Home / แฟนตาซี / Undisclosure / การสอบสวน

Share

การสอบสวน

last update Huling Na-update: 2025-02-12 15:11:43

เวดสั่นหัว “ไม่มีทาง หยุดพูดแบบนั้นได้แล้วออสซี่”

“ออสโล่ ชื่อออสโล่โว้ย” หนุ่มผมแดงตะคอก “เบล ทำไมเธอทำแบบนี้ล่ะ” เขาหันไปหา

เบลินดาแทน เวดไม่จุดชนวนทะเลาะแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีมาก เขาปิดปากเงียบ คงอยากรู้สาเหตุเหมือนกัน

เบลินดากอดอกตัวเองแน่น แล้วเขยิบถอยไปที่มุมห้อง ตอบกลับสั้น ๆ ว่า “ฉันทำในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้นย่ะ”

เวดหัวเราะอย่างดูถูก “ยัยนี่ ทุกคนเขารู้กันหมดแล้วโว้ยว่าเธอพยายามจะกำจัดพวกเราออกจากลิสต์ เธออาจหลอกตัวเองได้นะ คิดตามที่เธอพอใจเลย...ยัยบ้าเอ๊ย” เขาเขยิบถอยห่างจากเด็กสาวราวกับเธอเป็นแมลงที่น่ารังเกียจที่สุดจนเขาทนไม่ได้แม้แต่จะอยู่ใกล้ ขณะเดียวกัน อเล็กซิสกับออสโล่ได้แต่ถอนหายใจ

อเล็กซิสเข้าใจเวดดีที่เขาฉุนเฉียวง่าย แต่มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเค้นเอาความจริงจากคนที่ไม่แม้แต่จะรู้สึกผิดเลยสักเศษเสี้ยวหนึ่ง สถานการณ์ในตอนนี้ต่างหากที่เธอพะวงมากกว่า และมากกว่ามานั่งโทษเบลินดาด้วย เพราะมันเกี่ยวกับอนาคตของเธอ

ฉันจะยังเชื่อพี่ได้อยู่หรือเปล่า ฉันยังเชื่อพี่ได้ใช่ไหม เจสซี่ เธอรำพันในใจ เจสซี่ไม่เคยผิดสัญญาหรือพูดโกหกเพื่อให้เธอสบายใจ แต่มันต้องมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นแน่ ๆ เธอแน่ใจว่ามันต้องเป็นเช่นนั้น

วันต่อมา เจ้าหน้าที่คนเดิมปลุกพวกเขาในตอนเช้า ทีแรกพวกเขาดีใจคิดว่าจะถูกปล่อยตัว แต่กลับเจอความผิดหวังอีกระลอก เมื่อนายตำรวจแค่นำขนมปังมาให้กินเป็นอาหารเช้าเท่านั้น เวดไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้เหมือนเดิม เขาเริ่มโทษเบลินดาเหมือนเมื่อวาน แต่ครั้งนี้คู่กรณีเลือกที่จะใช้วิธีนอนหลับและไม่สนใจเขาแทน ซึ่งมันทำให้บรรยากาศสงบลงมากเมื่อเวดไม่มีคนให้ทะเลาะด้วย อย่างไรก็ตาม บรรยากาศยังคงคุกรุ่นเมื่อเวดพยายามที่จะให้เบลินดาตอบเขาให้ได้ว่าทำไมเธอถึงทำลายงานปาร์ตี้ของเขา จนกระทั่งออสโล่หมดความอดทนที่จะฟัง

“มิลเลอร์! นายช่วยหุบปากสักทีได้ไหม น่ารำคาญเป็นบ้า ฉันจะประสาทแดกเพราะนายนี่แหละ!”

ก่อนที่เวดจะตอกกลับ อเล็กซิสรีบห้ามทัพทั้งคู่ได้ทัน ดีกว่าปล่อยให้เกิดมวยคู่ใหม่ “อย่าทะเลาะกันเลย ขอร้องล่ะ พวกเราทำอะไรไม่ได้หรอก อย่าเถียงกันอีกเลยนะ เวด เชื่อฉันเถอะ ต่อให้นายตะโกนหรืออ้อนวอนหรือกล่าวโทษใครต่อใคร ก็ไม่มีใครมาปล่อยตัวพวกเราหรอก ถ้าพวกตำรวจไม่ได้รับคำสั่งก็เปล่าประโยชน์ ทำใจให้สงบเถอะนะ ฉันขอล่ะนะ อย่าลืมที่พี่ชายฉันเคยเตือนสิ”

