ใต้น้ำ – หลังจากนีร่าดำลงทะเล
ทันทีที่ร่างของนีร่าจมลงใต้ผิวน้ำ ทุกอย่างรอบตัวเธอก็เปลี่ยนไป ความหนาวจากลมด้านบนค่อยๆ หายไป แทนที่ด้วยความสงบของทะเลลึก ผิวของเธอเริ่มเปล่งแสงฟ้าอ่อน ครีบที่หลังขากางออกอย่างช้าๆ หางสีเงินสะท้อนกับแสงจันทร์ที่ส่องทะลุผืนน้ำลงมา เธอหลับตา สูดหายใจลึก—หรือจะเรียกว่ารับพลังจากทะเลก็ไม่ผิด "ในที่สุด...ข้าก็ได้กลับมา" เธอคิดในใจ สายตาเธอกวาดมองรอบตัว แล้วก็ต้องยิ้มออกมาอย่างดีใจ ฝูงเต่าทะเลตัวโตสองสามตัวว่ายผ่านหน้าไปช้าๆ หนึ่งในนั้นหันมามองเธอเหมือนจำได้ ปลาสีสันสดใสแหวกว่ายระหว่างแนวปะการัง ทั้งปลาการ์ตูน ปลานกแก้ว และฝูงปลาเล็กๆ ที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มวูบวาบ สาหร่ายทะเลพลิ้วไหวตามกระแสน้ำ เหมือนกำลังเต้นรำต้อนรับเธอกลับบ้าน มีปลากระเบนตัวใหญ่ลอยอยู่ใกล้พื้นทราย เคลื่อนไหวเงียบๆ อย่างสง่างาม แสงจันทร์ลอดผ่านผืนน้ำ เป็นลำแสงสีเงินสวยงามที่ส่องรอบตัวเธอ นีร่ายิ้ม น้ำตาซึมขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว—แต่เป็นน้ำตาแห่งความสุข เพราะทะเล…คือที่เดียวที่ไม่เคยผลักไสเธอ ทุกครั้งที่โลกด้านบนโหดร้าย ทะเลจะโอบรับเธอไว้เสมอ ร่างเธอว่ายลึกลงไปช้าๆ ผ่านแนวหินใต้น้ำที่คุ้นเคย ราวกับเป็นเส้นทางเดิมที่เธอเคยใช้เมื่อยังเป็นเงือกเต็มตัว เสียงหัวใจของเธอเต้นเบาลง แผลบนแขนเริ่มอุ่นขึ้น ราวกับทะเลกำลังรักษาเธออยู่จริงๆ นีร่าหลับตา ว่ายไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ เธอไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไร แต่ตอนนี้…แค่ได้กลับมาอยู่ใต้ผืนน้ำ ได้เห็นโลกของเธออีกครั้ง นีร่าค่อยๆ ว่ายลึกลงไป ใบหน้าเธอซบกับสายน้ำที่เย็นแต่ก็แปลก…เหมือนมันอ่อนโยนกว่าทุกครั้ง เสียงหัวใจเธอเบาลง กลายเป็นจังหวะสงบที่ไม่เคยเจอเวลาอยู่บนบก เธอเอื้อมมือแตะก้อนหินเรียบๆ ที่มีมอสเกาะบางๆ ตรงนี้…ครั้งหนึ่งเธอเคยซ่อนตัวจากนักล่าเมื่อหลายปีก่อน ความทรงจำผุดขึ้นมาทีละภาพ— ตอนที่เธอยังเป็นเงือกเต็มตัว หางของเธอยาวสวยจนพวกเงือกน้องๆ ชอบตามมาดู ตอนที่เธอแอบว่ายมาเก็บหอยมุกให้แม่ ตอนที่เธอหัวเราะไล่กับฝูงโลมาตัวเล็กที่คอยวนรอบตัว ทุกอย่างมันเหมือนเมื่อวาน แต่ก็เหมือนนานจนลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็นใคร เธอหลับตา สูดลมหายใจยาว—กลิ่นทะเลมันชัดกว่าอากาศบนบก กลิ่นเค็มๆ ปนดินโคลนบางๆ แต่สำหรับเธอ มันคือ “กลิ่นบ้าน” เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็เห็นฝูงปลาทูแหวกว่ายผ่านหน้าไปเหมือนพายุเล็กๆ “ดีใจที่ยังมีเจ้าพวกนี้อยู่…” เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ น้ำเสียงสั่น เธอว่ายลึกลงไปอีก คลื่นใต้น้ำเริ่มนิ่งกว่าด้านบน เสียงเดียวที่ได้ยินคือเสียงหัวใจตัวเองกับเสียงคลื่นไหววูบวาบ สายตาเธอเห็นแนวสาหร่ายหนาทึบทอดยาวไปไกลจนมองไม่เห็นปลาย ตรงนั้น…เคยเป็นที่ซ่อนของเธอเวลาหนีอสูรทะเล เธอยื่นมือแหวกใบสาหร่ายช้าๆ สัมผัสมันอย่างอ่อนโยน ปลาตัวเล็กๆ หน้าตาประหลาดสีเทาเงินโผล่มาดูเธอ ก่อนจะว่ายหนีไปอย่างตกใจ “ไม่ต้องกลัว…” เธอยิ้มบางๆ “ข้ากลับมาแล้ว” ข้างใต้แนวสาหร่ายนั้น แสงเริ่มน้อยลง ทุกอย่างดูเงียบวังเวง แต่เธอไม่ได้รู้สึกกลัว ตรงกันข้าม—หัวใจเธอสงบเหมือนได้กลับมาเป็นตัวเอง เธอว่ายลึกลงไปเรื่อยๆ แผลบนแขนที่เคยแสบกลับเริ่มอุ่นขึ้น เหมือนทะเลกำลังดึงพิษออกช้าๆ ทุกครั้งที่เธอขยับหาง ครีบเงินก็แหวกน้ำเป็นประกายแสงฟ้า แสงนั้นสะท้อนแนวปะการังรอบตัวจนดูเหมือนมีดาวหมื่นดวงล้อมเธอไว้ เธอเอื้อมมือไปแตะปะการังแข็งๆ สีชมพูอ่อน ตรงนี้…เธอจำได้ดีว่าครั้งหนึ่งเคยนั่งร้องไห้ เพราะแม่ไม่ยอมให้ขึ้นฝั่ง “แม่…ถ้าแม่ยังอยู่ แม่คงบอกว่าข้าโง่…” เธอพูดกับตัวเองเสียงเบา “โง่ที่ไปหลงคนบนบก โง่ที่คิดว่าจะหนีพ้นโชคชะตา…” ดวงตาเธอร้อนขึ้น แต่เธอก็ไม่ปล่อยน้ำตาไหล เพราะตอนนี้ เธอไม่มีเวลามาเสียใจอีกแล้ว ใต้ท้องทะเลลึกนี้…อาจมีอันตรายรออยู่ แต่เธอรู้ดีว่าที่นี่ก็เป็นที่เดียว ที่เลือดเงือกในตัวเธอจะไม่ตาย เสียงบางอย่างแว่วมาเบาๆ ราวกับเสียงขับขานเก่าแก่ที่เธอเคยได้ยินตอนเด็ก— เสียงที่เล่าถึงผู้คุมกฎทะเล เสียงที่บอกว่าทุกชีวิตต้องจ่ายบางอย่างเพื่อความอยู่รอด นีร่าเงยหน้ามองม่านน้ำเบื้องบน ที่แสงจันทร์เริ่มไกลออกไปทุกที “ข้าจะไม่ตายง่ายๆ…” เธอกัดริมฝีปาก กางแขนว่ายลึกลงไปอีก หัวใจเธอเต้นแรงทั้งเพราะความกลัวและความหวัง— เพราะเธอรู้ว่า ถ้ารอดกลับขึ้นไปได้ อีธานจะรออยู่ตรงนั้น และเธอสัญญากับตัวเอง… ว่าเธอจะกลับไปหาเขานีร่าเดินไปตามทางดินที่แคบลง ล้อมด้วยพุ่มไม้เตี้ยและรั้วไม้ผุพัง กลิ่นหญ้าแห้งคลุ้งในอากาศหมู่บ้านเล็กๆ เงียบเชียบ มีเสียงสุนัขเห่าอยู่ไกลๆ กับเสียงฆ้อนตอกตะปูดังเป็นจังหวะเธอเดินไปจนถึงลานโล่งหน้าบ้านหลังหนึ่ง ที่มีชายวัยกลางคนกำลังซ่อมเรือลำเล็กชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมอง ร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำกร้านแดด ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยความระแวง“มองหาใคร?”