มื้อเย็นของวันนั้น น้ำมนต์ทำอาหารง่ายๆ
ทั้งสองทานอาหารไปพลางดูโทรทัศน์ไปพลางอย่างสบายใจ อากาศข้างนอกย่ำแย่ลงเรื่อยๆ น้ำมนต์ไม่ชอบสภาพอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนเช่นนี้เลย เพราะทุกครั้งที่ห่าฝนเทลงมา ท้องฟ้าจะถูกปกคลุมไปด้วยเมฆทะมึนบดบังแสงสว่าง ซึ่งน้ำมนต์เกลียดความมืดเป็นที่สุด
ก่อนหน้านี้ น้ำมนต์ใช้เวลากว่าสองชั่วโมงเพื่อเกลี้ยกล่อมให้พ่อของคุณใสใจเย็นลง โดยอ้างว่าคุณใสจะมานอนเป็นเพื่อนน้ำมนต์ เพราะแม่ของน้ำมนต์ไม่อยู่บ้าน มันเป็นเรื่องปกติ หลายครั้งที่น้ำมนต์ไปนอนบ้านคุณใสตอนเด็ก ทุกครั้งที่แม่ของเขาออกไปทำงาน ก็ได้บ้านคุณใสนี่แหละที่ช่วยดูแล ที่บ้านนั้นมีห้องส่วนตัวสำหรับน้ำมนต์เลยด้วยซ้ำ
"ฉันว่านายกลับบ้านไปขอโทษคุณลุงเถอะนะ" น้ำมนต์พยายามโน้มน้าวอีกครั้ง
คุณใสชำเลืองมองขณะหยิบขนมขบเคี้ยวเข้าปาก
"ไม่" คุณใสปฏิเสธเสียงแข็ง แก้มของเขานูนป่องราวกับเด็กง้องอน "นายพูดเองว่านอนได้"
"แต่วันนี้ฝนตก แล้วคุณลุงก็เป็นคนกลัวเสียงฟ้าผ่าด้วย" น้ำมนต์พยายามอธิบาย "นายไม่ควรทิ้งท่านไว้คนเดียว"
"ทำเป็นพูดดี ตัวเองไม่กลัวหรือไง?"
กลัวสุดๆ เลยล่ะ
น้ำมนต์พยายามทำใจดีสู้เสือ อย่างน้อยเขาก็ไม่ควรทำให้คุณลุงลำบาก
"ต่อให้ฉันกลับไป ฉันก็ไม่นั่งปลอบใจป๊าหรอกนะ เมื่อก่อนตาแก่นั่นชอบใช้ลูกไม้นี้เพื่ออ้อนแม่ สุดท้ายเลยติดเป็นนิสัยไปเอง...เพราะงั้นเขาไม่เป็นไรหรอก"
"ถึงงั้นก็เถอะ..."
"ที่สำคัญ ถ้าฉันไป นายจะทำยังไงกับหมอนั่น"
คุณใสพยักหน้าไปทางหน้าต่าง ห่างออกไปนอกรั้วบ้าน ปรากฏร่างโปร่งของดวงวิญญาณที่แสนคุ้นเคย ชายไร้ใบหน้าคนนั้น
น้ำมนต์หลบสายตาเมื่อร่างนั้นเงยหน้าขึ้น
ชายคนนั้นมักจะยืนอยู่หน้าบ้านของน้ำมนต์ในช่วงพระอาทิตย์ตก แม้ร่างนั้นจะไม่เข้ามารบกวน แต่นั่นกลับทำให้น้ำมนต์รู้สึกว่าทุกๆ วันของเขาจะต้องพบเจอกับเรื่องโชคร้าย น้ำมนต์เคยพยายามหาทางไล่ชายคนนั้นไปหลายต่อหลายครั้ง แต่มันก็ไม่เป็นผล สุดท้ายชายไร้หน้าก็ตามน้ำมนต์ไปทุกที่ ไม่ต่างจากเงาตามตัว
เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กนั่งคอตก ใบหน้าห่อเหี่ยว คุณใสจึงถามย้ำอีกครั้ง
"อยากให้ฉันกลับจริงหรือ?"
