“จู่ ๆ เธอก็เล็งปืนไปที่หัว ฉันห้ามไม่ทัน” อเล็กซิสยืนนิ่งทำตัวไม่ถูก มือที่ถือปืนนั้นอ่อนลง เลือดของเด็กสาวคนเมื่อกี้กระเซ็นเปรอะไปโดนเสื้อยืดสีขาวตัวใน แม้แต่เพื่อนของเธอ เวดและออสโล่ก็เอาแต่จ้องศพเด็กคนนั้นนิ่ง ไม่มีขยับเขยื้อน
เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกอย่างไร เขาไม่รู้จริง ๆ สายตาของเขามองเด็กที่ตายไม่ต่างจากศพอื่น เหมือนมองของเล่นที่พังแล้ว
“ยิงต่อไป อย่าทำตัวขี้แพ้หน่อยเลย” เขาเตือนสติ แต่คำพูดนั้นทำให้ใบหน้าตุ๊กตานั้นบิดเบี้ยวเหมือนเจ็บปวดไปถึงข้างใน
“ยิง!” เขาคำราม เวดสบถแล้วยกปืนเล็ง วินาทีนั้นเจ้าหัวทองดูท่าจะเอาตัวรอดได้ดีกว่าเพื่อนอีกสองคน
เพราะนี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำได้แล้ว หากคุณไม่มีความสามารถ คุณก็ต้องสู้ หรือถอดใจแบบเด็กที่ยิงตัวตาย
เบนพยายามนึกถึงเวลาที่เขาฝึกตัวเอง ฝึกทั้งพลังจิตและการใช้อาวุธ เขาจินตนาการว่าที่นี่คือสนามฝึกชั้นดีชนิดที่หาไม่ได้อีกแล้ว
“ไม่ไหว จำนวนมากเกินไปแล้ว”
เขาไม่รู้ว่าใครพูดเพราะตัวเองกำลังวุ่นอยู่กับศัตรู
“แม๊กซ์ ยิงกระเป๋
นิ้วข้างซ้ายเหนี่ยวไกระรัว แสนรู้ราวกับมนุษย์ หุ่นยนต์ยกมือป้องกันจนแขนข้างขวากระจุยตามแรงกระสุนทะลวง มือข้างซ้ายของมันเพิ่มแรงบีบจนเธอเจ็บก่อนถูกกระตุกดึงลากจนล้มหน้าหงาย เธอกำลังจะถูกลากออกไปจากกลุ่ม“เวด!” เขาเอื้อมแขนสุดตัวหวังดึงเธอออกจากเงื้อมมือมัน แต่หุ่นยนต์อีกตัวเข้ามาขวางไว้ สุดท้ายอเล็กซิสถูกลากหายไปก่อนเห็นว่าเวดจะเป็นอย่างไร แขนสองข้างกระเสือกกระสนพยายามรั้งและยิงมัน มือซ้ายเหนี่ยวไกอย่างบ้าคลั่ง แขนทั้งสองข้างเกร็งไปหมด ทั้งปากยังกรีดร้อง ซึ่งช่วยให้จังหวะการยิงรัวหนักกว่าเดิมจนหัวเหล็กพรุน พอได้โอกาสจึงถีบมันออกไปแล้วยิงซ้ำให้แน่ใจ “ตายซะ ไอ้สารเลว” เธอชูนิ้วกลางใส่ซากหุ่นก่อนจะหันกลับไปยังจุดเดิม ทันใดนั้นเปลวไฟขนาดมหึมาพวยพุ่งแต่ก่อนที่ไอร้อนจะลามเลีย แรงผลักมหาศาลซัดร่างเธอกระเด็นราวกับลูกฟุตบอลที่ถูกเตะเข้าประตูก่อนคิดว่าจะไปถึงทางออกได้หรือไม่ ควรคิดว่าจะอยู่ครบสามสิบสองหรือเปล่า“อือ” อเล็กซิสคราง เจ็บระบมไปทั่วตัว พอตั้งสติได้ก็รีบคลานหนีออกห่างจากบริเวณนั
