นีร่าเดินไปตามทางดินที่แคบลง ล้อมด้วยพุ่มไม้เตี้ยและรั้วไม้ผุพัง กลิ่นหญ้าแห้งคลุ้งในอากาศ
หมู่บ้านเล็กๆ เงียบเชียบ มีเสียงสุนัขเห่าอยู่ไกลๆ กับเสียงฆ้อนตอกตะปูดังเป็นจังหวะ เธอเดินไปจนถึงลานโล่งหน้าบ้านหลังหนึ่ง ที่มีชายวัยกลางคนกำลังซ่อมเรือลำเล็กชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมอง ร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำกร้านแดด ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยความระแวง “มองหาใคร?” เสียงแหบต่ำทำให้เธอชะงัก นีร่ากำจี้หอยมุกไว้แน่นจนเจ็บนิ้ว “...เปล่า...ข้าแค่เดินดู...” ชายคนนั้นมองตั้งแต่หัวจรดเท้า เห็นผิวซีด ผมยาวเปียกยุ่ง และแววตาที่ว่างเปล่า “เจ้าหลงมา?” เธอหลบตา ไม่ตอบ “นั่นจี้หอยมุก?” นีร่าเงยหน้าทันที “เจ้า...รู้จักมันหรือ?” ชายคนนั้นถอนใจ วางฆ้อนลงบนขอบเรือ “ข้าแค่เคยเห็นคนชาวเรือมี พวกที่ต้องจากบ้านนานๆ มักให้คนรักไว้...มันคือสัญญา ว่าจะกลับมา” สัญญา... คำนี้เหมือนแทงใจเธอจนเจ็บจี๊ด นีร่าสูดลมหายใจ ลมหายใจที่เหมือนเต็มไปด้วยหนาม “แต่ข้า...จำไม่ได้...” เสียงเธอเหมือนกระซิบ ชายคนนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอื้อมมือไปหยิบถังน้ำขึ้นมาวางข้างตัว “จะหาที่พักหรือจะถามข่าวคนในหมู่บ้าน ไปบ้านยายเมรินนั่นแหละ เธอรู้จักคนแถวนี้ดี” “ยาย...เมริน?” “ใช่ อยู่ท้ายหมู่บ้านหลังโบสถ์เล็กนั่น” เขาผงกหน้าไปทางโบสถ์ไม้สีซีด ที่มีไม้กางเขนเอียงๆ อยู่บนหลังคา นีร่าพยักหน้าช้าๆ ขอบคุณ แล้วเดินต่อไป ระหว่างทาง เธอเดินผ่านบ้านหลายหลัง ส่วนใหญ่ปิดประตูเงียบ มีคนชะโงกหน้ามองบ้างแต่ไม่ทัก เสียงกระซิบลอยตามหลัง “นั่นใคร...ดูแปลกจัง...” “คนหลงเรือรึไง” “นางมีจี้นั่นนะ...” นีร่าก้มหน้า เดินเร็วขึ้น ความอับอายแล่นขึ้นมาจนหน้าแดง ทั้งที่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำผิดอะไร พอพ้นแนวบ้าน เธอก็เห็นโบสถ์ไม้เล็กๆ ล้อมด้วยรั้วเตี้ยเก่า ข้างหลังมีบ้านหลังหนึ่ง ปลูกติดกันเหมือนบ้านพักของคนดูแล เธอหยุดอยู่หน้าประตูไม้ ลังเล สุดท้ายก็ยกมือเคาะ เสียงฝีเท้าคล้ายคนเดินลากส้นดังเข้ามา ก่อนประตูจะค่อยๆ แง้มออก หญิงชราร่างผอมโครง ผมหงอกขาวทั้งหัวโผล่หน้ามา “มาหาใคร?” เสียงแหบพร่าแต่ไม่ดุดัน นีร่าสูดลมหายใจ กำจี้หอยมุกไว้แน่น “...