหลัง ก้าวเดินจากมา ไม่มีความอาลัยอาวรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ต่างจากคนที่ด้านหลังกรีดร้องเป็นเจ้าเข้า
“ไอ้เบส!! กูขอให้มึงอกหัก!! ไม่สมหวังในความรัก!!! น้ำหน้าอย่างมึงเขาไม่เอามึงหรอก!! อีวิปริต!! อีผิดเพศ!!! ขอให้มึงตกนรกทั้งเป็น!!! กรี้ดๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” เขาเดินก้าวจากมาช้าๆ พร้อมๆ กับคิดในใจไปด้วยว่า
ไม่ต้องแช่งกูหรอก แค่ตอนนี้กูก็ตกอยู่ในสถานะนั้นแล้ว....
ย้อนกลับไปเมื่อ 12 ปีก่อน.....
“ไอ้อ้วน!!! ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ไอ้ลูกหมู!!! ไอ้ขี้มูกกรัง!!” เด็กชายตัวน้อยนั่งลงกับพื้นทรายในสวนสาธารณะ ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่กับที่ ยกแขนป้อมๆ นั้นขึ้นปาดน้ำตาตัวเองปอยๆ
“ฮึก! คุณเบสไม่อ้วน!! คุณป๊าบอกว่าคุณเบสเจ้าเนื้อ!! ไม่ใช่อ้วนนะ!!!” เด็กน้อยร้องออกมา มองจ้องหน้าของเด็กผู้ชายที่อายุไม่ต่างกันเท่าไหร่นักด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา กัดริมฝีปากเอาไว้แน่น
“ฮ่าๆ อีลูกคุณหนู ที่นี่ไม่ต้อนรับ!! ไปเล่นคนเดียวนู้นไป!!” เด็กชายที่เป็นหัวโจกของกลุ่ม เดินเข้ามาผลักเด็กชายตัวกลมจนล้มกลิ้งไปบนพื้นทราย เส้นผมสีดำมีฝุ่นทรายติดอยู่ เด็กน้อยเองก็ผุดตัวลุกขึ้นนั่งในทันทีเช่นกัน สูดน้ำมูกรุนแรง ก่อนจะคลานเข้าไปหา
“ให้คุณเบสเล่นด้วยนะ คุณเบสไม่มีเพื่อน นะๆ” เหตุเพราะเขาพึ่งจะย้ายบ้านมาอยู่แถวนี้ได้ไม่นาน สภาพแวดล้อมที่แตกต่างทำให้ไม่คุ้นชิน ทำให้เด็กน้อยที่เติบโตในเขตเมืองหนาวตั้งแต่เกิด จนตอนนี้ก็อายุ 7 ขวบ พึ่งจะได้ย้ายกลับมาอยู่ที่ถิ่นฐานบ้านเกิดเมืองนอน ใช่ เขาเกิดที่เยอรมัน เป็นคนเยอรมัน สัญชาติเยอรมัน และพึ่งจะย้ายกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยตามครอบครัวมา แม้ว่าเขาจะเป็นคนไทยแท้ๆ ไม่มีสายเลือดต่างชาติเจือปน แต่เพราะหน้าที่การงานของทั้งพ่อและแม่ ทำให้ต้องไปอยู่ต่างประเทศ และพอหมดสัญญาจ้าง พ่อและแม่ของเขาก็เลือกที่จะย้ายกลับมาอยู่ที่ไทย เริ่มก่อตั้งบริษัทของตัวเอง ทำให้เด็กน้อยตัวกลมไม่มีเพื่อนเลยสักคน และแอบหนีพ่อแม่มาเล่นคนเดียวที่สวนสาธารณะแห่งนี้ เอาจริงๆ ไม่ต้องหนีหรอ... เดินออกมาให้เห็นโต้งๆ เลยนี่ละ แต่ถามว่าสนใจไหม? ก็ไม่น่ะสิ เพราะมีงานที่รัดตัวมากกว่าจะมาสนใจลูกชายเพียงคนเดียวนี่ยังไงละ
“ไม่เอา!! ไม่เล่นด้วยหรอ อ้วนขนาดนี้แค่เดินยังหอบเลยมั้ง!! ไม่ให้เล่น!!!”
