ความจุกเริ่มบรรเทาลงช่วยให้ผมฟื้นสติในการสำรวจรอบข้างว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ขอทวนเล็กน้อย ผมสลัดการ์ดมาเดินเล่นคนเดียวเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ต่างออกไป ผมจงใจสลัดการ์ดแล้วออกห่างมาไม่ไกลนัก ด้วยรู้ดีว่าพักหลังตัวเองกำลังถูกมือที่สามจับตามองอยู่
จนเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น! ทั้งที่การ์ดน่าจะตามตัวผมเจอภายในไม่กี่นาที แต่ผมกลับต้องวิ่งหนีคนที่โผล่ออกมาตามล่าไม่ต่างจากสัตว์จรจัดที่โดนไล่ทำร้าย
บางครั้งผมก็ไม่ชอบไหวพริบของตัวเอง หลังฟื้นแล้วแอบฟังบทสนทนาของเจ้าตัวหัวหน้าที่โทรคุยกับเจ้านายมัน ในประโยคเหล่านั้นกล่าวถึงชื่อของลูเซียส ทำให้ผมรู้ว่าเหตุการณ์ลักพาตัวในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากเจ้าหนี้ของพ่อ แต่เป็นคู่อริของลูเซียส
นั่นเท่ากับว่าลูเซียสเป็นคนจงใจสั่งให้การ์ดลดความระวังภัยในตัวผมลงไม่ใช่เหรอ มันไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยงที่โดนทอดทิ้งยามเจ้าของเบื่อหน่ายเลยแม้แต่น้อย ที่เจ็บใจกว่านั้นคือ ผมเป็นคนทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
หากว่าผมไม่ซนคิดประท้วงด้วยการพยศแบบนี้ ผมคงไม่ถูกเขี่ยทิ้งในระยะเวลาอันสั้น ยังคงเสวยสุขได้อีกสักพักใหญ่...
ไม่สิ! เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น เรื่องนี้ก็ส่วนเรื่องนี้ การที่ผมโดนจับต้นเหตุก็มาจากลูเซียสไม่ใช่รึไง ผมอยู่ของผมดีๆ เขาดันมาถูกใจและตามจองเวรจองกรรมบังคับผมจนต้องมาเป็นอีหนู ถ้าผมใช้ชีวิตแบบเดิมคงไม่กลายมาเป็นเป้าหมายอริของลูเซียสหรอก
พอสถานการณ์กดดัน ผมก็เริ่มคิดฟุ้งซ่านอย่างคนสติแตก กระสับกระส่ายเพราะไม่สามารถเอาตัวรอดได้อย่างทุกที ที่ผ่านมาผมเคยเฉียดโดนจับตัวก็จริง แต่ก็แค่เกือบเท่านั้น ไม่เคยเป็นอย่างที่กำลังเจอ เชือกหยาบมัดแน่นจนเจ็บข้อมือ เลือดแทบไม่ไหลเวียนบ่งบอกว่าคนจับโมโหที่ผมสร้างความลำบากให้พวกมันขนาดไหน
ดวงตาถูกปิดด้วยผ้ามีแต่ความมืดไม่ต่างจากปากที่ไม่อาจส่งเสียง สิ่งที่รับรู้คือพื้นสั่นสะเทือนเหมือนอยู่บนรถที่กำลังเคลื่อนที่ กลิ่นเหม็นอับและกลิ่นรองเท้าไม่พึงประสงค์ ผมกำลังถูกพาไปที่ไหนสักที่หนึ่ง สิ่งที่พอวางใจได้คือ พวกมันต้องการตัวผมแบบเป็นๆ อย่างน้อยๆ ผมก็ไม่ตายเร็วๆ นี้
ในเมื่อลูเซียสตัดสินใจทิ้งผมแล้ว ผมต้องช่วยเหลือตัวเอง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน มัวแต่กระวนกระวายไปก็ไม่ช่วยให้ผมรอดจากสถานการณ์แย่ๆ