ข้าจำอะไรไม่ได้...มีคนบอกว่าท่านชื่อเมริน...ข้า...” หญิงชราจ้องเธอนาน จนเธอเริ่มอยากถอยหนี สุดท้ายเมรินถอนหายใจ เปิดประตูกว้างขึ้น “เข้ามาก่อนสิ...เจ้าหน้าซีดยิ่งกว่าเกลือ” --- ในบ้านเต็มไปด้วยกลิ่นสมุนไพรและไม้แห้ง เธอเห็นชั้นวางขวดน้ำยาแปลกๆ กับถุงผ้าแขวนเต็มเพดาน หญิงชราพยุงเธอนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเตี้ย แล้วรินน้ำอุ่นส่งมาให้ “ค่อยๆ ดื่ม” นีร่ารับมาถือไว้ ฝ่ามือสั่นน้อยๆ “เจ้าจำอะไรไม่ได้เลย?” เธอสั่นหน้า “แม้แต่ชื่อ?” “...นีร่า...” เสียงเธอสั่น “ข้าจำได้แค่ว่า...ชื่อข้าคือนีร่า...” “แล้วจี้นั่นล่ะ?” เธอก้มมองมัน น้ำตารื้น “ข้าจำไม่ได้...แต่ใจข้า...บอกว่ามันสำคัญ...” หญิงชราเมรินนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอื้อมมือเหี่ยวย่นมาลูบหลังมือเธอเบาๆ “บางความทรงจำ...ต้องใช้เวลา...ไม่ใช่ว่าวันหนึ่งจะนึกได้ทั้งหมด” นีร่าหลับตา น้ำตาหยดใส่จี้ “แต่ข้าไม่รู้จะรออะไร...หรือรอใคร...” “งั้นก็อยู่ที่นี่สักพัก” เมรินพูดเสียงแผ่ว “จนกว่าเจ้าจะหาคำตอบได้...หรือจนกว่าหัวใจเจ้าจะไม่รออีกต่อไป” วันถัดมา นีร่าเริ่มช่วยงานเล็กๆ ในหมู่บ้าน ล้างสมุนไพร หาบน้ำ กวาดลาน ทุกครั้งที่เธอเดินผ่านริมทะเล เธอจะหยุดมองฟ้า มองคลื่น ที่พัดไปพัดมาเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างที่ไม่มีวันกลับมา ยามค่ำ เธอนั่งกอดเข่าตรงมุมห้อง มองจี้หอยมุกในมือ ย้ำกับตัวเองว่าเธอเลือกที่จะลืม แต่หัวใจ...ก็ยังเจ็บเหมือนเดิม เย็นวันนั้น หลังตะวันตกดิน นีร่าเดินกลับจากบ่อน้ำ มือถือถังไม้เปียกๆ สองใบ ลมทะเลพัดมาทำให้เธอสั่น ระหว่างทาง เธอเห็นชายคนหนึ่งยืนพิงรั้ว ร่างสูง ไหล่กว้าง หน้าตาเหมือนคนเคยผ่านเรื่องหนักมามาก ดวงตาคมเข้มจับจ้องมาที่เธอ นีร่าเบือนหน้าหนี ก้าวจะเดินต่อ แต่เสียงเขาก็ดังขึ้น “เฮ้...เจ้าคือคนที่หลงมาใช่ไหม?” เสียงทุ้มต่ำ ทำเธอชะงักไปนิด ก่อนหันกลับมามอง เธอพยักหน้าช้าๆ “ใช่...ข้า...