หลินซีคิดเสมอ ว่าหากเธอสามารถทำหน้าที่ต้นหนที่ดี ผลักดันให้เรือรักของเพื่อนทั้งสองไปถึงฝั่งฝันได้ เธอคงไม่ต้องคอยรับมือกับอาการพาลและเลือดร้อนของคุณใสอีก แต่ดูเหมือนเธอจะคิดผิด...
เช้านี้หลินซีตื่นขึ้นเพราะเสียงข้อความที่เด้งรัวๆ ราวกับมีเหตุด่วนเหตุร้าย ไม่ก็มีใครเสียชีวิต
ทว่าเมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เธอก็ต้องพบกับรูปคู่ของเพื่อนทั้งสองที่นอนอยู่ข้างกันบนเตียง ใบหน้าของน้ำมนต์ดูทรมานเหมือนกับว่ากำลังฝันร้าย ส่วนคุณใสก็ยิ้มเยาะใส่กล้องราวกับผู้ชนะ
หลินซีคุ้นชินกับพฤติกรรมคลั่งรักของเพื่อนคนนี้นานแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณใสส่งรูปความน่ารักของน้ำมนต์มาให้เธอดู เหตุที่คุณใสทำเช่นนั้น คงเพราะต้องการอวดคนรักของตน ไม่ก็คงกำลังแสดงความเป็นเจ้าของอย่างออกนอกหน้า
...เอาที่สบายใจแล้วกัน...
เห็นเพื่อนสองคนมีความสุข หลินซีก็มีความสุขไปด้วย
วันนี้พี่ชายของเธอไม่อยู่ที่ห้อง เธอจึงตัดสินใจลงไปหามื้อเช้าที่ร้านสะดวกซื้อหน้าคอนโด ระหว่างทางบังเอิญเจอกับยูเรพอดิบพอดี
วันนี้เขาแต่งตัวค่อนข้างสบายกว่าปกติ ส่วนมากยูเรจะชอบแต่งกายเรียบร้อย และเซตผมดูดีอยู่เสมอ วันนี้กลับใส่เพียงเสื้อยืดและกางเกงยีนขาดๆ เผ้าผมยุ่งเหยิงเหมือนเพิ่งสระมาใหม่ๆ ยังมีหยดน้ำเกาะอยู่ตามปลายผม
ยูเรกำลังคุยสายกับใครบางคน ใบหน้าเคร่งเครียดต่างจากยูเรที่หลินซีรู้จัก
ก่อนวางสายยูเรตวาดบางอย่างใส่โทรศัพท์ก่อนหันกลับมาและพบหลินซียืนอยู่ข้างหลัง
"ไงหลิน ตื่นแต่เช้าเลยนะ" ใบหน้าเคร่งขรึมถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มสดใส
"นายก็เหมือนกัน"
หลินซีเหลือบมองโทรศัพท์ในมือยูเร รู้ดีว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่น แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าหากเพื่อนของเธอต้องการความช่วยเหลือจะทำอย่างไร
"นาย...มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?"
ยูเรส่ายศีรษะ "ไม่มีหรอก...ก็แค่เรื่องที่บ้านน่ะ แล้วนี่หลินจะไปไหนเหรอ?"
"หาของกิน...จะไปด้วยกันไหม?"
ยูเรพยักหน้า "เอาสิ"
เดินเพียงไม่กี่นาทีก็ถึงร้านสะดวกซื้อ ละแวกคอนโดเต็มไปด้วยร้านอาหารตามสั่งมากมาย หลินซีเลือกที่จะซื้ออาหารกลับไปทานบนห้อง เพราะเธอยังมีงานอีกมากที่ต้องจัดการ บวกกับยูเรเองก็ต้องรีบไปทำงานพิเศษเช่นกัน
ระหว่างนั่งรออาหาร ยูเรหันมองไปยังคู่รักหญิงหญิงที่กำลังทานอาหาร พวกเธอผลัดกันถ่ายรูปอย่างมีความสุข
"น่ารักดีเนอะ" ยูเรพึมพำ
"อืม" หลินซีพยักหน้าเห็นด้วย
ทันใดนั้นแววตายูเรกลับค่อยๆ จืดจาง เขาหันมายิ้มให้หลินซี
"หลินคิดยังไงกับพวกรักเพศเดียวกันเหรอ?"
