หน้าหลัก / LGBTQ+ / Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ) / ตอนที่ ๔ คดีบ้านร้าง ๓๖๕

แชร์

ตอนที่ ๔ คดีบ้านร้าง ๓๖๕

ผู้เขียน: Mkutkomen
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-14 11:19:56

               “ไม่อร่อยเหรอตะวัน ทำไมมองแต่หน้าเรา” เสียงทักของแสงอาทิตย์ทำให้เขาตื่นจากภวังค์ เขายิ้ม

               “อร่อยสิ คิดถึงทิตย์ล่ะ” “หือ ก็นั่งอยู่นี่ไง” แสงอาทิตย์ขมวดคิ้วแล้วยกนิ้วขึ้นขยับแว่น เวลาเขาเขินเขามักจะขยับแว่นตาแก้เขิน

               “เปล่า คิดถึงอดีต” แสงอาทิตย์พยักหน้า

               “เรื่องอะไรเหรอ” “ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน” แสงอาทิตย์ขยับแว่นหลายที บ่งบอกอารมณ์ความรู้สึกในตอนนี้

               “ตะวันว่างเหรอ ถึงได้คิดถึงเรื่องเก่าๆ หรือมีอะไรป่ะ” เสียงที่ถามนั้นดูไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก

               “ไม่มีอะไร ก็คิดถึงขึ้นมาไง แล้วงานเป็นไงบ้างช่วงนี้” แสงตะวันตักข้าวเข้าปาก สายตายังคงจับที่ใบหน้าของแสงอาทิตย์ แว่นหนานั้นเหมือนจะปิดบังดวงตากลมโตของเขา ดวงตาที่มีวงรัศมีสองชั้น ดวงตาที่พิเศษ แสงอาทิตย์รู้สึกเขิน จึงลุกเข้าไปในครัวเพื่อหยิบเอาบางอย่างแก้เขิน

               “มีรายงาน พบศพผู้เสียชีวิตที่บ้านร้าง ย่านมีนบุรี สภาพศพเปลือยกายและถูกพันธนาการด้วยเชือก ส่วนสาเหตุการตาย คาดว่าผู้ตายน่าจะขาดอากาศหายใจ และโดนทรมานก่อนที่จะสิ้นใจ ความคืบหน้า ทีมข่าวของเราจะติดตามต่อไปค่ะ” เสียงผู้ประกาศข่าวรายงานข่าวด่วน แทรกเข้ามาระหว่างรายการ โทรทัศน์ที่เปิดเอาไว้ทำให้ทั้งสองหันไปมอง

               “เดี๋ยวนี้มีคดีแปลกๆเยอะนะ คนเราจิตใจเปลี่ยนไปทุกวัน” แสงตะวันพึมพำออกมา

               “แล้วคดีแบบนี้ตะวัน ไม่ต้องไปสืบเหรอ” แสงอาทิตย์ถามเสียงดังออกมาจากครัว เพราะห้องต่างๆในห้องชุดนี้ มันไม่ได้ใหญ่โต ไม่ว่าจะทำกิจกรรมอะไรเสียงมันย่อมได้ยินไปทั่วทั้งห้อง

               “ไม่น่าจะเป็นคดียากหรอก ถ้าท้องที่ปิดไม่ได้ เราค่อยเข้าไปดู” แสงตะวันมองปราดเดียว ก็วิเคราะห์ออกมา เขาก้มหน้ากินข้าวต่อไม่สนใจรายการที่เปิดทิ้งไว้

               “ปิดตา ฆาตรกรรม เขาโดนฆาตรกรรม เขาเหมือนถูกตรึงเอาไว้ เราไม่เห็น ทำไม เรามองไม่เห็น” แสงอาทิตย์เดินเข้ามา ภาพที่ผุดขึ้นในจิตทำให้เขายืนนิ่งเหมือนต้องมนต์ ตาเบิกกว้างออก

               “เป็นอะไรไปทิตย์ เห็นอะไร” แสงตะวันวางช้อนส้อมในมือ แล้วรีบลุกขึ้นไปจับบ่าของแสงอาทิตย์

               “ไม่ง่ายนะตะวัน คดีนี้ไม่ง่าย มีบางอย่างบังไว้ เรามองไม่เห็นอะไรมาก” ท่าทางของแสงอาทิตย์ เหมือนเขากำลังเพ่งบางสิ่ง ที่ยากเกินจะมองเห็น

               “มันก็คงคดีฆาตรกรรมทั่วไปล่ะทิตย์ พักก่อนเถอะ” เขาเรียกสติให้แสงอาทิตย์กลับมา เขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึก แล้วกินข้าวกันต่อ

               “เราคิดว่าทิตย์เลือกที่จะเห็นได้แล้วเสียอีก มันยังเห็นอยู่ตลอดเหรอ” แสงตะวันเอ่ยถาม เมื่อตอนที่ทั้งสองกำลังนั่งอยู่ที่โซฟาหน้าจอโทรทัศน์

               “อืม เราก็คิดว่าเราเลือกที่จะเห็นได้แล้วเหมือนกัน แต่เมื่อกี๊ มันมีพลังบางอย่างรุนแรงมาก เหมือนเขากำลังรอใครที่จะสื่อสารกับเขาได้ เราก็ไม่ได้ตั้งใจ หรือสนใจเลยนะ แค่เพียงได้ยินข่าว มันก็ผุดขึ้นมาเอง” แสงอาทิตย์ระบายออกมา ที่ผ่านมาเขาเห็นวิญญาณที่เร่ร่อนอยู่ตามถนน หรือในที่ต่างๆ แต่เขาได้ฝึกสมาธิและกรรมฐาน เขาเหมือนจะไม่เห็นในสิ่งที่เขาไม่ต้องการที่จะเห็น ส่วนคดีต่างๆที่แสงตะวันขอความช่วยเหลือนั้น เขาต้องการจะเห็นและเพ่งสมาธิ ภาพที่เขาเห็นมันแจ่มชัดกว่าแต่ก่อนมาก