วินาทีนั้นพอลปาทุกอย่างที่เขาหยิบได้ใส่หุ่นยนต์เพื่อดึงดูดมัน ทั้งที่เจ็บสาหัสไปทั้งกาย เธอหยิบปืนพกที่เหลือกระบอกเดียวพุ่งตัวผ่านช่องว่างที่เหลืออยู่ พอตั้งหลักได้ ก็ลุกวิ่งโดยไม่หันไปมองว่าเขาจะเป็นอย่างไร ใช่ เธอเอาแต่วิ่งหนีอย่างเดียวเพื่อเอาตัวรอด เสียงร้องของพอลดังโหยหวนก่อนจะเงียบไป หุ่นอีกตัวยังคงวิ่งตามไม่ลดละ ความไวของมันเร็วอย่างกับนักกีฬาทีมชาติ ไม่สิ ยิ่งกว่า แม้หันหลังเธอยังสัมผัสได้ว่ามือของมันใกล้เข้ามา จนเมื่อรู้สึกถึงเงาทะมึนข้างหลัง เธอหมุนตัวกลับไปจ่อยิงระยะประชิด แต่เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด แขนเหล็กปัดปืนทีเดียว อาวุธหลักหลุดออกจากมือ อีกข้างขวาของมันจับหมับเข้าที่คอแล้วบีบ ทันใดนั้นแรงบางอย่างซัดหัวมันกระเด็นหลุดออกจากร่าง มือเหล็กหลุดออกจากคอ เธอล้มลงพร้อมกับมัน“เบน เธอเจอเบนไหม” คำถามอเล็กซ์ดังขึ้นก่อนที่เขาจะถึงตัวเธอเสียอีก อเล็กซิสส่ายหน้าช้า ๆ มือยังกำที่คอ“เห็นคนอื่นบ้างไหม”เขาปฏิเสธใบหน้าอเล็กซ์มีรอยแดงนิดหน่อย แขนและมือทั้งสองข้างมีสะเก็ดแผลอยู่บ้าง แต่ดูจากการเคลื่อนไหวแล้ว ดูท่าจะไม่ได้รับแรงกระเทือนจากแรงระเบิดเมื่อค
“เป็นอะไรหรือเปล่า ฉันรู้ว่าเธอกังวล แต่...” เธอหันไปมองหน้าอเล็กซ์ ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการพูดอะไร “ปกติเธอเป็นพลังบวกของทีมนะ”คลื่นความเงียบแผ่กระจาย เธอชี้นิ้วไปที่ตัวเอง “นายหมายถึง...ฉันเหรอ พลังบวก?”เขายืนเอียงคอมองด้วยแววตาที่อเล็กซิสไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง “ไม่ได้หวังจะให้ทำตัวร่าเริงหรอกนะ แต่ อเล็กซิส...เธอเป็นคนกล้าหาญ ที่ผ่านมาก็รับมือกับสถานการณ์ได้ดีกว่าคนปกติ ถึงแม้พวกเราจะแยกจากกลุ่มมา ฉันเชื่อว่าเธอกลับไปหาพวกเขาได้”“กล้าหาญ?” เธอยิ่งสับสน “ฉันกลัวจะแย่”เขาเลิกคิ้ว “โอเค แต่ก็มีสติกว่าคนอื่น อย่าลืมว่าเธอพาพวกเราออกจากห้องนั้นได้ จากกลุ่มซอมบี้พวกนั้น”มันมีบางอย่างปั่นป่วนในท้อง หาใช่อาการเขินหรือโรแมนติกแต่อย่างใด เพียงแค่คำพูดของอเล็กซ์ทำให้เธอรู้สึกว่า สิ่งที่เธอหวังจะไม่เกิดขึ้น แต่เธอยอมรับว่าพอแยกจากพวกออสโล่ สมองไม่อาจข่มความกลัวได้ดีดังเดิม ในทางตรงกันข้าม มันเพิ่มทวีคูณ ทั้งเสียงร้องและสภาพไหม้ครึ่งตัวของพอล ภาพที่เด็กคนนั้นยิงหัว
“และถ้าเรายังเถียงกันอยู่อย่างนี้ พวกนั้นคงไปไกลแล้ว โนเอลบอกเองไม่ใช่เหรอว่าห้ามรอ เธอยึดคำพูดเขานี่ ขอร้องล่ะ เชื่อฉันเถอะ”แล้วอเล็กซิสตอบเขาอย่างไรเหรอ ไม่ เธอตอบไม่ได้ ถึงเบนจะชอบทำตัวก้อร่อก้อติก ริมฝีปากคมกริบยิ่งกว่ากรรไกร กวนประสาทยิ่งกว่าเวดหลายเท่าตัว แถมชอบทำท่าเหมือนโลกใบนี้มีแค่เขากับอเล็กซ์เท่านั้น แต่ที่ผ่านมา ไม่ใช่เพราะเบนเหรอที่คอยสกัดพวกหุ่นยนต์ แล้วเขาทำตามแผนการของเธออย่างไม่มีอิดออดศึกครั้งนี้ใครชนะ คงเดาไม่ยากพวกเขามีสายใยที่เหนียวแน่นจนแม้แต่คนนอกอย่างเธอยังสัมผัสได้ สายใยที่ทำให้เธอนึกถึงตัวเองกับจูนถ้าจูนยังคิดว่าฉันคือเพื่อนและยิ่งน่าโมโหมากขึ้นไปอีกเมื่ออเล็กซ์พูดถูก เขารู้จักเพื่อนตัวเองดียิ่งกว่าที่เธอรู้จักเวดและออสโล่ พวกเขาตามหากันและกัน ทำไมเธอถึงรู้ ก็เพราะไม่มีหุ่นยนต์หลงเหลือสักตัวเดียวนอกจากเศษเหล็กที่เหมือนถูกแรงอัดลึกลับบีบจนเป็นก้อน กระจัดกระจายไปตามทาง เบนตามหาอเล็กซ์ไปทั่ว แต่เขาไม่ได้อยู่ในชั้นนี้แล้ว“หมอนั่นเดินหน้าต่อ คงคิดว่าฉันยึดเส้นทางเดิม...”อเล
“แย่ชะมัด” เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง “นี่เธอยังรอดอีกเหรอ นึกว่าตายไปนานแล้ว”คนตรงหน้าเท้าเอวจ้องกลับด้วยแววตาถมึงทึง “ทำไม นายแช่งฉันหนักขนาดนั้นเลยเหรอ” คนโสโครกต่อปากต่อคำ ผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตปล่อยสยายแต่อยู่ในลักษณะฟูฟ่องเหมือนคนบ้า ลำตัวเต็มไปด้วยสะเก็ดแผลมากมาย แต่เบลินดา คาร์เตอร์ยังคงเอกลักษณ์รสนิยมแฟชั่นติดลบแม้อยู่ในสมรภูมิรบ เขามองเธอจากหัวจรดเท้า หากไม่นับเสื้อยืดรัดรูปสีขาวที่บัดนี้เปรอะเปื้อนรอยดำและเลือด กับกางเกงยีนขาม้าที่เต็มไปด้วยรอยขาดก็พอไปได้อยู่ แต่อะไรคือการที่เธอสวมทับด้วยกระโปรงลายเสือรุ่งริ่งอีกแม้ไม่ใช่เวลาประเมินเสื้อผ้า แต่เขามั่นใจว่าถ้าอเล็กซิสยืนอยู่ข้างกาย เธอคงทำหน้านิ่วคิ้วขมวดมองชุดอีนี่ด้วยความขัดใจเหมือนกันแน่นอน“ใช่” เวดตอบ “ตาย ๆ ไปซะ” ไม่มีความลังเลในน้ำเสียง คู่กรณีหน้าเจื่อนกับคำพูดตรงไปตรงมาไม่รักษาน้ำใจ“พอเถอะน่า” ออสโล่กระตุกขากางเกงชวนให้เขานั่งลง “ช่วยดูมินนี่กันเถอะ”เวดละสายตาจากอดีตประธานนักเรียน คนที่ทำให้เขาและเพื่อนอีกสองคนถูกจับและติดแหงกอยู่ในนรกบ้าแห่งนี้ แม้เห็นว่าเธอมีสภาพอิดโรยไม่ต่างจากตัวเองก็ตาม เขาไม่สนใจ คาร์เตอร
ออสโล่หัวเราะออกมาผ่านลำคอ เขาพยักหน้าให้เวดเพื่อบอกว่าเทสซ่าพูดถูก เขาถอนหายใจแล้วเก็บปืน จากนั้นย่อตัวลงนั่งกอดอก แน่สิ ตัวเองรู้จักกับอเล็กซิสมานานกว่าใคร ทำไมจะไม่รู้ว่าเพื่อนคนนี้เป็นคนแน่วแน่ขนาดไหน อเล็กซิสไม่ชอบหลุดจากกรอบ ถ้าเธอตกลงจะทำอะไรแล้วเธอจะไม่ยอมผิดแผนหากไม่มีเหตุจำเป็น...หากไม่มีเหตุจำเป็นยังมีซาร่าห์อีกคน เธอไม่อยู่กับเขาตั้งแต่หุ่นยนต์บุก พลังของซาร่าห์ไม่อำนวยให้กับตัวเธอมากนัก ดังนั้น พอพวกหุ่นยนต์โผล่มากันเป็นฝูง เธอก็รีบหาที่หลบทันที เขาแน่ใจว่าไม่เห็นซาร่าห์สักพักแล้ว คงไม่แปลกหรอกถ้าเธอจะเอาตัวรอดคนเดียว เขากับซาร่าห์อาจไปไกลเกินกว่าคำว่าเพื่อน แต่พวกเขาไม่ใช่คนรัก ก็แค่คนสองคนที่เลียแผลใจกันเองเท่านั้น ที่ผ่านมาแม้เธอพยายามทำเป็นเข้มแข็ง แต่ความกลัวของซาร่าห์แผ่ออกมาจนเขาสัมผัสได้ และที่สำคัญ เธอคงรู้ว่าเขาปกป้องเธอไม่ได้และเพราะเวดจะเลือกอเล็กซิสกับออสโล่ก่อนบ้าจริง เขาตีหัวตัวเอง สนิมที่ชื่อว่าความรู้สึกผิดก่อตัวหนาขึ้น“เรารอจนกว่าพวกเขาจะมาเลยได้ไหม” ออสโล่เสนอ เขาเองก็นั่งอยู่ไม่สุข