เวลาล่วงเลยผ่านไป สายฝนยังคงถาโถมอย่างต่อเนื่อง ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยความมืดในยามราตรี ภายในห้องนอนคับแคบ เหนือเตียงนอนเล็ก ร่างของชายหนุ่มสองคนนอนเบียดเสียดกันดูแล้วน่าอึดอัด
น้ำมนต์ถูกคุณใสโจมตีด้วยอ้อมกอดหมี ใบหน้าของร่างเล็กกลายเป็นสีเขียวเพราะกำลังจะขาดอากาศหายใจตาย
น้ำมนต์พยายามแงะแขนของคุณใสอย่างยากลำบาก
"ฉันกลัวความมืด" คุณใสกระชับอ้อมกอดพลางกระซิบที่ข้างหูของน้ำมนต์ "ไหนจะเสียงฟ้าร้องอีก"
"นั่นมันฉันต่างหากที่กลัว"
"แล้วถ้าผีตนนั้นเข้ามาล่ะ โอ๊ยแค่คิดก็กลัวจะแย่"
"ก็บอกว่านั่นมันฉันต่างหากที่กลัว!"
คุณใสหัวเราะชอบใจ ไม่มีทีท่าจะปล่อยน้ำมนต์ให้เป็นอิสระ
"เพราะงั้นไงเลยขึ้นมานอนด้วย สำนึกถึงความใจดีของฉันซะสิ"
"ฉันไม่ใช่เด็กที่นอนคนเดียวไม่ได้นะ" น้ำมนต์ตัดพ้อ
"อะไรนะ จะให้ฉันเรียกพี่สม (ผีประจำบ้านคุณใส) มาอยู่เป็นเพื่อนแทนหรือ? "
น้ำมนต์สะดุ้งเฮือก เอื้อมมือไปปิดปากคุณใส
"หะ หะ ห้ามเรียกนะ!"
คุณใสเลิกคิ้ว
"งั้น...หอยทากน้อย นายจะเลือกพี่สมหรือว่าฉันล่ะ?"
"คุณใส เลือกคุณใส" น้ำมนต์ตอบแทบจะในทันที
"ก็แค่นั้น"
คุณใสจับน้ำมนต์พลิกตัวลงนอนอีกครั้งและโอบกอดร่างเล็กจากด้านหลัง
"เป็นเด็กดีแล้วนอนซะนะ"
อันที่จริงน้ำมนต์ก็อยากจะทำให้ได้อย่างนั้น ติดอยู่ตรงที่ท่านอนของคุณใสค่อนข้างกินที่ และเตียงขนาด 3.5 ฟุต ก็เล็กเกินกว่าที่จะนอนสองคน ดังนั้นทั้งสองจึงต้องนอนตะแคงข้างและเบียดเสียดกันพอสมควร
ไม่นานนักเสียงลมหายใจของคุณใสก็ดังสม่ำเสมอ น้ำมนต์จึงเข้าใจว่าคนข้างกายผล็อยหลับไปแล้ว
เหลือเชื่อจริงๆ ที่คุณใสสามารถนอนหลับในสถานการณ์เช่นนี้ได้
แม้ในห้องจะเปิดแอร์เย็นพอสมควร น้ำมนต์ก็ยังรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว บวกกับลมหายใจของคุณใสที่รินรดหลังคอขาวของน้ำมนต์ ยิ่งทำให้หัวใจของร่างเล็กแทบจะกระโดดออกมาจากหน้าอก
ภายใต้ความเงียบสงัด หัวสมองของน้ำมนต์เผลอคิดถึงคำพูดของหลินซีเมื่อกลางวัน เขาพยายามไตร่ตรองและทำความเข้าใจความหมายของคำว่า ‘คบ’ ของหลินซี
‘ความรัก’ เป็นหนึ่งในสิ่งที่น้ำมนต์แทบไม่เข้าใจ เนื่องจากที่ผ่านมาเขาไม่มีพ่อ ไม่มีญาติสนิทคนใดมาเยี่ยมเยือน มีเพียงแม่และพ่อของคุณใสที่คอยดูแล ทั้งสองท่านแสดงออกอย่างเพื่อนสนิทที่บริสุทธิ์ใจ ความรักที่แม่มอบให้น้ำมนต์ก็สุดแสนจะอ่อนโยน เมื่อเทียบกับการแสดงออกที่ก้าวร้าวและคุกคามของคุณใส การกระทำของเขามันออกจะดูเหมือนการเล่นสนุกของเด็กเสียมากกว่า
"นายชอบฉันหรือเปล่านะ?" น้ำมนต์พึมพำ
ความหัวอ่อนและไม่เสพสื่อแนวผู้ใหญ่ทำให้น้ำมนต์คิดไม่ตก