               “งานคงยุ่งล่ะทิตย์ พักหน่อย พักนี้ก็ไม่ค่อยมีคดีที่มันเกินฝีมือ หรือต้องรบกวนทิตย์หรอก” แสงตะวันทำท่าบีบนวดให้แสงอาทิตย์ ทุกครั้งที่เพื่อนสนิทคนนี้เข้าใกล้ เขาพยายามไม่คิดอะไร แต่ด้วยความที่แต่ละฝ่ายคิดว่าสนิทกัน แสงตะวันจึงทำทุกอย่าง โดยที่ไม่ได้คิดว่าเพื่อนสนิทจะคิดไม่ซื่อกับเขา ทั้งเข้าห้องน้ำโดยที่ไม่สวมเสื้อผ้า อยู่บ้านวันหยุดใส่แต่กางเกงชั้นในตัวเดียว จะเดินจะเหินไม่ระวังตัว เพราะเขาไม่คิดว่าแสงอาทิตย์เป็นคนอื่น มีแต่แสงอาทิตย์เอง ที่ใจโอนเอนทุกครั้งที่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่ใช่มันเพิ่งจะเริ่มเป็น แต่เขาคิดมากกว่าคำว่าเพื่อนตั้งแต่เจอกันครั้งแรก เมื่อตอนเรียนชั้นมัธยมต้นแล้ว และนี่กระมัง จึงเป็นเหตุผลที่เขายอมทำตาม สิ่งที่แสงตะวันขอร้องมาโดยตลอด ทั้งที่เขาต้องใช้พลังงานในการสื่อสารกับวิญญาณ หรือสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเนื้อ ด้วยพลังของตาที่สามของเขา

               “พักยังไม่ได้หรอกตะวัน อาทิตย์หน้าบริษัทของเราได้งานตรวจบัญชีที่เอ็กซ์โก้ พวกเราต้องเต็มที่หน่อย” แสงอาทิตย์บอกออกมา เสียงแกว่งนิดหน่อย เพราะมือของแสงตะวันพาดอยู่ที่บ่า ท่าทางของเขาดูสบายใจมากเวลาที่อยู่ห้องกับแสงอาทิตย์ พื้นที่ส่วนตัวและปลอดภัยของเขา แสงอาทิตย์ทำงานเป็นพนักงานตรวจบัญชี ที่บริษัทเล็กๆแห่งหนึ่ง เป็นบริษัทของรุ่นที่มหาวิทยาลัย ที่ออกมาเปิดตัวบริษัทตรวจสอบบัญชี ที่จริงมีบริษัทใหญ่ๆดังๆมากมาย มาทางทามให้เขาไปร่วมงานตั้งแต่เขายังเรียนอยู่ เพราะคะแนนของเขาโดดเด่น ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง แต่ที่เขาเลือกมาทำงานกับรุ่นพี่ เพราะเคารพรักรุ่นพี่คนนี้มาก ด้วยความที่เขารู้ว่าแสงอาทิตย์มีความสามารถพิเศษ และคอยให้คำปรึกษาและช่วยเหลืออยู่เสมอ ในตอนนี้บริษัทขนาดเล็กของเขาก็กำลังไปได้สวย ห้องพักของทั้งคู่แยกกัน โดยห้องของแสงตะวันจะเล็กกว่า เพราะเขานอนไม่ค่อยเป็นเวลา ส่วนห้องของแสงอาทิตย์จะเป็นห้องมาสเตอร์ ชื่อของห้องชุดเป็นชื่อของทั้งสองซื้อร่วมกัน แสงอาทิตย์นอนหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำงาน พรุ่งนี้เขายังจะต้องตื่นแต่เช้า เพื่อเข้าไปที่บริษัท เพื่อเตรียมตัวเข้าไปตรวจสอบบัญชี บริษัทที่เพิ่งจะว่าจ้างนี้เป็นบริษัทขนาดใหญ่ รุ่นพี่ต้องจ้างพนักงานชั่วคราวมาช่วยเฉพาะกิจด้วย

               “อ้าวตื่นแล้วเหรอตะวัน ทำไมไม่นอนต่ออีกหน่อยล่ะ นานๆได้นอนเต็มตาเสียที” แสงอาทิตย์ทัก เพราะปกติเวลานอนของแสงตะวันมักจะน้อยนิด

               “มีงานด่วนสิทิตย์ จำข่าวเมื่อคืนได้ไหม ไม่อยากจะเชื่อเลย แค่ข้ามคืน คดีก็ถูกโยนมาให้ส่วนกลาง” เขาบ่นอุบ

               “เราพอจะรู้” แสงอาทิตย์เอ่ยออกมาเสียงเบา

               “ทิตย์รู้อยู่แล้วใช่ไหม ว่าคดีนี้มันไม่ปกติ” เขาไม่ตอบแต่พยักหน้า

               “งั้นทิตย์ก็ไม่ได้พักแล้วสิ แต่ยังไม่ต้องตอนนี้หรอกนะ เราขอไปดูที่เกิดเหตุก่อน เราจะพยายามก่อน ถ้าเกินมือค่อยรบกวนทิตย์” แสงตะวันเองก็เกรงใจแสงอาทิตย์อยู่มาก ฉายาสารวัตรผู้หยั่งรู้ ได้มาก็เพราะแสงอาทิตย์นี่ล่ะ

