ร่างชายหนุ่มสองคนปรากฏข้างตึกแถวในย่านหนึ่งของฟิวเจอร์ริสติก ชายคนหนึ่งรีบหันไปอาเจียนก่อนจะค่อย ๆ ยืดตัวเช็ดปาก แถวนี้ท้องถนนเต็มไปด้วยฝุ่น บางตึกเสียหายแต่ยังไม่ถึงกับพังทลาย และอีกหลายหลังยังอยู่ดี ทหารกระจายกำลังเดินกันขวักไขว่ พวกเขากำลังจับกลุ่มวัยรุ่นที่ออกมาทำลายรถที่จอดอยู่หน้าบ้านไปบางส่วน ทั้งยังไล่ต้อนกลุ่มแม่บ้านที่ดึงดันจะออกไปซื้อของกักตุน ทั้งสองมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เสื้อผ้าของพวกเขาต่างจากคนในนี้ มันเป็นสูทสีเทาคาดแถบสี ไม่มีใครสวมชุดทหารแบบไลบราเรีย ทหารในนี้ยังคงสวมชุดสีกากีคุมพลเรือนให้อยู่ในความสงบสุข ทั้งสองจึงตัดสินใจถอดชุดออก เหลือเพียงแผ่นเหล็กติดด้านหลังคอ
“โทษทีนะ ฉันไม่รู้จักบ้านนาย”
อเล็กซ์ยักไหล่ เขาขอแค่รถสักคันก็ขับไปได้ แต่... “เราต้องรู้ให้ได้ก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
เมื่อพวกเขาแน่ใจว่าอยู่ในเมืองฟิวเจอร์ริสติก เฟร็ดก็พาเขามาปรากฏในย่านนี้ ดังนั้นจึงไม่ต้องลงจอดและข้ามไปยังบ้านเกิดของเทสซ่าได้เลย
“แถวนี้บ้านนายเหรอ” เขาถาม แสงแดดทำให้เห็นสีสันของตึกแถวนี้พอสมควร
“ช่วยไม่ได้” อเล็กซ์ถอนหายใจ ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนเขาคงยื่นเงินให้คนพวกนี้แบบที่เบนเคยทำ แต่ในเวลานี้ สถานการณ์แบบนี้ และที่สำคัญ เขาไม่มีเงินหรือบัตรเครดิตติดตัวเหมือนเก่า ก็มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นเขาให้เฟร็ดพาเดินไปอีกเพื่อหากลุ่มตำรวจหรือทหารที่อยู่ห่างจากกลุ่ม ยิ่งไกลยิ่งดี เมื่อเจอเป้าหมายก็ใช้วิธีเรียกร้องความสนใจให้พวกนั้นเดินมาหา จากนั้นเขาใช้ไฟฟ้าช็อกเจ้าหน้าที่ทั้งสองให้สลบหลังจากสู้กับหุ่นยนต์ สัตว์ประหลาด และทหารของไลบราเรีย อเล็กซ์ยอมรับว่าการก่ออาชญากรรมเล็ก ๆ นี้ช่างง่ายดายเหลือเกิน“ขอโทษน้า” เฟร็ดพูดกับตำรวจที่สลบไปก่อนจะช่วยลากร่างคนทั้งสองเข้าไปในซอกซอย จากนั้นพวกเขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าอีกที อเล็กซ์ร้อนขึ้นมาทันทีเพราะชุดตำรวจหนาไม่เหมือนกับสูทที่ปรับพอดี ทั้งหมดขโมยบัตรประจำตัวและปืนไปด้วย แม้ใบหน้าไม่สัมพันธ์กันเลยเพราะมันเป็นบัตรแข็ง ๆ แบบเก่า ไม่ใช่บัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่มีชิปข้อมูลฝังแบบพวกไลบราเรีย เมื่อได้กุญแจ อเล็กซ์เป็นคนขับรถ“ห่างจากที่นี่ไหม” เฟร็ดถาม“ประมาณหนึ่ง บ้านฉันอยู่ชานเมือง แต่ไม่ไกลมาก”มันเป็นความรู้สึ
ร่างชายหนุ่มสองคนปรากฏข้างตึกแถวในย่านหนึ่งของฟิวเจอร์ริสติก ชายคนหนึ่งรีบหันไปอาเจียนก่อนจะค่อย ๆ ยืดตัวเช็ดปาก แถวนี้ท้องถนนเต็มไปด้วยฝุ่น บางตึกเสียหายแต่ยังไม่ถึงกับพังทลาย และอีกหลายหลังยังอยู่ดี ทหารกระจายกำลังเดินกันขวักไขว่ พวกเขากำลังจับกลุ่มวัยรุ่นที่ออกมาทำลายรถที่จอดอยู่หน้าบ้านไปบางส่วน ทั้งยังไล่ต้อนกลุ่มแม่บ้านที่ดึงดันจะออกไปซื้อของกักตุน ทั้งสองมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเสื้อผ้าของพวกเขาต่างจากคนในนี้ มันเป็นสูทสีเทาคาดแถบสี ไม่มีใครสวมชุดทหารแบบไลบราเรีย