คำถามที่สามารถตอบได้หลายแง่มุมแบบนี้ หลินซีไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ จากที่สังเกตแม้ปากยูเรจะบอกว่าคู่รักสองคนนั้นน่ารัก แต่สีหน้ากลับตรงกันข้าม ต่างคนก็ต่างความคิด คำถามนี้จึงเหมือนการบังคับตอบเสียมากกว่า
หลินซีจะตอบเอาใจเพื่อน หรือตอบตามความคิดตัวเอง
มันแน่นอนอยู่แล้ว...
"ฉันไม่เคยมองเรื่องเพศเป็นเส้นแบ่งแยกความแตกต่างของคู่รักหรอกนะ จะหญิงหรือชาย ทุกคนก็มีข้อดีข้อเสียของตัวเอง และฉันหมายถึงนิสัย ไม่ใช่เพศ ขอแค่คนที่อยู่ด้วยมีความสุข ฉันว่านั่นก็เป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบแล้วล่ะ"
ยูเรยิ้มอย่างพอใจ
"หลินเนี่ยเป็นคนที่ใจกว้างจังเลยนะ"
หลังจากนั้นทั้งสองก็ไม่ได้สนทนาอะไรกันอีก กระทั่งแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน
เมื่อคืนน้ำมนต์ฝันร้าย
สมัยเด็กน้ำมนต์มักฝันถึงเรื่องราวเดิมๆ เป็นภาพที่ไม่ปะติดปะต่อ ถูกฉายสลับไปมาในสมอง ร่างเล็กหมุนคว้างราวกับอยู่ใจกลางพายุลูกใหญ่ สายฝนสาดกระโชก เศษกระจกรถที่แตกเป็นเสี่ยงๆ กระจายรอบตัว ร่างหนึ่งโถมเข้าหาน้ำมนต์ ฝ่ามือขนาดใหญ่บดบังทัศนวิสัยการมองเห็นของเขาจนหมดสิ้น เหลือเพียงความมืดมิดและว่างเปล่า
โดยปกติแล้ว น้ำมนต์จะสะดุ้งตื่นหลังจากถูกทิ้งไว้ในความมืด ทว่าครั้งนี้ต่างออกไป บรรยากาศรอบตัวแปรเปลี่ยนความมืดค่อยๆ สลายกลายเป็นประตูเชื่อมไปยังสถานที่อื่น ระเบียงบ้านอันแสนคุ้นเคยปรากฏขึ้นตรงหน้า สภาพอากาศย่ำแย่ชวนให้น้ำมนต์นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
แม้จะเป็นในความฝัน น้ำมนต์ก็ยังพยายามก้าวถอยหลัง การขยับขาแต่ละครั้งช่างยากลำบากประหนึ่งขาจมในดินโคลนสูง
และแล้วสิ่งที่น้ำมนต์กลัวที่สุดก็ปรากฏตัว
...หญิงสาวในชุดนอนสีแดง...
ครั้งนี้น้ำมนต์มองเห็นรูปร่างของเธอได้อย่างชัดเจน คำว่าน่ากลัวคงน้อยไปที่จะบรรยายรูปลักษณ์ของเธอ หญิงสาวมีแววตาที่ดุร้าย เธอทั้งดูโกรธแค้น ริษยา และทรมานในเวลาเดียวกัน
เธอยังคงยืนที่เดิม แสยะยิ้มทั้งที่ดวงตาเบิกโพลง มือสีดำค่อยๆ ยกขึ้นจับที่ประตูรั้ว
เธอพยายามจะเข้ามา...
