ภายในห้องนอนเล็กๆ
น้ำมนต์กำลังก้มเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง เขาตรวจสอบสิ่งของที่ต้องนำไปต่างจังหวัด แม้วัตถุประสงค์หลักของพวกเขาคือการไปถ่ายภาพวิถีชีวิต ซึ่งเป็นหัวข้อในการทำงานกลุ่ม แต่หลินซีก็ยังยืนยันว่าเธออยากให้การเดินทางในครั้งนี้เป็นโอกาสในการท่องเที่ยวร่วมกัน
ที่ผ่านมา นอกจากคุณใส น้ำมนต์ก็ไม่มีเพื่อนคนไหนเลย ดังนั้นการเดินทางร่วมกับเพื่อนๆ ในครั้งนี้จึงทำให้น้ำมนต์ตื่นเต้นเป็นพิเศษ
ร่างเล็กพับผ้าเช็ดตัวและหยิบกางเกงชั้นในยัดใส่ช่องกระเป๋า
"จะเอากางเกงในย้วยๆ นั่นไปเที่ยวหรือไง"
“!!!!”
น้ำมนต์หันขวับไปทางต้นเสียง ใบหน้าก่อกวนของคุณใสจ้องมองเข้ามาจากนอกหน้าต่าง
เขาปีนระเบียงข้ามมาบ้านน้ำมนต์อีกแล้ว
น้ำมนต์รู้สึกอับอายที่ถูกล้อ เขารีบปิดกระเป๋าก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้คุณใส
"ทำไมปีนข้ามมาล่ะ มันอันตรายนะ"
"เป็นห่วงหรือ?" คุณใสกระซิบข้างหูน้ำมนต์
ขาของคนถูกแกล้งก้าวถอยหลังแทบจะในทันที น้ำมนต์หันกลับไปรูดซิปกระเป๋าเดินทาง และพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย
"นายไม่จัดกระเป๋าเหรอ พรุ่งนี้เราต้อง..."
ที่หัวไหล่ของน้ำมนต์รับรู้ได้ถึงน้ำหนักที่ถาโถมลงมา เส้นผมนุ่มลื่นของคุณใสปรกอยู่ข้างแก้มของน้ำมนต์ ทำให้รู้สึกจั๊กจี้ ร่างเล็กเกร็งหลังนั่งตรง ระแวงว่าครั้งนี้อีกฝ่ายจะมาไม้ไหนอีก
"อะไรเหรอ?"
คุณใสนิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะพึมพำเบาๆ
"ช่วงนี้...นายดูไม่ค่อยกลัวผีเท่าไหร่เลยนะ?"
"ฉันแข็งแกร่งขึ้นแล้วไงล่ะ"
ซะที่ไหน...น้ำมนต์ที่ไม่กลัวคงเป็นน้ำมนต์ตัวปลอมแล้วล่ะ เพียงแต่เขาพยายามจะไม่พึ่งพาคุณใสมากเกินไป ยิ่งช่วงหลังมานี้เหมือนคุณใสจะดูหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา นั่นทำให้น้ำมนต์ไม่กล้าขอความช่วยใดๆ
คำตอบของคนตัวเล็กทำให้หัวคิ้วของคุณใสขมวดเข้าหากัน เขาหมุนไหล่ร่างเล็กให้หันมาประจันหน้ากับตน
"ทำไม...?" นิ้วหัวแม่มือของคุณใสกดลงไปที่หางตาของน้ำมนต์และยืดออก ทำให้ตาทั้งสองหรี่เล็กลงอย่างน่าเกลียด "ตานายมีปัญหาหรือไง"
"มะ ไม่ใช่แบบนั้น"
"แล้วทำไมช่วงนี้ไม่ขอให้ช่วยเลยล่ะ ทำไม ทำไมฮะ?"