เธอวางมือลงบนไหล่ของเขาเป็นการปลอบโยน ดูเหมือนว่าอเล็กซิสเพิ่งรู้วิธีกดปุ่มควบคุมสติและปุ่มอดกลั้นของเวดได้ เด็กหนุ่มเหมือนนึกขึ้นได้ว่าเธอเคยเตือนเขาเรื่องทำนองนี้มาก่อนจึงหุบปากในที่สุด ไม่กี่นาทีต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงเดินมา

“พวกเธอตามฉันมา คณะสอบสวนรอพวกเธออยู่”

ทั้งหมดมองหน้ากัน ส่วนเบลินดาเอาแต่พึมพำกับตัวเองว่า “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก”

“ทำไมพวกเราต้องถูกสอบสวนด้วยคะ” อเล็กซิสถามเจ้าหน้าที่สาว

เธอไม่ตอบ เด็กทั้งหมดจำต้องตามเธอไปเหมือนเดิม ไม่มีใครให้ข้อมูล ไม่มีใครอธิบาย เจ้าหน้าที่พวกนี้ไม่ชอบให้พวกเขาถามมากความ ทั้งหมดทำสีหน้าไร้อารมณ์ด้วยกันทุกคน พวกตำรวจไม่ใช่คนในเมือง แต่เป็นคนที่มาจากเมืองอื่น เจ้าหน้าที่เหล่านี้จะสลับกันมาประจำในพื้นที่ทุก ๆ สองหรือสามปี จึงไม่มีใครสนิทสนมหรือรู้จักคนในพื้นที่เท่าไรนัก

เมื่อไปถึงห้องสอบสวน อเล็กซิสพบว่ามันไม่เหมือนกับห้องที่เธอเคยเห็นในหนังเลยสักนิด ห้องสืบสวนที่เธอรู้จักจะมีโต๊ะหนึ่งตัววางไว้ตรงกลางระหว่างตำรวจที่ทำหน้าที่สอบสวนกับผู้ต้องหา ขณะที่เจ้าหน้าที่คนอื่นจะยืนฟังบทสนทนาหลังหน้าต่างกระจก ห้องที่อยู่ตรงหน้าห่างไกลจากในหนังมาก หนำซ้ำยังน่ากลัวกว่า เพราะมันไม่มีโต๊ะสักตัว มีแต่เก้าอี้สำนักงานจำนวนสี่ตัว กับเก้าอี้ไฟฟ้าอีกสี่ตัวที่ดูเหมือนเครื่องทรมานในหนังสยองขวัญ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเก้าอี้ไฟฟ้าพวกนั้นเตรียมไว้ให้ใคร นอกจากพวกอเล็กซิส บรรยากาศเริ่มไม่ชอบมาพากลแล้ว พวกเจ้าหน้าที่จะทำอะไรกับพวกเขากันแน่ อเล็กซิสไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนพวกนี้ถึงปฏิบัติกับพวกเธอราวกับเป็นอาชญากรร้ายแรง

มือของเธอเย็นเยียบ

ยุคสมัยแห่งความหวาดกลัวยังคงอยู่

พวกเขาให้เบลินดานั่งเก้าอี้ตัวแรก เด็กสาวร้องไห้หวาดผวาจนถูกกดลงไป เวดนั่งตัวที่สอง เด็กหนุ่มปิดปากเงียบ คงอึ้งพอสมควร อเล็กซิสนั่งตัวที่สามและยังคงเชื่อฟังแต่โดยดี ส่วนออสโล่นั่งตัวสุดท้าย