น้ำมนต์กลัวจนอยากจะร้องไห้ ในตอนนี้ขาของเขาขยับไปไหนไม่ได้ราวกับถูกตรึงเอาไว้ด้วยพันธนาการที่มองไม่เห็น ชายหนุ่มตะโกนร้องเรียกชื่อคนรักเพื่อขอความช่วยเหลือ ทว่าไม่มีแม้เสียงตอบรับ
ในตอนที่หันหลังมองหาทางหนี เขาก็พบว่าที่ด้านหลังมีอีกร่างหนึ่งปรากฏอยู่ ชายไร้หน้าคนนั้นที่คอยตามติดน้ำมนต์มาตั้งแต่จำความได้
สถานการณ์ที่ถูกล้อมหน้าล้อมหลังทำให้น้ำมนต์แทบสติแตก
หญิงสาวในชุดนอนสีแดงเขย่าประตูรั้วถี่ ส่วนชายไร้หน้าก็เอื้อมมือมาหาน้ำมนต์
เด็กหนุ่มทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ทรุดลงกับพื้น หลับตา ยกมือขึ้นปิดหู ไม่ต้องการรับรู้อะไรอีกต่อไป ปลายนิ้วของชายไร้หน้าเกือบจะสัมผัสไหล่ของร่างเล็กที่กำลังหวาดกลัว โชคดีที่คุณใสปลุกน้ำมนต์ให้ตื่นจากความฝันเสียก่อน
"ตื่นเถอะ! น้ำมนต์เป็นอะไรไป!"
หลังจากที่คุณใสถ่ายรูปคู่รักของตนส่งไปอวดเพื่อนสาวเป็นที่เรียบร้อย เขาก็พบว่าคนในอ้อมกอดกำลังตัวสั่น คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ใบหน้าดูทรมานเกินจะบรรยาย ทว่าดวงตากลับยังปิดสนิท
คุณใสพยายามเขย่าตัวคนรักแต่ก็ไม่เป็นผล น้ำมนต์ส่งเสียงครางด้วยความหวาดกลัวราวกับกำลังฝันร้าย
สุดท้ายเขาจึงต้องตะโกนเสียงดัง
ในที่สุดร่างเล็กก็สะดุ้งตื่น
น้ำมนต์หอบหายใจถี่เพื่อโกยอากาศเข้าปอดอย่างยากลำบาก นัยน์ตาสั่นไหวเพราะความกลัว บนใบหน้าและร่างกายชุ่มไปด้วยเหงื่อ
"คะ คุณใส คุณใส"
น้ำมนต์โผเข้ากอดชายตรงหน้า
"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะ ฉันอยู่ตรงนี้"
ฝ่ามือหนาลูบปลอบขวัญคนรักของตน
ไม่บ่อยที่น้ำมนต์จะมีปฏิกิริยารุนแรงกับความฝัน แต่ครั้งนี้มันบั่นทอนจิตใจของเขาพอสมควร
"โอ๋ๆ นะคนดี ไม่มีอะไรแล้ว...นายปลอดภัยแล้ว"
ผ่านไปหลายนาทีกว่าน้ำมนต์จะได้สติ คุณใสยังคงไม่คลายอ้อมกอดของตน คนตัวเล็กค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ขอบตาของเขาเป็นสีแดงก่ำประหนึ่งร้องไห้มาทั้งวัน
"ดีขึ้นไหม?"
คุณใสเอ่ยถามขณะใช้นิ้วมือปาดเส้นผมและเม็ดเหงื่อออกจากใบหน้าของร่างเล็ก แล้วจึงก้มลงจุมพิตที่หน้าผากขาว ในใจภาวนา หากสามารถแบ่งความกล้า และความโชคดีของตนให้คนรักที่กำลังหวาดกลัวได้ เขาขอยกให้ทั้งหมด...ทำเช่นไรก็ได้ ให้เด็กคนนี้ไม่ต้องพบเจอกับเรื่องเลวร้ายหรือสิ่งน่ากลัวอีกต่อไป
"ดีขึ้นแล้ว..." ใบหน้าเล็กดูผ่อนคลาย "ขอบคุณนะ..."