นีร่า” ชายคนนั้นกอดอก ถอนใจ “ข้าชื่อดราน หาปลาตามชายฝั่ง เห็นเจ้ามองทะเลทุกวัน...ถ้ากำลังรอใครอยู่ บอกไว้เลยนะ ทะเลมันไม่คืนคนง่ายๆ หรอก” นีร่ากำด้ามถังแน่น “ข้าไม่ได้รอ...” “แต่ข้าดูออก” ดรานมองเธอตรงๆ “แววตาเจ้ามันบอกหมด...เจ้ารอใครบางคนอยู่...หรือไม่ก็รอความทรงจำ” เธอเม้มปาก ไม่ตอบ ลมพัดผมยาวปลิวมาตีหน้า “ข้าจำอะไรไม่ได้เลย...” เสียงเธอเบาเหมือนลม “แต่ในอก...มันโหวง...มันเหมือนเจ็บอยู่ตลอดเวลา” ดรานนิ่งไปก่อนจะถอนหายใจแรงๆ “ก็เพราะเจ้าทิ้งทะเลมานั่นแหละ” “ทิ้ง...?” “ใช่” เขาพูดเสียงเข้ม “ใครจะไปทิ้งทะเลได้ง่ายๆ ถ้าเคยเป็นส่วนหนึ่งของมัน...ถึงตัวจะขึ้นฝั่ง หัวใจเจ้าก็ยังอยู่ตรงนั้น” เธอก้มหน้า ไม่รู้จะเถียงยังไง “แล้วเจ้าจะเอายังไงต่อ?” “ข้า...” เธอเงยหน้าช้าๆ “ข้าไม่รู้ ข้าก็แค่...อยากหาทางอยู่ต่อไป” ดรานส่ายหน้าเบาๆ “อยู่ต่อไปมันไม่ง่ายหรอก ถ้าใจเจ้ามันลอยอยู่กับคลื่น” เขาดันตัวลุกจากรั้ว เดินมาหยุดตรงหน้าเธอ มองจี้หอยมุกที่ห้อยอยู่ในมือ “ของพรรค์นี้...” เขาชี้ “มันจะตามหลอกเจ้า จนกว่าจะตัดใจได้” “ข้าทิ้งมันไม่ได้...” “เพราะเจ้ากลัวลืม” คำนี้เหมือนมีดแทงอก นีร่าเงียบจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นแรง “เจ้าจะอยู่หมู่บ้านนี้ ก็อยู่ไปเถอะ แต่จำไว้อย่าง...” ดรานก้มมองเธอ “ถ้าวันไหนเจ้าจำได้ ว่าเคยเป็นใคร เคยรักใคร เจ้าจะเจ็บยิ่งกว่านี้อีกหลายเท่า” เขาพูดเสร็จก็เดินจากไป ทิ้งเธอไว้กับเงาสลัว ของตะวันตกดิน --- คืนนั้น นีร่านอนห่มผ้าบางๆ อยู่มุมห้อง มือยังกำจี้หอยมุกแน่น น้ำตาซึมออกมาเอง เจ็บยิ่งกว่านี้อีกหลายเท่า... เธอหลับตา ฝืนไม่ให้ร้องไห้ แต่เสียงในหัวไม่หยุดดัง “นีร่า...” เสียงแหบพร่าของผู้ชายคนหนึ่ง เสียงที่เธอไม่รู้จัก แต่ฟังแล้วหัวใจเต้นแรง “อย่าลืมข้า...” --- เช้ามืด เธอสะดุ้งตื่น เหงื่อท่วมตัว หัวใจเต้นแรงจนเจ็บอก หญิงชราเมรินเดินเข้ามาพอดี ถามเสียงง่วง “ฝันร้ายหรือ?” “...ข้า...ฝันถึงใครบางคน..” “ใคร?” “...ไม่รู้...แต่เขาเรียกชื่อข้า...เหมือนอ้อนวอน” หญิงชรามองเธอนิ่งก่อนพูดขึ้น “ถ้าเจ้าคิดว่ามันสำคัญ...จงหาคำตอบ...แต่ถ้าคิดว่ามันจะทำให้เจ็บจนอยู่ไม่ได้...