ผมลอบสูดลมหายใจลึก ทนกับกลิ่นเหม็นอับแล้วค่อยๆ ผ่อนออกมา สลับไปเรื่อยๆ เพื่อระงับสติอารมณ์ พอทำให้สงบใจได้บ้าง ผมลองกลิ้งซ้ายขวาชนเข้ากับเหล็กเย็น น่าจะเป็นขาเบาะนั่ง สงสัยผมจะถูกโยนทิ้งไว้บนพื้นรถระหว่างเบาะเพื่อกันผมก่อความวุ่นวาย แถมไม่ไกลจากจุดที่ผมนอนได้กลิ่นรองเท้าฉุนกึก แสดงว่ามีคนกำลังนั่งเฝ้าผมอยู่
ขืนลุกไปมีหวังโดนฟาดร่วงไปกองตามเดิม หัวไหล่ผมยังปวดเป็นระยะอีกต่างหาก พอโดนจับไขว้หลังอาการปวดเหมือนเพิ่มมากขึ้นกลายเป็นอุปสรรคชิ้นโตในการหลบหนี
ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ได้เลย มืดแปดด้าน ต้องรอจนกระทั่งมันพาผมลงจากรถถึงมีโอกาสหนีบ้าง อันดับแรกต้องจัดการผ้าปิดตาก่อน ผมแสร้งกลิ้งไปมาตามจังหวะรถเคลื่อนตัว ระหว่างนั้นก็ใช้ไหล่ของตัวเองให้ผ้าเลื่อนขึ้นพอเห็นพื้นรางๆ แม้จะเห็นไม่ชัดแจ่มแจ้งเหมือนเวลาปกติ ก็พอจะงมโข่งวิ่งหาทางได้บ้าง
ที่เหลือก็รอคอยโอกาส...
ทันทีที่รถจอด เสียงประตูเปิดไม่ต่างจากเสียงสัญญาณนับถอยหลัง ผมเฝ้ารอด้วยใจระทึก ลุกขึ้นยืนตามแรงฉุด หมายว่าลงจากรถจะใส่สุดแรงเกิด แต่เท้ายังไม่ทันถึงพื้นดี ตัวผมลอยจากพื้นอีกครั้ง
บัดซบ! พวกมันเลือกที่จะแบกผมขึ้นบ่ามากกว่าปล่อยให้ผมเดินเอง ผมเลยดิ้นเตะขาไปในอากาศ ได้ยินเสียงสบถด้วยความตกใจ ร่างผมร่วงตุบมาบนพื้น ไหล่ขวากระแทกซ้ำจุดเดิมจนน้ำตาเล็ด ไม่มีเวลาโอดครวญ ผมผุดลุกขึ้นวิ่งไม่คิดชีวิต
“เฮ้ย! มันหนีไปแล้ว พวกมึงดักมันไว้เร็ว!!”
หัวใจผมเต้นรัวราวกับจะทะลุออกมานอกอก ความตื่นเต้นขณะวิ่งยิ่งเผาผลาญอากาศจนผมเริ่มหอบเหนื่อย อาศัยมองผ่านผ้าบนพื้น เลือกทิศที่เห็นแสงสว่าง พื้นถูกเทปูนเรียบตีเส้นแบ่งสีขาวบ่งบอกว่าผมกำลังอยู่ในลานจอดรถ เมื่อไหร่ที่ผมวิ่งหลุดออกไปสู่ภายนอกได้เท่ากับผมมีโอกาสรอด และได้รับการช่วยเหลือจากคนที่ผ่านไปมา
ต่อให้พวกนั้นไม่เข้ามาช่วยแบบโง่ๆ ก็โทรแจ้งตำรวจบ้างล่ะวะ!
ผมวิ่งซิกแซกหลบหลีกฝีเท้าที่วิ่งเข้ามาจับกุมอาศัยรูปร่างที่เล็กกว่าเล็ดลอดไปได้หลายครั้ง ต้องขอบคุณที่หัวหน้าต้องการผมแบบยังมีชีวิต พวกนี้เลยไม่กล้าทำอะไรรุนแรงนัก ไม่งั้นผมคงไม่รอดตั้งแต่ดิ้นอยู่บนบ่า
แสงสว่างอยู่ตรงหน้า อีกเพียงนิดเดียว ผมก็จะ...
ปัง!!
เสียงปืนดังสนั่นพร้อมกับร่างที่ล้มลงกองกับพื้น ผ้าปิดตาหลุดออกเผยให้เห็นว่าอีกเพียงไม่กี่เมตรผมก็จะหลุดรอดไปได้ ความเจ็บปวดแสนสาหัสไล่มาตั้งแต่ขาจนถึงขั้วสมอง
“อ๊ากก!!”
