อเล็กซิสคิดว่าบทลงโทษรุนแรงเกินไป แต่เมื่อลองคิดดูอีกที ข้อกล่าวหาเท็จสามารถทำลายชีวิตคนคนหนึ่งได้เลย ตัวอย่างแรก ทั้งเวด อเล็กซิส และออสโล่หมดสิทธิ์ในการเข้าชิงทุนทันที นี่คือตัวอย่างที่เบาที่สุดแล้ว บางทีบทลงโทษที่ว่าก็ฟังดูไม่เยอะเกินไป อย่างไรก็ตาม หากเจ้าหน้าที่พิสูจน์ได้ว่าคนที่เหลือบริสุทธิ์ บทลงโทษจำคุกตลอดชีวิตสำหรับเบลินดาก็อาจจะรุนแรงเกินไปสำหรับเด็กสาวที่กำลังมีอนาคต
เด็กสาวอ้อนวอนขอให้ลดโทษ แต่อเล็กซิสจับคำพูดเธอไม่ออกเท่าไร เพราะเบลินดาทั้งอ้อนวอนทั้งร้องไห้จนฟังไม่รู้เรื่อง
“คุณคาร์เตอร์ คุณทำใจให้สงบก่อน (ใครจะสงบได้ อเล็กซิสคิด) ถ้าการกระทำของคุณทำให้เราจับกุมกลุ่มต้องสงสัยหรือกลุ่มเสี่ยงได้ แม้คุณตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ หรือจะเพราะโชคช่วยก็ตาม เราจะลดหย่อนบทลงโทษที่ว่าให้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะยกเลิกการลงโทษทั้งหมด เพียงแต่จะเป็นวิธีอื่นแทน” หญิงสาวพลิกกระดาษบนตักไปมา ไม่ยี่หระต่อคนตรงหน้า “อีกเรื่องที่น่ายินดี นั่นคือเราไม่พบหลักฐานที่ว่าคุณเข้าข่ายกลุ่มต้องสงสัยหรือกลุ่มเสี่ยง ดังนั้น โปรดรอคำตัดสินของเพื่อน ๆ ก่อน เราจะกลับมาตัดสินการกระทำของคุณในขั้นสุดท้าย”
เธอจบบทสนทนาด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง ส่วนเบลินดาคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่แล้ว บทลงโทษจำคุกคลอดชีวิตเท่ากับหมดอนาคต เด็กสาวคงไม่คาดหวังว่าจะมีบทลงโทษที่เบากว่านี้และทำให้เธอสบายใจขึ้นอีกแล้ว อเล็กซิสเกิดความรู้สึกกึ่ง ๆ ระหว่างสงสารเบลินดาและสมน้ำหน้าในเวลาเดียวกัน
เจ้าหน้าที่ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามเวดหันเหความสนใจจากเบลินดามายังเด็กหนุ่มแทน เขาจัดกองเอกสารอยู่หลายรอบก่อนที่จะเริ่มต้นถามคำถาม
“คุณมิลเลอร์ โปรดตอบคำถามของพวกเราให้ดี คุณคิดอย่างไรกับรูปพวกนี้”
เขาโชว์รูปของปีเตอร์เดินอยู่ในสระน้ำ เนื่องจากเป็นรูปที่แคปมาจากวิดีโอ ภาพจึงไม่ค่อยชัดเท่าไร
เวดกลั้นหายใจ พร้อมที่จะตอบคำถามทุกอย่าง “พวกเราพยายามจะอัดวิดีโอเล่นมายากลเพื่ออัปโหลดลงในเว็บคอมมูนิตี้ของโรงเรียน คุณก็เห็นอยู่ว่ามีแผ่นกระจกอยู่ใต้น้ำ และเด็กหนุ่มสี่คนก็จับไว้อยู่ ผมเป็นคนอัดวิดีโอนี้เอง ในวิดีโอจะทำให้ดูเหมือนว่าเขาเดินในน้ำได้ พวกเรากะจะหลอกเพื่อน ๆ และคิดว่าจะอัปโหลดวิดีโอที่สองเพื่อเฉลยกล แต่ว่านะ ตอนนั้นผมเมามาก พอเห็นรูปตอนนี้แล้ว ดูยังไงก็ดูหลอกตาชัด ๆ”