ก็ทิ้งมันไปเสีย” นีร่ามองจี้หอยมุก น้ำตาไหลอีกรอบ “...ข้าทิ้งไม่ได้...” หญิงชราถอนหายใจ เธอลุกขึ้น ยืนเท้าเปล่าบนพื้นไม้เย็น “งั้นก็อย่าหนี...ถ้ามันจะเจ็บ ก็ต้องยอมรับมัน” --- ก่อนตะวันขึ้น นีร่าเดินออกไปยืนหน้าบ้าน มองทะเลที่เริ่มสะท้อนแสงสีทอง ข้าเลือกที่จะลืม...แต่หัวใจข้ายังจำ... เธอเอามือปิดอก สูดลมหายใจลึก “...ถ้าเจ้ามีจริง...ถ้าเราเคยสัญญาไว้...ข้าจะหาทางรู้ให้ได้...” เสียงลมพัดแรง ผมเธอปลิวกระเซอะกระเซิง แต่แววตาไม่สั่นอีก รุ่งเช้า – หน้าบ้านยายเมริน นีร่ายืนมองทะเลอยู่นานจนแดดเริ่มแรง เธอหายใจเข้าออกลึกๆ เหมือนรวบรวมแรงใจ ในอกมันยังเจ็บ แต่แววตาเธอเริ่มเด็ดขาด “ถ้ามีใครรอข้าอยู่…ข้าจะหาทางจำให้ได้” เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังมาจากข้างหลัง เธอหันไปเห็นดรานยืนพิงรั้ว สายตายังเข้มเหมือนเมื่อวาน “เจ้าจะเอายังไงต่อ?” “ข้าจะกลับไปที่หาด…” เธอพูดเสียงชัด “ข้าจะลองหาว่า…มันมีอะไรหลงเหลืออยู่บ้าง” “เจ้าบ้า” ดรานส่ายหน้า “ถ้าเจ้าเป็นเงือกจริงๆ…การกลับไปใกล้คลื่น อาจทำให้เจ้าลืมตัว กลับลงน้ำไปเลย” “ก็ช่างมัน” นีร่ากำจี้หอยมุกแน่น “ข้าอยู่แบบนี้…ไม่รู้ตัวเองเป็นใคร…มันทรมานกว่าตายเสียอีก” ดรานมองเธอเงียบๆ สักพัก ก่อนถอนใจแรงๆ “เอาเถอะ…เจ้าดื้อ ข้าห้ามไม่ได้อยู่แล้ว”นีร่ากับดรานเดินกันจนขาลาก หอบของไปถามเรือหลายเจ้า กว่าจะได้ข่าวว่า“จะไปหมู่บ้านที่อีธานอาศัยอยู่…ต้องนั่งเรือพ่อค้าอาชิพรุ่งนี้เช้า ค่าที่นั่งคนละสิบเหรียญ ถ้าลงของอีก ก็คิดเพิ่ม…”นีร่าฟังแล้วเหงื่อตก มือควักถุงผ้าดู เหลือเศษเหรียญพอกริบ ๆ แค่พอซื้อข้าวสองมื้อเธอหันไปมองดรานอย่างจนใจ“ทำไงดี…ถ้าไม่มีเงิน ข้าก็ไปต่อไม่ได้…”ดรานเท้าเอวมองนีร่า เหมือนจะรำคาญแต่ก็ถอนใจ“เจ้าก็ร้องไห้ออกมาให้มีไข่มุกสิ ข้าเคยได้ยินว่าพวกเงือกเเบบเจ้าทำได้…เจ้ามีหอยมุกพวกนั้นไม่ใช่รึไง มันใช้เป็นค่าเดินทางได้?”นีร่าหน้าเหวอ“…ข้าจะร้องไห้ตอนนี้ได้ไงเล่า!”“ก็ทำให้มันเศร้า ๆ สิ”นีร่าเดินไปนั่งกอดเข่าตรงบันไดไม้ข้างเพิงร้านค้า พึมพำกับตัวเอง“เศร้า ๆ…เศร้ายังไง…”เธอหลับตาพยายามนึกถึงตอนที่หนีจากทะเล“ข้า…ข้าทอดทิ้งคนที่ข้ารัก…ข้าทำลายคำสัญญา…ฮือ…”เงียบ ไม่มีน้ำตาสักหยดเธอลืมตาขึ้น หน้าบึ้ง“ไม่ออก…”ดรานยืนกอดอกมองอย่างระอา“ลองนึกถึงตอนหิวข้าวดู…”นีร่าเบะหน้า หยิบขนมปังในถุงผ้าขึ้นมาดู เห็นเหลือแค่แผ่นเดียว“ฮือ…ขนมปังแผ่นสุดท้าย…ข้าจะไม่มีแรงเดิน…”น้ำตาเริ่มคลอ ๆ แต่ยังไม่หยดดรานทำหน้าเหมือนจะห