ผมกลิ้งไปกลิ้งมาด้วยความเจ็บปวด กลิ่นคาวเลือดผสมกลิ่นน้ำมันเครื่องในลานจอดรถทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงกว่าเดิม โอกาสเดียวที่ผมจะหนีมันได้ลอยหายไปแล้ว
“ฤทธิ์เยอะดีนัก” หลังลูกน้องทำพลาด หัวหน้าผู้ลั่นไกเป็นฝ่ายเดินมากระชากคอเสื้อแล้วแบกไปด้วยตัวเอง
“ทำแบบนี้จะไม่เป็นไรเหรอครับนาย” ลูกน้องมองหัวหน้าด้วยแววตาสำนึกผิดที่ประมาทจนเกิดความวุ่นวาย ดวงตาดุดันตวัดจ้องเขม็ง
“มันก็ยังไม่ตายนี่ กูจะพามันไปหาเสี่ย มึงรออยู่นี่ไว้กูจะมาคิดบัญชีกับมึงที่หลัง”
ลูกน้องตัวสั่นไม่มีใครกล้าสบตา จำต้องก้มหน้ารับผิดโดยดี
เพราะความล้าจากการหลบหนีผสมกับความเจ็บที่ขาทำให้ผมหมดแรงที่จะขัดขืน แม้ว่าอยากจะแย่งปืนของมันมากราดยิงพวกมันทั้งหมดก็ตาม มุมปากยิ้มเยาะอย่างสมเพชตัวเอง มั่นใจนักหนาว่าจะหนีได้ ดูผลที่ตามมาสิ โลกแห่งความจริงมันไม่ง่ายอย่างที่คิด ผมถูกดึงเข้ามาสู่ในโลกที่ไม่ควรเข้ามาซะแล้ว
ก๊อก ก๊อก
“ผมพามันมาแล้วครับเสี่ย”
น้ำเสียงสุภาพช่างแตกต่างเวลาคุยกับลูกน้องราวฟ้ากับเหว
“โอ้ดีเลย เอาเข้ามาๆ ฉันจะได้เริ่มเจรจาสักที” เสียงเบิกบานจากหลังประตูตรงกันข้ามกับความรู้สึกของผมในตอนนี้โดยสิ้นเชิง เขาเปิดประตูปล่อยบนผมลงเก้าอี้ตรงข้ามกับชายร่างผอมที่ผิวหนังเหี่ยวย่นไปตามกาลเวลา นิ้วมือทั้งสิบมีแต่แหวนทองประดับ ทั้งนาฬิกาข้อมือและสร้อยคอ ตรงตำราตู้ทองเคลื่อนที่สมฉายาเสี่ย
“ไอ้หยา ทำไมโทรมแบบนั้น ฉันบอกให้เชิญมาดีๆ ไม่ใช่เหรอ”
เสี่ยเฒ่าย่นคิ้วมองสภาพยับเยินตรงหน้า แต่ไม่เดือดร้อนอะไรนัก ขอแค่ยังมีสติพูดคุยได้ก็พอ
“ขออภัยด้วยครับเสี่ย” ชายหน้าบากก้มหัวลงต่ำ
“ไม่เป็นไรๆ ยัยหนู ไปเอาเศษผ้ามามัดแผลที่ขามันซิ ประเดี๋ยวจะเลือดไหลหมดตัวตายก่อน”
“ค่ะเสี่ย” สาวรุ่นราวคราวลูกยิ้มรับอย่างมีจริตใช้ผ้าขี้ริ้วแถวนั้นมาพันขาให้อย่างลวกๆ ก่อนจะถอยไปยืนบีบนวดเสี่ยอย่างประจบเอาใจ
ผมเสียเลือดจนรู้สึกเพลีย เปิดปากเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าประเด็นสักที
“เสี่ยต้องการอะไรจากผมบอกมาเถอะ” น้ำเสียงราบเรียบไร้ความรู้สึก ไม่แข็งข้อและไม่โอนอ่อนเรียกความแปลกใจจากเสี่ยใหญ่ได้พอสมควร