"อยากเล่าไหมว่าเกิดอะไรขึ้น" คุณใสถามอย่างระมัดระวัง รู้ดีว่าการคาดคั้นเอาคำตอบจากคนที่เพิ่งพบเจอสถานการณ์เลวร้าย อาจส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของอีกฝ่าย
ผ่านไปสักพักน้ำมนต์ก็ยอมเล่าเรื่องราวในความฝันให้คุณใสฟัง
ไม่แปลกใจที่น้ำมนต์จะแสดงท่าทีตื่นกลัว คุณใสพยายามนึกเรื่องราวก่อนหน้านี้ ทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดผู้หญิงคนนั้นถึงตามติดน้ำมนต์ และทำไมตัวเขาไม่เคยเห็นเธอเลยสักครั้ง หากว่าพวกเขาไม่ได้มีความสามารถในการสื่อสารกับวิญญาณ เขาคงมองว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเพียงความเครียดที่ก่อร่างขึ้นมาเป็นตัวตน ทว่าในฝันนั้นไม่ได้มีเพียงหญิงในชุดนอนสีแดง แต่ยังมีชายไร้หน้าซึ่งคุณใสเคยเห็นมาก่อน แม้จะไม่บ่อยนัก แต่นั่นก็ทำให้เขาเชื่อสนิทใจว่าคนรักของเขาไม่ได้กำลังโกหกหรือคิดไปเองอย่างแน่นอน
น้ำมนต์จ้องมองใบหน้าเคร่งเครียดจริงจังของคุณใส รู้สึกตัวเองโชคดีเหลือเกินที่มีชายคนนี้อยู่ข้างๆ ทุกครั้งที่น้ำมนต์ฝันร้าย เขาจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาและนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวนานสองนานกว่าจะได้สติ วันนี้ที่เขาตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของคนรัก ได้รับคำปลอบโยน และความเชื่อใจอย่างเต็มเปี่ยม แม้ลึกๆ แล้วเขาไม่อยากเอาความกังวลของตนเองไปยัดเยียดให้คุณใส แต่ครึ่งหนึ่งของจิตใจก็ต้องการให้ชายคนนี้ได้รับรู้ เข้าใจ และช่วยหาทางแก้ปัญหาไปด้วยกัน
น้ำมนต์ขยับเข้ามาใกล้และโอบต้นคอของคุณใสลง ริมฝีปากของพวกเขาสัมผัสกันอย่างนุ่มนวลและแผ่วเบา
คนถูกร่างเล็กจู่โจม ปรับจูนสมองแทบไม่ทัน นิ่งค้างไปสักพัก เป็นครั้งแรกที่น้ำมนต์เป็นฝ่ายรุกเข้าหาก่อน ถ้าไม่นับรวมกับก่อนหน้านี้ที่คุณใสบังคับให้เป็นคนเริ่ม มันต่างกันอย่างสิ้นเชิง ให้ความรู้สึกหวานซึ้งและดูดดื่มมากกว่ากันหลายสิบเท่า
แน่นอนว่าคุณใสให้ความร่วมมือแต่โดยดี เขาโอบกอดคนรักอย่างทะนุถนอม ค่อยๆ ลูบไล้ไปตามร่างกายนุ่มนิ่มของอีกฝ่าย โดยที่ริมฝีปากก็ยังคงรุกล้ำเข้าไป แนบชิดขึ้นทีละน้อย หากเป็นเมื่อก่อน พวกเขาคงมาได้ไกลสุดเพียงเท่านี้ น้ำมนต์มักจะผละออกเมื่อสัมผัสได้ว่ากำลังจะถูกคุกคามจากความกระหายของคุณใส
...ครั้งนี้ต่างออกไป...
ไม่เพียงไม่ต่อต้าน น้ำมนต์โอนอ่อนตามการเคลื่อนไหว ไม่ว่าคุณใสกอดจูบลูบคลำเพียงใด มีเพียงเสียงหอบหายใจ และเสียงครางต่ำๆ ตอบรับกลับมาอย่างเย้ายวน
คุณใสค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกมาเพื่อพักหายใจหายคอ ใบหน้ารูปไข่ของคนตัวเล็กกลายเป็นสีแดง เปลือกตาโค้งมนและสีหน้าท่าทางที่แสดงออกทำให้คุณใสแทบคลั่ง
...เผลอคิดว่าเป็นคนใสซื่อมาตั้งนาน...