"ฉัน ฉันแค่ไม่อยากรบกวนนาย" น้ำมนต์บอกความจริงในที่สุด แต่ดูเหมือนคำตอบของเขาจะยิ่งทำให้ความไม่พอใจของคุณใสเพิ่มขึ้น
"ฉันพูดตอนไหนว่านายรบกวน..."
"ก็ช่วงนี้นายดูเหมือนจะโกรธตลอดเลยนี่นา" น้ำมนต์พยายามพูด ขณะที่คุณใสหยิกแก้มของเขายืดเป็นหนังยางจนใบหน้าบิดเบี้ยว
"ฉันโกรธที่ไหนกัน?"
"ตอนนี้ก็โกรธอยู่ไม่ใช่หรือไง...นายหยิกแก้มฉันอยู่นี่!"
"อยากให้ปล่อยหรือ?"
น้ำมนต์พยักหน้าขณะที่ผิวแก้มเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง ที่หางตาก็เริ่มมีหยาดน้ำใสปริ่มขึ้นมา
คุณใสกระตุกยิ้ม
"ขอร้องฉันสิ"
นี่เป็นข้อเสนอที่เห็นแก่ตัวสุดๆ คุณใสรู้ดีว่าหากน้ำมนต์เอ่ยคำขอร้องออกมา ข้อตกลงของพวกเขาก็จะเป็นผล แม้จะเป็นอิสระ แต่น้ำมนต์ก็ต้องเอาริมฝีปากของตัวเองไปชดใช้อยู่ดี
เมื่อเห็นว่าเจ้าหอยทากน้อยคิดหนัก คุณใสจึงเพิ่มแรงบีบที่แก้มมากขึ้น แต่ก็ยังระวังไม่ให้เกิดรอยแผลหรือทำให้เจ็บจนเกินไป เพียงแค่บีบบังคับให้น้ำมนต์ยอมจำนน
"ขะ ขอร้อง" น้ำมนต์ยอมแพ้ในที่สุด
คุณใสยิ้มอย่างพอใจ
อินทรีนักล่ามิได้ปล่อยแก้มหอยทากน้อย เขาดึงใบหน้าเรียวเล็กเข้ามาใกล้และเรียกร้องหาการชดใช้ในทันที
ทุกครั้งที่จูบกันคุณใสจะอ่อนโยนอยู่เสมอ แม้มือของเขาจะซุกซนไปบ้าง แต่ก็ยังคอยระวังไม่รุกมากจนเกินไป ทว่าในครั้งนี้คุณใสห่างหายจากริมฝีปากหวานละมุนนี้มาเนิ่นนาน ร่างกายเขาไม่ต่างจากสัตว์ป่าที่กระหายอยากจะกลืนกินหอยทากน้อยตัวนี้เข้าไปทั้งตัว
ริมฝีปากของคุณใสรุกล้ำเข้ามามากกว่าปกติ จมูกของพวกเขาบดเบียดเข้ากับแก้มของอีกฝ่ายจนแทบไม่มีช่องทางให้หายใจ มือข้างหนึ่งของเขากดอยู่ที่ท้ายทอยของร่างเล็ก ส่วนมืออีกข้างก็โอบเอวล็อกไม่ให้ถอยหนี ขณะผละออกจากกันคุณใสก็ขบริมฝีปากล่างของน้ำมนต์เบาๆ
โชคร้ายของน้ำมนต์ที่การชดใช้ในครั้งนี้เหมือนจะไม่ได้จบลงที่การจูบ
นิ้วมือของคุณใสเลิกปลายเสื้อยืดของน้ำมนต์ขึ้น ฝ่ามือลูบคลำแผ่นหลังเนียนใส แค่เพียงสัมผัสเบาๆ ก็รับรู้ได้ว่าเจ้าหอยทากน้อยร่างกายผอมบางเพียงใด เนื้อนิ่มๆ และกลิ่นหอมแชมพูสระผมเย้ายวนทำให้คุณใสแทบคลั่ง
น้ำมนต์สะดุ้งโหยง รับรู้ได้ถึงฝ่ามือที่รุกล้ำเข้ามา ทว่ามือใหญ่ที่โอบกอดเขาอยู่ก็ไม่ได้ปล่อยให้เป็นอิสระ แต่กลับกอดรัดร่างของเขาแน่นขึ้น
"ดะ เดี๋ยวก่อน"
น้ำมนต์พยายามเปล่งเสียงอย่างยากลำบาก มือก็ผลักดันคนตรงหน้าออกไป
ราวกับคนไร้สติ หูของคุณใสเหมือนปิดการทำงานไปชั่วขณะ ไม่ได้ยิน และไม่สังเกตท่าทางร้อนรนของน้ำมนต์เลยแม้แต่น้อย
คุณใสฝังรอยเขี้ยวลงที่ต้นคอของน้ำมนต์โดยไม่ได้ตั้งใจ
"หยุด! หยุดนะ!"