“น่าสนใจๆ เจ้าเด็กคนนี้คงจะมีดีอยู่ไม่น้อย ไอ้ฝรั่งวิปริตนั่นถึงได้ติดใจ มีสมองแบบนี้ก็ดี จะได้คุยกันง่ายหน่อย” เสี่ยเฒ่าประสานมือใช้ดวงตาที่ผ่านประสบการณ์อย่างโชกโชนพิจารณาเด็กตรงหน้าอย่างละเอียดระหว่างพูดข้อตกลง
“ฉันต้องการให้นายเอาข้อมูลของมันมาให้ฉัน”
หลังได้ยินผมแทบอยากถ่มน้ำลายใส่หน้า กับอีแค่อีหนูเล็กๆ อย่างผมจะไปรู้ข้อมูลตื้นลึกหนาบางของลูเซียสได้ยังไง เรื่องพวกเอกสารยิ่งไม่ต้องพูดถึง นอกจากไนท์กับลูเซียส ผมไม่เห็นใครได้จับแฟ้มพวกนั้นเลย
“เสียใจด้วยเสี่ย ถึงฉันอยากช่วยก็ช่วยไม่ได้หรอก อย่างที่เสี่ยรู้ ฉันเป็นแค่อีหนูใช้แล้วทิ้ง จะไปเอาข้อมูลล้ำค่าที่ไหนมาให้”
“ฉันรู้ๆ นั่นมันเมื่อก่อน หลังจากนี้คงต้องให้นายทำงานหนักหน่อยเพื่อให้ได้ข้อมูลมา ค่าจ้างฉันไม่เลวนะ ให้มากกว่ามันสามเท่าเลยเป็นไง”
รอยยิ้มไปไม่ถึงดวงตามันดูน่าหวาดหวั่นมากกว่าหน้าดุดันของลูกน้องที่จับผมมาซะอีก ผมชั่งน้ำหนักในใจ ผมอยู่ในห้องส่วนตัวของลูเซียส การจะแอบฟังหรือลอบอ่านข้อมูลในเอกสารนับว่ามีโอกาสมากกว่าใคร ซึ่งผมมั่นใจว่าลูเซียสต้องจับได้แน่ ขึ้นอยู่กับเวลาว่าจะจับได้ตอนไหน
โอกาสดี เงินมากกว่าก็ไม่อาจทำให้ผมหวั่นไหว ตราบใดที่ไนท์ยังกุมความลับเรื่องแม่ของผมอยู่
“ต่อให้ฉันพยายามให้ตายก็ไม่มีประโยชน์ เสี่ยตัดใจหาคนอื่นเถอะ”
“ถ้างั้น... พาตัวมันเข้ามา”
เสี่ยเฒ่าหันไปสั่งลูกน้อง ก่อนประตูจะเปิดออกอีกครั้งพร้อมร่างที่ผมคุ้นเคยมากกว่าใคร
“ว่ายังไง พ่อของนายเป็นหนี้ฉันแบบที่จ่ายทั้งชาติก็ยังไม่หมด หากนายทำงานนี้ให้ นอกจากฉันจะยกเลิกหนี้แล้วยังจะเพิ่มเงินให้พวกนายสองพ่อลูก ข้อเสนอน่าสนใจมากเลยใช่ไหมล่ะ”
ตาเฒ่าพูดอย่างมั่นใจในแผนการตัวเองหนักหนาว่าผมจะต้องยอมตกลงแน่ ผมมองพ่อตัวเองด้วยสายตาว่างเปล่า สภาพของเขาดูไม่ต่างจากคนจรจัด ย่ำแย่กว่าตอนที่มายกเค้าห้องผมครั้งล่าสุด พอผมยิ้ม เสี่ยยิ่งยิ้มกว้าง พ่อสารเลวยิ้มจนปากแทบฉีกถึงใบหู
“ลูกรัก ตอบตกลงสิ แล้วเราจะได้เอาเงินไปสร้างตัวด้วยกัน”
วาจาโน้มน้าว สีหน้าใจดีชวนให้ผมนึกถึงภาพพ่อในอดีตอันแสนไกล... ก่อนที่จะถูกผีพนันเข้าสิง!