ร่างเล็กที่นอนไม่สุขได้แต่ดิ้นไปมา ไม่รู้ตัวเลยว่าตนกำลังถูกจ้องมองในความมืด
นัยน์ตาของคุณใสมองการกระทำของร่างเล็กโดยไม่พูดอะไร
ด้วยความมืดและความเงียบ ทำให้คุณใสได้ยินสิ่งที่น้ำมนต์พึมพำอย่างชัดเจน ทว่าเขาไม่ได้โต้ตอบใดๆ ยังคงแสร้งหลับต่อไป การแสดงออกของคุณใสมันชัดเจนอย่างที่หลินซีว่า น่าแปลกใจด้วยซ้ำที่น้ำมนต์ไม่เข้าใจการกระทำเหล่านั้น แต่จะโทษหอยทากน้อยก็ไม่ได้ ตั้งแต่เด็กคุณใสชอบแกล้งน้ำมนต์ นั่นจึงทำให้น้ำมนต์มักเข้าใจว่าทุกๆ การกระทำของคุณใสคือการกลั่นแกล้งอย่างช่วยไม่ได้
คุณใสควรรู้สึกหงุดหงิดที่คนตรงหน้าไม่ทันสังเกตถึงความรู้สึกของตน ทว่าด้วยเหตุผลบางประการกลับทำให้คุณใสคิดว่าโชคดีแล้วที่น้ำมนต์หัวช้าเกินกว่าจะเข้าใจ เพราะหากคนตัวเล็กเอ่ยถามขึ้นมาจริงๆ เขาคงไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้เป็นแน่
น้ำมนต์นี่โง่จริงๆ คุณใสคิดในใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าตัวเองโง่และไม่เอาไหนเช่นกัน...
“หลิน! ฟังก่อนได้ไหม เพราะเธอเอาแต่ปฏิเสธฉันแบบนี้ไงฉันถึงได้ไปมีคนอื่น”คำพูดของคนหน้าด้านหน้าทนทำให้หลินซีเดือดปุดๆทีแรกก็ว่าจะรวมพลังไปหาถึงที่ ใครจะคิดว่าแค่ส่งข้อความพร้อมคลิปหลักฐานไป หมอนี่ก็โผล่มาทันที แล้วยังเอาแต่พ่นคำแก้ตัวปัญญาอ่อนนี่ต่อหน้าเธอไม่หยุด“ได้ งั้นในเมื่อเป็นแบบนี้ก็จบกัน แล้วแยกย้ายซะ” หลินซีตัดบทสรุปอย่างง่ายดาย“ไม่นะหลิน นี่หลิน ฟังฉันสิ!”เมื่อคำออดอ้อนใช้ไม่ได้ผลเหมือนทุกครั้ง ธีร์จึงเริ่มใช้ความรุนแรง เขาจับแขนของหลินซีแน่นเสียจนเป็นรอยเขียวช้ำถ้าคิดว่าหลินซีจะยอมอยู่ฝ่ายเดียวละก็ คิดผิดแล้วทว่าก่อนที่หญิงสาวจะทันได้ใช้วิชาป้องกันตัวที่เรียนมาจากคุณพ่อที่เป็นสารวัตรตำรวจ รองเท้าผ้าใบข้างหนึ่งก็ลอยข้ามหลังหัวของเธอไปกระแทกเข้ากับหน้าหนาๆ ของธีร์เข้าอย่างจังพลั่ก!“โอ๊ย! อะไรวะเนี่ย!”ก่อนที่ธีร์จะทันได้โวยวาย ลูกเตะขาคู่ของคุณใสก็ยันเอาร่างของนักศึกษาแพทย์ลอยปลิวไปชนกำแพงน้ำมนต์รีบวิ่งไปดูหลินซี เธอสะดุ้งเมื
“คิดว่าผู้หญิงคนนั้น จะยังอยากมองหน้าพวกนายต่องั้นเหรอ หลังจากที่โดนคนประเภทนั้นแย่งคนรักไป”“แน่นอน” คุณใสพูดอย่างมั่นใจ “ถึงยัยนั่นจะน่าหงุดหงิดไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดที่แยกแยะไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร ถ้านายคิดว่าตัวเองยั่วยุให้ยัยนั่นแตกคอกับพวกเราได้สำเร็จแล้วละก็...