“ฮึก ให้คุณเบส ฮึก เล่นด้วยนะ”
“พวกมึงดูดิ คำพูดคำจา อีตุ๊ด!”
“ฮึก ฮึก” เด็กน้อยตัวกลมได้แต่นั่งสะอึกสะอื้นอยู่ที่พื้น ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะเดินเข้ามาใกล้ เทน้ำหวานที่ถืออยู่ในมือรินรดบนหัวของเขา จนเลอะเปรอะเปื้อนไปทั้งตัว เสื้อผ้าที่เคยสะอาดสะอ้านมีคราบน้ำเหนียวๆ สีเขียวปรากฏ
“อี๋ สกปรก ชิ้วๆ ๆ ๆ ไปไกลๆ เลยไป๊” เด็กคนที่เป็นคนเทน้ำหวานใส่เขาเองกับมือแกล้งพูดขึ้น ทำให้เด็กๆ คนอื่นพากันหัวเราะร่าอย่างสนุกสนาน ต่างจากเขาที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
“ฮึก ฮืออออ ฮึก ฮึก” ในตอนนั้นเองที่มีคนในกลุ่มเด็กๆ นั้น เดินเข้ามาใกล้ ฝ่ามือของเด็กคนนั้น จับกระชากตัวเขาให้ลุกขึ้นอย่างรุนแรง
“ฮืออออ ไปไหน ไม่ไป ไม่ไปนะ คุณเบสไม่ไป” เขาพยายามร้องเรียก และไขว่คว้าสิ่งของตามทาง รวมถึงพยายามจะจับมือพวกเด็กๆ ที่ยืนล้อมอยู่ แต่ไม่มีใครให้ความช่วยเหลือเขาสักคน กลับมองการกระทำของเพื่อนตัวเองนิ่งๆ อย่างสนอกสนใจ จนเด็กคนนั้นลากเขามาหยุดอยู่ที่ข้างสระน้ำและ.....
ตู้ม!!!
เขาถูกผลักให้ตกลงไปในสระน้ำที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะพยายามตะเกียกตะกายให้โผล่พ้นจากน้ำ ก่อนที่จะมีอีกเสียงตามมาติดๆ
ตู้ม!!!!
แขนอวบๆ ของเด็กชายตัวจ้อย ถูกจับดึง แล้วลากขึ้นไปที่ริมสระน้ำ ทำให้เขาสำลักน้ำออกมาแล้วร้องไห้จ้าทันที
“ฮึกๆ แงงงงงงง ฮือออออ แงงงง” เขาร้องไห้ไป ปาดน้ำตาของตัวเองไป ก่อนจะได้ยินเสียงที่ดังขึ้นจากทางด้านข้าง
“เงียบน่า ก็ลงไปช่วยแล้วไง” เสียงนั้นทำให้เขาหันหน้าไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นเด็กผู้ชายคนเดียวกันกับที่ลากเขามา และผลักเขาตกน้ำอย่างไม่ปรานี และก็เป็นคนเดียวกันนี้ที่กระโดดน้ำลงไปช่วยเขาขึ้นมาเช่นกัน ทำให้เขาเงียบเสียงที่กำลังแหกปากร้องลงอย่างุนงง ก่อนที่เด็กชายคนข้างๆ จะยันตัวขึ้น แล้วฉุดให้เด็กชายตัวกลมลุกตาม เดินจับมือพากลับบ้าน ไม่สนใจเด็กๆ ที่รายล้อมอยู่สักนิด
“ไอ้ซัน จะไปไหนอะ” เด็กคนที่ว่าหยุดชะงัก หันกลับมาบอกพวกเพื่อนๆ ของตัวเอง
“พวกมึงไม่อยากมีเขาเป็นเพื่อน แต่กูอยาก จบนะ” พูดพลางกอดคอเด็กชายตัวกลมจนไขมันกระเพื่อมแล้วออกแรงลากให้เดินตามกันไป เด็กชายตัวกลมก็เดินตามไปอย่างงงๆ จนเมื่อถูกพามาที่บ้านหลังหนึ่ง ขนาดกลางๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่ ดูอบอุ่นแตกต่างจากบ้านของเขาลิบลับ
“อ้อ กูชื่อซันนะ ส่วนมึงก็เบสใช่ไหม กูขอละ เลิกเรียกตัวเองว่าคุณเบสเถอะ สาวแตกฉิบ แบบนี้หาเพื่อนไม่ได้หรอก” พูดจบก็เดินนำเข้าบ้าน ก่อนจะได้ยินเสียงหวีดร้องของคนเป็นแม่ดังลอยออกมา