“ขอโทษนะเสี่ย ฉันว่าเสี่ยพามาผิดคนแล้วล่ะ ผู้ชายท่าทางโสโครกแบบเนี่ยนะจะเป็นพ่อของฉัน” แววตาเหยียดหยามจ้องพ่อตัวเอง คนฟังใบหน้าซีดเผือดเพราะเขาเป็นคนเสนอแผนการนี้เพื่อร่วมมือกับเสี่ยขอส่วนแบ่งเล็กๆ น้อยๆ ท่าทางอบอุ่นเมื่อครู่หายวับไปในพริบตา
“ไอ้ลูกทรพี! กูเป็นพ่อมึงอย่ามาทำไขสือ เสี่ยอย่าไปเชื่อมัน ผมเป็นพ่อมันจริงๆ ไม่เชื่อตรวจดีเอ็นเอได้”
“เอาล่ะๆ จะพ่อแท้หรือไม่ฉันไม่สน ตกลงว่านายปฏิเสธข้อเสนอฉันสินะ”
“ใช่!” ผมตอบทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด พ่อชั่วๆ แบบนี้รีบๆ ตายไปได้ซะก็ดี ผมรอจนเนื้อเต้นแล้วเนี่ย
“เฮ้อ... ช่วยไม่ได้นะ ความจริงฉันก็ไม่อยากใช่วิธีนี้เพราะเสียดายของ ถ้ามันจำเป็นก็ต้องใช้” เสี่ยทอดถอนใจคล้ายเสียดายนักหนา โบกมือให้ลูกน้องลากชายจรจัดออกไปจัดการด้านนอกเมินเฉยต่อเสียงโวยวายอ้อนวอน พร้อมพยักหน้าให้เจ้าหน้าบากรับกล่องบางอย่างจากเด็กเลี้ยงสาว
ผมมองเจ้ากล่องนั่นอย่างไม่ไว้ใจ สัญชาตญาณมันกรีดร้องบอกว่ามันคือของอันตราย
“อยู่เฉยๆ เดี๋ยวก็ว่าง่ายแล้วไอ้เด็กนรก” น้ำเสียงสะใจเมื่อตัวเองเป็นผู้ลงมือ เขาหยิบเข็มฉีดยาบรรจุของเหลวที่ดูยังไงก็ไม่บริสุทธิ์ออกมา เชือกมัดแขนโดนแก้ออก การ์ดสองคนเข้ามาจับแขนขาผมยึดให้อยู่กับที่ แรงกดยิ่งทำให้ผมเจ็บร้าวไปทั้งตัว
“เลวเอ๊ย ปล่อยกูสิวะ!” ดิ้นรนขัดขืนยิ่งกว่าตอนหาทางหนี มันหัวเราะอย่างสะใจ ดึงแขนซ้ายผมออกใช้นิ้วโป้งคลำเพียงชั่วครู่ก่อนจะแทงเข็มเข้าเส้นเลือดตรงข้อพับแขน ผมเบิกตากว้าง ระยำ...เอ๊ย
“อีกไม่กี่นาทีนายก็จะไม่ต้องกังวลอะไรอีกต่อไป ช่วงที่นายกำลังมีสติฉันขอบอกอะไรไว้อย่าง อะไรที่ฉันต้องการฉันต้องได้!” เสี่ยเฒ่าลุกจากเก้าอี้เดินมามองในระยะประชิด ก้มลงกระซิบข้างหู “สวะอย่างมึงไม่มีสิทธิ์ขัดคำสั่ง แล้วกูจะคอยดูมึงมากอดขาอ้อนวอนขอทำงาน เหอะ!”
เสี่ยเฒ่าออกไปแล้ว เหลือเพียงลูกน้องที่เฝ้าผม แรงกดหายไปทิ้งให้ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ ยังไงผมก็ทรยศลูเซียสไม่ได้ ไนท์รู้เรื่องแม่ผมก็ไม่ต่างจากผมเป็นลูกไก่ในกำมือ ผมตายได้แต่จะไม่ยอมให้คนคนนั้นตายเด็ดขาด ใจหนึ่งกรีดร้อง แต่อีกใจ...ความอบอุ่นที่ผมได้รับ มันชวนให้ผมโหยหาเหลือเกิน ถึงมันจะเป็นเพียงสัมผัสทางกายก็ตาม กับผมที่ไม่มีใครอยู่เคียงข้าง ไม่มีแม้แต่คนเดียว...
“เริ่มได้รึยังบอส” ไนท์ถือปืนถามอีกคนอย่างสบายๆ บัดนี้คนของลูเซียสทั้งหมดกำลังล้อมอาคารปิดทางเข้าออกให้หมด เจ้าเสี่ยจอมขัดแข้งขัดขามาเสียหลายปี คงถึงเวลาคิดบัญชีทบต้นทบดอกเสียที
“ใครขัดขืนฆ่าทิ้งให้หมดยกเว้นตัวหัวหน้า” เสียงเย็นออกคำสั่ง ไม่จำเป็นต้องขานรับหนักแน่นอย่างทหาร แค่เพียงไอสังหารที่แผ่ออกมาก็เพียงพอแล้ว
ทางเข้าออกทุกทางถูกบุกด้วยชายในชุดสูทนับสิบ เสียงกราดกระสุนดังลอดไปถึงในห้องเจรจา ชายหน้าบากสบถคำหยาบตวาดสั่ง
“หมาตัวไหนมันแส่หาเรื่อง! ยิงพวกมันทิ้งซะ!!”