"ถ้ามากกว่านี้ ฉันจะหยุดไม่ได้แล้วนะ..." คุณใสกระซิบ
คำเตือนสุดท้ายนี้ ไม่ได้มีผลต่อความมุ่งมั่นในสายตาร่างเล็กเลยแม้แต่น้อย น้ำมนต์ถูไถใบหน้าไปกับฝ่ามือของคุณใส
เส้นความอดทนของร่างสูงขาดสะบั้น
คุณใสทวีการสัมผัสร่างกายของอีกฝ่าย และรุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง เขาโอบร่างเล็กเข้ามาแนบชิด พรมจูบไปทั่วผิวกายเย็นเยียบ ทุกครั้งที่ริมฝีปากของเขาสัมผัสผิวกายคนตรงหน้า ร่างเล็กจะกระตุกเล็กน้อย แม้จะดูเก้ๆ กังๆ อยู่บ้าง แต่น้ำมนต์ก็ยังคงกอดคุณใสเอาไว้ ยอมรับในทุกๆ การกระทำของคนรักอย่างสนิทใจ
...ไม่เป็นไร ไม่ต้องรีบร้อน...
...วันนี้พวกเขายังมีเวลาอีกทั้งวัน...
“หลิน! ฟังก่อนได้ไหม เพราะเธอเอาแต่ปฏิเสธฉันแบบนี้ไงฉันถึงได้ไปมีคนอื่น”คำพูดของคนหน้าด้านหน้าทนทำให้หลินซีเดือดปุดๆทีแรกก็ว่าจะรวมพลังไปหาถึงที่ ใครจะคิดว่าแค่ส่งข้อความพร้อมคลิปหลักฐานไป หมอนี่ก็โผล่มาทันที แล้วยังเอาแต่พ่นคำแก้ตัวปัญญาอ่อนนี่ต่อหน้าเธอไม่หยุด“ได้ งั้นในเมื่อเป็นแบบนี้ก็จบกัน แล้วแยกย้ายซะ” หลินซีตัดบทสรุปอย่างง่ายดาย“ไม่นะหลิน นี่หลิน ฟังฉันสิ!”เมื่อคำออดอ้อนใช้ไม่ได้ผลเหมือนทุกครั้ง ธีร์จึงเริ่มใช้ความรุนแรง เขาจับแขนของหลินซีแน่นเสียจนเป็นรอยเขียวช้ำถ้าคิดว่าหลินซีจะยอมอยู่ฝ่ายเดียวละก็ คิดผิดแล้วทว่าก่อนที่หญิงสาวจะทันได้ใช้วิชาป้องกันตัวที่เรียนมาจากคุณพ่อที่เป็นสารวัตรตำรวจ รองเท้าผ้าใบข้างหนึ่งก็ลอยข้ามหลังหัวของเธอไปกระแทกเข้ากับหน้าหนาๆ ของธีร์เข้าอย่างจังพลั่ก!“โอ๊ย! อะไรวะเนี่ย!”ก่อนที่ธีร์จะทันได้โวยวาย ลูกเตะขาคู่ของคุณใสก็ยันเอาร่างของนักศึกษาแพทย์ลอยปลิวไปชนกำแพงน้ำมนต์รีบวิ่งไปดูหลินซี เธอสะดุ้งเมื
“คิดว่าผู้หญิงคนนั้น จะยังอยากมองหน้าพวกนายต่องั้นเหรอ หลังจากที่โดนคนประเภทนั้นแย่งคนรักไป”“แน่นอน” คุณใสพูดอย่างมั่นใจ “ถึงยัยนั่นจะน่าหงุดหงิดไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดที่แยกแยะไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร ถ้านายคิดว่าตัวเองยั่วยุให้ยัยนั่นแตกคอกับพวกเราได้สำเร็จแล้วละก็...หึ นายคิดผิดถนัด”นิ้วมือและกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายของยูเรเกร็งเพราะความเดือดดาล ทั้งที่ยังไม่ได้เห็นกับตา แค่เพียงได้ยินคำพูดนั้นจากปากของคุณใส ยูเรก็รู้สึกว่าตนได้พ่ายแพ้แล้วจริงๆนาฬิกาข้อมือของยูเรหนักอึ้ง ราวกับสวมหินขนาดใหญ่ไว้ที่ข้อมือทำไมถึงเป็นเช่นนี้...