นีร่ายืนอยู่ที่เดิม ปลายเท้าจมลงไปในทรายเปียก ลมหนาวจากทะเลพัดใส่หน้า ดวงตาเธอเหมือนมองไปที่ผิวน้ำ“ถ้าเจ้ามีจริง…ผู้คุมทะเล…ถ้าเจ้ารู้จักข้า…ช่วยบอกข้าที…”เสียงเธอแผ่วเบาทันใดนั้น ลมรอบตัวหยุดนิ่ง คลื่นชะงักไปเหมือนมีบางอย่างสั่งให้สงบเงาสีครามเข้มเริ่มก่อตัวกลางทะเล ม้วนเป็นรูปร่างสูงใหญ่ ดวงตาสีน้ำเงินเรืองแสงราวประกายไฟในพายุดรานที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอถอยหลังไปสองก้าว สีหน้าหวาดระแวงเสียงนั้นดังก้องในอากาศ คล้ายไม่ได้ออกมาจากปาก แต่ดังในหัวเธอ“นีร่า…ผู้ที่หลงจากท้องทะเล…”หัวใจเธอกระตุกแรง“เจ้ามาที่นี่เพื่อหนี…หรือเพื่อจดจำ?”นีร่าเม้มปาก ฝ่ามือเย็น“ข้า…ไม่รู้…ข้าแค่…ทนไม่ไหวอีกแล้ว…”เงานั้นยื่นมือที่ทำจากละอองน้ำมาตรงหน้าเธอ “ความทรงจำเจ้ามิได้สูญหาย มันเพียงถูกผนึกไว้…”เธอสั่นหัว น้ำตาซึม“ข้า…ข้าอยากจำ…ต่อให้ต้องเจ็บ…”เสียงทะเลครืนต่ำรอบตัว คลื่นยกตัวขึ้น ล้อมวงรอบเธอเป็นวงแหวน“ถ้าเจ้าพร้อม…จงมองข้า…”นีร่าช้อนตาขึ้นมองดวงตาเรืองแสงคู่ใหญ่ มันลึกจนเหมือนจะกลืนเธอทั้งร่างทันใดนั้น คลื่นวงนอกโถมเข้ามา ทะลุร่างเธอหัวเธอเหมือนถูกฉีกออกเธอเห็นตนเองในน้ำลึก สวมเกล็ดสี
นีร่าเดินไปตามทางดินที่แคบลง ล้อมด้วยพุ่มไม้เตี้ยและรั้วไม้ผุพัง กลิ่นหญ้าแห้งคลุ้งในอากาศหมู่บ้านเล็กๆ เงียบเชียบ มีเสียงสุนัขเห่าอยู่ไกลๆ กับเสียงฆ้อนตอกตะปูดังเป็นจังหวะเธอเดินไปจนถึงลานโล่งหน้าบ้านหลังหนึ่ง ที่มีชายวัยกลางคนกำลังซ่อมเรือลำเล็กชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมอง ร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำกร้านแดด ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยความระแวง“มองหาใคร?”เสียงแหบต่ำทำให้เธอชะงัก นีร่ากำจี้หอยมุกไว้แน่นจนเจ็บนิ้ว“...เปล่า...ข้าแค่เดินดู...”