ที่ผ่านมาน้ำมนต์ไม่เคยรู้สึกแย่กับการสัมผัสจากคุณใส ครั้งนี้ต่างออกไป ท่าทางไม่เป็นตัวของตัวเองของชายตรงหน้ากำลังทำให้น้ำมนต์กลัว
คุณใสดูเปลี่ยนไป...กลายเป็นคนที่น้ำมนต์ไม่รู้จัก
ใบหน้าของคุณใสเลื่อนลงต่ำ มือก็เลิกเสื้อของน้ำมนต์ขึ้นสูงจนเห็นหน้าท้องและเนินอกผอมแห้ง
นี่มันเกินไปแล้ว!
ว่ากันว่าเมื่อมนุษย์ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายจะหลั่งอะดรีนาลีน ทำให้มีกำลังมากกว่าปกติ เพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์อันตราย วันนี้น้ำมนต์ได้สัมผัสถึงสิ่งนั้น เขากลั้นหายใจและรวบรวมแรงทั้งหมดที่มี ผลักอกคุณใสออกไป
มันได้ผล...
ร่างของคุณใสกระเถิบถอยไปด้านหลังจนชนเข้ากับขอบโต๊ะทำงาน การกระแทกอย่างแรงเหมือนจะทำให้เขาได้สติ
นัยน์ตาของร่างสูงกลับมามีประกายอีกครั้ง สภาพของน้ำมนต์ทำให้คุณใสตกตะลึง แทบไม่อยากเชื่อว่าเขาจะทำเช่นนี้จริงๆ ความรู้สึกผิดถาโถมเข้าใส่คุณใส ชายหนุ่มรู้สึกอยากพุ่งหลาวออกนอกหน้าต่าง ดิ่งธรณีให้รู้แล้วรู้รอด
น้ำมนต์ตัวสั่นเทา สายตาที่มองมาทำให้หัวใจของคุณใสเหมือนถูกกรีดด้วยกริชแหลมคม
คุณใสพยายามเอื้อมมือไปหาน้ำมนต์...เขากลัวเหลือเกินว่าจะถูกคนตัวเล็กเกลียด
"นะ นายเป็นอะไรไป" น้ำมนต์เอ่ยถามในที่สุด
ผิดจากที่คุณใสคิด สายตาของน้ำมนต์ไม่ใช่ความกลัว แต่มันคือความเป็นห่วง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ คุณใสทำตัวแย่ๆ ใส่น้ำมนต์แท้ๆ
...นั่นยิ่งทำให้คุณใสรู้สึกผิดมากกว่าเดิมหลายร้อยเท่า...
"ทำไมถึงทำแบบนี้..." น้ำมนต์กระเถิบเข้ามาหา
...นายควรโกรธสิ...
"เกิดอะไรขึ้น" ปลายนิ้วของน้ำมนต์สัมผัสที่แก้มซีดเผือดของคุณใส
...ด่าฉันสิ...
"นายโอเคไหม?"
...ตีฉันสิ...