นักรบหุ้มเกราะสองตัววิ่งไล่ล่าเด็กหนุ่มสามคน หนึ่งในสามกำลังไล่ล่าอีกสอง เขาวิ่ง วิ่งและวิ่ง พอหางตาเหลือบเห็นแขนเหล็กก็รีบหมุนตัวเปลี่ยนทิศทาง ยกปืนยิงใส่มัน พอศัตรูล้มลง เขาหันกลับไปโฟกัสที่เจ้าหมาน้อยสองตัว ทว่าหากไม่พิชิตมันให้เสร็จสิ้น ต่อให้เหลือครึ่งตัวแต่ระบบยังทำงาน มันจะลุกขึ้นมาใหม่ แขนซ้ายของมันเหวี่ยงมาหมายซัดเป้าหมายให้ตายคาที่ เขาหลบทันก่อนทะลึ่งตัวยิงใส่หัวหลายสิบนัดจนหุ่นเหล็กแน่นิ่ง เขาวิ่งต่อไป ประสาทสัมผัสดีขึ้นหากเทียบกับตอนแรกที่เข้ามา อีกนิดเดียว สาวเท้าเข้าไปอีก อีกคืบเดียว เมื่อนั้นใช้มือข้างซ้ายคว้าหมับเข้าที่คอหมาน้อยตัวหนึ่ง“ไอ้เด็กเปรต” มือนั้นขย้ำคอเสื้อเจ้าโง่พลูทักซ์ ยังไม่ทันฝากรอยหมัด ทั้งสองจำต้องผลักกันและกันเพื่อหนีเลเซอร์ที่ยิงใส่คนทั้งคู่“หนีก่อนได้ไหมวะ” เด็กหนุ่มอีกคนตะโกน ทั้งสามวิ่งแทบไม่ได้หายใจ“แกคิดฆ่าทุกคนเหรอไง” เขาตะโกน แม้จะเหนื่อยแต่แรงโกรธภายในรุนแรงยิ่งกว่า เรมีไม่เคยมองว่าตัวเองแก่กว่าพลูทักซ์แค่ปีเดียว แต่เขามองว่าตัวเองแก่กว่าไอ้
เชิงเทียนสูงตั้งอยู่บนเสาทรงดอริก หรือไอโอนิก เขาไม่แน่ใจ ถ้าเป็นอเล็กซิสคงรู้ว่าเสาแบบนี้เรียกว่าอะไร เขาเคยเห็นเสาลักษณะนี้ในหนังย้อนยุคโบราณสมัยกรีก-โรมัน แสงไฟส่องเป็นช่วง ทุกคนต้องคอยส่องไฟฉายไปตามทาง เวดยังไม่อยากด่วนสรุปว่าอเล็กซิสตายแล้ว เธอต้องรอดอยู่แล้ว แค่ถูกหุ่นลากหายไปไม่ได้หมายความว่ามันฆ่าเธอนี่นา ความพยายามที่จะไม่โทษตัวเองเป็นศูนย์ ถ้าตอนนั้นเขาดึงเพื่อนไว้ทัน ถ้าช่วยเพื่อนให้รอดพ้นจากหุ่นยนต์ได้ล่ะก็ ตอนนี้เธออาจเดินเคียงข้างเขาก็ได้ เด็กหนุ่มตีหัวตัวเอง พยายามระงับไม่ให้คิดถึงภาพน่ากลัว ถ้าเขารอดจากที่นี่ไปได้ ไม่ว่าหนังสยองขวัญน่ากลัวขึ้นหิ้งขนาดไหนก็ไม่อาจทำให้ฝันร้ายได้เท่าที่นี่อีกแล้วก่อนออกมาจากโซนหนึ่ง ยังไม่วายต้องวิ่งหนีซอมบี้ที่โผล่มาในช่วงสุดท้าย ครั้งนี้พวกเขาไม่เน้นปะทะ แต่เน้นป้องกันตัวแล้วชิ่งออกมาให้เร็วที่สุด“พวกนายมีแผนที่ดีกว่าวิ่งหนีไหม”ราวกับเธอมีความสามารถพิเศษในการจุดไฟให้เดือดเพียงแค่อ้าปาก เวดจ้องหน้าคาร์เตอร์นิ่ง ครู่เดียวเธอเบือนหน้าหนี “ใครใช้ให้ตามมา หา!”“