หึ นายคิดผิดถนัด”นิ้วมือและกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายของยูเรเกร็งเพราะความเดือดดาล ทั้งที่ยังไม่ได้เห็นกับตา แค่เพียงได้ยินคำพูดนั้นจากปากของคุณใส ยูเรก็รู้สึกว่าตนได้พ่ายแพ้แล้วจริงๆนาฬิกาข้อมือของยูเรหนักอึ้ง ราวกับสวมหินขนาดใหญ่ไว้ที่ข้อมือทำไมถึงเป็นเช่นนี้...มันเป็นความผิดของใครกัน ยูเรนึกคิดในใจ“กลับกันได้แล้ว...อย่าลืมไปขอโทษน้ำมนต์ด้วยล่ะ”น้ำมนต์...แค่เพียงได้ยินชื่อนั้นยูเรก็รู้สึกเกรี้ยวโกรธ ราวกับลาวาปะทุ ใบหน้าเกร็ง คิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปม ชื่อนี้นี่เองที่เป็นตัวการทำลายความสุขของเขาห่างออกไปที่ด้านหลังของคุณใส ชายผู้เป็นตัวการคนนั้นกำลังวิ่งตรงเข้ามา บนใบหน้าเต็มไปด้
คลิปวิดีโอของชายหนุ่มสองคนที่กำลังกอดจูบลูบคลำกันใต้แสงไฟสลัวในสถานเริงรมย์ ทำเอาใบหน้าของหญิงสาวที่ปกติแทบไม่แสดงอารมณ์ บัดนี้กลับบิดเบี้ยวเพราะความเศร้าโศกเสียใจเหตุเพราะยูเรเลือกที่จะเปิดคลิปที่เขาบังเอิญเจอธีร์กำลังมีสัมพันธ์กับชายอื่น ซึ่งเป็นการนอกใจ และนอกกายอย่างไม่น่าให้อภัย“ขอโทษนะหลิน ไม่ได้อยากทำให้เสียใจนะ แต่พอมาคิดดูแล้ว ก็จริงอย่างที่น้ำมนต์พูดเมื่อวาน บางเรื่องมันก็จำเป็นต้องพูดจริงๆ ” ยูเรเอ่ยพลางก้มหน้าก้มตารู้สึกผิดน้ำมนต์มองใบหน้าเศร้าสร้อยของเพื่อนสาวแล้วรู้สึกเจ็บปวด สายตาว่างเปล่าของหลินซีดูน่าเป็นห่วงเอาการ แม้ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร แต่น้ำมนต์ก็จับมือเพื่อนสาวเอาไว้ตลอดเวลา“ไอ้เวรนั่น ว่าแล้วเชียว!” คุณใสกัดฟันกรอด “แค่เห็นหน้าครั้งแรกก็ไม่สบอารมณ์แล้ว นี่หลินให้ฉันไปต่อยมันสักทีดีมั้ย!”หยาดน้ำตาใสไหลอาบแก้มของหญิงสาว!!!น้ำมนต์กับคุณใสแทบช็อก ตั้งแต่รู้จักกันมา นี่เป็นครั้งแรกที่หลินซีแสดงด้านอ่อนแอของเธอให้เห็น ครั้นจะพยายามหยุดน้ำตาของเธอก็ไม่ได้ การร้
“นายมองเห็นดวงวิญญาณเนี่ยนะ” ยูเรเอ่ยถาม เขาดูไม่เชื่อคำพูดของน้ำมนต์เสียเท่าไรเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนไม่เชื่อเรื่องนี้ แต่กับคนที่น่าสงสัยว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากที่สุด ดันออกตัวพูดทำให้เรื่องเล่าของน้ำมนต์ดูไม่มีน้ำหนักเช่นนี้ ยิ่งทำให้ความสงสัยในใจของน้ำมนต์เพิ่มขึ้นหลายร้อยเท่าหลินซีพิจารณาสิ่งที่ได้ยินด้วยเหตุผล เธอรู้ดีว่าน้ำมนต์ไม่ใช่คนโป้ปด ถึงกระนั้นสิ่งที่เขาพูดก็ยากที่จะเชื่อ เธอจึงตัดสินใจไม่พูดอะไร เพื่อรอคำอธิบายเพิ่มเติม“ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ” นิ้วมือของน้ำมนต์ประสานเข้าด้วยกัน“ที่นายไม่สบายครั้งก่อน เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้หรือเปล่า” หลินซีถามน้ำมนต์พยักหน้า นัยน์ตาเหลือบมองปฏิกิริยาของเพื่อนทั้งสอง“ที่ฉันเล่าให้ฟัง เพราะพวกเราเป็นเพื่อนกัน เรื่องนี้เป็นปัญหากับฉันพอสมควร ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้พวกนาย...”“มั่นใจนะว่านายไม่ได้คิดไปเอง...”คำถามของยูเรทำให้แววตาของคุณใสเย็นเยียบ ร่างสูงกระแอม&ldquo