แต่น้ำมนต์ก็ไม่ได้ทำอย่างที่คุณใสคิด
ใบหน้าไร้เดียงสาของน้ำมนต์กระตุ้นความทรงจำแย่ๆ ของคุณใส เขาปัดมือของน้ำมนต์ทิ้งและรีบยันตัวลุกขึ้นโดยลืมความเจ็บปวดที่หลังไปเลย
"ฉัน...ขอโทษ"
คุณใสหลบสายตา เดินหนีออกไป เขาปีนกลับระเบียงบ้านตัวเอง ทิ้งให้น้ำมนต์นั่งมึนงงอยู่ที่พื้น
เมื่อสักครู่นี้มันคืออะไรกัน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก...การกระทำของคุณใสทำให้หัวใจของน้ำมนต์เต้นเร็วและแรง เขาอุตส่าห์ใช้เวลาทั้งอาทิตย์บอกตัวเองว่าการกระทำของคุณใสไม่มีอะไรมากไปกว่าการกลั่นแกล้ง แต่แล้วเมื่อครู่นี้คุณใสก็ทำให้น้ำมนต์เกิดสับสนขึ้นมาอีกครั้ง
ต่อให้เป็นคนใสซื่อและหัวช้าอย่างน้ำมนต์ยังดูออกถึงความรู้สึกของคุณใส ติดก็แต่พฤติกรรมที่แสดงออกหลังนั้น
น้ำมนต์ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณใสถึงมักจะชอบแสดงสีหน้ารู้สึกผิดเวลาที่สัมผัสน้ำมนต์มากเกินไป ทำไมคุณใสถึงทำเหมือนจะชอบ แต่สุดท้ายก็เป็นคนที่ถอยห่างออกไป...น้ำมนต์ไม่เข้าใจชายคนนี้เลยจริงๆ
หัวใจของน้ำมนต์เต้นโครมคราม ฝ่ามือยกขึ้นสัมผัสแก้มที่แดงราวกับลูกมะเขือเทศ หัวสมองสับสนมึนงงจนไม่สามารถเรียบเรียงทำความเข้าใจอะไรได้อีกแล้ว
"นี่มันเรื่องอะไรกันล่ะเนี่ย..."
หลังจากที่คุณใสปีนระเบียงกลับมายังห้องของตน ร่างกายที่ไม่ต่างจากซอมบี้ ทิ้งตัวนั่งลงหน้ากระจกตั้งพื้นบานใหญ่
เงาสะท้อนของตัวเองในกระจกทำให้คุณใสเห็นว่าตนเองน่าสมเพชแค่ไหน ช่วงนี้ไม่ว่าเขาทำอะไรก็เหมือนจะผิดพลาดไม่ได้ดั่งใจไปเสียทุกอย่าง
เพราะความคิดถึงและโหยหาการสัมผัสจากอีกฝ่าย ทำให้คุณใสลงทุนปีนข้ามระเบียง บุกไปหาอีกฝ่ายด้วยตัวเอง แล้วทำไมการจูบธรรมดามันถึงได้เลยเถิดไปขนาดนั้น ความสัมพันธ์ที่เหมือนจะชัดเจนแต่ก็ไม่ชัดเจนนั้น คุณใสพยายามเลี้ยงให้มันอยู่กึ่งกลางเสมอมา แสดงออกให้คนรอบข้างรู้ว่าน้ำมนต์เป็นของเขา ห้ามใครหน้าไหนแตะต้อง ในขณะเดียวกันก็บ่ายเบี่ยงไม่ให้น้ำมนต์รู้ถึงความรู้สึกของตน โดยทำเป็นกลั่นแกล้ง เป็นเช่นนั้นเสมอมา...
ทว่าความผิดพลาดในวันนี้คงทำให้น้ำมนต์เริ่มดูออกแล้วเป็นแน่
...รู้แล้วเป็นยังไงล่ะ? ...
...ก็แค่สารภาพความในใจ...
...และคบหากันอย่างถูกต้องก็ได้แล้วนี่..