หลังเวดตอบเสร็จ อเล็กซิสไม่ถูกกระแสไฟฟ้าช็อกแต่อย่างใด เธอตั้งใจฟังเป็นอย่างดี เพราะลึก ๆ รู้อยู่แล้วว่าเวดจะไม่โกหก แถมตัวเขาเองได้ลิ้มลองรสชาติความเจ็บปวดมาแล้ว คงรู้ดีว่ามันแย่แค่ไหน คำตอบของเขาชัดถ้อยชัดคำไม่มีสะดุดหรือตะกุกตะกัก อเล็กซิสคิดว่าเธอคงไม่โดนอะไร
“ดีมาก แล้วอันนี้ล่ะ” เจ้าหน้าที่โชว์อีกรูป มันเป็นยาเสพติดที่อยู่ในงานปาร์ตี้ มีทั้งห่อโคเคน บุหรี่กัญชา แล้วก็ถุงยาง
เวดสารภาพทันที “แค่ห่อเดียวที่เป็นของผม ที่เหลือของใคร ผมไม่ทราบครับ”
“อันไหนเหรอ”
“โคเคนที่อยู่ในถุงซิปล็อกสีฟ้าครับ”
“นี่พวกเธอจัดปาร์ตี้มั่วสุมกันแบบนี้บ่อยเลยเหรอ” เจ้าหน้าที่ทำเสียงหัวเราะเยาะ ส่วนคนที่เหลือเออออ
“หนึ่งครั้งต่อเดือน คุณว่าบ่อยหรือเปล่าล่ะ” เวดหยุดคิดสักพัก เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าปากเสีย เขามองอเล็กซิสเพื่อสำรวจให้แน่ใจว่าวิธีการตอบของเขาจะไม่ทำให้เธอโดนเล่นงาน อเล็กซิสบอกว่าไม่เป็นอะไร เวดจึงพูดต่อ “ไม่ครับ มันเป็นงานปาร์ตี้ธรรมดา คุณพบของพวกนี้ได้ทุกงานแหละ ทั้งงานปาร์ตี้ของเด็กและผู้ใหญ่มักมีของแบบนี้เสมอ”
“แต่มันผิดกฎหมายนะ แถมเธอยังเป็นผู้เข้าชิงทุนแล้วยังเป็นหัวหน้าทีมฟุตบอลอีกต่างหาก”
“ถุงยางก็ผิดกฎหมายเหรอครับ”
เจ้าหน้าที่ชายหันมามองอเล็กซิสด้วยดวงตาที่ทำให้เธอขนลุก เวดเข้าใจทันทีว่าตัวเองพูดไม่ถูก จึงรีบแก้ตัว “ผมผิดเองครับ ผมรู้อยู่เต็มอกว่ามันผิดกฎหมาย”
เจ้าหน้าที่พยายามอดทนต่อถ้อยคำและท่าทีกวนโอ๊ยของเด็กหนุ่ม เวดอาจติดนิสัยกวนประสาทอยู่บ้าง แต่เขาควรรู้ว่าเวลาไหนควรระงับปากตัวเองให้สงบ
“คุณมิลเลอร์ คุณถูกตัดสินว่ากระทำผิดด้วยข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองจำนวนต่ำกว่า 100 กรัม และจะถูกปรับเป็นจำนวนเงิน 50,000 เรล หรือจำคุกเป็นเวลาหนึ่งปี ถ้าหากเราสืบพบกลุ่มต้องสงสัยหรือกลุ่มเสี่ยง โทษของคุณก็จะเบาลง ซึ่งเราจะมอบโทษอื่นให้แทน เช่นเดียวกับคุณคาร์เตอร์ เราไม่พบว่าคุณมีคุณสมบัติตรงกับกลุ่มต้องสงสัยหรือกลุ่มเสี่ยง ดังนั้น โปรดรอคำตัดสินในขั้นสุดท้ายอีกที”
อเล็กซิสคาดการณ์ไว้แล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้ แต่เป็นเรื่องยากนักที่คนเราจะควบคุมอารมณ์ให้คงที่ได้ ในเมื่อคำตัดสินมันไม่ยุติธรรม
“ขอโทษนะครับ ผมต้องรอผลตัดสินขั้นต่อไปด้วยเหรอ ถ้าพวกคุณพบว่ามีกลุ่มต้องสงสัยหรือกลุ่มเสี่ยงอยู่ในนี้ ผมต้องเข้าโปรแกรมด้วยใช่หรือเปล่า เพื่อปิดปากผม ปิดปากพยานในห้องนี้ใช่ไหมล่ะ ผมรู้นะว่าพวกคุณคิดทำอะไร ถามหน่อยเหอะ มันเกี่ยวกับความผิดของผมยังไง ไม่ยุติธรรมเลย ผมต้องการที่จะจ่ายค่าปรับเท่านั้น”