บลูรู้แล้วว่าเขาได้อยู่กลุ่มบี แต่ต้องลุ้นว่าตัวเองจะได้อยู่หน่วยไหน และสุดท้าย “บลู เทอร์นเนอร์” เขาตบบ่าเพียซและโอลิแวนเพื่อไปเข้ากับหน่วยรุก ชายหนุ่มจงใจเดินผ่านลูกบ้านสาวตาน้ำเงิน เธออยู่กลุ่มบีกับเขา แต่น่าจะเป็นหน่วยสนับสนุน สีหน้าเด็กสาวบ่งบอกว่าประหลาดใจเมื่อเห็นบลู แค่นั้นเขาพอใจกลุ่มของเขาจะบุกตึกร้าง ซึ่งบลูไม่รู้ว่ามันคือที่ไหนเพราะไม่ได้เข้าอบรมเหมือนคนอื่น แม้เขาเคยเห็นราซาในสภาพเมืองที่มีชีวิตมาก่อนเมืองร้าง แต่ในเมื่อมันเป็นเมืองร้าง ตึกทุกแห่งย่อมร้างผู้คน รถถังเคลื่อนทัพนำไปก่อน ภายในใจเริ่มปล่อยวางเมื่อเห็นว่าพวกทหารเป็นฝ่ายห้อมล้อมกลุ่มอาสา หาได้ปล่อยให้พวกเขาเป็นแนวหน้าไม่ แม้จะอยู่ในหน่วยรุก พวกเขายังรอฟังคำสั่งจากหัวหน้าหน่วยอยู่ดี และพวกทหารจะเป็นฝ่ายเปิดคอยระแวดระวังให้ก่อน กลุ่มอาสามาเพิ่มกำลังให้จริงดังคำเชิญชวน บลูค่อนข้างเหงานิดหน่อยเพราะโอลิแวนและเพียซอยู่แถวหลัง ๆ แม้บางคนเขารู้จักแต่แค่เพียงผิวเผิน บลูจึงผูกสัมพันธ์กับรีเวอร์ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มต้องสงสัยไม่กี่คนในหน่วยนี้ เขาเรียกว่าไรดี การต่อสู้คราวนั้นก่อให้เกิดมิตรภาพได้ ด
“ถ้างั้นเลือกสักอย่างเผื่อไว้” เจ้าหน้าที่กดปุ่มบนโต๊ะ ตัวแผ่นพลิกขึ้นเผยให้เห็นคลังอาวุธข้างใน ทว่าแม้บลูจะพอเดาได้ว่าอันไหนปืน อันไหนมีด แต่เขาใช้ไม่เป็นเลยสักอัน จึงสุ่มเลือกมีดสั้นด้ามหนาขึ้นมา มันมีลักษณะเหมือนมีดพกธรรมดา เขาถนัดของเบสิก“อันนี้สามารถเสียบไว้ใต้แขน”ชายหนุ่มหงายแขนตัวเองขึ้น เห็นที่เสียบเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ “ใช้ยังไงเหรอ”ทหารหนุ่มจับมีดแล้วตวัด ใบมีดโผล่ออกมา “เหมือนมีดพกก็จริง” เขาตวัดกลับ ใบมีดกลับเข้าไปข้างใน บลูจ้องตาไม่กะพริบ เมื่อใช้นิ้วโป้งกดตรงสัน ใบมีดโค้งโผล่ออกมาจากปลายทั้งสองด้าน และเมื่อมันถูกเขวี้ยงออกไปกลับแล่นกลับมาหาเจ้าของคล้ายกับบูมเมอแรงนั่นเอง “ลองดู”บลูมองมีดในมือแล้วตวัดไปตวัดมา จากนั้นลองใช้แบบบูมเมอแรง อุปกรณ์นั้นใช้ง่าย อาจเป็นเพราะมันมีระบบอัตโนมัติติดตั้งเอาไว้ให้ ไม่จำเป็นต้องใช้ความเชี่ยวชาญมากนัก“มีสองที่ ก็เอาไปสอง” เขาหงายมือแล้วเสียบมีด จากที่ตัวเบาก็เริ่มพะรุงพะรังขึ้นนิดหน่อย “หมดแล้วใช่ไหม” เขาถาม&ldqu
หน้าประตูเหล็กสีดำ นายทหารสองนายยืนประจำการเฝ้าอยู่ พวกเขามองไปรอบ ๆ แปลกใจที่ไม่เห็นกลุ่มคนเลยทั้งที่นาฬิกาบ่งบอกเวลาว่าเพิ่งเจ็ดโมงยี่สิบเจ็ดนาที ในใจบลูหวาดกลัวว่ามันอาจเป็นกลลวง และเอมอนอาจตกอยู่ในอันตรายจึงปรี่เข้าไปหาเจ้าหน้าที่ทั้งสอง พอเห็นชายสองคนตรงเข้ามา ทั้งสองนายพร้อมใจกันยกมือให้พวกเขาหยุด “อาสาสมัครใช่หรือไม่ ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้”“พวกเราไม่ได้ลงทะเบียน” เขาตอบ “พวกเขาไปกันแล้วเหรอ”ทั้งสองคนมองหน้ากัน คนหนึ่งพยักหน้า ชี้นิ้วโป้งไปทางประตู “เตรียมตัวอยู่ข้างใน ถ้างั้นพวกนายก็กลับไปซะ”“เดี๋ยว” อีกคนยั้งเพื่อนไว้ ทำมือบอกพวกเขาให้รอตรงนี้ทหารคนนั้นทาบมือกับบานประตู แผ่นเหล็กเลื่อนลงเผยให้เห็นช่องทึบข้างใน บลูจะชะโงกหน้าดู แต่เมื่อเห็นอีกคนที่เฝ้าอยู่เหล่มองก็ก้มหน้า ไม่กี่วินาทีต่อมา “บอกชื่อพวกนายมา” เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับริงโก้ แล้วตอบไป“บลู เทอร์นเนอร์”“โบธิสต้า ซานโดวอล”นั่นคือจริงของริงโก้ เขาไม่รู้ที่มาว่าทำไมชายคนนี
บลูสลัดมือแล้วเช็ดเสื้อชายหนุ่ม เวลาเขาอยู่ข้างริงโก้ทีไรรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นมนุษย์บอบบางที่พยายามล้มช้างแมมมอธ พอโดนแกล้งคืน ริงโก้ฮึดฮัด บลูยิ่งหัวเราะสะใจ “ฝากที่เหลือด้วยนะจ๊ะที่รัก” แล้วคว้าลังเบียร์เดินออกไปเลย ใครจะอยู่ฟังคำสบถแสลงหูเล่าดาดฟ้ากลายเป็นที่ประจำของบลูไปเสียแล้ว มือหนึ่งดีดฝาไฟแช๊ก อีกมือหยิบบุหรี่ ปากคาบแล้วจุดลมเย็นพัดผ่านร่าง หากไม่ได้สวมเสื้อแจ็กเกตกันหนาวคงสะท้านน่าดู ไม่ทันที่เขาจะหย่อนก้นลงบนม้านั่ง เอมอนเปิดประตูเหล็กอย่างแรง มือหนึ่งถือกล่องกระดาษ อีกข้างถือแผ่นพับกระดาษ “เล่นกันไหม”“เออ จัดเลย”น้องชายกางตารางกระดาษลงบนโต๊ะ เทของข้างในออกจากกล่อง มันเป็นฝาขวดที่เขาสะสม จากนั้นวางมันลงแทนหมากบนตาราง “ยัยเด็กนั่นเป็นไงบ้างล่ะ”เอมอนแบมือ เขาส่งซองบุหรี่ให้ “อย่างที่ริงโก้ว่า เธอใช้ยาระงับอาการ ตอนริงโก้เคาะเลยเปิดให้ไม่ได้ ตอนนี้เดสก็ทดลองถอนพิษให้อยู่” ชายหนุ่มหยุดคิด “แต่ไม่น่าจะทำได้”ดูเหมือนว่าความล้มเหลวทำให้เอมอนเลิกโลกสวย “แ
เครื่องหมักเนยผสมกระเทียม มะนาว และผักชีลอยฟุ้งส่งความหอมละมุนผสมเปรี้ยว กลิ่นตลบผสานกับเนื้อแซลมอนบนกระทะร้อนส่งเสียงฉู่ฉ่าชวนให้น้ำลายสอ ด้านหลังโอลิแวน ไฟในเตาอบส่องสว่างฉายให้เห็นเนื้อหมูสันในอบกับมันฝรั่งหั่นเต๋าคละเคล้ากับเครื่องเทศมากมาย ส่วนผู้ปรุงแต่งสวมผ้ากันเปื้อนสีส้มอ่อน มือจับชามและทัพพีคลุกน้ำสลัด มีเพียซ ลูกมือคอยหั่นมะเขือเทศเป็นแว่นอยู่ข้างกาย ระหว่างนั้นเอมอนวางผ้าปูเตรียมมีด ส้อมและแก้ว แต่ละคนล้วนปิดปากเงียบ ไม่พูดคุยกัน หมกมุ่นกับเรื่องในใจบลูเห็นดังนั้นจึงถามขึ้น “พรุ่งนี้ไปกันกี่โมง” ตั้งใจทำลายความเงียบและปลุกทุกคนออกจากภวังค์ เขาเขยิบก้นนั่งบนเก้าอี้ริมข้างเคาท์เตอร์บาร์“เจ็ดโมง” เอมอนวางแก้วเปล่าลงข้างหน้าพี่ชาย “หรือจะเอาเบียร์”“น้ำนี่แหละ” บลูตอบ “เจ็ดเลยเหรอวะ โคตรเช้า”เมื่อเดสซิเรเดินเข้ามา ไอ้น้องบ้าผู้หญิงไม่รอช้าบริการหญิงสาวทันที เธอนั่งมุมโต๊ะ จากนั้นริงโก้เข้ามาเป็นคนสุดท้าย เลือกนั่งข้างบลู สายตามองถาดเนื้อหมูในเตาอบ พอโอลิแวนวางชามสลัดลงตรงกลาง หนุ่มร่างใหญ่ยืดตัวขึ้นตักแบ่งใส่จานตัวเองทันที บลูฟังเดสซิเรทวนกำหนดการสำหรับวันพรุ่งนี้ พวกเหล่าอ