               “ตะวันจะออกไปเลยเหรอ” เขาถาม เพราะสารวัตรหนุ่มอยู่ในชุดที่พร้อมออกไปทำงาน แม้จะไม่ใช่เครื่องแบบ แต่สิ่งหนึ่งที่ตำรวจในยุคนี้มองแค่เพียงตาเดียว ก็มองออกว่าเป็นตำรวจคือทรงผม เขาสวมกางเกงยีนส์สีเข้ม เสื้อยืดสีหม่น ทับด้วยแจ็คเก็ตสีดำ มีหมวก แว่นตาดำ รองเท้าผ้าใบหุ้มข้อ

               “ใครมองก็รู้ว่าตะวันเป็นตำรวจ” แสงอาทิตย์เคยแซว ด้วยรูปร่างที่สูง ๑๘๕ ซม. นั่นยิ่งทำให้เขาดูเด่น ไหนจะทรงผมและบุคลิกอีก

               “ไม่แน่หรอกทิตย์ คนอาจจะคิดว่าเราเป็นทหารก็ได้” เขาตอบกลับอย่างอารมณ์ดี

               “ออกไปเลย นัดทีมไว้แล้ว ตั้งใจทำงานล่ะทิตย์” รอยยิ้มของเขาทำให้แสงอาทิตย์ใจเต้นตึกตัก มันไม่เคยจะคุ้นชิน นับวันมันยิ่งพองตัวคับอกไปหมด

               “ศพอยู่ที่นิติเวชใช่ไหม” แสงตะวันเอ่ยขึ้น เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ โครงการบ้านจัดสรรร้างขนาดใหญ่ ทว่าร้างมีต้นไม้ขึ้นอยู่หนาแน่น บ้านที่พบศพอยู่หลังในสุด ด้านหลังคือป่ารกทึบ ชั้นสองของบ้านเป็นที่ก่อเหตุ

               “ใช่ครับสารวัตร ยังไม่มีใครเข้ามาในพื้นที่ นอกจากมูลนิธิที่มาเก็บศพ และนักข่าว” แสงตะวันทำเสียงไม่พอใจในลำคอ นักข่าวนี่ล่ะตัวดี ยิ่งสมัยนี้การได้ข่าวหรือคอนเทนต์ก่อนช่องอื่นเขา นับเป็นเรื่องที่นักข่าวมักจะทำลายหลักฐานก่อนเจ้าหน้าที่โดยไม่รู้ตัว แสงตะวันหยิบเอาแฟ้มรูปจากจ่าอิน ลูกทีมมาเปิดดู ผู้ตายอยู่ในท่าคลาน มือถูกมัดไพล่หลังด้วยเชือกปอ ปิดตาด้วยผ้าสีดำ เปลือยกาย โดยที่กางเกงกีฬาขาสั้น ถอดร่นออกมาอยู่ที่หน้าแข้งทั้งสอง ทวารหนักฉีกขาดเห็นได้ด้วยตา ปากอ้าเหมือนร้องด้วยความทรมาน ก่อนจะสิ้นใจ ตามร่างกายเปื้อนไปด้วยคราบฝุ่นดิน มีรอยน้ำตาเทียนเต็มหลัง แสงตะวันมองพื้นที่ เขาทำสัญลักษณ์ไว้แล้วมองไปยังพื้น ที่ยังคงเหลือร่องรอยของน้ำตาเทียน

               “แล้วรอยเท้านี่” เขาขมวดคิ้ว เพราะรอยเท้าในรูปกับปัจจุบันมันมองไม่ออกเลยว่าเป็นของใคร

               “ดูได้แต่ในรูปครับ เพราะวันที่มานำศพออกไป พนักงานรวมถึงนักข่าวหลายชีวิตเข้ามาในพื้นที่” เขาพยักหน้าแล้วเดินวนดูรอบๆ ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้ขัดขืน อุปกรณ์แวดล้อม ซองถุงยางอนามัย อวัยวะเพศชายปลอมขนาดเขื่อง ขวดสารหล่อลื่น ถูกเก็บไปเพื่อตรวจหมดแล้ว แสงตะวันมองตามผนังของห้อง ไม่มีอะไรผิดปกติ

               “พี่จ่าคิดว่าไงครับ” เขาหันมาถามจ่าอินที่เดินไปอีกด้าน วันนี้ลงพื้นที่แค่สองคนคือเขาและจ่าอิน

               “น่าจะเป็นการนัดกัน ของพวกรักร่วมเพศครับ สมยอม แต่ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงได้ฆ่า” จ่าอินวิเคราะห์ เขาเองก็พยักหน้าช้าๆ

               “รอดูผลตรวจจากแลป ก็น่าจะไม่ยากแล้วล่ะ” แสงตะวันเอ่ย แล้วเดินดูโดยรอบอีกครั้ง ไม่มีอะไรที่เป็นสิ่งผิดปกติ ที่พอให้เขาสงสัยและตามสืบได้

               “ผู้ตาย ระบุตัวตนได้หรือยัง” เขาหันมาถามจ่าอิน ตอนที่ขับรถไปที่นิติเวช

               “ได้แล้วครับ นายทวี ร่วมสกุล เป็นเจ้าของโรงกลึงที่บางพลี” เขาขมวดคิ้วแน่นทันที บางพลี แล้วมาโผล่ที่มีนบุรีเนี่ยนะ เหมือนจ่าอินจะรู้ว่าสารวัตรสงสัย