เพียงเท่านั้น กระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างอเล็กซิสทันที เธอไม่อาจทำอะไรได้นอกจากกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด พวกเขาช็อกเธอเพียงหนึ่งวินาทีเหมือนกับเวด แต่เจ็บปวดราวกับไม่เคยเจ็บเท่าไหนมาก่อน ราวกับพลังงานในร่างกายถูกสูบออกไปจนหมด และเธอทำได้เพียงแค่พยายามหายใจอย่างยากลำบาก มือทั้งสองข้างบิดเกร็ง อเล็กซิสพยายามคุมสติเพื่อคุมอวัยวะที่กำลังสั่น
เครื่องจับเท็จที่ไหนกัน มีคนคุมมันชัด ๆ
“ขอโทษอเล็กซ์ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอเจ็บนะ” เวดขอโทษและหุบปากเงียบโดยปริยาย เขาสูญเสียความกล้าที่จะคัดค้านคำตัดสินที่ปราศจากความเที่ยงตรง นี่คือสิ่งที่บ่งบอกว่าคำเตือนของเจสซี่ไม่ผิดเลย คนพวกนี้คิดคำตัดสินมาแล้ว พวกเขาทำอะไรไม่ได้นอกจากฟังคำพูดงี่เง่าที่คนเหล่านี้พ่นออกมา
“มีอะไรจะพูดอีกหรือเปล่า คุณมิลเลอร์”
เวดกลืนน้ำลาย “ไม่มีแล้วครับ”
“ดี”
อเล็กซิสคอตก ผิดหวัง เจสซี่อาจจะพูดถูกแต่ไม่ถูกทุกเรื่อง อย่างน้อย เขาแค่คาดการณ์ถูก ว่าหากคนใจคดขึ้นมามีอำนาจ คนพวกนี้ย่อมใช้อำนาจในทางที่ผิดตามนิสัย คนพวกนี้เลือกที่จะรังแกคนที่อ่อนแอกว่าโดยไม่สนถูกผิด เหมือนอย่างกรณีของนายมิลเลอร์ พ่อของเวด ที่ปฏิบัติกับพวกตำรวจด้วยการข่มขู่เพื่อหวังจะช่วยลูกชายของเขา แต่ผลลัพธ์มันกลับตรงกันข้าม การกระทำของเขากลับกลายเป็นช่องทางให้คนพวกนี้รังแกลูกชายของเขาแทน และที่สำคัญ เวดมองออกว่าทางการพยายามจะปิดปากพวกเขาด้วยการสอบสวนที่แสนโหดร้ายและคำตัดสินทุเรศแบบนี้ อเล็กซิสรู้สึกว่าคนจากรัฐบาลพยายามที่จะยัดข้อหาในสิ่งที่พวกเขาไม่ได้ทำ เธอพยายามเตรียมใจน้อมรับต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อถึงตาของเธอ
อเล็กซิสใช้เวลาอยู่ประมาณหนึ่งกว่าจะค้นหาคำตอบได้ว่าทำไมเจ้าหน้าที่พยายามยัดข้อหา เพราะถ้าเหล่าวัยรุ่นกลุ่มนี้ได้รับการปล่อยตัวทั้งหมด รัฐบาลจะกลายเป็นองค์กรหน้าโง่ในสายตาประชาชนทันที เพราะพวกเขาเชื่อคำโกหกของเบลินดาโดยไม่สืบสวนให้ดีเสียก่อน อเล็กซิสคิดว่าเธอรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอ เด็กสาวกำหมัดแน่น ไม่เอาน่า เราจะผ่านมันไปได้ ฉันจะพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นเองว่าพวกเขากำลังข่มขู่คนบริสุทธิ์ พวกเขาไม่มีทางยัดข้อหาเราได้แน่