โครม!
ประตูถูกถีบด้วยฝีเท้าของอาคมจนกระเด็นไปกระแทกลูกสมุนเสี่ยเต็มแรง ปืนในมือยกยิงกลางหัวคนที่ใกล้เด็กบนเก้าอี้มากที่สุด ชายหน้าบากกระโจนหลบพลิกโต๊ะทำงานเป็นโล่กำบังได้อย่างเฉียดฉิว ชายชุดสูทกรูเข้ามาไล่ฆ่าไม่ต่างจากมัจจุราช จนฝั่งตรงข้ามเหลือเพียงหยิบมือ จึงหยุดยืนคุมเชิงกันและกัน
สองหนุ่มแปลกหน้าเดินยิ้มราวกับตัวเองกำลังเที่ยวชมสวนดอกไม้
“ไมค์ดูอาการมิทรี่ หลงพาคนไปลากคอเสี่ยนั่นมา” อาคมออกคำสั่งเสียงเฉียบ หลงหนุ่มครึ่งจีนที่มีส่วนสูงอันน่าทึ่ง พยักหน้าพร้อมลั่นไกพาลูกน้องวิ่งเข้าไปอีกห้อง ส่วนอาคมยิงสกัดชายหน้าบากแต่ยังช้าไปก้าวหนึ่ง ชายหน้าบากทิ้งลูกน้องวิ่งหนีออกไปอีกทาง
ไมค์หนุ่มต่างชาติผมทองตรงดิ่งไปดูอาการตามคำสั่ง ไนท์ที่อยู่ใกล้เลิกคิ้วสูง ยกแขนกันบอสที่กำลังเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มแฝงความโกรธเล็กๆ ในดวงตา
“ฉันว่านายอย่าเพิ่งเข้าไปดูดีกว่านะลูเซียส”
“ทำไม?” บอสใหญ่ขมวดคิ้วขัดใจ ขณะที่ไมค์รายงานสภาพตามหน้าที่
“โดนยิงที่ขาแต่กระสุนทะลุไม่ฝังใน ฟกช้ำตามตัวบางจุดน่าจะโดนซ้อมไม่ก็เกิดจากการต่อสู้ขัดขืน หัวไหล่เคลื่อนอาการไม่หนัก แต่...” แพทย์สนามหยุดรายงานมองอาคมอย่างขอความเห็น ลูเซียสใจร้อนเกินกว่าจะรอให้ลูกน้องส่งสัญญาณทางสายตาเสร็จ แขนหนาผลักไนท์ออกเดินมาดูด้วยตาตัวเอง
เสื้อผ้าราคาแพงที่ซื้อให้สภาพไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้ว ยิ่งกางเกงโชกไปด้วยเลือดสีแดงสดที่ไหลนองใต้เก้าอี้ ผ้าสกปรกชุ่มเลือดใกล้กันบ่งบอกว่ามันเคยใช้ปิดแผลมาก่อนที่ไมค์จะใช้ผ้าพันแผลห้ามเลือดให้ ผิวกายขาวปรากฏรอยช้ำเขียวชัดเจน แก้มซีกหนึ่งบวมมีเลือดไหลซึมเลอะเศษดินน่าจะมาจากตกกระแทกกับพื้น เสื้อถูกเปิดออกเผยให้เห็นหัวไหล่ช้ำน่ากลัว สิ่งที่ทำให้ใจหนักแน่นดุจหินผาสั่นคลอนมากที่สุดคือรอยเข็มบนข้อพับแขน
ลูเซียสใช้มือเชยคางให้ใบหน้าที่ก้มต่ำเงยขึ้นสบตา สิ่งที่เห็นปิดกั้นเสียงปืนรอบข้างไปจนหมดสิ้น ดวงตาคมดุเบิกกว้าง
ดวงตาสีอ่อนเหม่อลอยไร้จุดโฟกัส ริมฝีปากแตกคลี่ยิ้มด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้มราวกับตัวเองกำลังอยู่ในสรวงสวรรค์ทั้งที่ความจริงสภาพไม่ต่างจากตกนรกทั้งเป็น
นี่ใช่เด็กที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้นก่อนออกจากห้องแน่หรือ...แววตาท้าทาย น้ำเสียงสดใส รูปร่างที่เขาพึงใจ ในตอนนี้ไม่ต่างจากเด็กเหลือเดนข้างสลัมที่กำลังเมายานรก!!