ขาของอเล็กซิสเหมือนอ่อนแรงลงประเดี๋ยวนั้น เธอมองเจ้าหน้าที่ที่กำลังล็อกแขนของเธอกับที่วางแขน จากนั้นเขาหยิบหมวกเหล็กมาสวมให้เธอ มันมีสายไฟโยงหากันกับเก้าอี้ ออสโล่และอเล็กซิสสบตากันอีกครั้ง ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย และทำไมต้องวิธีนี้ ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่สอบสวนในชุดสีดำเดินเข้ามาพร้อมกันสี่คน พวกเขานั่งลงบนเก้าอี้ว่างที่เหลือ เป็นชายสองหญิงสอง ผู้หญิงนั่งตรงข้ามกับเด็กผู้หญิง ส่วนผู้ชายนั่งตรงข้ามกับเด็กผู้ชาย เจ้าหน้าที่สาวตรงหน้าอเล็กซิสมีใบหน้ารูปไข่ เธอปั้นหน้านิ่งราวกับรูปปั้น ดวงตาจดจ่ออยู่กับอเล็กซิส ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงที่พาพวกเขามาที่นี่ รวมทั้งเจ้าหน้าที่โจเซฟยืนเฉย ๆ  เหมือนกับเป็นเพียงผู้ช่วย ความเงียบค่อย ๆ เขย่าประสาทคนที่นั่งรออยู่ เวลาที่กำลังไหลไปช้า ๆ ทำลายกำลังใจไปทีละนิด ทีละนิด อเล็กซิสได้ยินเสียงตัวเองกลืนน้ำลายดังเอื๊อก กับเสียงหัวใจที่เต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ

เธอยังไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง

“สวัสดีนะพวกเธอ สบายดีกันหรือเปล่า ที่พวกเราพาพวกเธอเข้ามาในห้องนี้ก็เพื่อขอสอบถามข้อมูลที่มีประโยชน์และความจริงจากปากเท่านั้น อย่ากลัวไปเลย” ชายที่นั่งตรงข้ามกับเวดเกริ่นนำ “เรามีคำถามธรรมดาจะถามพวกเธอ ขอเพียงแค่พูดความจริง พวกเธอก็เห็นว่านั่งอยู่บนเครื่องจับเท็จ อันที่จริงแล้วมันไม่ใช่แค่เรื่องจับเท็จเพียงอย่างเดียว เพราะหากพวกเธอพูดโกหก เก้าอี้จะปล่อยกระแสไฟฟ้าช็อกร่างทันที”

เขาหยุดแล้วยิ้มเหมือนเอ็นดู คงคิดว่าตัวเองกำลังสาธิตวิธีแปรงฟันให้เด็กอนุบาลฟังอยู่ “ฟังให้ดี โกหกครั้งหนึ่ง เพื่อนของพวกเธอทางด้านซ้ายจะถูกไฟฟ้าช็อกทันที และเจ้าหนุ่มหัวแดง” เขาพูดกับออสโล่ “นายโกหกเมื่อไร คุณคาร์เตอร์โดนแน่ ๆ

“ขอเตือนไว้ก่อนนะ หากไม่อยากให้เพื่อนตัวเองเจ็บตัวก็อย่าเสี่ยง เข้าใจกันใช่ไหม”

พวกเขาพยักหน้าช้า ๆ เวดจ้องอเล็กซิสเขม็ง พยายามจะสื่อสารผ่านดวงตาว่าเขาไม่ควรนั่งข้างเบลินดาเลย เพราะคนที่โกหกได้หน้าตาเฉยก็คือเบลินดานี่แหละ

“ฉันโดนย่างสดแน่ ๆ” เธอได้ยินเสียงเขากระซิบ ซึ่งมันไม่ใช่มุก แต่เป็นน้ำเสียงที่กล่าวออกมาจากความกลัวข้างใน

“เอาล่ะ เริ่มกันเลยดีกว่านะจ๊ะ คุณคาร์เตอร์” หญิงสาวทางด้านขวาสุดพูดขึ้น “คุณคาร์เตอร์ ตอบฉันได้ไหมจ๊ะ ว่าคุณแจ้งความเท็จหรือไม่ โดยกล่าวหาว่าเพื่อนของคุณที่อยู่ในงานปาร์ตี้ที่คฤหาสน์ครอบครัวมิลเลอร์มีพฤติกรรมบางอย่างตรงกับคุณสมบัติที่เข้าข่ายว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง”

“เปล่าค่ะ”

เวดร้องโหยหวนเสียงดังทันทีเมื่อกระแสไฟฟ้าช็อกเข้าตัว อเล็กซิสตัวแข็งทื่อขึ้นมาเดี๋ยวนั้น เธอตกตะลึงเมื่อเห็นร่างกำยำของเพื่อนชายดิ้นพล่านรุนแรง เสียงร้องของเขาทำให้เลือดในตัวเย็นเฉียบ กระแสไฟฟ้านั้นช็อกร่างเด็กหนุ่มเพียงหนึ่งวินาที ใช่ แค่หนึ่งวินาที แต่เป็นวินาทีที่ทำลายความหวังในใจลงจนหมด ไม่มีรอยไหม้ปรากฏบนตัวเวด แต่เด็กหนุ่มหายใจหอบแรง แล้วยังตัวสั่นอยู่อีกหลายนาที