ชายคนนั้นมองตั้งแต่หัวจรดเท้า เห็นผิวซีด ผมยาวเปียกยุ่ง และแววตาที่ว่างเปล่า“เจ้าหลงมา?”เธอหลบตา ไม่ตอบ“นั่นจี้หอยมุก?”นีร่าเงยหน้าทันที“เจ้า...รู้จักมันหรือ?”ชายคนนั้นถอนใจ วางฆ้อนลงบนขอบเรือ “ข้าแค่เคยเห็นคนชาวเรือมี พวกที่ต้องจากบ้านนานๆ มักให้คนรักไว้...มันคือสัญญา ว่าจะกลับมา”สัญญา...คำนี้เหมือนแทงใจเธอจนเจ็บจี๊ด นีร่าสูดลมหายใจ ลมหายใจที่เหมือนเต็มไปด้วยหนาม“แต่ข้า...จำไม่ได้...”เสียงเธอเหมือนกระซิบ ชายคนนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอื้อมมือไปหยิบถังน้ำขึ้นมาวางข้างตัว“จะหาที่พักหรือจะถามข่าวคนในหมู่บ้าน ไปบ้านยายเมรินนั่นแหละ เธอรู้จักคนแถวนี้ดี”
รุ่งเช้า – ริมหาดเงียบสงบ แสงแดดอ่อนสาดลงบนร่างที่นอนนิ่งอยู่ริมฝั่ง เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาสีฟ้าอ่อนจ้องฟ้าอย่างเลื่อนลอย เส้นผมยาวสีทองพลิ้วไหวไปตามลมทะเล หยักเป็นลอนจากน้ำเค็ม เธอค่อยๆ ยันตัวลุกนั่ง ดวงหน้าสวยละมุนแต่เต็มไปด้วยความว่างเปล่า “…ที่นี่…คือที่ไหนกันแน่” เธอก้มมองตัวเอง ขาทั้งสองข้างเปลือยเปล่าเปียกน้ำเล็กน้อย รอยเกล็ดหางเงือกจางหายไปหมดแล้ว ไม่มีเสียงตอบ มีเพียงเสียงคลื่นเบาๆ กับเสียงลม สายตาเธอเหลือบไปเห็น จี้หอยมุกสีขาวซีด วางอยู่บนผืนทรายข้างตัว ราวกับมันถูกวางไว้ให้เธอ เธอหยิบมันขึ้นมา พลิกดูอย่างลังเล มันดูเก่าแต่แปลกตา เหมือนเป็นของสำคัญอะไรสักอย่าง แต่มันกลับไม่จุดประกายความทรงจำใดๆ เลยในหัวเธอ “…ของใคร…” เธอพึมพำเบาๆ เธอลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เสื้อผ้าของเธอเป็นผ้าบางคลุมกายเรียบง่ายเหมือนคนหลงทาง ร่างกายเบากว่าที่คิด แต่ในหัวกลับหนักหน่วง เธอไม่รู้ว่าเคยเป็นใคร มาจากไหน หรือใครกำลังรอเธออยู่ รู้แค่…ตอนนี้เธอคือใครก็ไม่รู้ และไม่เหลืออะไรให้เป็นความทรงจำ เสียงคลื่นซัดซ้ำกับฝั่ง เธอกำจี้หอยมุกไว้แน่น หัวใจบีบรัดโดยไม่มีเหตุผล รู้แค่ว่า