               “นั่นสิครับ จากปากคำของญาติและคนงาน ปกตินายทวี จะไม่ออกไปไหนเกินบางนา ตราดเลย วันๆก็อยู่แต่ในโรงกลึง อ้อ เขาแต่งงานแล้วครับ มีบุตรสองคน” นั่นยิ่งทำให้แสงตะวันงงเข้าไปใหญ่ แต่งงานมีครอบครัว แต่ลักษณะที่ตาย เหมือนว่าเขาถูกล่วงละเมิดทางเพศ

               “เขาอาจจะถูกหลอกมา เพราะรสนิยม ไม่น่า หรือว่า” แสงตะวันคิดวิเคราะห์แต่เขาเหมือนเจอกำแพงขวางไว้ ไม่เป็นไร เขาบอกตัวเอง ทุกคดีถ้ามันง่าย มันก็คงไม่ตกมาถึงสำนักสอบสวนกลางอย่างเขาหรอก

               “ไม่พบลายนิ้วมือของผู้อื่น บนร่างของศพ หรือเสื้อผ้าครับสารวัตร แปลกมาก สารคัดหลั่งต่างๆ คงต้องรอผลตรวจดีเอ็นเอ เราคงพบดีเอ็นเอของผู้อื่นครับ” เจ้าหน้าที่ชันสูตรรายงาน

               “หมายคววามว่าไงครับ” “ตรวจละเอียดแล้วครับ ไม่พบลายนิ้วมือ หรือสิ่งแปลกปลอม พอที่จะระบุตัวตนของผู้อื่น นอกเหนือจากของผู้ตายเอง” เขายืนยัน แสงตะวันเอาแฟ้มที่เจ้าพนักงานสรุปขึ้นมาเปิดดู ลักษณะของศพ ไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกาย ไม่มีส่วนแตกหัก อวัยวะภายในยังคงปกติ ยกเว้นแต่ที่ทวารหนัก ที่มีร่องรอยฉีกขาดรุนแรง เหมือนโดนบางสิ่งทะลวง

               “เอาล่ะสิจ่าอิน งานหยาบแล้วเรา” เขาหันไปหาลูกทีมที่ทำสีหน้าไม่ต่างกัน

               “แล้วโทรศัพท์ของผู้ตาย เข้าได้หรือยังครับ” เขาถาม จ่าอินยกโทรศัพท์ขึ้นกดโทรออกทันที

               “ได้แล้วสารวัตร” ทั้งสองจึงตรงไปยังกองพิสูจน์หลักฐาน ลายนิ้วมือก็คงอยู่ที่อุปกรณ์พวกนั้นสินะ

               “คนร้ายน่าจะสวมถุงมือยางครับ เพราะมีสารจากถุงมือยางปนเปื้อนที่อวัยวะเพศปลอม ไม่พบลายนิ้วมือของคนร้าย มีเพียงลายนิ้วมือของผู้ตาย เส้นขนที่พบในที่เกิดเหตุ มีเพียงของผู้ตายเท่านั้นครับ แปลกมากจริงๆ” พนักงานที่กองพิสูจน์หลักฐานทำสีหน้ายุ่ง แสงตะวันเองถึงกับเม้มปากแน่น คิ้วขมวดเป็นปมเกินจะคลี่ออก จ่าอินเองก็มีอาการไม่ต่างกัน

               “แล้วถุงยางที่ใช้แล้ว” เขาถาม

               “ไม่พบในที่เกิดเหตุครับ คนร้ายเหมือนจะรู้ เขาคงเก็บไปด้วย” ท้าทายมาก เขาคิด คนร้ายคงจะศึกษาวิธีการมาเป็นอย่างดี ไม่มีอะไรหลงเหลือพอที่จะให้สายสืบอย่างเขาตามตัวได้เลย

               “แล้วข้อมูลทางโทรศัพท์” จ่าอินรีบถาม พนักงานจึงยื่นกระดาษเป็นปึกให้

               “คืนวันเกิดเหตุ ผู้ตายได้โทรศัพท์ติดต่อ กับเบอร์ที่คาดว่าน่าจะเป็นคนร้าย” “เบอร์เดี๋ยวนี้จะเปิดใช้ต้องใช้บัตรประชาชน ยืนยันตัวตนนี่ ฮึๆ ไม่คิดว่าจะมาตายน้ำตื้น” แสงตะวันยิ้มออกมา

               “เอ่อ ใช่ครับ แต่ว่า” เจ้าพนักงานทำให้ทั้งสองสายสืบหันมอง

               “มีอะไรครับ” จ่าอินถามทันที

               “จากการตรวจสอบ ผู้ที่เปิดเบอร์ ตรวจสอบตัวตนได้แล้วครับ” เขาเหมือนอึกอัก

               “ดีสิ งั้นรวบรวมหลักฐานแล้วออกหมายได้เลย”

               “สารวัตรดูก่อนเถอะครับ ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปได้ไหม” เขายื่นอีกแฟ้มให้

               “นายวิสันต์ กันยารี อายุ ๓๗ ปี เลขบัตรประชาชน” แสงตะวันอ่านออกเสียง แต่ก็เสียงหายไป เมื่อมาถึงประโยคเกือบสุดท้าย

               “ปัจจุบัน จำคุกอยู่ที่เรือนจำบางขวาง นนทบุรี หือ นี่มันอะไรกัน” เขาเอ่ยออกมา หน้าตาตื่น

               “เป็นไปได้ยังไง ตรวจสอบแน่ใจแล้วใช่ไหมหมู่” จ่าอินทำท่าทางจริงจังใส่เจ้าพนักงาน

               “ตรวจสอบหลายรอบแล้วครับ แต่ที่แปลกว่านั้น เบอร์เพิ่งถูกเปิดใช้งานสองวันก่อนวันเกิดเหตุ”