“ซัน! ทำไมตัวเปียกแบบนี้ละลูก ไปทำอะไรมา! แล้ว เจ้าหนูนี่เป็นใคร” คนพูดจับลูกตัวเองหมุนซ้ายหมุนขวา ก่อนจะมองเลยมาที่เขาซึ่งกำลังกะพริบตาปริบๆ ไม่เข้าใจสถานการณ์ซักเท่าไหร่
“เพื่อนใหม่ มันโดนแกล้งอะ ก็เลยพาไปล้างตัว” คนฟังขมวดคิ้ว ก่อนจะถามอย่างงงๆ
“แล้วล้างตัวยังไง ทำไมถึงเปียกแบบนี้”
“พาลงน้ำ” คนตอบก็ตอบหน้าซื่อ แต่ทำให้คนเป็นแม่ตาโต
“ลงน้ำที่ไหน!”
“ที่สวน”
“ซัน!! เกิดเขาจมน้ำตายขึ้นมาทำไง แม่ไม่มีปัญญาไปทำใช้คืนเขาหรอกนะ ลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้ แล้วนี่พ่อแม่เขารู้เรื่องไหมเนี้ย!!”
“แม่ หนวกหู” เด็กที่ชื่อซันยกมือขึ้น ทำท่าปิดหูของตัวเอง เหมือนกับว่าเสียงของแม่ตัวเองน่ารำคาญเสียเต็มประดา ก่อนจะร้องบอกออกมาอีกครั้ง
“ซันก็ไปช่วยมันแล้วไงแม่ ไม่เห็นจะตายสักหน่อย” พูดพลางยักไหล่ คนเป็นแม่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยปากอีกครั้ง
“ไป พาเพื่อนไปอาบน้ำแต่งตัวไป เราก็ด้วย ซนนัก” ดังนั้นแล้วเขาจึงถูกลากขึ้นมาที่ชั้นบน เข้าห้องๆ หนึ่ง ซึ่งมีเตียงเดี่ยวลายอุนตร้าแมน กับของเล่นจำนวนหนึ่งกองไว้ที่มุมห้อง มีโต๊ะทำการบ้านพร้อมกับโคมไฟ ถูกจัดเรียงอย่างลวกๆ เอาจริงๆ ก็เรียกได้ว่า รก....
เจ้าของห้องทำการดุนดันหลังของเขาให้เดินเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมด แล้วหันมาบอกเขาด้วย
“มึงก็ถอดดิ ไม่คันไง” ว่าจบก็เดินเข้าไปใต้ฝักบัว แล้วเปิดน้ำออกจนสุด เริ่มต้นอาบน้ำ เขาเองก็ทำตามอย่างว่าง่าย ถอดเสื้อผ้าออกจนหมด แล้วจึงพาร่างตุ้ยนุ้ยไปยืนอยู่ใต้ฝักบัว แย่งกันอาบน้ำถูสบู่ เล่นแชมพูสระผมกันไปมา จนเมื่อแม่ของอีกฝ่ายมาตามและพบว่าห้องน้ำเต็มไปด้วยฟองลื่นๆ จึงถูกดุไปตามระเบียบ แล้วจึงรีบเร่งอาบน้ำอย่างจริงๆ จังๆ และปัญหาก็มาเยือนอีกครั้งตอนที่ต้องใส่เสื้อผ้า
“กูว่านะ มึงต้องลดๆ บ้างนะของกินน่ะ” อีกฝ่ายนั่งเท้าค้างมองอยู่กับพื้นห้อง เมื่อตอนนี้เด็กชายตัวกลมสวมใส่เสื้อผ้าของเขาซึ่งแทบจะปริขาด เสื้อเปิดพุงออกครึ่งหนึ่ง ปิดได้เพียงยอดอกเล็กๆ ทั้งสองข้าง ยาวลงมาเหนือสะดือเล็กน้อย ส่วนกางเกงนั้น.... ติดอยู่ที่ต้นขา ไม่สามารถสวมใส่เข้าไปได้
“ซัน คุณเบสอึดอัด” เขาร้องบอกเพื่อนหมาดๆ ของตัวเองเบาๆ ทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ เจ้าของห้องถึงได้ไปรื้อเสื้อผ้าอีกครั้ง ก่อนจะสั่งให้เขาถอดเสื้อผ้าออก แล้วให้ใส่ผ้าขนหนูแทน พาลงไปที่ด้านล่างของบ้าน
“ตายแล้ว ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าละลูก!”