เสียงแหบต่ำทำให้เธอชะงัก นีร่ากำจี้หอยมุกไว้แน่นจนเจ็บนิ้ว“...เปล่า...ข้าแค่เดินดู...”ชายคนนั้นมองตั้งแต่หัวจรดเท้า เห็นผิวซีด ผมยาวเปียกยุ่ง และแววตาที่ว่างเปล่า“เจ้าหลงมา?”เธอหลบตา ไม่ตอบ“นั่นจี้หอยมุก?”นีร่าเงยหน้าทันที“เจ้า...รู้จักมันหรือ?”ชายคนนั้นถอนใจ วางฆ้อนลงบนขอบเรือ “ข้าแค่เคยเห็นคนชาวเรือมี พวกที่ต้องจากบ้านนานๆ มักให้คนรักไว้...มันคือสัญญา ว่าจะกลับมา”สัญญา...คำนี้เหมือนแทงใจเธอจนเจ็บจี๊ด นีร่าสูดลมหายใจ ลมหายใจที่เหมือนเต็มไปด้วยหนาม“แต่ข้า...จำไม่ได้...”เสียงเธอเหมือนกระซิบ ชายคนนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอื้อมมือไปหยิบถังน้ำขึ้นมาวางข้างตัว“จะหาที่พักหรือจะถามข่าวคนในหมู่บ้าน ไปบ้านยายเมรินนั่นแหละ เธอรู้จักคนแถวนี้ดี”
รุ่งเช้า – ริมหาดเงียบสงบแสงแดดอ่อนสาดลงบนร่างที่นอนนิ่งอยู่ริมฝั่ง เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาสีฟ้าอ่อนจ้องฟ้าอย่างเลื่อนลอยเส้นผมยาวสีทองพลิ้วไหวไปตามลมทะเล หยักเป็นลอนจากน้ำเค็ม เธอค่อยๆ ยันตัวลุกนั่ง ดวงหน้าสวยละมุนแต่เต็มไปด้วยความว่างเปล่า“…ที่นี่…คือที่ไหนกันแน่”เธอก้มมองตัวเอง ขาทั้งสองข้างเปลือยเปล่าเปียกน้ำเล็กน้อย รอยเกล็ดหางเงือกจางหายไปหมดแล้วไม่มีเสียงตอบ มีเพียงเสียงคลื่นเบาๆ กับเสียงลมสายตาเธอเหลือบไปเห็น จี้หอยมุกสีขาวซีด วางอยู่บนผืนทรายข้างตัว ราวกับมันถูกวางไว้ให้เธอเธอหยิบมันขึ้นมา พลิกดูอย่างลังเล มันดูเก่าแต่แปลกตา เหมือนเป็นของสำคัญอะไรสักอย่างแต่มันกลับไม่จุดประกายความทรงจำใดๆ เลยในหัวเธอ“…ของใคร…” เธอพึมพำเบาๆเธอลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เสื้อผ้าของเธอเป็นผ้าบางคลุมกายเรียบง่ายเหมือนคนหลงทาง ร่างกายเบากว่าที่คิด แต่ในหัวกลับหนักหน่วงเธอไม่รู้ว่าเคยเป็นใคร มาจากไหน หรือใครกำลังรอเธออยู่รู้แค่…ตอนนี้เธอคือใครก็ไม่รู้ และไม่เหลืออะไรให้เป็นความทรงจำเสียงคลื่นซัดซ้ำกับฝั่งเธอกำจี้หอยมุกไว้แน่น หัวใจบีบรัดโดยไม่มีเหตุผล รู้แค่ว่า...มันสำคัญอย่างไม่มีคำอธิบาย