               “ไปบางขวางกันจ่าอิน” สารวัตรหนุ่มถอนหายใจออกมา มันแปลกมาก คนที่ถูกจำคุกอยู่ จะเปิดเบอร์ใหม่ได้ยังไง หรือว่าเปิดในคุก แล้วเขาจะออกมาก่อเหตุได้ด้วยเหรอ เป็นไปไม่ได้ ระหว่างทางเขาให้จ่าอินเป็นคนขับรถ ส่วนเขาเปิดแฟ้มดูอย่างละเอียด

               “แอพพลิเคชั่นพวกนี้ คืออะไรจ่า” เขายกกระดาษที่ปริ๊นออกมาจากโทรศัพท์ของผู้ตาย

               “แอพเกย์ครับสารวัตร” “หือ เขามีเกือบทุกแอพเลยนะ ไหนบอกมีครอบครัว มีลูก” แสงตะวันเหมือนจะอยู่ในโลกของเขามากเกินไป โลกภายนอกมันหมุนไว ไปไกลกว่าที่จินตนการของเขาจะคิดภาพออก

               “คงเป็นรสนิยมส่วนตัวของเขาครับ” จ่าอินตอบ สายตาก็จ้องไปที่ถนน

               “อืม โลกมันเปลี่ยน หรือว่าคนมันเปลี่ยนวะเนี่ย ผมพอจะเข้าใจนะ แต่งงนิดหน่อย” เขาเปิดดูอีกแผ่น

               “ผมว่าคนเดี๋ยวนี้ มีแบบนี้เยอะครับ แต่งงานมีครอบครัว ตามหน้าที่ ตามสังคม แต่ความชอบส่วนตัวจริงๆ ที่เขาเปิดเผยไม่ได้ เขาจึงน่าจะมีโลกอีกใบ” “อ้อ เหมือนเคยได้ยิน โลกสองใบสามใบ” แสงตะวันพยักหน้า

               “ยิ่งทุกวันนี้สื่อออนไลน์ แอพพลิเคชั่นต่างๆ ผุดขึ้นมารายวัน มันยิ่งง่ายครับ ที่จะสร้างโลกสามใบสี่ใบขึ้นมา”

               “แต่สุดท้าย ก็ต้องมาอยู่กับโลกใบปัจจุบันอยู่ดี” แสงตะวันเอ่ยแทรก จ่าอินนิ่งไปแล้วพยักหน้า

               “แต่เขาก็เล่นทุกแอพเลยนะ จะให้ตามยังไงล่ะทีนี้” แสงตะวันถอนหายใจ เพราะทุกแอพพลิเคชั่น ผู้ตายเหมือนจะเข้าใช้งานอยู่เป็นประจำ แต่แอพพลิเคชั่นที่ว่า ก็ไม่พบผู้ต้องสงสัยในบทสนทนา ที่ทางกองปริ๊นออกมาให้

               “ฮอร์เน็ท” เขาเปิดมาอีกแผ่น เอ่ยขึ้นตามชื่อแอพพลิเคชั่น

               “โอ้ เขาก็ไม่เบานะจ่าอิน ดูรูปของเขาสิ ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะมีครอบครัว โดยที่ภรรยาไม่ระแคะระคาย ในรสนิยมทางเพศแบบนี้” แสงตะวันเผลอวิจารณ์ออกไป พอรู้ตัวจึงกระแอมขึ้นแก้เขิน

               “ไหนครับ” จ่าอินเองอยากรู้ เมื่อได้ยินจากปากสารวัตร เขาจึงยื่นกระดาษให้เขาดู

               “โห ไม่อยากจะเชื่อจริงๆนั่นล่ะครับ” จ่าอินอุทานออกมา เพราะภาพที่เจ้าของโปรไฟล์ปิดกั้นไว้นั้น เป็นภาพที่วาบหวิว โชว์หลืบเร้นอย่างโจ่งแจ้ง ภาพโปรไฟล์ ที่คนทั่วไปได้เห็นในแอพพลิเคชั่น เป็นรูปเหมือนช่างกำลังซ่อมบางอย่าง แต่ถ่ายด้านหลัง เขากำลังก้มซ่อมบางอย่างหน้ารถ คือเน้นให้เห็นบั้นท้ายนั่นเอง ส่วนภาพที่อยู่ในอัลบั้มลับ มีทั้งหมดห้ารูป แต่ละรูปคือภาพลับส่วนตัว ที่โชว์อวัยวะสืบพันธุ์โจ่งแจ้ง ทั้งหน้าและหลัง แต่ที่พิเศษคืออุปกรณ์เสริมในรูป ทั้งหยดเทียน แส้ ผ้าปิดตา อวัยวะเพศเทียม แสงตะวันถึงกลับเบือนหน้าออกนอกรถ เพื่อปรับทัศนะคติ

               “ไบ7ไบ ไบมีครอบครัวเท่านั้น ความลับ” แสงตะวันอ่านออกเสียงตามภาพหน้าโปรไฟล์ของผู้ตาย

               “เฮ้ย ไบ7ไบ นี่มันอะไรครับ แล้วเป็นไบแต่หาไบ แล้วมันจะทำอะไรกันยังไงล่ะสารวัตร” จ่าอินอุทานขึ้นเสียงดัง