เจ้าหน้าที่สาวตรงหน้าเผยอรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่อ่อนหวานในแบบที่ฆาตกรโรคจิตยิ้มให้เหยื่อก่อนจะสังหารทิ้งอย่างโหดร้าย
“คุณเดวิส คุณตอบพวกเราได้ไหมว่า ที่คุณสตีเว่นพยายามจะปกปิดความสามารถพิเศษของคุณ มันเป็นความสามารถแบบไหนกันแน่”
อเล็กซิสรู้สึกได้ว่าพวกเพื่อน ๆ กำลังมองเธออยู่ แต่เธอไม่เข้าใจ พยาบาลคนนั้นเกี่ยวกับอะไรกับเธอ “คุณสตีเว่นเหรอคะ” อเล็กซิสเจอกับนางพยาบาลคนนี้บ่อย ๆ เมื่อตอนเด็ก แต่นานมาแล้ว ถ้าให้พูดตรง ๆ แมรี่ สตีเว่นไม่ได้สนิทกับครอบครัวเธอเท่าไร และเบียนน่า แม่ของเธอก็ไม่ชอบให้อเล็กซิสไปเล่นกับนางพยาบาลคนนี้ด้วย
หางตาข้างซ้ายทันเห็นว่าออสโล่ทำตัวลีบ เหมือนกลัวว่าจะถูกไฟฟ้าช็อก แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีใครเป็นอะไร
เราพูดความจริงนี่นา และเราก็รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ เว้นเสียแต่ว่าจะมีคนกดปุ่มทำร้ายพวกเรามากกว่า
“ใช่จ้ะ แมรี่ สตีเว่น” เจ้าหน้าที่ย้ำคำ แต่เด็กสาวยังคงงุนงง
อเล็กซิสส่ายหน้า “หนูไม่ทราบจริง ๆ ค่ะ ไม่เข้าใจเลย ด้วยความสัตย์จริง”
และออสโล่ยังคงปลอดภัยดี
กลุ่มกบฏบางกลุ่มต้องการทำลายนิวโฮป จึงไม่ใช่ทุกกลุ่มที่ยินดีอ้าแขนต้อนรับพวกเขา และข้อสำคัญคือ พวกเขาจะติดต่อคนเหล่านี้ได้อย่างไร จะรู้ได้อย่างไรว่ากลุ่มไหนตอบโจทย์ที่พวกเขาต้องการไม่มีใครตอบได้ แม้แต่บลูก็จนแต้ม เขาเพียงแค่อยากอยู่ที่นี่ ใกล้กับหลุมศพน้องชาย“ไมเคิล ฉันว่าไม่ปกตินะ” จอห์นปลุกสติของเขาอีกครั้งสายฟ้าของอเล็กซ์ฟาดซัดต้นไม้แถบนั้นเป็นจุณทีเดียวนับสิบต้น ขณะเดียวกันกระแสไฟฟ้าแล่นเป็นวงรอบตัวเขา อาคุสะเริ่มตื่นตัว ออร่าสีเขียวและเหลืองแผ่ออกไป“อเล็กซิส ถอยออกไป!” เป็นอเล็กซ์ที่ตะโกนเตือนแฟนสาว “ฉันคุมมันไม่ได้!”“แย่ละ” ไมเคิลกับจอห์นวิ่งเข้าไปอเล็กซิสควบคุมมวลน้ำเพื่อดับไฟ แต่กระแสไฟฟ้าของคนรักยังแล่นออกมาเรื่อย ๆ จนเธอเริ่มหาที่หลบไม่ได้ เขาหาทางจะเข้าไปช่วยฝาแฝด ตอนนี้แทบมองไม่เห็นอเล็กซ์เพราะมีแต่กระแสไฟฟ้าพัวพันรอบตัวเทสซ่าหวีดร้องขึ้นมา เธอกับอาคุสะจับมือกันแน่น พื้นดินบริเวณนั้นสั่นสะเทือน เขาสบตากับจอห์น ใช่ แผ่นดินไหว แต่...ฝีมือธรรมชาติหรือสัญชาตญ
ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ที่แท้นาฮีมานาไม่ได้คิดจะให้พวกเขากลับนิวโฮปแต่แรก ไมเคิลหันไปมองพวกเพื่อน ๆ เทสซ่านั้นคิ้วขมวดจนเป็นปม เธอนั่งกอดอกหลังตรงแล้วเม้มปากแน่น หากแต่ไหล่สั่น ขณะที่คนอื่นถกเถียงกัน อเล็กซิสก็นั่งเท้าคางใช้ความคิด ไมเคิลสัมผัสความรู้สึกร่วมของคนในนี้ได้อย่างหนึ่ง นั่นคือความเศร้าเมื่อรู้ว่าจะไม่ได้กลับบ้าน หรืออาจจะไม่มีวันได้กลับ“ถ้าหาก...ถ้าหากเราทำให้เมเคอร์เข้าใจได้ว่าพวกเราไม่เป็นภัย พวกเราเป็นชาวนิวโฮป อยากปกป้องบ้านเหมือนกัน ถ้าเราทำให้เขาเห็นจุดยืนของพวกเราว่าไม่ได้เป็นภัยต่อไลบราเรีย ต่อโลก...” ไมเคิลเลิกคิ้ว เพราะเทสซ่าพูดเหมือนอเล็กซิสเปี๊ยบ“ฉันคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยเทสซ่า เมเคอร์ไม่มีวันให้กองกำลังกับพวกเธอแน่”“ฉันไม่ได้หมายถึงกองกำลัง ฉันหมายถึงตัวพวกเราเอง ถ้าเขามองว่าพวกเราเป็นภัย ทำไมไม่มองว่าพวกเราเป็นอาวุธให้พวกเขาได้”“เทสซ่าพูดถูก” เซนว่า “ทหารสามคนนั้นก็เป็นกลุ่มเสี่ยง”“ลูเซียนบอกว่าเพราะพวกเขาเป็นชาวไลบราเรียนอยู่ก่อนแล้ว ทั้งยังถ
มีเพียงสิ่งลมเขย่ากิ่งไม้ไปมา แสงสีแดงริบหรี่จนแทบเลือนหายไป ความมืดย่างกรายแทนที่ แต่ดวงตาสีน้ำเงินของอเล็กซิสกลับสว่างไสว ช่างเหมือนกับดวงตาคู่นั้นที่คอยจ้องเขายามค่ำคืน ไมเคิลในวัยเด็กมีอาการตื่นตระหนกบ่อยครั้ง และลูก้าเป็นคนปลอบเขา ถึงแม้เขาไม่เคยล่วงรู้เรื่องแฝดอีกคน แต่เพราะดวงตาของเธอเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาอยากอยู่ใกล้เธอ ในยามนี้เขาอ่านความคิดเธอออก ผ่านแววตาและสีหน้า ทั้งคู่ไม่คิดว่าลูเซียนโกหก อย่างไรก็ตามยังคิดว่าอีกฝ่ายบอกไม่หมด ความปรารถนาดีมีบางอย่างเคลือบแฝง ผลงานของลูเซียนคือเครื่องมือที่ฆ่าโนเอลและเบน เขาไม่มีวันให้อภัย เพียงแต่ว่า พวกเขาจะต้องชั่งใจให้ได้ว่าการเชื่อฟังลูเซียนจะเป็นประโยชน์มากกว่าเพิกเฉยหรือไม่เขารู้ว่าอเล็กซิสเสียใจ เธอบอกน้องชายคนนี้เสมอว่านิวโฮปจะเป็นบ้านใหม่ของพวกเขา“อเล็กซิส ไมเคิล” หญิงสาวผมสีดำเรียกสติฝาแฝดทั้งสอง “กลับกันเถอะ มืดแล้ว”“เดี๋ยว...” เขาชะลอเธอรอฟัง แต่เป็นพี่สาวของเขาที่พูด“ถ้าคุณอยากให้พวกเราคล้อยตามลูเซียน คุณต้องบอกมาให้หมดว่าคุณกับเขารู้จักกัน
ดวงตาสีแดงกลอกไปมาราวกับดูแคลนคำพูดของพวกเขา “ผมหวังดี ที่พวกเขากลับไปไม่ใช่เพราะถอย แต่จะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับกองทหารและอาวุธมากมาย เมเคอร์ไม่ปล่อยพวกคุณแน่นอน เขาไม่อยากยืดเยื้อ และคราวนี้ได้คงใช้วิธีดึงอาร์คาเดียมาช่วย ทั้งนิวโฮปก็เจอปัญหา ดังนั้นถ้ากำจัดพวกคุณได้เร็วเท่าไร ฝ่ายทหารจะโฟกัสกลับนิวโฮปได้ดีขึ้น”“เกิดอะไรกับนิวโฮป” อเล็กซิสซักทันที “เมเคอร์...