มันเป็นความผิดของใครกัน ยูเรนึกคิดในใจ“กลับกันได้แล้ว...อย่าลืมไปขอโทษน้ำมนต์ด้วยล่ะ”น้ำมนต์...แค่เพียงได้ยินชื่อนั้นยูเรก็รู้สึกเกรี้ยวโกรธ ราวกับลาวาปะทุ ใบหน้าเกร็ง คิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปม ชื่อนี้นี่เองที่เป็นตัวการทำลายความสุขของเขาห่างออกไปที่ด้านหลังของคุณใส ชายผู้เป็นตัวการคนนั้นกำลังวิ่งตรงเข้ามา บนใบหน้าเต็มไปด้
คลิปวิดีโอของชายหนุ่มสองคนที่กำลังกอดจูบลูบคลำกันใต้แสงไฟสลัวในสถานเริงรมย์ ทำเอาใบหน้าของหญิงสาวที่ปกติแทบไม่แสดงอารมณ์ บัดนี้กลับบิดเบี้ยวเพราะความเศร้าโศกเสียใจเหตุเพราะยูเรเลือกที่จะเปิดคลิปที่เขาบังเอิญเจอธีร์กำลังมีสัมพันธ์กับชายอื่น ซึ่งเป็นการนอกใจ และนอกกายอย่างไม่น่าให้อภัย“ขอโทษนะหลิน ไม่ได้อยากทำให้เสียใจนะ แต่พอมาคิดดูแล้ว ก็จริงอย่างที่น้ำมนต์พูดเมื่อวาน บางเรื่องมันก็จำเป็นต้องพูดจริงๆ ” ยูเรเอ่ยพลางก้มหน้าก้มตารู้สึกผิดน้ำมนต์มองใบหน้าเศร้าสร้อยของเพื่อนสาวแล้วรู้สึกเจ็บปวด สายตาว่างเปล่าของหลินซีดูน่าเป็นห่วงเอาการ แม้ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร แต่น้ำมนต์ก็จับมือเพื่อนสาวเอาไว้ตลอดเวลา“ไอ้เวรนั่น ว่าแล้วเชียว!” คุณใสกัดฟันกรอด “แค่เห็นหน้าครั้งแรกก็ไม่สบอารมณ์แล้ว นี่หลินให้ฉันไปต่อยมันสักทีดีมั้ย!”หยาดน้ำตาใสไหลอาบแก้มของหญิงสาว!!!น้ำมนต์กับคุณใสแทบช็อก ตั้งแต่รู้จักกันมา นี่เป็นครั้งแรกที่หลินซีแสดงด้านอ่อนแอของเธอให้เห็น ครั้นจะพยายามหยุดน้ำตาของเธอก็ไม่ได้ การร้
“นายมองเห็นดวงวิญญาณเนี่ยนะ” ยูเรเอ่ยถาม เขาดูไม่เชื่อคำพูดของน้ำมนต์เสียเท่าไรเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนไม่เชื่อเรื่องนี้ แต่กับคนที่น่าสงสัยว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากที่สุด ดันออกตัวพูดทำให้เรื่องเล่าของน้ำมนต์ดูไม่มีน้ำหนักเช่นนี้ ยิ่งทำให้ความสงสัยในใจของน้ำมนต์เพิ่มขึ้นหลายร้อยเท่าหลินซีพิจารณาสิ่งที่ได้ยินด้วยเหตุผล เธอรู้ดีว่าน้ำมนต์ไม่ใช่คนโป้ปด ถึงกระนั้นสิ่งที่เขาพูดก็ยากที่จะเชื่อ เธอจึงตัดสินใจไม่พูดอะไร เพื่อรอคำอธิบายเพิ่มเติม“ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ” นิ้วมือของน้ำมนต์ประสานเข้าด้วยกัน“ที่นายไม่สบายครั้งก่อน เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้หรือเปล่า” หลินซีถามน้ำมนต์พยักหน้า นัยน์ตาเหลือบมองปฏิกิริยาของเพื่อนทั้งสอง“ที่ฉันเล่าให้ฟัง เพราะพวกเราเป็นเพื่อนกัน เรื่องนี้เป็นปัญหากับฉันพอสมควร ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้พวกนาย...”“มั่นใจนะว่านายไม่ได้คิดไปเอง...”คำถามของยูเรทำให้แววตาของคุณใสเย็นเยียบ ร่างสูงกระแอม&ldquo