สาวผมแดงนั่งมองพวกเขาอยู่บนเตียง ผ้าห่มคลุมร่างกายเปลือยเปล่าเพราะเสื้อผ้าถูกถอดออกทิ้งไว้บนพื้น อเล็กซิสกระตุกแขนไมเคิลที่ยืนแข็งเป็นท่อนไม้ เธอส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มมากกว่าแสดงออกว่าโกรธ “อยากร่วมด้วยเหรอ” เสียงของหล่อนแหบกระเส่าจงใจยั่วอีกฝ่าย สุดท้ายอเล็กซิสลากไมเคิลออกไปได้สำเร็จไมเคิลมองหน้าเธอ ใบหน้าแดงก่ำ “ฉันคิดว่าเธอถูกทำร้าย” แล้วชี้ไปที่บลูชายหนุ่มชี้หน้าตัวเอง “ฮะ ถูกทำร้าย?” จากนั้นระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น จากที่โมโหดูจะพอใจมากกว่า “ขอโทษที่รุนแรงจนนายตกใจ แต่ช่วยไม่ได้เพราะลีลาชั้นมันเผ็ดร้อน” เขาตบไหล่ชายหนุ่ม แต่ไมเคิลมีกะใจเบี่ยงตัวออก“คือ...บลู ไมเคิลค่อนข้างจะสับสนนิดหน่อย ฉันขอโทษจริง ๆ เขาไม่ได้ตั้งใจ” อเล็กซิสแก้ตัวให้เพื่อนและพยายามมองแค่หน้าของบลู ปกติแล้วเขาไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่เธอชอบ หรือตรงสเป็ก แต่หุ่นของเขานี่มัน...หน้าอกชายหนุ่มยังคงสั่นไปตามแรงหัวเราะ “พูดจริงดิ เพื่อนเธอไม่รู้จักเสียงเมื่อกี้เหรอ เอ แล้วที่อยู่ในห้องกันสองคนทำอะไรกันวะ” เขาหันไป
ไมเคิลพยายามทำตัวเป็นปกติ เขามานอนเล่นในห้องเธอตั้งแต่สี่โมงเย็น เพราะในห้องตัวเองเต็มไปด้วยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และสามหนุ่มไอทีอย่างโคดี้ เรมี กับอาคุสะที่พยายามถอดรหัสเข้าเครื่องให้ได้ ทอยซิตี้ไม่ใช่เมืองพักตากอากาศ หากพวกเขาไม่ดื่มหรือชมลานประลองก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีก ทั้งสองคุยกันว่าจะหางานทำช่วงเย็นดีไหม อย่างน้อยอาจแก้เบื่อแถมได้ชิปนิดหน่อย ไมเคิลเคยลองทำแล้วออกมาและอาจจะกลับเข้าไปใหม่วันนี้จึงผ่านไปอย่างช้า ๆ สำหรับทั้งสองคน บางครั้งเธอนั่งจดบันทึกอยู่ เขาจะเริ่มเข้ามากระแซะ หลายครั้งเธออยากให้ตัวเองคล้อยตามแต่มันมีบางอย่างที่ทำให้เธอหยุด สัมผัสของไมเคิลไม่ได้ทำให้เธอใจสั่น ทั้งที่หน้าตาและรูปร่างเป็นต่อ อาจเป็นเพราะแววตาของเขาแสดงความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าต้องการจริง ๆ และอาจเป็นเพราะเขาทำให้เธอรู้สึกกึ่ง ๆ ระหว่างออสโล่กับลิ้ตเติ้ลชาร์ลีมากเกินไป ความใกล้ชิดของพวกเขายิ่งกว่าก่อนอเล็กซ์จะตีจากเสียอีก แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องนอนตัก กอด หรือถูกเนื้อต้องตัว พวกเขาไม่เคยไปไกลเกินกว่านี้ ถ้าไม่นับจูบทดลองคราวนั้นและสุดท้าย เด็กหนุ่มมักผล็อยหลับบนตักเธอเสมอ ไมเคิลชอบให้เธอเ