เพียงแค่เวลาไม่กี่ชั่วโมง เปลี่ยนเด็กคนหนึ่งได้ถึงขนาดนี้
บอสใหญ่ขบกรามแน่นจนได้ยินเสียงดังกรอดดุจสัตว์ร้ายที่กำลังจะคลุ้มคลั่ง มือหนาไล้แก้มช้ำแผ่วเบาก่อนเปิดทางให้ไมค์ทำแผลต่อและพาออกไปรักษาพร้อมลูกน้องคุ้มกันจำนวนหนึ่ง
ลูเซียสมองตามร่างนั้นจนลับตา ก่อนเบนสายตากลับมาภายในห้องอีกครั้ง ไอเย็นเยือกแผ่ออกไปทั่วบริเวณ แววตาฉายความอำมหิต มันเกินจากที่เขาคาดเดาไปมาก ทีแรกคิดว่าอย่างน้อยๆ ก็ซ้อมให้เจ็บตัวไม่ใช่แบบนี้ พวกมันล้ำเส้นเกินไป!
“ถ่ายทอดคำสั่งออกไป ลากระดับหัวหน้ามาในห้องนี้ให้หมด เอายานรกพวกมันมาด้วย”
เวลานี้กระทั่งไนท์ยังไม่คิดเปิดปากแม้แต่คำเดียว เขาเห็นด้วยกับสิ่งที่บอสจะทำทุกประการ ลูกน้องคนอื่นรีบทำตามราวกับว่าถ้าช้าเพียงเสี้ยววินาทีคนที่จะตายคือพวกเขา
ในโลกนี้มีสิ่งที่ลูเซียสเกลียดมากที่สุดแทบนับนิ้วได้ และหนึ่งในนั้นคือยาเสพติด! นอกจากจะใช้สิ่งที่เขาเกลียดแล้วยังขวัญกล้าทำกับเด็กที่เขาให้ความเอ็นดู พวกมันต้องไม่ได้ตายดี
เพลิงพิโรธของบอสมาเฟียไม่ใช่สิ่งที่ควรตอแยด้วย ใช้เวลาเพียงไม่นานหลงลากคอเสี่ยเฒ่าที่ถูกซ้อมจนหมดสภาพเข้ามาในห้อง ตามหลังมาด้วยชายชุดสูทคนอื่นที่ลากเหล่าลูกน้องบางส่วนมาโยนลงพื้นแล้วจ่อปืนรอบทิศ หากขยับเพียงนิดถูกกระสุนเจาะกลวงเป็นรังผึ้งแน่
“ใครเป็นคนทำเด็กของฉัน” เสียงทุ้มต่ำแฝงอารมณ์เดือดที่พร้อมจะปะทุทุกเมื่อ ขนาดเสี่ยเฒ่าผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากยังอดสั่นขวัญผวาโยนความผิดให้ลูกน้องคนสนิททันที
“เจ้านั่นเป็นคนทำ”
ชายหน้าบากจ้องนายเหนือหัวอย่างไม่อยากเชื่อ ทั้งที่เขาสู้ทำงานถวายหัวมานานนับปี แต่กลับเขี่ยทิ้งได้ง่ายไม่ต่างจากหนอนแมลง ความภักดีแปรเปลี่ยนเป็นความเคียดแค้น เจ้านายชั่วยังไง ลูกน้องย่อมเป็นแบบนั้น จิตใจบิดเบี้ยวแปรเปลี่ยนได้อย่างง่ายดาย
“หึ! กูคงไม่ทำหากมึงไม่สั่ง” สรรพนามเปลี่ยนไปเรียกความไม่พอใจจากเสี่ยเฒ่า ลูเซียสไม่อยากเสียเวลามานั่งฟังสวะ เลยหันมองลูกน้องที่อยู่ใกล้สองคนนั้นแทนคำสั่งให้จัดการฟาดสันปืนจนเลือดกบปาก จะได้เลิกเห่าหอนน่ารำคาญเสียที
“หุบปาก ถ้าฉันไม่ถามอย่าสะเออะตอบ เอายาที่มีทั้งหมดฉีดให้พวกมันซะ”