“มันอ้วนอะแม่ ซันไม่มีชุด”
“อ่อ” คนเป็นแม่ถึงกับอึ้งไป เมื่อมองขนาดตัวของลูกชาย กับเพื่อนใหม่ที่ถูกพามา เมื่อลูกชายของเธอนั้นออกจะล่ำๆ ไปสักหน่อย ตัวก็สูงกว่ามาตรฐานเล็กน้อย แถมยังผอมเพรียว ปราดเปรียวและว่องไว แต่เพื่อนที่ถูกพามานั้น ดวงตาเล็กแคบ ตาตี่ แก้มยุ้ยเป็นพวง แขนเป็นปล้องๆ ไหนจะพุงน้อยๆ ที่กลมโตจนเป็นชั้น
ในตอนที่ทุกคนกำลังคิดหาทางหาเสื้อผ้าให้เด็กชายตัวกลมได้สวมใส่ เสียงออดก็ดังขึ้นที่หน้าบ้าน เรียกความสนใจของคนทั้งหมดให้หันไปมอง ก่อนจะพากันเดินออกไปดู ส่วนเขาเองก็โดนลากออกไปด้วยเช่นกัน โดยเด็กชายที่ชื่อว่าซันนี่เอง
“ขอโทษนะครับ เห็นคุณหนูเบสไหมครับ พิกัดบอกว่าอยู่ที่บ้านหลังนี้”
“อ่อ คนนี้หรอคะ” เขากะพริบตาปริบๆ เมื่อแม่ของเพื่อนผายมือมาทางเขา ทำให้เห็นคนสนิทที่ดูแลเขามาตั้งแต่เล็กๆ ในชุดสูทสีดำ รถคันโก้ที่จอดนิ่งสนิทอยู่ ก่อนจะตอบรับเบาๆ
“ครับ คุณหนูเบสครับ คุณท่านแจ้งว่าให้แต่งตัวเป็นการด่วนครับ คุณท่านจะพาออกงานคืนนี้” ดังนั้นแล้วเขาจึงพยักหน้ารับน้อยๆ หันไปยกมือไหว้สวัสดีแม่ของเพื่อน ไม่ลืมที่จะบอกลาเพื่อนใหม่
“ไปก่อนนะ เดี๋ยวว่างๆ จะมาหา”
“เออ” อีกฝ่ายตอบรับกลับมาเบาๆ ก่อนจะร้องเรียกออกมาอีกครั้ง
“เดี๋ยว”
“?” เขาหันกลับไปมองอย่างสงสัย ก่อนที่จะถูกกระตุกผ้าเช็ดตัวลายอุนตร้าแมนออกจากเอวหนา เปิดเผยเรือนร่างเปลือยเปล่าล่อนจ้อนที่หน้าบ้าน ทำให้เขากะพริบตาปริบๆ ด้วยความอึ้ง ไม่ต่างจากแม่ของเพื่อนสักเท่าไหร่ที่ยกมือทาบอก อ้าปากเหวอ
“นี่ผ้าโปรดกู” ในขณะที่ยืนอึ้งอยู่นั้น เสื้อสูทสีดำก็ถูกสวมทับลงมาแทบจะทันที ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะถูกยกขึ้น ทำให้เขาได้สติคืนมา หันไปร้องบอกคนสนิทเบาๆ
“เสื้อผ้าน้องเบสอยู่ในบ้าน”
“เอาไว้เดี๋ยวฉันซักให้ก็ได้ค่ะ ไว้น้องเบสมาเมื่อไหร่ค่อยมาเอาไปนะลูก” เขาทำท่าคิดนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้ารับ แล้วหันมาสนใจพี่เลี้ยงที่ลมหายใจหอบหน่อยๆ
“พี่คม เป็นอะไรครับ”
“ปะ เปล่าครับคุณหนูเบส กลับกันเถอะครับ” แม้คนพูดจะตอบปฏิเสธ แต่เขาก็รับรู้ได้ว่าแขนที่กำลังโอบอุ้มเขาอยู่สั่นน้อยๆ ลมหายใจหอบแรงขึ้น และเมื่อเขาถูกวางให้นั่งลงที่เบาะเรียบร้อย พี่เลี้ยงคนสนิทก็ค่อยๆ คืนสู่สภาพเดิม ไม่มีอาการตัวสั่นแขนสั่น หรือลมหายใจหอบกระชั้นออกมาให้ได้ยิน