“สัตว์! อีนี่” แต่อย่างน้อยก็ยังมีแรงไว้ด่าคู่กรณี

“นายเป็นอะไรหรือเปล่า” อเล็กซิสถาม ยังคงตกใจอยู่ หัวใจของเธอแทบหยุดเต้นไปแล้วเมื่อครู่ เพราะเสียงร้องที่บ่งบอกว่าเจ็บปวดไปถึงกระดูกของเวด เด็กหนุ่มส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นอะไร อเล็กซิสมองไม่เห็นเบลินดา แต่ได้ยินเสียงร้องไห้ดังลั่น บางทีเธออาจจะเสียใจที่เผลอทำร้ายเวด หรือไม่ก็กลัวว่าตัวเองจะโดนบ้าง

พ่อพูดถูก ไม่ใช่เรื่องตลกเลยสักนิด นี่มันห้องทรมานชัด ๆ ไม่ใช่ห้องสอบสวนสักหน่อย อเล็กซิสพยายามอย่างยิ่งที่จะหาคำตอบให้ได้ว่าทำไมพวกเจ้าหน้าที่ถึงทำแบบนี้กับพวกเธอ แต่นึกเท่าไรก็หาเหตุผลมาตอบไม่ได้

“ฉันขอถามคุณอีกครั้งนะจ๊ะ คุณ-โก-หก-พวก-เรา-หรือ-เปล่า” หญิงสาวเน้นคำ

“...ค่ะ”

ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีใครถูกไฟฟ้าช็อก เวดถอนหายใจโล่งอก

“ทำไมคุณถึงโกหกจ๊ะ”

แทนที่จะตอบคำถาม เบลินดาเลือกที่จะร้องไห้แทน ไม่กี่วินาที เวดร้องอีกครั้ง พอตัวเองตั้งหลักหายใจได้ เขาตวาดทันที “ตอบไปเซ่

“ฉะ...ฉะ...ฉันอยากจะชนะทุนค่ะ ฉันอยากกำจัดเธอออกไป ถ้าเธอถูกถอนชื่อออก ฉันคิดว่าฉันจะชนะทุน”

เธอเหรอ เบลินดาต้องการให้เราถูกจับเพียงคนเดียวเหรอ นี่มันอะไรวะเนี่ย อเล็กซิสลืมความกลัวไปชั่วขณะ เธออยากจะร้องตะโกนออกมาดัง ๆ ระบายความซวยที่โถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน

“เธอที่ว่า หมายถึง คุณเดวิสเหรอจ๊ะ”

“ค่ะ...ใช่ค่ะ...ถูกแล้ว เดวิสมีโอกาสชนะมากที่สุด...ฉันอยากได้ทุนมาก ไม่ได้ตั้งใจจะใส่ร้ายคนอื่น ตะ...แต่ ฉันหาวิธีกำจัดเดวิสคนเดียวไม่ได้ค่ะ”

“โธ่เด็กน้อย ต่อให้คุณเดวิสชนะ คุณก็ยังสามารถชนะทุนได้อยู่ดี ทุนการศึกษาของรัฐมีไว้เฉพาะนักเรียนห้าคนที่คุณสมบัติผ่านเท่านั้นก็จริง แต่เราไม่ได้จำกัดโควตาเฉพาะเขตสักหน่อย โอกาสที่พวกคุณทั้งสี่คนจะชนะพร้อมกันก็เป็นไปได้เหมือนกัน”

เบลินดาร้องไห้หนักกว่าเดิม

“ขอบคุณสำหรับคำตอบ คุณคาร์เตอร์ คุณทำผิดกฎหมายตามรัฐบัญญัติเฝ้าระวังและควบคุมกลุ่มเสี่ยงภัยต่อมนุษยชาติปี 2966 มาตรา 31 บทลงโทษต่อการกล่าวหาเท็จด้วยจุดประสงค์เพื่อใส่ร้ายผู้อื่นว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง หรือกลุ่มต้องสงสัย ผู้กระทำผิดจะถูกระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต และคุณถูกตัดสินว่ากระทำผิดด้วยความผิดนี้”