“เดี๋ยวก่อน! นายได้คนของนายคืนไปแล้ว ลูกน้องของฉันก็ตายไปตั้งเยอะ เรามาเจรจากันดีกว่า ของพวกนี้ทั้งหมดฉันยกให้ เอาไปขายเลยก็ได้ หรือฆ่าใครก็ทำไป อย่าฆ่าฉันก็พอ”
สิ่งที่พ่นออกมาจากปาก สร้างความสะอิดสะเอียนให้คนฟังจนแทบอยากเบือนหน้าหนี ลูเซียสหรี่ตามองอย่างอันตราย เขาแสยะยิ้มเหี้ยม
“ฉีดให้มันเยอะที่สุด ยิงแขนขาพวกมันทิ้งให้หมด ถ้ายังขยับได้ก็หักขาพวกมันซะ” ลูกน้องทุกคนลงมือฉับไว เข็มเกือบสี่สิบเข็มถูกบังคับฉีดให้พวกนั้นร้องดังระงม ก่อนที่ยาจะออกฤทธิ์ก็ยิงแขนขาสร้างความเจ็บปวดเพื่อดึงสติไม่ให้รื่นรมย์ไปกับยาเร็วนัก ทรมานจนอยากตาย นั่นคือสิ่งที่ลูเซียสมอบให้
“บอสครับ เจ้านี่ผมขอจัดการได้ไหม”
ท่ามกลางเสียงโหยหวนหลงเป็นฝ่ายอาสาจัดการชายหน้าบากด้วยตัวเอง ลูเซียสพยักหน้าให้เป็นเชิงอนุญาต ลูกน้องคนนี้เป็นนักฆ่าย่อมลงมือได้ถูกใจเขาในเวลานี้ที่สุด
หลงฉีดยาที่ข้อพับแขนก่อนยิงแขนขาจนเลือดอาบแล้วกระทืบหัวไหล่จนกระดูกร้าว ยังไม่พอเพียงเท่านั้น ใบหน้าของหลงยิ้มมุมปาก ประคองแขนเหยื่อหักกระดูกลั่นกรอบทีละท่อน...ทีละท่อน... แขนข้างหนึ่งเสร็จก็ต่ออีกข้างตามด้วยขา ไม่สนใจเสียงหวีดร้องอ้อนวอนให้ฆ่า
เสี่ยเฒ่าถูกจับให้คุกเข่าต่อหน้าเห็นภาพชัดเจนขณะที่ลูกน้องคนอื่นถูกปล่อยให้จมกับฤทธิ์ยา เขาตัวสั่นเทาพยายามยื่นข้อเสนอมากมายอย่างโง่งม จนสุดท้าย หลงบิดคอชายหน้าบากจนหันกลับผิดธรรมชาติ ดวงตาแดงก่ำจากเส้นเลือดฝอยเบิกกว้างจ้องมองเสี่ยเฒ่าอย่างอาฆาตแค้น
“หักแขนขามันทิ้ง แล้วปล่อยให้สุนัขจมูกไวมาจัดการ ฉันจะกลับไปดูเด็ก”
หลังชมการลงทัณฑ์จนจบ ลูเซียสสั่งหลงและอาคมทิ้งท้าย ส่วนตัวเองหมุนกายจากไปพร้อมมือขวา ที่ไม่ฆ่าเพราะเดี๋ยวมันจะตายสบายเกินไป เลยรวบรวมหลักฐานความผิดเตรียมการไว้ตั้งแต่ต้น ต่อให้มีพวกเบื้องบนช่วยก็ดิ้นไม่หลุด
อีกฝ่ายต้องพบกับสิ่งที่น่ากลัวมากกว่าความตาย เป็นคนแก่พิการไร้คนสนใจ มีโทษหนักหมายหัวแถมยังติดยาที่โดนฉีดเข้าไปไร้หนทางหามาเสพ ทั้งที่เคยสุขสบายมีเจ้าสิ่งนี้มากมายในอดีต นี่แหละคือการตอบแทนอย่างสาสม ส่วนเจ้าคนที่กล้าลงมือกับเด็กของเขา มันต้องตายอย่างทุกข์ทรมานสถานเดียว!