เจ้าชายเมเคอร์ใช่ไหม ที่คุณว่า”ลูเซียนพยักหน้า “ใช่ ตำแหน่งเขาสูงกว่าผม ถ้าคุณสังเกตคำนำหน้า ผมเป็นลอร์ด เขาถือตำแหน่งเจ้าชาย เมเคอร์ต้องการทำลายกลุ่มเสี่ยง เขาเห็นว่าพวกคุณเป็นภัย” ชายอัลบิโนขยับตัว มีภาพยานสงครามฝูงหนึ่งปรากฏขึ้น เขาชี้ไปที่รูปพวกนี้ “นี่คือสิ่งที่พวกคุณจะเจอ ในดิสก์แผ่นนี้ ผมมอบโลเคชันให้พวกคุณหนีไปหลบภัย รับรองว่าไม่มีใครเข้าไปยุ่งกับที่นี่ได้ เมื่อสถานการณ์ในนิวโฮปดีขึ้น ผมจะหาทางทำให้เมเคอร์เปลี่ยนใจ”“คุณมีพลังจิตไม่ใช่หรือ คุณควบคุมจิตใจเขาได้...” อเล็กซิสว่า“ถ้าผมทำได้ผมทำไปนานแล้ว” แต่สาย
แดดสนธยาส่องผ่านร่มไม้จนเกิดลำแสงสีทองเป็นริ้ว คนสามคนเดินย่ำเท้าไปตามใบไม้แห้ง ลมเย็นโชยสลับผสานกับลมร้อนในตอนกลางวัน เวลากำลังผลัดเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงกลางคืน“คุณแน่ใจใช่ไหมว่าไม่ใช่กับดัก” อเล็กซิสถามยายแม่มด (และพักนี้ไมเคิลมักใช้คำนี้บ่อย เพราะไอ้นิสัยชอบรู้เรื่องมากมายแต่ไม่ยอมเล่าให้หมดของนาฮีมานาทำให้เขารำคาญ) “เราจับโดรนสอดแนมมาได้สามวัน แล้ววันนี้เขาก็เรียกแค่พวกเราแค่สามคน ทำไมต้องเป็นคุณ ทำไมต้องเป็นพวกเรา”“เขาไม่ชอบคนเยอะ อาจเป็นเพราะพวกเธอเห็นหน้าเขาแล้วมั้ง แต่ฉันเชื่อว่ามันเป็นจุดประสงค์ดี”เธอมั่นใจอะไรในตัวคนคนนี้กัน คนที่สามารถแฝงตัวอยู่ในกลุ่มเมื่อไรก็ได้เพียงแค่ควบคุมสมองไม่ให้มองเห็น สามารถปรับเปลี่ยนความคิดใครก็ได้ แล้วจะเชื่อใจนาฮีมานาได้อย่างไร ไมเคิลสงสัยนัก“ผมไม่คิดอย่างนั้นนะ” เขาโพล่ง “ลูเซียนเป็นหัวหน้าทีมวิจัย คุณรู้หรือเปล่าว่าพวกเราผ่านอะไรมาบ้างกับงานของทีมวิจัย เราต้องเสียอะไรบ้างกับงานของเขา”“ฉันรู้ดี” นาฮีมานาตอบโดยไม่หันมามอง เ
เช้าวันต่อมา บอร์ญ่ายังคงเป็นคนมาเสิร์ฟอาหาร และบราวน์ไม่เข้ามาอีกเลย เขานั่งนับวันตั้งแต่โดนจับจึงนึกได้ว่านี่คือวันศุกร์ เจ้าของบ้านคงออกไปทำงาน ดังนั้นทั้งวัน เขาเอาแต่ทบทวนสิ่งที่ชายคนนั้นบอก“ตัวตนที่ยังหลงเหลือ” เจสซี่ไม่มีความรู้เรื่องสมองของมนุษย์ คงจะดีกว่านี้ถ้าเขาโทรหาไบรซ์หรือคาเลบได้ ความทรงจำของมนุษย์ถูกลบได้หรือเปล่า สมองของมนุษย์ทำงานอย่างไร“ไลบราเรียน...เอไลโต” เขาท่อง “ฟุตบอล ออสโล่”เมื่อถึงมื้ออาหารเย็น แคดมันเดินเข้ามา อาหารเย็นวันนี้มีเพียงแซนด์วิชกับน้ำเปล่า และช็อกโกแลตบาร์สองแท่ง เมื่ออีกฝ่ายวางถาด เขาเอื้อมไปจับข้อมือ“เวด”แคดมันสะบัดออกจนน้ำหกกระจาย ดวงตาที่มีสีฮาเซลอ่อนกว่าจ้องกลับมา แววตาคู่นี้ขึงขังดุดันและพร้อมจะเอาเรื่องได้ตลอดเวลา“นายจำอเล็กซิสได้ไหม”“หุบปาก”“ออสโล่ เด็กหนุ่มผมสีแดงใบหน้าตกกระ เกิดอะไรขึ้นกับเขา”“หุบปาก!”“ซานโบซ่า!”มือข้างขว