จำคุกตลอดชีวิตเลยเหรอ

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • Undisclosure    สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป

    ไม่รู้ว่ามันคือโลกแบบไหนกันแน่ เหมือนเธอติดอยู่ในกับดักของกาลเวลา บางครั้งกำลังสนทนาอยู่กับเบียนน่า บางครั้งรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นผู้สังเกตการณ์ตอนซอนย่าตาย เหมือนเส้นเวลายืดและหดโดยตัวของมันเอง จนกระทั่งไอหมอกเริ่มหนาทึบบดบังคนตรงหน้า เสียงหวานอ่อนละมุนของหญิงสาวที่เลี้ยงดูเธอมาขาดหายไป ต่อให้พยายามคว้าตัวเท่าไรก็ยิ่งห่าง ผ่านไปนานหรือชั่วครู่ ยากเกินจะรู้ แต่เมื่อลืมตาขึ้นอีกทีก็รู้สึกเหมือนผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงสิ่งแรกที่เธอเห็นคือดอกเนโมฟีลา[1]ถูกวางอัดแน่นในแก้วใสที่ตั้งอยู่ข้างขอบโต๊ะ เมื่อกะพริบตาอีกครั้งก็ยังเห็นพวกมันอย่างขัดเจน พลันร่างกายกลับหนักอึ้ง ไม่เบาปราศจากน้ำหนักอย่างเช่นก่อนหน้า“แม่รักลูกเสมอ” สุ้มเสียงอ่อนโยนยังดังข้างหูและมันคือเสียงสุดท้ายที่เธอได้ยินก่อนหมอกสลายไปอเล็กซิสขยับตัว แขนสัมผัสขนนุ่มจึงตกใจ แต่ด้วยร่างกายอ่อนแอจึงทำได้เพียงค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง ขนที่ว่าคือเส้นผมสีน้ำตาลอ่อน พอเธอขยับ ร่างผอมสูงที่นอนขดตัวอยู่ข้าง ๆ ลุกขึ้นตามทันที ดวงตาสีฟ้าเข้มเบิกกว้างขึ้นประสานสายตากับผู้เป็นพี่ ริมฝีปากน

  • Undisclosure    นาฮีมานา

    เสียงที่ไม่ได้ยินร่วมเดือน “เธอจะตื่นเมื่อไร” เขาถามนาฮีมานาอีกฝ่ายถอนหายใจ “จิตวิญญาณพักผ่อนอยู่ชั่วคราว รอเวลาสักนิดเธอก็จะตื่นขึ้นมา คอยเรียกก็แล้วกัน”เมื่อได้ยินดังนั้น เขาจึงช้อนแขนอุ้มร่างเธอขึ้นมา แต่ก็หยุดหันไปทางซากต้นไม้ “มันเกิดอะไรขึ้น อะวีซีมีพิษร้ายขนาดนี้เชียวหรือ” ไมเคิลงุนงง นี่คือสิ่งที่อยู่ในตัวอเล็กซิสงั้นหรือดวงตาสีน้ำตาลเข็มมองซากนั้นด้วยสีหน้าปลงตก “ความเจ็บปวดของเด็กคนนี้ มันรับไปแทน” สายตาทอดมองอย่างอาลัยอาวรณ์ “ถึงมันพูดไม่ได้ ร้องขอความปรานีไม่ได้ ก็ยังถือว่าชีวิตหนึ่ง ตื่นจากจำศีลไม่นาน ฉันก็พรากชีวิตเขาแล้ว”ฉับพลัน เขาบังเกิดความรู้สึกผิดกับต้นไม้“ขอบคุณนะมานา ขอบคุณจริง ๆ” อเล็กซ์โพล่งออกมา ไมเคิลนึกขึ้นได้จึงก้มตัวลงแทนคำพูด หญิงสาวส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่เป็นอะไร“คุณเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงดูเหมือน รู้...” เทสซ่าถามขึ้น ไมเคิลนึกขอบคุณ เพราะเขาอยากรู้เหมือนกัน หลายครั้งเวลาจะพูดอะไร หญิงสาวผู้มีพลังรักษาก็มักจะเอ่ยดักก่อ