               “จะไปรู้เรอะจ่า มันมีแบบไบที่เป็นฝ่ายรุก กับไบที่เป็นฝ่ายรับก็ได้นี่ ผมเคยอ่านเจอ คำว่ารสนิยมนี่ บางทีผมว่ามันก็เห็นแก่ตัวเหมือนกันนะ” แสงตะวันรำพึงออกมา

               “เห็นแก่ตัวยังไงครับ ก็มันเป็นความส่วนส่วนตัว” จ่าอินถามขึ้น

               “นั่นล่ะ ส่วนตัวผมคิดว่า ถ้ารู้ตัวว่ามีรสนิยมแบบนี้ ทำไมไม่ปล่อยคนที่อยู่ด้วย ผมหมายถึงเมียของเขาน่ะ ให้เป็นอิสระไปซะ เพราะบางทีคนที่เป็นเมีย อาจจะมีรสนิยมชอบคนที่จะมาเป็นสามี ไม่ใช่แบบนี้” “เขาคงมีลูกด้วยกันแล้วมั้งครับ หน้าที่จึงจำเป็นต้องอยู่ บางทีก็น่าเห็นใจอยู่นะครับ” แสงตะวันพยักหน้า

               “จ่าคิดว่าเมียของเขาจะรู้ไหม ว่าผัวตัวเองมีรสนิยมแบบนี้” “ไม่น่าจะรู้ครับ ถ้ารู้ก็คงไม่เกิดเรื่องขึ้นหรอก”

               “ทำไมรึ เมียน่าจะจัดการก่อนคนร้ายน่ะเหรอ” ทั้งสองหัวเราะออกมาที่ลำคอพร้อมกัน  

               “นี่คงเป็นคนร้ายสินะ โทรศัพท์ของผู้ตายเอามาด้วยไหม” แสงตะวันเงยหน้าขึ้นจากแฟ้ม หลังจากที่กลับมาเปิดดูแฟ้มต่อ บทสนทนาที่อยู่ด้านบนสุด บอกวัน เวลาในการสนทนาชัดเจน จ่าอินส่ายหน้า เขาจึงก้มลงอีกครั้ง

               “ไม่มีรูปโปรไฟล์เหมือนผู้ตาย แต่มีการส่งรูปให้ดูแล้วลบ คุยกันมาสักพักแล้วนี่” แสงตะวันดูเอกสารไปทีละแผ่น

               “ผู้ตายมีผู้ติดตาม ๓๐๐ คน เข้าร่วมแอพพลิเคชั้นมาแล้ว ๕ ปี แต่คนร้ายเพิ่งเข้าร่วมได้ ๒ อาทิตย์ ไม่มีผู้ติดตาม” แสงตะวันเอาลิ้นดุนแก้มเมื่อเวลาที่เขาเครียด

               “เหมือนว่าคนร้ายจะล็อคเป้าเลยนะครับ” จ่าอินเสริม พอดีกับที่รถไปถึงเรือนจำ ติต่อทำเรื่องอยู่ไม่นานก็เข้าไปรอที่ห้องพัก

               “สารวัตรครับ นายวิสันต์ ไม่เคยได้รับอิสรภาพ นับจากวันที่เขาก้าวเข้ามาในเรือนจำ เมื่อ ๖ ปีที่แล้วเลยนะครับ กว่าเขาจะพ้นโทษก็อีกตั้ง ๑๔ ปี” “เข้าโดนข้อหาอะไรครับ” แสงตะวันถามเจ้าพนักงาน

               “ฆ่าชิงทรัพย์ครับ” ไม่สำคัญหรอก ว่าเขาจะเข้ามาที่นี่ด้วยคดีอะไร แต่ที่มันสำคัญ คือเขาเปิดเบอร์โทรศัพท์ได้ยังไงต่างหาก แสงตะวันคิ้วผูกเป็นปม

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๗ ทุกนาทีมีค่า

    “ข้อมูลที่เรารวบรวมมาได้เกี่ยวกับโรงเรียน ตัดผู้ต้องสงสัยออกไปได้เยอะเลยครับ เพราะคนที่อยู่ในทีมฟุตบอลตอนนั้น ส่วนมากอยู่ต่างจังหวัด และต่างประเทศ เวลาที่เกิดเหตุ เกือบทั้งหมดมีพยานยืนยันที่อยู่ชัดเจน แม้กระทั่งน้องชายของนายธรรผู้ตาย เฟสบุ๊คของเขายังคงใช้งานอยู่ เมื่อวานก็เพิ่งจะโพสต์รูปภาพ ว่าอยู่ที่บอสตันครับ” จ่าอินรายงาน ทุกคนหน้าเครียด คิดไม่ตกว่าจะไปทางไหนดี มันเหมือนจะเจอทางสว่าง แต่แสงนั้นดับพรึ่บลง โดยที่ยังไม่ทันได้บ่ายหน้าไปหาแสงเสียด้วยซ้ำ “โอ้ย ให้มันได้อย่างนี้สิวะ” แสงตะวันแหกปากออกมา เขาคิดไม่ออก หาทางไม่เจอ เขาทึ้งหัวตัวเอง อาการที่เขาไม่เคยแสดงออกมา ลูกทีมไม่มีใครเคยได้เห็น ว่าสารวัตรผู้หยั่งรู้จะจนแต้มขนาดนี้ แต่ทุกคนก็เข้าใจดีว่ามันยากมาก “มันต้องมีเหตุจูงใจครับ หรือว่านี่ มันคือพฤติกรรม สร้างสถานการณ์เลียนแบบ” ผู้กองคมกริชขมวดคิ้ว หน้าเครียดไม่ต่างกัน “เลียนแบบ แล้วมันไปรู้เรื่องนี้ได้ยังไง เห็นนายวันชัยบอกว่าเรื่องนี้ถูกปิดเงียบ เพราะพ่อของนายสมโชติ เป็นคนจัดการ มีแต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งถูกกำชับไม่ให้เปิดปาก” “แล้วเด็ก

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๖ ท้าทาย

    “จ่าไปซื้อเหล้ามาหน่อยสิครับ” พอถึงห้อง แสงตะวันก็ควักเงินออกมายื่นให้จ่าอิน เขาทำหน้าตาตื่น นานทีปีหนถึงจะเห็นแสงตะวันดื่มเหล้า และนี่มันเพิ่งจะบ่ายกว่าๆเอง “เอ่อ เอาแต่หัววันเลยเหรอครับ สารวัตร” จ่าอินยื่นมือไปรับเงินมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “ไม่ใช่ผมหรอกที่จะกิน เราทุกคนนั่นล่ะ แม่งเครียด” เขาสบถออกมาอย่างหัวเสีย จ่าอินจึงรีบออกไปจากห้อง “ทิตย์ ยังไม่กลับห้องเหรอ อยู่ไหน” เขาโทรไปหาแสงอาทิตย์เพราะเข้าห้องมาก็ไม่เห็นวี่แวว “พอดีเราแวะซื้อของที่ซุปเปอร์น่ะ ท่าทางตะวัน จะใช้ห้องเราเป็นฐานอีกนานไม่ใช่เหรอ ของในตู้เย็นเริ่มหมดแล้ว เสร็จแล้วล่ะ เดี๋ยวก็กลับแล้ว แล้วตะวันอยู่ไหน” “เพิ่งถึงห้อง” เขาตอบน้ำเสียงรู้สึกผิด จริงสิ ทีมมาใช้ห้อง ไม่ใช่แต่ห้องนี่นะ ทุกสิ่งทุกอย่างในห้อง ก็ต้องให้ลูกทีมใช้ด้วย รวมถึงข้าวปลาอาหาร “ทิตย์ซื้ออะไรบ้างแล้วอ่ะ เดี๋ยวเราให้พี่จ่ากับผู้กองไปช่วย” “ไม่ต้องหรอกตะวัน เราซื้อไม่เยอะเท่าไหร่หรอก ถือกลับได้ ตะวันหิวยัง รอแป๊บนะ เราซื้อข้าวปั้นไปฝาก” น้ำเสียงนั้น ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ มันยั

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๕ ผู้กองคมกริช

    “เมื่อไหร่จะจับตัวคนร้ายได้สักทีวะ แม่งไอ้พวกวิปริตพวกนี้ เวลามันรัก มันรักฝังใจ เวลามันแค้น ดูเอาเถอะ ฆ่าไม่บันยะบันยัง รกโลก” ผู้กองคมกริชสบถออกมาระหว่างทาง จ่าหนุ่มที่เป็นพลขับหันกลับทันที “เอ่อ ผู้กอง ทำไมถึงมีอคติกับคนพวกนี้จังล่ะครับ มีอะไรไหม” จ่าหนุ่มถามออกมา เหมือนจะแซวเพราะน้ำเสียงไม่จริงจังนัก “บ้าเหรอจ่า ผมนี่นะจะไปมีอะไร ชีวิตนี้ไม่อยากย่างกรายคนพวกนี้หรอก ไม่ชอบส่วนตัวน่ะ” เขารีบตอบออกมาด้วยเสียงที่ดัง จ่าหนุ่มได้แต่ขมวดคิ้ว ผู้กองคมกริชหันหน้าออกไปนอกหน้าต่างรถ หวนคิดไปถึงวันวาน ที่เขาเกลียดคนจำพวกนี้เข้าไส้แบบนี้ “แบมว่าไปติวก็ดีนะ กริช เขาการันตีไม่ใช่เหรอ ว่าที่นี่คนที่ติวส่วนมากสอบได้” เด็กสาวในวัยมัธยม กำลังเกาะแขนเด็กหนุ่ม ที่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน ทั้งสองกำลังยืนอยู่หน้าสถาบันติว “ก็ได้ ลองดู พี่ทิวก็ติวจากที่นี่ ตอนนี้ก็กำลังเรียนอยู่” ความใฝ่ฝันของเด็กหนุ่ม คือการสอบเข้าโรงเรียนนายร้อย เขาสอบเมื่อปีที่แล้วแต่ภาคปฏิบัติเขาไม่ผ่าน เขากลับมามุมานะออกกำลัง เล่นกีฬาอย่างหนัก จนรูปร่างของเด็กหนุ่มกำยำขึ้น “ถ้า