จากนั้นมือของเธอที่จุ่มลงในบ่อก็เริ่มร้อนขึ้นจากข้างในแผลเริ่มเปลี่ยนสี จากแดงกลายเป็นฟ้าอ่อน แล้วก็จางหายไปเหมือนละลายเข้ากับน้ำแต่สิ่งที่เปลี่ยนไปไม่ใช่แค่แผล…ร่างของเธอเริ่มส่องแสงอีกครั้ง หางของเธอยาวขึ้นเล็กน้อย ครีบข้างหลังขยายออกเหมือนกำลังคืนสภาพเงือกเต็มตัวเธอหลับตาแน่น รู้สึกถึงบางอย่างในอกที่กำลังเปลี่ยนไปมันไม่ใช่แค่ร่างกาย…มันคือหัวใจเสียงนั้นกลับมาดังอีก> “ตอนนี้…เลือดเจ้าได้รับการชำระแล้ว…เลือดของเงือกจะเข้มข้นขึ้น…เจ้าต้องเลือก…”> “จะอยู่ใต้ทะเลตลอดไป…หรือจะกลับขึ้นไปยังโลกบนบก…ในฐานะมนุษย์…”หัวใจของนีร่ากลับมาเต้นแรงอีกครั้ง—เหมือนกำลังจะระเบิดสองทาง…ไม่มีทางเลือกไหนที่ไม่เสียใจอยู่ใต้ทะเล…ก็ต้องลาจากเขากลับขึ้นบก…ก็ต้องทิ้งตัวตนที่แท้จริงเธอสะอื้นออกมา น้ำตาไหลทั้งที่ไม่มีใครได้ยินเธอนั่งอยู่ตรงนั้นนานมาก นิ่งจนปลาตัวเล็กๆ กล้าว่ายมาเกาะไหล่จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้น สูดลมหายใจลึก“ข้า…ข้าอยากจะกลับไปหาเขา…แต่…”เธอมองรอบตัว มองทะเลที่โอบล้อมเธอไว้เสมอ“ข้าก็อยากปกป้องที่นี่เหมือนกัน…”มือของเธอสั่น แต่หัวใจกลับนิ่งขึ้น“ข้าขอ…แค่โอกาสได้เลือกอีกครั้ง…”
นีร่าว่ายลึกลงไปเรื่อยๆ จนแสงจันทร์ข้างบนเริ่มหายไปหมด รอบตัวมีแต่ความมืดกับเสียงน้ำโอบล้อม ทุกครั้งที่เธอขยับหาง สีเงินก็วูบวาบอยู่แค่พริบตาแล้วดับไปหัวใจเธอเต้นแรงขึ้น เพราะเธอไม่เคยลงมาถึงที่นี่มาก่อนข้างหน้า…มองแทบไม่เห็นอะไร แต่พอลมหายใจเธอเริ่มชินกับน้ำเย็นๆ ตาเธอก็ค่อยๆ ชินกับความมืดเธอเห็นพื้นทรายกว้างใหญ่ มีก้อนหินเรียงกันเป็นวงๆ เหมือนมีใครตั้งใจวางไว้ บนนั้นมีสัญลักษณ์เก่าแก่ที่เธออ่านไม่ออก แต่หัวใจเธอกลับรู้สึกคุ้นแปลกๆ เหมือนมันเรียกเธออยู่นีร่าว่ายเข้าไปใกล้ แล้วเธอก็เห็นใครบางคนนั่งนิ่งๆ อยู่ตรงกลางวงหินเป็นร่างสูงใหญ่ หลังโค้งงอ หางยาวสีเข้มพันรอบหิน ผมยาวสีขาวลอยตามน้ำเหมือนเงาต้นสาหร่ายหัวใจเธอเต้นแรงจนเจ็บอก เธอรู้ทันทีว่า…ผู้เฒ่าเงือกเธอเคยได้ยินตำนานมาแต่เด็ก ว่าใต้ทะเลลึกจะมีเงือกเฒ่าผู้เฝ้าความลับของท้องทะเลมานับร้อยปีนีร่ากลืนน้ำลาย ฝ่ามือสั่นนิดๆ แต่ก็ว่ายเข้าไปช้าๆ จนอยู่ห่างกันไม่ถึงสิบก้าวร่างนั้นยังนั่งนิ่ง ไม่ขยับ ไม่พูด เหมือนรูปปั้นเก่าๆ ที่มีชีวิตนีร่าหายใจเข้าลึก สูดเอากลิ่นทะเลที่หนาวกว่าเดิมเข้าปอด ก่อนจะตัดสินใจพูดเสียงแผ่ว“…ท่าน…คือผู