เขานั่งมองรถที่เคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้านหลังขนาดกลางนั้นช้าๆ ดวงตามองจ้องเพื่อนคนแรกของเขาในประเทศไทย ที่กำลังถือผ้าขนหนูลายอุนตร้าแมนเอาไว้แน่น จนหายออกไปจากสายตา เมื่อหันกลับมาก็พบว่าถึงบ้านของตัวเองพอดี บ้านของเขาอยู่ในสุด ลึกสุด ท้ายซอย ในขณะที่บ้านของเพื่อนใหม่ อยู่กลางซอยค่อนไปทางด้านหน้า และมีสวนสาธารณะอยู่ตรงกลาง เพื่อให้สมาชิกลูกบ้านมาพักผ่อนหย่อนใจ
และนั่นเป็นเรื่องราวที่เริ่มต้นความสัมพันธ์ของเพื่อนที่คิดไม่ซื่อเช่นเขา.....
“ไงมึง โดนมาอีกแล้วอะดิ”
“เออ” เขาตอบรับเพื่อนสนิทเพียงเบาๆ มองเพื่อนของเขากับหญิงสาวอีกคนด้วยแววตาที่อ่านได้ยาก เมื่อคนๆ นั้นกำลังกอดคอแฟนสาว แล้วยื่นหน้าไปหอมแก้ม
“ไงพลอย”
“หวัดดีเบส” เขาทักแฟนสาวของเพื่อนสนิทด้วยความรู้สึกที่เจ็บอยู่ลึกๆ ข้างใน แต่ก็แสร้งทำเป็นว่าไม่ได้รู้สึกอะไร ก่อนจะหันไปสนใจเพื่อนสนิทอีกครั้ง
“แล้วนี่จะพากันไปไหน” เขาถามพลางชี้นิ้วไปที่กระเป๋าเป้ใบโตของทั้งคู่ เพื่อนเขาก็กระตุกยิ้มมุมปากออกมานิดๆ แววตาขี้เล่น แล้วเอ่ยตอบ
“ไปเสม็ด จะพาพลอยไปเสร็จว่ะ ฮ่าๆ ๆ” จบคำที่ว่า สาวเจ้าก็ฟาดเข้าที่อกดัง อัก! เขาก็แกล้งทำเป็นหัวเราะขบขัน หากแต่ในใจกลับร่ำไห้ออกมาเบาๆ เพราะรู้ว่าแม้มันจะแกล้งพูดเล่น แต่ในความเป็นจริงคือเรื่องจริงล้วนๆ และอดที่จะมองหญิงสาวด้วยความเห็นใจไม่ได้ เมื่อรับรู้ว่าพอกลับมาแล้วอีกคนก็คงจะถูกเขี่ยทิ้งอย่างไม่ไยดี
“เออ ขอให้สนุกแล้วกัน” เขาตอบรับกลับไปเพียงแค่นั้น แล้วเดินมุ่งตรงไปที่รถคันงามที่จอดรออยู่ พอปิดประตูรถได้ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ เงยหน้าพิงไปกับเบาะรถ สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเอ่ยปาก
“ออกรถ” เขายกยิ้มเศร้าส่งให้เพื่อนสนิท ที่คงไม่มีทางได้มองเห็น ก่อนจะถอนสายตากลับมา มองตรงไปข้างหน้า หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู นิ้วมือเลื่อนไปช้าๆ ในแต่ละรูปภาพในความทรงจำ คิดไปถึงคำพูดของแฟนเก่าหมาดๆ ที่พึ่งจะฝากฝังรอยนิ้วทิ้งเอาไว้
“ไม่ต้องแช่งกูหรอก แค่นี้กูก็เหมือนตกนรกทั้งเป็นอยู่แล้ว.....”