"มาๆ นั่งตรงนี้เลย" พนักงานหนุ่มลูกชายเจ้าของร้านวาดแขนเป็นการเชื้อเชิญด้านในของร้าน เป็นโต๊ะอาหารที่อยู่ใต้หลังคา ซึ่งแทบจะอยู่ติดกับเวทีการแสดง แม้จะไม่ได้เป็นห้องปิดหรือมีเครื่องปรับอากาศ แต่ก็นับได้ว่าเป็นโต๊ะระดับ VIPกลุ่มนักศึกษาสี่คนนั่งลงที่โต๊ะไม้ใหญ่ ชาร์ปทำงานอย่างกระฉับกระเฉง ทั้งแนะนำเมนูทั้งยกน้ำมาเสิร์ฟ บริการผู้หญิงที่เพิ่งพบหน้ากันเพียงไม่กี่วินาทีได้ดีกว่าบริการเพื่อนสนิทอย่างคุณใสเสียอีกไม่นานอาหารก็ถูกยกมาเสิร์ฟ ทว่าจานอาหารของหลินซีกับถูกตกแต่งอย่างสวยงามราวกับอาหารในร้านหรู ช้อนส้อมก็เงาวับอย่างกับของใหม่แกะกล่อง ที่สำคัญใต้ขวดน้ำดื่มของหลินซียังมีกระดาษโน้ตที่เขียนเบอร์โทรศัพท์ และชื่อของชาร์ปเอาไว้ด้วยคุณใสแทบสำลัก...เขาหันไปกระซิบกับน้ำมนต์ที่นั่งข้างๆ"เมื่อก่อนฉันไม่ได้จีบนายด้วยวิธีเห่ยๆ แบบนั้นใช่ปะ ดูแล้วน่าขนลุก"น้ำมนต์ส่งยิ้มอันตรายจนแฟนหนุ่มถึงกับปากหุบในทันทีใช่สิ...ก่อนหน้านี้อย่าเรียกว่าจีบ คนที่เอาแต่กลั่นแกล้ง ฉวยโอกาส ล่วงละเมิดทางเพศน้ำมนต์อย่างคุณใสน่ะ ไม่มีสิทธิ์มาพู
ยามว่างของหลินซีเป็นอะไรที่แสนเรียบง่ายและน่าเบื่อหญิงสาวพบว่าพี่ชายของเธอไม่กลับบ้านอีกแล้ว เรียกได้ว่าคอนโดห้องนี้แทบจะถูกเธอยึดครองอย่างสมบูรณ์แบบ มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือ เธอสามารถทำอะไรก็ได้ตามต้องการ มีพื้นที่ส่วนตัวและห้องเงียบสงบเป็นของตัวเอง ข้อเสียคือ เธอต้องรับหน้าที่เป็นผู้จัดการงานบ้านงานเรือนทุกอย่างแต่เพียงผู้เดียวเอาเถอะ...ก็สมเหตุสมผลดีหลินซีก้มลงมองข้อความในโทรศัพท์ที่ถูกส่งมาจากคนรักของเธอ'หลินวันนี้ไม่ว่างนะ ต้องติวหนังสือต่อ ไว้วันหลังค่อยไปดูหนังด้วยกันนะ''ได้ พี่อย่าแอบอู้แล้วกัน''ครับผมมมมมมม'การสนทนาสิ้นสุดลงเพียงเท่านั้น เป็นเรื่องปกติสำหรับคู่รักของเธอ ธีร์เรียนแพทย์ บทเรียนต่างๆ ทั้งยากและยังต้องศึกษาอยู่ตลอดเวลา อาจเพราะพี่ชายของเธอเองก็มีพฤติกรรมบ้าเรียนไม่ต่างกัน เธอจึงเข้าใจได้ ไม่ทำตัวงี่เง่าให้คนรักต้องทิ้งสิ่งที่เขาชอบเพื่อมาเอาอกเอาใจเธอหลินซีเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตเอาล่ะ...วันนี้เป็นวันว่างของจริงแล้วเธอกวาดตามองไ