ใต้น้ำ – หลังจากนีร่าดำลงทะเลทันทีที่ร่างของนีร่าจมลงใต้ผิวน้ำ ทุกอย่างรอบตัวเธอก็เปลี่ยนไปความหนาวจากลมด้านบนค่อยๆ หายไป แทนที่ด้วยความสงบของทะเลลึกผิวของเธอเริ่มเปล่งแสงฟ้าอ่อน ครีบที่หลังขากางออกอย่างช้าๆ หางสีเงินสะท้อนกับแสงจันทร์ที่ส่องทะลุผืนน้ำลงมาเธอหลับตา สูดหายใจลึก—หรือจะเรียกว่ารับพลังจากทะเลก็ไม่ผิด"ในที่สุด...ข้าก็ได้กลับมา" เธอคิดในใจสายตาเธอกวาดมองรอบตัว แล้วก็ต้องยิ้มออกมาอย่างดีใจฝูงเต่าทะเลตัวโตสองสามตัวว่ายผ่านหน้าไปช้าๆ หนึ่งในนั้นหันมามองเธอเหมือนจำได้ปลาสีสันสดใสแหวกว่ายระหว่างแนวปะการัง ทั้งปลาการ์ตูน ปลานกแก้ว และฝูงปลาเล็กๆ ที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มวูบวาบสาหร่ายทะเลพลิ้วไหวตามกระแสน้ำ เหมือนกำลังเต้นรำต้อนรับเธอกลับบ้านมีปลากระเบนตัวใหญ่ลอยอยู่ใกล้พื้นทราย เคลื่อนไหวเงียบๆ อย่างสง่างามแสงจันทร์ลอดผ่านผืนน้ำ เป็นลำแสงสีเงินสวยงามที่ส่องรอบตัวเธอนีร่ายิ้ม น้ำตาซึมขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว—แต่เป็นน้ำตาแห่งความสุขเพราะทะเล…คือที่เดียวที่ไม่เคยผลักไสเธอทุกครั้งที่โลกด้านบนโหดร้าย ทะเลจะโอบรับเธอไว้เสมอร่างเธอว่ายลึกลงไปช้าๆ ผ่านแนวหินใต้น้ำที่คุ้นเคย ราวกับเป
ยามค่ำคืน – ริมชายฝั่งที่เงียบสงัด คลื่นทะเลซัดกระทบโขดหินเป็นจังหวะ สายลมเย็นปะทะผิวจนหนาวสะท้าน ดวงจันทร์เต็มดวงส่องแสงจ้าเหนือผืนน้ำสีหมึก นีร่ายืนอยู่บนผืนทราย แผลที่แขนยังพันผ้าแน่น แต่เลือดยังซึมออกไม่หยุด ข้างเธอ อีธานยืนเงียบ เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่จ้องมองหน้าเธอราวกับอยากจำทุกรายละเอียดไว้ให้ขึ้นใจ นีร่าหันมามองเขา ดวงตาสองคู่สบกันในความเงียบ “ข้าจะรีบกลับมา” เธอเอ่ยเบาๆ น้ำเสียงสั่น อีธานพยักหน้า แต่สายตาเขาเต็มไปด้วยห่วง “นานแค่ไหน?” “ข้าไม่รู้…” นีร่ากลืนน้ำลาย “แค่ไม่กี่วัน ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด” อีธานถอนหายใจ มือใหญ่ลูบผมเธออย่างแผ่วเบา “เจ้าพูดเหมือนมันจะง่าย” “มันไม่ง่าย” เธอยิ้มจางๆ “แต่ข้าต้องลอง” เขาเงียบไปนาน ก่อนจะหยิบมีดสั้นเล่มหนึ่งจากเอว ด้ามเป็นเหล็กเรียบเรียง เส้นคมคมกริบ “เอาไว้ป้องกันตัว” นีร่ารับมาไว้ในมือ สายตาเธอเริ่มพร่า เธอขยับเข้าไปใกล้ โอบแขนรอบตัวเขาแน่น “ข้ากลัว…” เธอกระซิบ “กลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้าเจ้าอีก” “ข้าก็กลัวเหมือนกัน” เขากอดเธอแน่นยิ่งกว่าเดิม “แต่ข้ารู้ว่าเจ้าเข้มแข็งกว่าใคร ข้าจ