“เฮ้อ เพลาๆ ลงบ้างเถอะงานน่ะ” ผมส่ายหัวไปมาให้กับคนรักที่บ้างานหนัก เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารตรงหน้า แต่พอเห็นว่าผมมา เจ้าตัวก็ยกยิ้ม ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินเข้ามาสวมกอดแนบแน่น พรมจูบไปทั่วใบหน้า“อื้อออ ไม่อายลูกน้องบ้างรึไง อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วนะ” ว่าพลางหันหน้าหนีริมฝีปากหนาๆ ที่ชักได้คืบจะเอาศอก เริ่มมาเล็มฉกชิมริมฝีปากของผมต่อแล้ว“คุณริกกี้ คุณเห็นอะไรรึเปล่า”“ไม่เห็นเลยครับท่าน” ลูกน้องของคนรักเอ่ยปากตอบพร้อมก้มหน้านิ่ง ด้วยรู้ดีว่าท่านประธานใหญ่ยามได้อยู่กับภรรยาจะแปลงร่างจากราชสีห์ที่ดุดันกลายเป็นแมวเหมียวตัวเชื่อง ว่านอนสอนง่ายในบัดดล“อย่างนี้ทุกที มึงน่ะ 35 แล้วนะ” พูดแล้วยกมือขึ้นตีหน้าผากคนรักแปะๆ แต่เจ้าตัวกลับหลับตาทำหน้าฟินซะอย่างนั้น จนเกิดอาการหมั่นไส้แล้วดึงทึ้งเส้นผมของมันแทน เจ้าตัวเบ้หน้าเล็กน้อย แล้วก้มกัดแก้มผมเป็นการเอาคืน“นี่อยู่ในห้องทำงานนะครับเมีย ไม่มีใครเห็นหรอก”“แล้วจะบอกว่าที่ยืนหัวโด่อย่างคุณริกกี้นี่ไม่
2 ปึถัดมา...“บอสครับ คุณซันนี่มาครับ”“ให้เข้ามาได้เลยครับ พี่คมเอาอันนี้ไปจัดการต่อทีครับ” ผมร้องบอกพร้อมกับส่งเอกสารให้พี่ชายคนสนิท พี่คมยกยิ้มรับน้อยๆ แล้วจึงขยับเข้ามาใกล้ หยิบเอกสารออกไปจากมือของผม เปิดดูรายละเอียดอยู่ชั่วครู่แล้วจึงปิดลงตามเดิมตอนนี้ผมมีผู้ช่วยถึง 2คนเลยครับ ทั้งพี่คมและลูคัส ถ้าให้เปรียบก็คงจะเหมือนรักยม เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย พอคนนั้นออก คนนี้เข้า เอางานมาเพิ่มให้ไม่มีให้หยุดพัก น่ารักมากลูกน้องผม“น็อค น็อค คิดได้รึยังว่าจะไปไหน?” คนรักส่งเสียงแทนการเคาะประตู พร้อมกับร้องถามไปด้วย ผมที่กำลังก้มหน้าอ่านเอกสารอยู่จึงตอบกลับไปเบาๆ“ยังเลย”“ช้านะเรา”“อืมม ยังคิดไม่ออก” ตอนนี้กำลังจะเข้าสู่ช่วงปีใหม่ครับ บริษัทของเราทั้งสองคนจัดวันหยุดยาวให้กับพนักงานถึง 2 สัปดาห์เต็มๆ สาเหตุก็เพราะ ผู้บริหารอยากจะไปสวีทกันสองคน.....“ที่เนเธอร์แลนด์ก็ดีนะครับคุณหนูเบส”“ไม่ครับบอส ที่เวนิสด
ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ที่ไทยครับ เนื่องจากนี่เป็นตรุษจีนแรกของคนรัก ป๊าจึงเรียกตัวกลับเพื่อทำพิธีไหว้บรรพบุรุษด้วยกันเป็นครั้งแรก“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก เมีย ขยับอีกนิด”“ไม่ไหวแล้ว มันใหญ่ไป”“น่า อีกนิดนะครับ นะ”“อะ อึก โอ้ยยย จะตายอยู่แล้ว”“อย่าพึ่งงอแงสิครับ พึ่งทำไปไม่เท่าไหร่เอง”“ก็ใครจะไปเหมือนมึงกันล่ะ ไอ้คนบ้าพลัง”“ฮึฮึ ผัวมีพลังเยอะแค่ไหน ก็พิสูจน์เองมาแล้วไม่ใช่รึไง”“เลิกพูดเลย ทำเร็วๆ เข้า”“คร้าบๆ ๆ ๆ”คนรักร้องตอบรับคำสั่ง โดยที่ผมนั่งแปะอยู่ที่พื้น ตอนนี้เรากำลังทำความสะอาดห้องครั้งใหญ่อยู่ครับ ห้องที่ทำก็ไม่ใช่ของใคร ของผมเองนี่แหละ แต่ปีก่อนๆ ผมให้คนอื่นๆ มาช่วยกันทำไงครับ แต่ว่าปีนี้คนรักขันอาสามาช่วยผมทำกันสองคน ซึ่งผมก็พึ่งจะรู้เอาวันนี้เอง ว่าเตียงของผมแม่งหนักเหี้ยๆ ต้องใช้กี่คนแบกถึงจะขยับมันไหว ไอ้ที่ขยับย้ายเมื่อกี้นี้แรงไอ้ซันล้วนๆ“งื้อออออออ สกปรก!” พ
“เมียครับ”“หืมมม”“ตื่นเร็ว”“อื้อออ”“เร็วครับ”“จะนอนนนนน” ร้องบอกก่อนจะซุกผ้าห่มหนี คลุมหน้าคลุมตาจนมิด“ถ้าไม่ตื่นจะเล่นผีผ้าห่มแล้วนะ”“ก็เล่นไปดิ” ตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ นอนหลับตานิ่งๆ เมื่อได้ยินคำอนุญาต จึงไม่รอช้าที่จะทำตามใจอยาก เปิดผ้าห่มขึ้นจากปลายเท้า ยกเท้าข้างหนึ่งของคนรักขึ้นกดจูบอย่างไม่นึกรังเกียจ รอยแผลเป็นจางๆ บางเบาจนแทบมองไม่เห็นถ้าไม่สังเกต ทำให้ใจคนมองรู้สึกผิดไปวูบหนึ่ง ที่ทำให้ร่างบางนั้นเจ็บตัวและมีแผลเป็นแบบนี้ แต่เพียงไม่นานก็สลัดทิ้งไป ก่อนที่ริมฝีปากร้อนจะไล่ลิ้มฉกชิมจากปลายเท้าขึ้นมาที่หน้าแข้งและต้นขา ก่อนจะไปจบที่ช่องทางรักสีแดงก่ำเนื่องจากการใช้งานอันหนักหน่วงปลายลิ้นร้อนแตะลงไปเบาๆ แต่เรียกให้คนที่นอนหลับอยู่ทะลึ่งตัวลุกพรวด และอย่างไม่ทันระวัง เพราะนอนคว่ำหน้า เมื่อตกใจจึงยันตัวลุกขึ้นมาอยู่ในท่าคลานเข่า บั้นท้ายอัดกระแทกเข้ากับใบหน้าของคนรักเข้าเต็มๆผมกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะค่อ
