LOGINอเล็กซิสคิดว่าบทลงโทษรุนแรงเกินไป แต่เมื่อลองคิดดูอีกที ข้อกล่าวหาเท็จสามารถทำลายชีวิตคนคนหนึ่งได้เลย ตัวอย่างแรก ทั้งเวด อเล็กซิส และออสโล่หมดสิทธิ์ในการเข้าชิงทุนทันที นี่คือตัวอย่างที่เบาที่สุดแล้ว บางทีบทลงโทษที่ว่าก็ฟังดูไม่เยอะเกินไป อย่างไรก็ตาม หากเจ้าหน้าที่พิสูจน์ได้ว่าคนที่เหลือบริสุทธิ์ บทลงโทษจำคุกตลอดชีวิตสำหรับเบลินดาก็อาจจะรุนแรงเกินไปสำหรับเด็กสาวที่กำลังมีอนาคต
เด็กสาวอ้อนวอนขอให้ลดโทษ แต่อเล็กซิสจับคำพูดเธอไม่ออกเท่าไร เพราะเบลินดาทั้งอ้อนวอนทั้งร้องไห้จนฟังไม่รู้เรื่อง
“คุณคาร์เตอร์ คุณทำใจให้สงบก่อน (ใครจะสงบได้ อเล็กซิสคิด) ถ้าการกระทำของคุณทำให้เราจับกุมกลุ่มต้องสงสัยหรือกลุ่มเสี่ยงได้ แม้คุณตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ หรือจะเพราะโชคช่วยก็ตาม เราจะลดหย่อนบทลงโทษที่ว่าให้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะยกเลิกการลงโทษทั้งหมด เพียงแต่จะเป็นวิธีอื่นแทน” หญิงสาวพลิกกระดาษบนตักไปมา ไม่ยี่หระต่อคนตรงหน้า “อีกเรื่องที่น่ายินดี นั่นคือเราไม่พบหลักฐานที่ว่าคุณเข้าข่ายกลุ่มต้องสงสัยหรือกลุ่มเสี่ยง ดังนั้น โปรดรอคำตัดสินของเพื่อน ๆ ก่อน เราจะกลับมาตัดสินการกระทำของคุณในขั้นสุดท้าย”
เธอจบบทสนทนาด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง ส่วนเบลินดาคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่แล้ว บทลงโทษจำคุกคลอดชีวิตเท่ากับหมดอนาคต เด็กสาวคงไม่คาดหวังว่าจะมีบทลงโทษที่เบากว่านี้และทำให้เธอสบายใจขึ้นอีกแล้ว อเล็กซิสเกิดความรู้สึกกึ่ง ๆ ระหว่างสงสารเบลินดาและสมน้ำหน้าในเวลาเดียวกัน
เจ้าหน้าที่ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามเวดหันเหความสนใจจากเบลินดามายังเด็กหนุ่มแทน เขาจัดกองเอกสารอยู่หลายรอบก่อนที่จะเริ่มต้นถามคำถาม
“คุณมิลเลอร์ โปรดตอบคำถามของพวกเราให้ดี คุณคิดอย่างไรกับรูปพวกนี้”
เขาโชว์รูปของปีเตอร์เดินอยู่ในสระน้ำ เนื่องจากเป็นรูปที่แคปมาจากวิดีโอ ภาพจึงไม่ค่อยชัดเท่าไร
เวดกลั้นหายใจ พร้อมที่จะตอบคำถามทุกอย่าง “พวกเราพยายามจะอัดวิดีโอเล่นมายากลเพื่ออัปโหลดลงในเว็บคอมมูนิตี้ของโรงเรียน คุณก็เห็นอยู่ว่ามีแผ่นกระจกอยู่ใต้น้ำ และเด็กหนุ่มสี่คนก็จับไว้อยู่ ผมเป็นคนอัดวิดีโอนี้เอง ในวิดีโอจะทำให้ดูเหมือนว่าเขาเดินในน้ำได้ พวกเรากะจะหลอกเพื่อน ๆ และคิดว่าจะอัปโหลดวิดีโอที่สองเพื่อเฉลยกล แต่ว่านะ ตอนนั้นผมเมามาก พอเห็นรูปตอนนี้แล้ว ดูยังไงก็ดูหลอกตาชัด ๆ”