  • Undisclosure    คลายเวทให้เจ้าหญิง

    ย่างเข้าสู่กลางเดือนมีนาคม หิมะเบาบางลงมาก ทว่าพวกเขายังคงประสบปัญหาขาดเสบียง เทสซ่าเสนอให้กลับไปทอยซิตี้ เพราะหลายคนมีปัญหากับรสชาติอาหาร ไมเคิลกลับเป็นคนเดียวที่รู้สึกเฉย ๆ เขาชอบกินก็จริงแต่ก็ไม่ได้พิถีพิถันกับเรื่องพวกนี้มาก ในเมื่อไม่มีก็คือไม่มี ชายหนุ่มแปลกใจที่เพื่อนแต่ละคนล้วนโวยวายร่ำร้องให้อาหารรสชาติดีขึ้น พอมองย้อนกลับไปจึงพบว่า ถ้าไม่นับอิสรภาพอันจำกัดและชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนไป ไม่เคยมีใครประสบปัญหาขาดของอุปโภคและบริโภค (ไม่นับด่านทดลองสิบวัน) ดังนั้นข้อเสนอของเทสซ่าจึงมีแต่เสียงสนับสนุน หากแต่การกลับไปยังทอยซิตี้ไม่ต่างจากกลับไปลานประหารกลุ่มเซนเสนอว่าจะกลับไปเอง เพราะพวกเขาเป็นผู้เริ่มก็อยากรับผิดชอบเท่าที่จะทำได้ สุดท้ายเทสซ่าไปด้วย หนึ่งเพราะเธอเสนอความคิดนี้ และสองเธอไม่ต่างจากเซนพวกเขารอคอยเพื่อนด้วยความกระวนกระวาย โดยเฉพาะมินนี่ที่ได้แต่รอพี่สาวกลับมา โชคดีที่พวกเขากลับมาก่อนเวลาเสียอีก และได้ของจำเป็นกลับมามากมายเทสซ่าเล่าว่าไม่เจอศพสักราย ทางการอาจขนกลับไปหมดแล้ว เพราะมีหลายพื้นที่ถูกปิดและข้าวของบางอย่างถูกขนย้ายออกไป ดังนั้นเป

  • Undisclosure    เป็นเพราะดวงตา

    ไมเคิลจำได้ว่าเคยระวังไม่ให้อเล็กซิสอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะหลอกเธอ อาศัยช่วงที่อเล็กซิสยังได้รับผลข้างเคียงจากยาระงับอะวีซีแล้วฉวยโอกาสทำลายเธอ แต่ตอนที่อเล็กซิสหลบเทสซ่าไปหาเบ็กกี้ก็โชคดีที่มีคนคนนี้ช่วย จะว่าไปบลูก็ช่วยพวกเขาหลายครั้ง และเขาเป็นเจ้าของหอที่ดูแลลูกบ้านได้ดี ทว่าคาใจก็คือคาใจ“คุณชอบเธอใช่ไหม”บลูหันขวับแล้วจ้องหน้าเขานิ่ง หากตอบว่าใช่ ไมเคิลก็ไม่แปลกใจ อเล็กซิสเนื้อหอม เขารู้ดี ทว่าคู่สนทนากลับหัวเราะออกมาอย่างขบขัน“ดีจริง วันนี้นายทำให้ฉันหัวเราะได้มากกว่าวันอื่น หนุ่มน้อย ฉันรู้ว่านายหวงพี่สาว ที่ผ่านมาก็ชอบจ้องจับผิดฉัน รู้นะ” พูดจบก็ทำหน้าขึงขังล้อเลียนไมเคิล“ก็คุณพยายามล่อลวงเธอ”อีกฝ่ายหรี่ตา นิ้วชี้หน้าอกตัวเอง “ฉันเนี่ยนะ เฮ้ ดูน่ากลัวขนาดนั้นเชียวหรือ”ไฟบนหิมะขยายเป็นลูกเบ้อเริ่ม“เฮ้ ใจเย็นสิ ฉันไม่เคยล่อลวงพี่สาวเธอ โอเค อืม พวกเราเคยจูบกันสักสองครั้ง ครั้งแรกฉันจงใจแกล้งเด็กนั่น อีกครั้ง...ตอนนั้นมันค่อนข้างแปลกหน่อย ๆ เหมือน