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๔ คดีโรงหนังร้าง ๓๖๘

    ตลอดทั้งคืนไม่มีใครกลับบ้าน ต่างพากันประชุมกันอยู่ที่ห้องรับแขก แสงตะวันเข้าไปนอนในห้องกับแสงอาทิตย์ เขาสละห้องนอนส่วนตัว ให้ผู้กองกับจ่าอิน ส่วนจ่าหนุ่มนอนอยู่ที่โซฟา “เวลาไม่ได้ทำคดีแล้ว บางทีมันก็สบายอย่างนี้สินะ” แสงตะวันเอ่ยขึ้นหลังจากตื่นนอน แสงอาทิตย์ลุกไปนานเป็นชั่วโมงแล้ว “อ้าว ตื่นไวจังจ่า เป็นไง นอนหลับไหม” เขาทักจ่าหนุ่มที่นั่งดื่มกาแฟอยู่ที่โซฟา “ตื่นสักพักล่ะครับ คุณอาทิตย์สิครับ ตื่นก่อนใคร มาต้มกาแฟให้แต่เช้า ตอนนี้ยังไปทำอาหารเช้าให้ด้วยครับ” จ่าหนุ่มเอ่ยอย่างอารมณ์ดี แสงตะวันเดินไปเทกาแฟใส่แก้ว แล้วเดินเข้าไปในครัวขนาดเล็ก แสงอาทิตย์กำลังง่วนอยู่ กับการปิ้งขนมปังและทอดไข่ดาว “ทำไรทิตย์” เขาพิงเคาท์เตอร์แล้วเอ่ยถาม “ปิ้งขนมปัง พี่จ่าเขากินกาแฟหมดยัง ตะวันเอาออกไปให้เขาหน่อยสิ เดี๋ยวเรากำลังทอดไข่ดาว” แสงอาทิตย์ไม่ได้หันมามอง เขากำลังจดจ้องอยู่ที่การทอดไข่ดาวแบบไร้น้ำมันอยู่ “ขอโทษนะทิตย์ ที่ต้องทำให้ทิตย์ต้องตื่นมาวุ่นวายแบบนี้ เราคิดไม่ออกจริงๆ ว่าควรจะไปหาที่ประชุมลับที่ไหนดี นอกจากห้องของเรา” เขาเอ่ยเสียงท

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๓ ฐานปฏิบัติการลับ

    แสงอาทิตย์กำลังปิดรายงาน เพื่อส่งให้นทีรีวิว ก่อนที่จะส่งมอบให้ลูกค้า เหลือรายงานสรุปที่ต้องส่งทีหลัง เขารู้สึกโล่งมาก เพราะตรวจบัญชีหนักหน่วงมาทั้งอาทิตย์ เวลาพักผ่อนแทบจะไม่มี ซ้ำช่วงนี้ยังมีเรื่อง มีวิญญาณที่ขอความช่วยเหลือ ยิ่งถอนตะปูตรึงวิญญาณได้แล้ว เหมือนว่าวิญญาณทั้งสามจะปรากฏร่างให้แสงอาทิตย์เห็นบ่อยขึ้น “วันนี้เลิกเร็ว รีบกลับไปพักเถอะทุกคน เราค่อยนัดเลี้ยงกันพรุ่งนี้ วันนี้ทุกคนน่าจะไม่ไหว ขอบใจมากนะเด็กๆ พรุ่งนี้มีกินเลี้ยงกันนะ เดี๋ยวพี่แจ้งชื่อร้านและเวลาไปอีกที มาให้ได้กันทุกคนนะ” นทีบอกพนักงานที่จ้างมาชั่วคราว พอแยกย้ายกันกลับ เหลือแต่พนักงานประจำที่กำลังเก็บของ “กลับไปถึงบ้าน พี่จะกระโดดขึ้นเตียง แล้วนอนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ปวดเมื่อยมาก” มนฤดีบ่นอุบ “ไปนวดไหมพี่มน นี่ก็ไม่ไหว นั่งจ้องเอกสารทั้งวัน ปวดตามาก” มณีเอ่ยชวน “เออ ดีเหมือนกัน อ่อนนุชเหมือนเดิมเหรอ” “มีร้านเปิดใหม่ ก็ใกล้ร้านเดิมที่เราเคยไปล่ะเจ๊ ไปด้วยกันไหม นที อาทิตย์” มณีหันมาชวนหนุ่มโสดทั้งสองคน “วันนี้ผมขอตัวครับ ผมรู้สึกมึนๆยังไม่หาย อยากกลับไปนอน” แสงอาท

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๒ ถอนตะปู

    “วันนี้รองลางาน แปลก ปกติไม่เคยลา แกบอกไม่สบาย” พอมาถึงที่สำนักงาน จ่าอินก็รีบรายงานทันที แสงตะวันขมวดคิ้ว “แกเป็นอะไร” “เหมือนจะหวัดครับ เพราะแกไม่เคยลงพื้นที่ เมื่อคืนก็ไปเฝ้าตั้งแต่หัววัน คงโดนน้ำค้าง” น้ำค้าง? แสงตะวันนึกขัน ตำรวจอะไรจะไม่ถูกกับน้ำค้าง นี่แสดงว่าเรียนมาเพื่อเซ็นเอกสารอย่างเดียวเลยสินะ เขานึกปรามาสอยู่ในใจ เพราะเขาเองกว่าจะมาอยู่จุดนี้ได้ บุกป่าฝ่าดงก็ไปมาหมดแล้ว อดข้าวสามวัน อดนอนเป็นอาทิตย์ การฝึกก็โหด แค่น้ำค้างเนี่ยนะ ต่อให้เป็นฝนตกเขาก็ไม่เป็นอะไร “โล่งไปนะครับ สารวัตร” จ่าหนุ่มยิ้มแห้งๆ “ไม่โล่งหรอกพี่จ่า แสดงว่าเรายังพอมีเวลา มีอะไรคืบหน้าไหม ที่โรงเรียน” เขาถาม และมองหาผู้กองคมกริช “ผู้กองไปเบิกผลตรวจของที่เจอเมื่อวานครับ” จ่าอินเหมือนจะรู้ใจ เขาพยักหน้า “มีกลุ่มของนักกีฬาโรงเรียนครับ และสารวัตรครับ ผมว่าเราน่าจะเจออะไรบางอย่างแล้วครับ” จ่าหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยสายตาที่วาวระยับ “หือว่ามาจ่า” เขาเองก็ตื่นเต้น รีบนั่งลงที่โต๊ะหันหน้าเข้าหา “นักกีฬาฟุตบอลโรงเรียน และทั้งสามคนที่ตายคือสมาชิก ใน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status