หลังเวดตอบเสร็จ อเล็กซิสไม่ถูกกระแสไฟฟ้าช็อกแต่อย่างใด เธอตั้งใจฟังเป็นอย่างดี เพราะลึก ๆ รู้อยู่แล้วว่าเวดจะไม่โกหก แถมตัวเขาเองได้ลิ้มลองรสชาติความเจ็บปวดมาแล้ว คงรู้ดีว่ามันแย่แค่ไหน คำตอบของเขาชัดถ้อยชัดคำไม่มีสะดุดหรือตะกุกตะกัก อเล็กซิสคิดว่าเธอคงไม่โดนอะไร
“ดีมาก แล้วอันนี้ล่ะ” เจ้าหน้าที่โชว์อีกรูป มันเป็นยาเสพติดที่อยู่ในงานปาร์ตี้ มีทั้งห่อโคเคน บุหรี่กัญชา แล้วก็ถุงยาง
เวดสารภาพทันที “แค่ห่อเดียวที่เป็นของผม ที่เหลือของใคร ผมไม่ทราบครับ”
“อันไหนเหรอ”
“โคเคนที่อยู่ในถุงซิปล็อกสีฟ้าครับ”
“นี่พวกเธอจัดปาร์ตี้มั่วสุมกันแบบนี้บ่อยเลยเหรอ” เจ้าหน้าที่ทำเสียงหัวเราะเยาะ ส่วนคนที่เหลือเออออ
“หนึ่งครั้งต่อเดือน คุณว่าบ่อยหรือเปล่าล่ะ” เวดหยุดคิดสักพัก เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าปากเสีย เขามองอเล็กซิสเพื่อสำรวจให้แน่ใจว่าวิธีการตอบของเขาจะไม่ทำให้เธอโดนเล่นงาน อเล็กซิสบอกว่าไม่เป็นอะไร เวดจึงพูดต่อ “ไม่ครับ มันเป็นงานปาร์ตี้ธรรมดา คุณพบของพวกนี้ได้ทุกงานแหละ ทั้งงานปาร์ตี้ของเด็กและผู้ใหญ่มักมีของแบบนี้เสมอ”
“แต่มันผิดกฎหมายนะ แถมเธอยังเป็นผู้เข้าชิงทุนแล้วยังเป็นหัวหน้าทีมฟุตบอลอีกต่างหาก”
“ถุงยางก็ผิดกฎหมายเหรอครับ”
เจ้าหน้าที่ชายหันมามองอเล็กซิสด้วยดวงตาที่ทำให้เธอขนลุก เวดเข้าใจทันทีว่าตัวเองพูดไม่ถูก จึงรีบแก้ตัว “ผมผิดเองครับ ผมรู้อยู่เต็มอกว่ามันผิดกฎหมาย”
เจ้าหน้าที่พยายามอดทนต่อถ้อยคำและท่าทีกวนโอ๊ยของเด็กหนุ่ม เวดอาจติดนิสัยกวนประสาทอยู่บ้าง แต่เขาควรรู้ว่าเวลาไหนควรระงับปากตัวเองให้สงบ
“คุณมิลเลอร์ คุณถูกตัดสินว่ากระทำผิดด้วยข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองจำนวนต่ำกว่า 100 กรัม และจะถูกปรับเป็นจำนวนเงิน 50,000 เรล หรือจำคุกเป็นเวลาหนึ่งปี ถ้าหากเราสืบพบกลุ่มต้องสงสัยหรือกลุ่มเสี่ยง โทษของคุณก็จะเบาลง ซึ่งเราจะมอบโทษอื่นให้แทน เช่นเดียวกับคุณคาร์เตอร์ เราไม่พบว่าคุณมีคุณสมบัติตรงกับกลุ่มต้องสงสัยหรือกลุ่มเสี่ยง ดังนั้น โปรดรอคำตัดสินในขั้นสุดท้ายอีกที”
อเล็กซิสคาดการณ์ไว้แล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้ แต่เป็นเรื่องยากนักที่คนเราจะควบคุมอารมณ์ให้คงที่ได้ ในเมื่อคำตัดสินมันไม่ยุติธรรม
“ขอโทษนะครับ ผมต้องรอผลตัดสินขั้นต่อไปด้วยเหรอ ถ้าพวกคุณพบว่ามีกลุ่มต้องสงสัยหรือกลุ่มเสี่ยงอยู่ในนี้ ผมต้องเข้าโปรแกรมด้วยใช่หรือเปล่า เพื่อปิดปากผม ปิดปากพยานในห้องนี้ใช่ไหมล่ะ ผมรู้นะว่าพวกคุณคิดทำอะไร ถามหน่อยเหอะ มันเกี่ยวกับความผิดของผมยังไง ไม่ยุติธรรมเลย ผมต้องการที่จะจ่ายค่าปรับเท่านั้น”
เพียงเท่านั้น กระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างอเล็กซิสทันที เธอไม่อาจทำอะไรได้นอกจากกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด พวกเขาช็อกเธอเพียงหนึ่งวินาทีเหมือนกับเวด แต่เจ็บปวดราวกับไม่เคยเจ็บเท่าไหนมาก่อน ราวกับพลังงานในร่างกายถูกสูบออกไปจนหมด และเธอทำได้เพียงแค่พยายามหายใจอย่างยากลำบาก มือทั้งสองข้างบิดเกร็ง อเล็กซิสพยายามคุมสติเพื่อคุมอวัยวะที่กำลังสั่น
เครื่องจับเท็จที่ไหนกัน มีคนคุมมันชัด ๆ
“ขอโทษอเล็กซ์ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอเจ็บนะ” เวดขอโทษและหุบปากเงียบโดยปริยาย เขาสูญเสียความกล้าที่จะคัดค้านคำตัดสินที่ปราศจากความเที่ยงตรง นี่คือสิ่งที่บ่งบอกว่าคำเตือนของเจสซี่ไม่ผิดเลย คนพวกนี้คิดคำตัดสินมาแล้ว พวกเขาทำอะไรไม่ได้นอกจากฟังคำพูดงี่เง่าที่คนเหล่านี้พ่นออกมา
“มีอะไรจะพูดอีกหรือเปล่า คุณมิลเลอร์”
เวดกลืนน้ำลาย “ไม่มีแล้วครับ”
“ดี”
อเล็กซิสคอตก ผิดหวัง เจสซี่อาจจะพูดถูกแต่ไม่ถูกทุกเรื่อง อย่างน้อย เขาแค่คาดการณ์ถูก ว่าหากคนใจคดขึ้นมามีอำนาจ คนพวกนี้ย่อมใช้อำนาจในทางที่ผิดตามนิสัย คนพวกนี้เลือกที่จะรังแกคนที่อ่อนแอกว่าโดยไม่สนถูกผิด เหมือนอย่างกรณีของนายมิลเลอร์ พ่อของเวด ที่ปฏิบัติกับพวกตำรวจด้วยการข่มขู่เพื่อหวังจะช่วยลูกชายของเขา แต่ผลลัพธ์มันกลับตรงกันข้าม การกระทำของเขากลับกลายเป็นช่องทางให้คนพวกนี้รังแกลูกชายของเขาแทน และที่สำคัญ เวดมองออกว่าทางการพยายามจะปิดปากพวกเขาด้วยการสอบสวนที่แสนโหดร้ายและคำตัดสินทุเรศแบบนี้ อเล็กซิสรู้สึกว่าคนจากรัฐบาลพยายามที่จะยัดข้อหาในสิ่งที่พวกเขาไม่ได้ทำ เธอพยายามเตรียมใจน้อมรับต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อถึงตาของเธอ
อเล็กซิสใช้เวลาอยู่ประมาณหนึ่งกว่าจะค้นหาคำตอบได้ว่าทำไมเจ้าหน้าที่พยายามยัดข้อหา เพราะถ้าเหล่าวัยรุ่นกลุ่มนี้ได้รับการปล่อยตัวทั้งหมด รัฐบาลจะกลายเป็นองค์กรหน้าโง่ในสายตาประชาชนทันที เพราะพวกเขาเชื่อคำโกหกของเบลินดาโดยไม่สืบสวนให้ดีเสียก่อน อเล็กซิสคิดว่าเธอรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอ เด็กสาวกำหมัดแน่น ไม่เอาน่า เราจะผ่านมันไปได้ ฉันจะพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นเองว่าพวกเขากำลังข่มขู่คนบริสุทธิ์ พวกเขาไม่มีทางยัดข้อหาเราได้แน่
เจ้าหน้าที่สาวตรงหน้าเผยอรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่อ่อนหวานในแบบที่ฆาตกรโรคจิตยิ้มให้เหยื่อก่อนจะสังหารทิ้งอย่างโหดร้าย