"..."
คุณใสจ้องมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก แล้วพูดกับตัวเอง
"แก่มีสิทธิ์ทำอย่างนั้นหรือไงวะ ไอ้คนเลว..."
“หลิน! ฟังก่อนได้ไหม เพราะเธอเอาแต่ปฏิเสธฉันแบบนี้ไงฉันถึงได้ไปมีคนอื่น”คำพูดของคนหน้าด้านหน้าทนทำให้หลินซีเดือดปุดๆทีแรกก็ว่าจะรวมพลังไปหาถึงที่ ใครจะคิดว่าแค่ส่งข้อความพร้อมคลิปหลักฐานไป หมอนี่ก็โผล่มาทันที แล้วยังเอาแต่พ่นคำแก้ตัวปัญญาอ่อนนี่ต่อหน้าเธอไม่หยุด“ได้ งั้นในเมื่อเป็นแบบนี้ก็จบกัน แล้วแยกย้ายซะ” หลินซีตัดบทสรุปอย่างง่ายดาย“ไม่นะหลิน นี่หลิน ฟังฉันสิ!”เมื่อคำออดอ้อนใช้ไม่ได้ผลเหมือนทุกครั้ง ธีร์จึงเริ่มใช้ความรุนแรง เขาจับแขนของหลินซีแน่นเสียจนเป็นรอยเขียวช้ำถ้าคิดว่าหลินซีจะยอมอยู่ฝ่ายเดียวละก็ คิดผิดแล้วทว่าก่อนที่หญิงสาวจะทันได้ใช้วิชาป้องกันตัวที่เรียนมาจากคุณพ่อที่เป็นสารวัตรตำรวจ รองเท้าผ้าใบข้างหนึ่งก็ลอยข้ามหลังหัวของเธอไปกระแทกเข้ากับหน้าหนาๆ ของธีร์เข้าอย่างจังพลั่ก!“โอ๊ย! อะไรวะเนี่ย!”ก่อนที่ธีร์จะทันได้โวยวาย ลูกเตะขาคู่ของคุณใสก็ยันเอาร่างของนักศึกษาแพทย์ลอยปลิวไปชนกำแพงน้ำมนต์รีบวิ่งไปดูหลินซี เธอสะดุ้งเมื
“คิดว่าผู้หญิงคนนั้น จะยังอยากมองหน้าพวกนายต่องั้นเหรอ หลังจากที่โดนคนประเภทนั้นแย่งคนรักไป”“แน่นอน” คุณใสพูดอย่างมั่นใจ “ถึงยัยนั่นจะน่าหงุดหงิดไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดที่แยกแยะไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร ถ้านายคิดว่าตัวเองยั่วยุให้ยัยนั่นแตกคอกับพวกเราได้สำเร็จแล้วละก็...หึ นายคิดผิดถนัด”นิ้วมือและกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายของยูเรเกร็งเพราะความเดือดดาล ทั้งที่ยังไม่ได้เห็นกับตา แค่เพียงได้ยินคำพูดนั้นจากปากของคุณใส ยูเรก็รู้สึกว่าตนได้พ่ายแพ้แล้วจริงๆนาฬิกาข้อมือของยูเรหนักอึ้ง ราวกับสวมหินขนาดใหญ่ไว้ที่ข้อมือทำไมถึงเป็นเช่นนี้...มันเป็นความผิดของใครกัน ยูเรนึกคิดในใจ“กลับกันได้แล้ว...อย่าลืมไปขอโทษน้ำมนต์ด้วยล่ะ”น้ำมนต์...แค่เพียงได้ยินชื่อนั้นยูเรก็รู้สึกเกรี้ยวโกรธ ราวกับลาวาปะทุ ใบหน้าเกร็ง คิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปม ชื่อนี้นี่เองที่เป็นตัวการทำลายความสุขของเขาห่างออกไปที่ด้านหลังของคุณใส ชายผู้เป็นตัวการคนนั้นกำลังวิ่งตรงเข้ามา บนใบหน้าเต็มไปด้