จากนั้นมือของเธอที่จุ่มลงในบ่อก็เริ่มร้อนขึ้นจากข้างในแผลเริ่มเปลี่ยนสี จากแดงกลายเป็นฟ้าอ่อน แล้วก็จางหายไปเหมือนละลายเข้ากับน้ำแต่สิ่งที่เปลี่ยนไปไม่ใช่แค่แผล…ร่างของเธอเริ่มส่องแสงอีกครั้ง หางของเธอยาวขึ้นเล็กน้อย ครีบข้างหลังขยายออกเหมือนกำลังคืนสภาพเงือกเต็มตัวเธอหลับตาแน่น รู้สึกถึงบางอย่างในอกที่กำลังเปลี่ยนไปมันไม่ใช่แค่ร่างกาย…มันคือหัวใจเสียงนั้นกลับมาดังอีก> “ตอนนี้…เลือดเจ้าได้รับการชำระแล้ว…เลือดของเงือกจะเข้มข้นขึ้น…เจ้าต้องเลือก…”> “จะอยู่ใต้ทะเลตลอดไป…หรือจะกลับขึ้นไปยังโลกบนบก…ในฐานะมนุษย์…”หัวใจของนีร่ากลับมาเต้นแรงอีกครั้ง—เหมือนกำลังจะระเบิดสองทาง…ไม่มีทางเลือกไหนที่ไม่เสียใจอยู่ใต้ทะเล…ก็ต้องลาจากเขากลับขึ้นบก…ก็ต้องทิ้งตัวตนที่แท้จริงเธอสะอื้นออกมา น้ำตาไหลทั้งที่ไม่มีใครได้ยินเธอนั่งอยู่ตรงนั้นนานมาก นิ่งจนปลาตัวเล็กๆ กล้าว่ายมาเกาะไหล่จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้น สูดลมหายใจลึก“ข้า…ข้าอยากจะกลับไปหาเขา…แต่…”เธอมองรอบตัว มองทะเลที่โอบล้อมเธอไว้เสมอ“ข้าก็อยากปกป้องที่นี่เหมือนกัน…”มือของเธอสั่น แต่หัวใจกลับนิ่งขึ้น“ข้าขอ…แค่โอกาสได้เลือกอีกครั้ง…”
นีร่าว่ายลึกลงไปเรื่อยๆ จนแสงจันทร์ข้างบนเริ่มหายไปหมด รอบตัวมีแต่ความมืดกับเสียงน้ำโอบล้อม ทุกครั้งที่เธอขยับหาง สีเงินก็วูบวาบอยู่แค่พริบตาแล้วดับไปหัวใจเธอเต้นแรงขึ้น เพราะเธอไม่เคยลงมาถึงที่นี่มาก่อนข้างหน้า…มองแทบไม่เห็นอะไร แต่พอลมหายใจเธอเริ่มชินกับน้ำเย็นๆ ตาเธอก็ค่อยๆ ชินกับความมืดเธอเห็นพื้นทรายกว้างใหญ่ มีก้อนหินเรียงกันเป็นวงๆ เหมือนมีใครตั้งใจวางไว้ บนนั้นมีสัญลักษณ์เก่าแก่ที่เธออ่านไม่ออก แต่หัวใจเธอกลับรู้สึกคุ้นแปลกๆ เหมือนมันเรียกเธออยู่นีร่าว่ายเข้าไปใกล้ แล้วเธอก็เห็นใครบางคนนั่งนิ่งๆ อยู่ตรงกลางวงหินเป็นร่างสูงใหญ่ หลังโค้งงอ หางยาวสีเข้มพันรอบหิน ผมยาวสีขาวลอยตามน้ำเหมือนเงาต้นสาหร่ายหัวใจเธอเต้นแรงจนเจ็บอก เธอรู้ทันทีว่า…ผู้เฒ่าเงือกเธอเคยได้ยินตำนานมาแต่เด็ก ว่าใต้ทะเลลึกจะมีเงือกเฒ่าผู้เฝ้าความลับของท้องทะเลมานับร้อยปีนีร่ากลืนน้ำลาย ฝ่ามือสั่นนิดๆ แต่ก็ว่ายเข้าไปช้าๆ จนอยู่ห่างกันไม่ถึงสิบก้าวร่างนั้นยังนั่งนิ่ง ไม่ขยับ ไม่พูด เหมือนรูปปั้นเก่าๆ ที่มีชีวิตนีร่าหายใจเข้าลึก สูดเอากลิ่นทะเลที่หนาวกว่าเดิมเข้าปอด ก่อนจะตัดสินใจพูดเสียงแผ่ว“…ท่าน…คือผู