“คุณเดวิส คุณตอบพวกเราได้ไหมว่า ที่คุณสตีเว่นพยายามจะปกปิดความสามารถพิเศษของคุณ มันเป็นความสามารถแบบไหนกันแน่”
อเล็กซิสรู้สึกได้ว่าพวกเพื่อน ๆ กำลังมองเธออยู่ แต่เธอไม่เข้าใจ พยาบาลคนนั้นเกี่ยวกับอะไรกับเธอ “คุณสตีเว่นเหรอคะ” อเล็กซิสเจอกับนางพยาบาลคนนี้บ่อย ๆ เมื่อตอนเด็ก แต่นานมาแล้ว ถ้าให้พูดตรง ๆ แมรี่ สตีเว่นไม่ได้สนิทกับครอบครัวเธอเท่าไร และเบียนน่า แม่ของเธอก็ไม่ชอบให้อเล็กซิสไปเล่นกับนางพยาบาลคนนี้ด้วย
หางตาข้างซ้ายทันเห็นว่าออสโล่ทำตัวลีบ เหมือนกลัวว่าจะถูกไฟฟ้าช็อก แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีใครเป็นอะไร
เราพูดความจริงนี่นา และเราก็รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ เว้นเสียแต่ว่าจะมีคนกดปุ่มทำร้ายพวกเรามากกว่า
“ใช่จ้ะ แมรี่ สตีเว่น” เจ้าหน้าที่ย้ำคำ แต่เด็กสาวยังคงงุนงง
อเล็กซิสส่ายหน้า “หนูไม่ทราบจริง ๆ ค่ะ ไม่เข้าใจเลย ด้วยความสัตย์จริง”
และออสโล่ยังคงปลอดภัยดี
“แต่คุณบอกว่ามันจะใช้คุณเป็นตัวประกัน” ไมเคิลเถียง“ใช่ ตัวฉัน เพียงแค่ร่างกายที่ยังมีลมหายใจ”อเล็กซิสเข่าอ่อนจนทรุดตัวลง ก้มหน้าซ่อนสะอื้นลงกับตักหญิงสาว นาฮีมานาอาจไม่ใช่แม่ของกลุ่มเสี่ยง แต่เปรียบเหมือนกับผู้ใหญ่หรือไม่ก็พี่สาวที่พวกเขารู้สึกสบายใจเวลาเห็นเธอ เปรียบดั่งต้นไม้ที่ให้ร่มเงาทางจิตใจ“แต่ว่า...ก่อนจะออกไป ฉันมีเรื่องจะขอร้อง”เมื่อนั้นเธอจึงเงยหน้าขึ้น นาฮีมานาจับมืออเล็กซิสกับไมเคิล“เผาทุกอย่างในนี้”ทั้งสองพยักหน้า“ถ้าเห็นอะไร ทำใจไว้นะ แต่ฉันคิดว่าอย่าปล่อยไปเลย พวกเขายังไม่รับรู้อะไรหรอก”ทว่าประโยคหลังนั้น ทั้งสองไม่เข้าใจ นาฮีมานาคะยั้นคะยอให้พวกเขาออกไปจากที่นี่อีกครั้ง มืออีกข้างหยิบปืนที่พวกนั้นทิ้งไว้ เธอพยักหน้าให้ทั้งสองเห็นว่าไม่เป็นไร“พวกเธอไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว ไปเถิด”“เหลืออีกห้านาที”นาฮีมานาไม่ต้องการให้พวกเขามอง หรือรับรู้ ทั้งสองจึงเดินออกไปหน้าลิฟต์ ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นจึงได้ยิน
“พาตัวเธอมา” เธอหันไปสั่งเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้อง อเล็กซิสไม่มีวันรู้ไม่ถึงหนึ่งนาทีได้ คนของอาร์คาเดียจึงประคองนาฮีมานาออกมา เธออยู่ในสภาพอิดโรย ผมสีดำยุ่งเหยิง แก้มที่ตอบอยู่แล้วลึกลงไปราวกับผิวหนังปกคลุมเพียงโครงกระดูก เธอออกจากกลุ่มไปก่อน อเล็กซิสไม่รู้เลยว่าหญิงสาวโดนจับไปเมื่อไร“ได้โปรด เราพาเธอมาแล้ว”“เหลืออีกสิบนาที” พวกเขามองหน้ากันอย่างตื่นตระหนกเพราะกลัวหนีไม่ทัน“ทำไม ที่นี่จะระเบิดหรือ”พวกเขาส่ายหน้า ทั้งสองไม่เชื่อ แต่เมื่อเห็นนาฮีมานาพยักหน้าให้มั่นใจว่าเป็นเรื่องจริง อเล็กซิสจึงหันไปพยักหน้ากับไมเคิล เขาจึงบอกให้คนที่เหลือออกไป ทั้งหมดทิ้งอาวุธแล้วรีบวิ่งหนี บางคนแย่งกันออกไปจนมีเสียงโวยวายล้มลุกคลุกคลาน ส่วนพวกเขารีบไปประคองนาฮีมานาที่ถูกทิ้งลงกับพื้น“มานา...”