"มาๆ นั่งตรงนี้เลย" พนักงานหนุ่มลูกชายเจ้าของร้านวาดแขนเป็นการเชื้อเชิญด้านในของร้าน เป็นโต๊ะอาหารที่อยู่ใต้หลังคา ซึ่งแทบจะอยู่ติดกับเวทีการแสดง แม้จะไม่ได้เป็นห้องปิดหรือมีเครื่องปรับอากาศ แต่ก็นับได้ว่าเป็นโต๊ะระดับ VIPกลุ่มนักศึกษาสี่คนนั่งลงที่โต๊ะไม้ใหญ่ ชาร์ปทำงานอย่างกระฉับกระเฉง ทั้งแนะนำเมนูทั้งยกน้ำมาเสิร์ฟ บริการผู้หญิงที่เพิ่งพบหน้ากันเพียงไม่กี่วินาทีได้ดีกว่าบริการเพื่อนสนิทอย่างคุณใสเสียอีกไม่นานอาหารก็ถูกยกมาเสิร์ฟ ทว่าจานอาหารของหลินซีกับถูกตกแต่งอย่างสวยงามราวกับอาหารในร้านหรู ช้อนส้อมก็เงาวับอย่างกับของใหม่แกะกล่อง ที่สำคัญใต้ขวดน้ำดื่มของหลินซียังมีกระดาษโน้ตที่เขียนเบอร์โทรศัพท์ และชื่อของชาร์ปเอาไว้ด้วยคุณใสแทบสำลัก...เขาหันไปกระซิบกับน้ำมนต์ที่นั่งข้างๆ"เมื่อก่อนฉันไม่ได้จีบนายด้วยวิธีเห่ยๆ แบบนั้นใช่ปะ ดูแล้วน่าขนลุก"น้ำมนต์ส่งยิ้มอันตรายจนแฟนหนุ่มถึงกับปากหุบในทันทีใช่สิ...ก่อนหน้านี้อย่าเรียกว่าจีบ คนที่เอาแต่กลั่นแกล้ง ฉวยโอกาส ล่วงละเมิดทางเพศน้ำมนต์อย่างคุณใสน่ะ ไม่มีสิทธิ์มาพู
ยามว่างของหลินซีเป็นอะไรที่แสนเรียบง่ายและน่าเบื่อหญิงสาวพบว่าพี่ชายของเธอไม่กลับบ้านอีกแล้ว เรียกได้ว่าคอนโดห้องนี้แทบจะถูกเธอยึดครองอย่างสมบูรณ์แบบ มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือ เธอสามารถทำอะไรก็ได้ตามต้องการ มีพื้นที่ส่วนตัวและห้องเงียบสงบเป็นของตัวเอง ข้อเสียคือ เธอต้องรับหน้าที่เป็นผู้จัดการงานบ้านงานเรือนทุกอย่างแต่เพียงผู้เดียวเอาเถอะ...ก็สมเหตุสมผลดีหลินซีก้มลงมองข้อความในโทรศัพท์ที่ถูกส่งมาจากคนรักของเธอ'หลินวันนี้ไม่ว่างนะ ต้องติวหนังสือต่อ ไว้วันหลังค่อยไปดูหนังด้วยกันนะ''ได้ พี่อย่าแอบอู้แล้วกัน''ครับผมมมมมมม'การสนทนาสิ้นสุดลงเพียงเท่านั้น เป็นเรื่องปกติสำหรับคู่รักของเธอ ธีร์เรียนแพทย์ บทเรียนต่างๆ ทั้งยากและยังต้องศึกษาอยู่ตลอดเวลา อาจเพราะพี่ชายของเธอเองก็มีพฤติกรรมบ้าเรียนไม่ต่างกัน เธอจึงเข้าใจได้ ไม่ทำตัวงี่เง่าให้คนรักต้องทิ้งสิ่งที่เขาชอบเพื่อมาเอาอกเอาใจเธอหลินซีเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตเอาล่ะ...วันนี้เป็นวันว่างของจริงแล้วเธอกวาดตามองไ