คลิปวิดีโอของชายหนุ่มสองคนที่กำลังกอดจูบลูบคลำกันใต้แสงไฟสลัวในสถานเริงรมย์ ทำเอาใบหน้าของหญิงสาวที่ปกติแทบไม่แสดงอารมณ์ บัดนี้กลับบิดเบี้ยวเพราะความเศร้าโศกเสียใจเหตุเพราะยูเรเลือกที่จะเปิดคลิปที่เขาบังเอิญเจอธีร์กำลังมีสัมพันธ์กับชายอื่น ซึ่งเป็นการนอกใจ และนอกกายอย่างไม่น่าให้อภัย“ขอโทษนะหลิน ไม่ได้อยากทำให้เสียใจนะ แต่พอมาคิดดูแล้ว ก็จริงอย่างที่น้ำมนต์พูดเมื่อวาน บางเรื่องมันก็จำเป็นต้องพูดจริงๆ ” ยูเรเอ่ยพลางก้มหน้าก้มตารู้สึกผิดน้ำมนต์มองใบหน้าเศร้าสร้อยของเพื่อนสาวแล้วรู้สึกเจ็บปวด สายตาว่างเปล่าของหลินซีดูน่าเป็นห่วงเอาการ แม้ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร แต่น้ำมนต์ก็จับมือเพื่อนสาวเอาไว้ตลอดเวลา“ไอ้เวรนั่น ว่าแล้วเชียว!” คุณใสกัดฟันกรอด “แค่เห็นหน้าครั้งแรกก็ไม่สบอารมณ์แล้ว นี่หลินให้ฉันไปต่อยมันสักทีดีมั้ย!”หยาดน้ำตาใสไหลอาบแก้มของหญิงสาว!!!น้ำมนต์กับคุณใสแทบช็อก ตั้งแต่รู้จักกันมา นี่เป็นครั้งแรกที่หลินซีแสดงด้านอ่อนแอของเธอให้เห็น ครั้นจะพยายามหยุดน้ำตาของเธอก็ไม่ได้ การร้
“นายมองเห็นดวงวิญญาณเนี่ยนะ” ยูเรเอ่ยถาม เขาดูไม่เชื่อคำพูดของน้ำมนต์เสียเท่าไรเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนไม่เชื่อเรื่องนี้ แต่กับคนที่น่าสงสัยว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากที่สุด ดันออกตัวพูดทำให้เรื่องเล่าของน้ำมนต์ดูไม่มีน้ำหนักเช่นนี้ ยิ่งทำให้ความสงสัยในใจของน้ำมนต์เพิ่มขึ้นหลายร้อยเท่าหลินซีพิจารณาสิ่งที่ได้ยินด้วยเหตุผล เธอรู้ดีว่าน้ำมนต์ไม่ใช่คนโป้ปด ถึงกระนั้นสิ่งที่เขาพูดก็ยากที่จะเชื่อ เธอจึงตัดสินใจไม่พูดอะไร เพื่อรอคำอธิบายเพิ่มเติม“ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ” นิ้วมือของน้ำมนต์ประสานเข้าด้วยกัน“ที่นายไม่สบายครั้งก่อน เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้หรือเปล่า” หลินซีถามน้ำมนต์พยักหน้า นัยน์ตาเหลือบมองปฏิกิริยาของเพื่อนทั้งสอง“ที่ฉันเล่าให้ฟัง เพราะพวกเราเป็นเพื่อนกัน เรื่องนี้เป็นปัญหากับฉันพอสมควร ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้พวกนาย...”“มั่นใจนะว่านายไม่ได้คิดไปเอง...”คำถามของยูเรทำให้แววตาของคุณใสเย็นเยียบ ร่างสูงกระแอม&ldquo