หญิงสาวสบตากับทั้งสองแล้วยกมือจับแก้มคนทั้งคู่ เพียงสัมผัสอเล็กซิสกลับรู้สึกสบายตัว อากาศปวดตามตัวและที่หน่วงอยู่ในท้องก็อันตรธานหายไปทันใด เมื่อเธอมองไมเคิลจึงเห็นว่าบาดแผลบนใบหน้
“เหลืออีกยี่สิบนาที”สิ่งที่อเล็กซิสเกลียดที่สุดคือการไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และเกิดอะไรขึ้น แม้เข้าใจจุดประสงค์ของผู้ลักพาตัว แต่ไม่สามารถรู้ได้ว่าตัวการเป็นใคร ทั้งสองยืนมองนักวิทยาศาสตร์วิ่งหนีออกจากตึกจากบานหน้ากระจกขนาดใหญ่บนชั้นลอยเปิดสู่โถงด้านล่าง ประตูทางออกนั้นไม่ได้เปิดออกไปแล้วเห็นด้านนอก แต่ไปยังลิฟต์ที่เคลื่อนตัวขึ้นไปด้านบน โถงด้านล่างกินพื้นที่ถึงห้าชั้น มันกว้างใหญ่ พวกเขาวิ่งหนีขึ้นลิฟต์ บ้างแย่งกัน แต่เพราะจำนวนมีจำกัดจึงไม่อาจขนส่งคนออกไปได้ทันทีแต่ก็ทำให้เธอรู้ว่าทั้งหมดอยู่ใต้ดินขณะนั้นไมเคิลปรายตามองทีมรักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านล่าง พวกเขาไม่ได้สวมชุดทหารสีเทาแต่เป็นสีน้ำตาล ในมือถือปืนเลเซอร์ขนาดใหญ่เล็งมาแต่ยังไม่ได้ยิง หรือพูดไม่ถูกคือไม่กล้ายิงเพราะกลัวผลโต้ตอบที่รุนแรงกว่า อีกกลุ่มคอยอพยพและจัดระเบียบ พวกเขามองขึ้นมาอย่างหวาดผวา ส่วนเธอกับไมเคิลมองลงไปด้วยสายตาว่างเปล่า“ปล่อยไปเถอะ เราต้องการเพียงมานา”อเล็กซิสไม่ได้ใจดี เธอแค่ไม่อยากเสียเวลาไมเคิลพยักหน้าแต่สายตายังจับจ้อง
แม้สายตาจะคอยชำเลืองมองแฝดที่ยืนจังก้าอยู่ด้านหน้าประตูรอให้พวกมันเข้ามา อเล็กซิสใช้เวลานี้เรียกข้อมูลขึ้นมาเรื่อย ๆ นอกจากจะเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของพวกเขาแล้ว พวกมันต้องการเซลล์ไข่ของเธอและสเปิร์มของแฝดเพื่อผสมเทียม สมมติฐานของคนพวกนี้นั่นคือ เธอและไมเคิลเป็นกลุ่มเสี่ยงคู่เดียวที่สามารถให้กำเนิดทายาทที่มีลักษณะพิเศษได้ เหมือนอย่างที่ลูก้าและเจมม่าเคยให้กำเนิดคนทั้งสอง เนื่องจากกลุ่มเสี่ยงคนอื่นล้วนมีภาวะมีบุตรยากหรืออาจจะถึงขนาดไร้ประสิทธิภาพที่จะมีทายาทเลยก็ว่าได้เพื่ออะไร ผลิต...ผลิตกองทัพผู้มีพลังพิเศษด้วยตัวเองหรือปัญหาคือ เธออยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง เอไลโตทั้งหมด หรือบางคน? ที่แน่ ๆ พวกมันใช้คาเรลที่สมควรถูกประหารชีวิตไปแล้วปลอมตัวเป็นไมเคิลมากหลอกเธอเสียงฝีเท้ามากมายมาเป็นโขยงโดยที่แฝดชายยืนรออยู่ อเล็กซิสถอยห่างจากโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน“อยู่เฉย ๆ” คนข้างนอกตะโกนเข้ามา “อย่าขยับไม่อย่างนั้นพวกเราจำเป็นต้องยิง!”ชายหนุ่มผมเงินหัวเราะดูแคลนคนข้างนอก พริบตาเดียวเปลวเพลิงลุกโถมเข้าใส่ประตูด้านหน้า ทีมรักษาความป