  • Undisclosure    อนุสรณ์สถาน

    เย็นวันนั้น ไมเคิลปลีกตัวออกจากห้องอีกครั้ง วัน ๆ ได้แต่นอนและนั่ง ชีวิตน่าเบื่อไม่น้อย เขาตามหาเทสซ่ากับเรมีก็พบว่าเพื่อนสาวออกไปสำรวจพื้นที่รอบ ๆ กับกลุ่มเซนแล้ว น่าอิจฉาชะมัด ส่วนเรมีตัวติดกับโคดี้เพื่อศึกษาระบบในนี้ นาฮีมานายืนกรานว่าทุกคนต้องเรียนรู้เทคโนโลยีไว้ อย่างน้อยถ้าเกิดมีระเบิดอีก พวกเขาจะรู้ว่าต้องทำอย่างไรโดยไม่พึ่งพลังของโคดี้แต่ไม่มีใครอยากเจอระเบิดอีกหรอก แม้ว่ามันจะเป็นระเบิดรักษาสิ่งแวดล้อมก็ตามตึกของกลีถูกสร้างมาเพื่อหลบซ่อนสายตาคนจริง ๆ รอบข้างจึงรายล้อมไปด้วยต้นไม้ที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาว ต้นไม้เหล่านี้สูงตระหง่าน ไม่ว่าจะเดินไปทางก็มีแต่สีขาวโพลน หิมะสูงถึงข้อเท้า ไมเคิลมองไปรอบ ๆ มีไฟส่องทางเดินแค่เพียงห้าสิบเมตรจากตัวตึก เทสซ่าบอกว่าคนในนี้ก็ช่วยกันสร้างงานชิ้นหนึ่งขึ้นมา เนื่องจากไมเคิลเฝ้าอเล็กซิสตลอดจึงไม่รู้ว่ามันคืออะไร เพราะหญิงสาวไม่ได้เฉลย แต่แววตาคู่งามยามพูดถึงสิ่งนั้นกลับแฝงด้วยความเศร้า คิดดังนั้นจึงเดินไปตามทางดังกล่าว มีแสงไฟสลัวให้เห็นราง ๆ เขาลอดผ่านกิ่งไม้แช่แข็ง ต้นตอของแสงมาจากกองไฟขนาดใหญ่ มันตั้งอยู่ตรงกลางก้อ

  • Undisclosure    ทำความเข้าใจ

    ห้องพักส่วนใหญ่จะอยู่ชั้นบน กลุ่มที่อยู่มาก่อนย้ายเตียงพยาบาลมาแทนเตียงนอน มันมีจำนวนไม่เยอะ เมื่อมีคนเข้ามาเพิ่ม พวกเขาก็สละเตียงให้คนเจ็บ และเมื่อคนเจ็บหายดี พวกผู้หญิงก็ได้สิทธิก่อน หากเพราะไมเคิลไม่อาจอยู่ห่างอเล็กซิสได้ เขาคงช่วยคนอื่นจัดของแล้วก็หาเสบียง เสบียงเป็นหัวข้อที่ทุกคนกังวลมากที่สุด เพราะจำนวนคนมีมากและอากาศยังหนาวเย็น การหาอาหารไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่มีใครเคยล่าสัตว์ ไมเคิลรู้ดีว่าหน้าที่เหล่านี้เหมาะกับเขามากแค่ไหน แต่ด้วยข้อจำกัดจึงได้แต่แนะนำไป อย่างน้อยทุกคนล้วนจับอาวุธได้อย่างคล่องแคล่ว ปัญหาก็คือ หาเหยื่อและเครื่องปรุงเขาเปิดประตูห้องเข้าไป ฝาแฝดของเขายังคงนอนนิ่งเหมือนเดิม แต่คนที่นั่งเฝ้าอยู่มองด้วยสายตาคาดคั้นครั้งนี้เขาอธิบายแบบที่นาฮีมานาว่า สีหน้าของอเล็กซ์จึงคลายกังวลลง แต่ไม่ว่าอย่างไร การที่พวกเขาเห็นเธอนอนแบบนี้ไม่ได้ทำให้ดีใจได้สุดยาระงับความเจ็บปวดที่พวกเขามีก็เหลือเพียงห้าเข็มเท่านั้น ตั้งแต่อเล็กซิสนอนเป็นเจ้าหญิงนิทรา อเล็กซ์เข้มงวดกับไมเคิลมากที่สุด หากเขาไปไหนไกลก็จะรีบตามหา ไม่ใช่ว่าเขาไม่ห่วงอเล็กซิส แต่การอยู่ติดกับเ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status