“มันน่าไหม?”“อย่าบ่นน่า”“จะไม่ให้บ่นได้ยังไง” ว่าพร้อมทำหน้ายุ่งขัดใจ เมื่อมองบาดแผลบนหลังมือของคนรัก ฝ่ามือใหญ่ก็ยังคงขยับยุ่งวุ่นวายจับสำลีแน่น แตะลงบนแผลที่หลังมือเบาๆ“เพราะเป็นห่วงหรอก” พูดพร้อมยกยิ้ม นั่งเท้าคางข้างหนึ่ง มองจ้องคนรักนิ่งๆ ขณะที่อีกคนตั้งอกตั้งใจทำแผลให้อย่างใส่ใจ“แต่ผัวไม่อยากให้เมียเจ็บตัวแบบนี้”“ทำอย่างกับปกติที่ทำกันไม่เจ็บ?”“ก็เจ็บ แต่เป็นเจ็บแบบมีความสุข เป็นเจ็บแบบสมยอม ผัวเป็นคนสร้าง ไม่ใช่แผลจากอุบัติเหตุแบบนี้”“ขี้บ่นจังครับ ยังไม่ทันแก่เลยนะ”“ก็เป็นห่วงนี่ ผิดด้วยหรอ” พูดเสียงเศร้าเหมือนหมาหงอย พร้อมกับเก็บอุปกรณ์ไปพลาง คนที่นั่งเท้าคางจึงโน้มตัวลงเล็กน้อย กดจูบที่ริมฝีปากหนาเบาๆ“ขอบคุณครับ” คนรักนิ่งไป ก่อนจะจับคว้าต้นคอของผม รั้งให้เข้าไปใกล้ แล้วกดริมฝีปากลงมาแรงๆ เพียงไม่นานก็ผละออกไป“เดี๋ยวได้เจ็บอีก” พูดทิ้งไว้แค่นั้น ก่อนจะผุดกายลุกขึ้น ถอดเสื้อออกจากตัวช้าๆ พร้อมกับกางเกง โยนลงตะกร้าอย่างไม่ใส่ใจ เดินไปที่ห้องน้ำ ซึ่งเป็นกระจกใสที่ใช้กระจกฝ้าปิดบังช่ว
Bass Partเกาะสวรรค์ที่ใครๆ ก็อยากมาเยือน มัลดีฟส์....ครับ ตอนนี้ผมกับคนรักเลือกที่จะมาฮันนีมูนที่เกาะสวรรค์ของคู่รัก เรียวขาก้าวยาวๆ เดินทอดน่องไปตามชายหาดสีขาวสะอาดตา มือถูกกุมกระชับไว้ด้วยคนรัก รั้งให้เดินก้าวเท้าในจังหวะที่เท่ากัน“ชอบรึเปล่า?”“อื้อ”จุ๊บ“อื้อออ เดี๋ยวคนเห็น” ร้องบอกพร้อมกับผลักอกหนาให้ออกห่างจากตัว แต่คนรักกลับยิ้ม หัวเราะร่า“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ใครๆ เขาก็ทำ ทั้งกอด ทั้งหอม ทั้งจูบ แถมยังมีคนเอา- โอ้ย!! เมียยยยย ผัวเจ็บ” ร้องบอกเสียงออดอ้อน เมื่อยังไม่ทันพูดจบประโยคดี เมียรักก็ฟาดฝ่ามือเข้าที่กลางหลังดัง อั่ก! จนทำให้หลังแอ่นขึ้นมาทันที“พูดมาได้ไม่อายปาก แล้วรู้ได้ยังไงว่ามันจะมีคนที่ทำแบบนั้นกันน่ะ”“รู้สิ” คำตอบรับของคนรักทำให้ฉงนสงสัย ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ คนรักจึงทำการย้ำอีกครั้ง“นั่นไง” ว่าพลางชี้นิ้วเข้าไปที่ป่าด้านข้าง เมื่อมองตามไปก็ไม่พบอะไรนอกจากต้นไม้ที่สั่