คำสุดท้ายแรงเหมือนตบหน้าโดยไม่ใช่มือ แววตาหยิ่งผยองเมื่อครู่กลายเป็นหวาดหวั่น และเมื่ออเล็กซิสเห็นเงาตัวเองในดวงตาคู่นั้นก็ตกใจไม่แพ้กัน ความเกลียดชังในตัวเธอส่งผ่านออกมาจนเห็นชัดผ่านเงาสะท้อน และแม้แต่ตัวเองยังแทบรับไม่ได้กับใบหน้านั้น ดวงตาเธอเหลือบมองเทสซ่าและรีเวอร์ที่ยังคุยกันดี ไม่มีทะเลาะ จึงจับตัวมินนี่เลื่อนออกไป ให้ตัวเองมีช่องว่างปลีกตัวมินนี่ไม่สนใจ เธอเขยิบตัวแล้วก้าวไปเกาะกำแพงข้างหน้าแทน สายตาจดจ่ออยู่ที่พี่สาวตัวเองมากกว่าคนรอบข้าง เวลานี้อเล็กซิสไม่สนใจแล้วว่าต้องรอเทสซ่าหรือไม่ แต่ฉวยโอกาสนี้กลับเขต ใบหน้าอาฆาตเมื่อครู่ยังติดอยู่ในหัว“ฉันไม่เคยอยากให้พวกเขาตาย”เท้าเธอหยุดกะทันหัน เบลินดาเดินตามมา “เวดยังไม่ตาย” เธอสวน หันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้ที่มาจากที่เดียวกัน “เธอไม่เคยขอโทษ ไม่เคยรู้สึกผิด ตลอดเวลาฉันเห็นเธอลอยหน้าลอยตาราวกับตัวเองเป็นเหยื่อ...”“เพราะฉันเป็นเหยื่อ” เด็กสาวตรงหน้ากำหมัดแน่น มือทั้งสองข้างสั่นอเล็กซิสหัวเราะ “กล้าพูด”“เหยื่อของผองเพื่อ
“โอ้” ทำไมเราต้องรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ด้วยนะ เธอเหลือบมองเพื่อนสาวอีกที สองคนนั้นยังหัวเราะคิกคัก ไม่รู้ตัวว่ามีคนกล่าวถึง “หมอนั่นไม่ได้เป็นโรคจิตใช่ไหม” เธอถาม เพราะมินนี่ไม่เคยเก็บความลับของพี่สาวอยู่มินนี่ส่ายหัว “รีเวอร์น่ารักจะตาย ไม่กวนประสาทเหมือนโคดี้ด้วย เขาเป็นผู้ใหญ่ โนเอลก็ชอบ” แววตาสีฟ้าอ่อนสลดลงเมื่อนึกถึงพี่ชายที่จากไป อเล็กซิสลุกขึ้นกอดเธอเป็นการปลอบโยน “ถ้าเขาไม่หายไปและไม่ทำให้เทสซ่าเสียใจก็ดี แต่มันไม่ได้แปลว่าฉันเชียร์เขาแทนโคดี้นะ” เด็กสาวเงยหน้าทำตาปริบ ๆ ถึงแม้เธอค่อนข้างประหลาดไปสักหน่อย แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เอ็นดูน้องเล็กของพวกโธมัสคนนี้อเล็กซิสยิ้ม “ฉันรู้”เธอมองรีเวอร์อีกครั้ง ครั้งนี้เขารู้ตัวจึงเดินหายไป เธอไม่เคยรู้เรื่องเขาเลย ไม่แน่ใจว่าเทสซ่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับแฟนเก่า แต่ภาวนาว่าอย่าให้มีเรื่องขัดข้องใจกับแฟนปัจจุบันก็คงดี อเล็กซิสถอนหายใจ เธอนึกถึงวันที่อเล็กซ์เจอเธอแอบอยู่หลังถังขยะข้างตึกที่พักไมเคิล สติตกอยู่ใต้อำนาจฤทธิ์ยา ถึงแม้เธอไม่อาจตอบได้