"มาๆ นั่งตรงนี้เลย" พนักงานหนุ่มลูกชายเจ้าของร้านวาดแขนเป็นการเชื้อเชิญด้านในของร้าน เป็นโต๊ะอาหารที่อยู่ใต้หลังคา ซึ่งแทบจะอยู่ติดกับเวทีการแสดง แม้จะไม่ได้เป็นห้องปิดหรือมีเครื่องปรับอากาศ แต่ก็นับได้ว่าเป็นโต๊ะระดับ VIPกลุ่มนักศึกษาสี่คนนั่งลงที่โต๊ะไม้ใหญ่ ชาร์ปทำงานอย่างกระฉับกระเฉง ทั้งแนะนำเมนูทั้งยกน้ำมาเสิร์ฟ บริการผู้หญิงที่เพิ่งพบหน้ากันเพียงไม่กี่วินาทีได้ดีกว่าบริการเพื่อนสนิทอย่างคุณใสเสียอีกไม่นานอาหารก็ถูกยกมาเสิร์ฟ ทว่าจานอาหารของหลินซีกับถูกตกแต่งอย่างสวยงามราวกับอาหารในร้านหรู ช้อนส้อมก็เงาวับอย่างกับของใหม่แกะกล่อง ที่สำคัญใต้ขวดน้ำดื่มของหลินซียังมีกระดาษโน้ตที่เขียนเบอร์โทรศัพท์ และชื่อของชาร์ปเอาไว้ด้วยคุณใสแทบสำลัก...เขาหันไปกระซิบกับน้ำมนต์ที่นั่งข้างๆ"เมื่อก่อนฉันไม่ได้จีบนายด้วยวิธีเห่ยๆ แบบนั้นใช่ปะ ดูแล้วน่าขนลุก"น้ำมนต์ส่งยิ้มอันตรายจนแฟนหนุ่มถึงกับปากหุบในทันทีใช่สิ...ก่อนหน้านี้อย่าเรียกว่าจีบ คนที่เอาแต่กลั่นแกล้ง ฉวยโอกาส ล่วงละเมิดทางเพศน้ำมนต์อย่างคุณใสน่ะ ไม่มีสิทธิ์มาพู
ยามว่างของหลินซีเป็นอะไรที่แสนเรียบง่ายและน่าเบื่อหญิงสาวพบว่าพี่ชายของเธอไม่กลับบ้านอีกแล้ว เรียกได้ว่าคอนโดห้องนี้แทบจะถูกเธอยึดครองอย่างสมบูรณ์แบบ มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือ เธอสามารถทำอะไรก็ได้ตามต้องการ มีพื้นที่ส่วนตัวและห้องเงียบสงบเป็นของตัวเอง ข้อเสียคือ เธอต้องรับหน้าที่เป็นผู้จัดการงานบ้านงานเรือนทุกอย่างแต่เพียงผู้เดียวเอาเถอะ...ก็สมเหตุสมผลดีหลินซีก้มลงมองข้อความในโทรศัพท์ที่ถูกส่งมาจากคนรักของเธอ'หลินวันนี้ไม่ว่างนะ ต้องติวหนังสือต่อ ไว้วันหลังค่อยไปดูหนังด้วยกันนะ''ได้ พี่อย่าแอบอู้แล้วกัน''ครับผมมมมมมม'การสนทนาสิ้นสุดลงเพียงเท่านั้น เป็นเรื่องปกติสำหรับคู่รักของเธอ ธีร์เรียนแพทย์ บทเรียนต่างๆ ทั้งยากและยังต้องศึกษาอยู่ตลอดเวลา อาจเพราะพี่ชายของเธอเองก็มีพฤติกรรมบ้าเรียนไม่ต่างกัน เธอจึงเข้าใจได้ ไม่ทำตัวงี่เง่าให้คนรักต้องทิ้งสิ่งที่เขาชอบเพื่อมาเอาอกเอาใจเธอหลินซีเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตเอาล่ะ...วันนี้เป็นวันว่างของจริงแล้วเธอกวาดตามองไ