ความเงียบกลับมาปกคลุมอีกครั้งพร้อมกับสภาพเครื่องมือล้มระเนระนาด รวมทั้งจานที่บรรจุเซลล์ไข่แตกละเอียด เพียงเธอมอง ของเหลวในนั้นแห้งเหือดตรงมุมขวาของห้องมีกล้องวงจรปิดอยู่ อเล็กซิสยกมือขึ้นทำท่าบิด มันแตกแล้วตกลงมา เพียงเท่านั้นเธอรีบลุกออกจากเตียงเพื่อไปหาไมเคิล แต่เพียงขยับก็เจ็บหน่วงที่ท้อง สุดท้ายกลั้นใจหยิบผ้าคลุมมาพันตัวแล้วเดินไปหาน้องชาย มันไม่ได้เจ็บมากนัก แต่แปลบ ๆ หน่วง ๆ เหมือนเวลาที่เธอเคยมีประจำเดือน“ไมเคิล” เธอจับแก้มที่มีแผลไหม้แล้วสงสารจับใจ ใบหน้าของเขาคือของขวัญล้ำค่าที่ไม่ว่าใครก็อยากจะถนอมดูแล แล้วดูตอนนี้สิ อเล็กซิสดึงเครื่องรัดออกแล้วสวมกอดคนที่นอนอยู่แน่นเพื่อให้เขาฟื้นตัว “ไมเคิล ตื่นสิ ไมเคิล”ชายหนุ่มส่งเสียงครางอือ ๆ เบา ๆ เธอถอนตัวขึ้นมาเพื่อรอให้เขาฟื้น เขาเริ่มขยับริมฝีปาก “รอ...”“ไม่ต้องรอ” เธอบอกพลางกุมมือเขาแน่น น้ำตาเอ่อขึ้นมาเมื่อมองแฝดชายราวกับเห็นร่างของซีโน่ที่กำลังจะตาย “ตื่นขึ้นมา ฉันจะปกป้องนายเอง”เขากะพริบตาก่อนจะลืมตามอง ดวงตาสีฟ้าเข้มสบกับของเ
มีกี่เรื่องที่ทำให้คนเราฝันร้าย แต่เมื่อตื่นเหมือนกับโผล่ขึ้นผิวน้ำปีศาจในความทรงจำล้วนมีมากหน้าหลายตา และกลุ่มแรกมีชื่อว่าคาเมรอนกับบรูซ ยังดีที่โชคยังเข้าข้าง ต่างกับตอนนี้ที่ตกอยู่ในเงื้อมมือปีศาจใต้หน้ากาก หมดสิ้นอิสรภาพโดยสิ้นเชิงสติไปไหน เหตุใดจึงรู้สึกล่องลอย บางครั้งตื่นตัว บางครั้งไม่รู้สึกมันมากันเป็นกลุ่ม จับร่างของอเล็กซิสขึงเพื่อเอาบางสิ่งจากกาย หากขัดขืนดิ้นรนก็จะได้รับความเจ็บปวดสาหัสจนไม่อาจขยับได้ไปหลายนาที คงเป็นเพราะกายหยาบนี้ทนทานต่อยาสลบจึงตื่นเร็วเกินไป แต่ต่อให้ทนได้เพียงใดก็ไม่ได้แปลว่าไม่เจ็บปวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมรุกล้ำเข้ามาเสียงกรีดร้องอ้อนวอนขอให้พวกมันหยุดไม่เป็นผล แม้เมื่อมันได้สิ่งที่ต้องการก็ยังไม่ปล่อยอเล็กซิสกับไมเคิลไป พวกมันเอาขาหยั่งออกแล้วปล่อยให้ขาเธอนอนเหยียดยาวโดยมีเครื่องล็อกตรึงไว้ไม่ให้ขยับ“พวกแกต้องชดใช้” เสียงที่ตะโกนออกไปกลั่นออกมาจากความแค้นที่อยู่ลึกสุด แต่กลับฟังดูอ่อนแอเกินกว่าจะขู่ให้ผู้ใดกลัว ตรงกันข้ามกลับเรียกเสียงหัวเราะขำขันแทนเธอหันไปมอง