ทหารในนี้ยังคงสวมชุดสีกากีคุมพลเรือนให้อยู่ในความสงบสุข ทั้งสองจึงตัดสินใจถอดชุดออก เหลือเพียงแผ่นเหล็กติดด้านหลังคอ“โทษทีนะ ฉันไม่รู้จักบ้านนาย”อเล็กซ์ยักไหล่ เขาขอแค่รถสักคันก็ขับไปได้ แต่... “เราต้องรู้ให้ได้ก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น”เมื่อพวกเขาแน่ใจว่าอยู่ในเมืองฟิวเจอร์ริสติก เฟร็ดก็พาเขามาปรากฏในย่านนี้ ดังนั้นจึงไม่ต้องลงจอดและข้ามไปยังบ้านเกิดของเทสซ่าได้เลย“แถวนี้บ้านนายเหรอ” เขาถาม แสงแดดทำให้เห็นสีสันของตึกแถวนี้พอสมควร
สิบเอ็ดโมงในฟิวเตอร์ริสติก เหตุการณ์เหมือนโลกถล่มผ่านไปรวดเร็ว แต่จูนไม่ได้รู้สึกว่าเวลาเดินไวเลย เธอ พร้อมทั้งคาเลบและเอโลดี้กลับเข้าไปในอพาร์ตเม้นต์ของเจสซี่ คาเลบทำแผลให้หญิงสาวทั้งสอง ระหว่างนั้นเอโลดี้พยายามโทรหาครอบครัวตลอดแต่โทรไม่ติด จูนพยายามโทรหาแม่ก็พบว่าไม่รับสาย เมื่อโทรเข้าบ้านก็พบว่าคนใช้รับ ไทโรนกับแจนยัวรี่ออกไปจากคฤหาสน์แล้วโดยไม่มีเธอจูนหัวเราะในลำคอหลังวางสาย ความรักของแม่ที่มีต่อลูกช่างน่าซาบซึ้ง แจนยัวรี่ จอยซ์เป็นผู้หญิงจำพวกเอาตัวเองก่อนอยู่แล้ว ลูกอย่างเธอไม่ได้แปลกใจมากนัก“บางทีสายโทรศัพท์อาจจะล่ม เมืองโดนโจมตีหนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่รอด” เอโลดี้พูดพลางเดินไปเดินมา ส่วนคาเลบนั้นนั่งมองโทรทัศน์นิ่งไม่นาน รายงานข่าวสภาพเมืองฟิวเจอร์ริสติกตัดไปเป็นหน้าผู้ประกาศข่าว“เอโลดี้ ข่าวมาแล้ว” เธอเรียกผู้หญิงอีกคนที่ไม่สามารถอยู่นิ่งได้ คาเลบค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แววตาดูมีความหวังว่ามันจะเป็นข่าวดีบ้าง“ทางการยืนยันแล้วว่ารัฐที่ได้รับความเสียหายมากคือ อิดริน่าและอีสต์แลนด์ รวมทั้งชายแดนน
ยานทรงสี่เหลี่ยมคางหมูขนาดกะทัดรัดจอดอยู่ด้านหน้าตึกของกลี อเล็กซิสรู้สึกใจหาย การเดินทางครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้าย เธออาจจะได้กลับบ้านหรือได้ไปเจอพวกโนเอลก็ไม่แน่ ทั้งหมดตัดสินใจไม่บอกลาเพื่อน ๆ เพียงแค่ทักทายแล้วบอกว่าจะกลับมารับเท่านั้น มันเป็นทริคของเทสซ่าตามความเชื่อของเธอ เทสซ่าบอกเสมอว่าไม่เคยเชื่อในพระเจ้า แต่ยอมรับว่าเชื่อในโชคลางอยู่บ้าง แม้เป็นทริคส่วนตัว แต่ไม่ได้ห้ามผู้ใดลอกเลียนแบบแต่สุดท้ายหลายคนก็มาอวยพรให้ทั้งหมดเดินทางปลอดภัยและกลับมาพาพวกเขากลับไปด้วย บลูถึงขนาดลุกออกจากเตียงคนป่วยทั้งที่ยังไม่หายดี ทั้งกลุ่มลูและจอห์นก็มา เธอรู้สึกอบอุ่นแม้กระทั่งกับเพื่อนที่พูดกันไม่กี่ครั้งยังอวยพรให้โชคดี พวกเขาคือครอบครัว เป็นครอบครัวใหญ่ที่เธอไม่ต้องการจะเสียไปทหารของไลบราเรียที่เหลือเพียงคนเดียวถูกจับสวมเพียงเสื้อยืดและกางเกงกับรองเท้าให้กลมกลืน เขายังคงถูกมัดมือไว้ ส่วนคนที่เหลือที่ถูกปล่อยไปแล้วนั้นเป็นอย่างไร ไม่มีใครรู้ชะตากรรมการเดินทางด้วยเทคโนโลยีของไลบราเรียนั้นรวดเร็ว เมื่อยานลอยออกจากเกาะ เธอได้เห็นทิวทัศน์เต็มตาอีกครั้ง และครั้งนี้ไม่มีกอ
เจสซี่หัวเราะ ใคร ๆ ก็ชอบทั้งนั้น... สีหน้าของคนตรงหน้านั้นทั้งสับสนและเศร้า ผู้ชายคนนี้ผ่านอะไรมา แล้วน้องสาวของเขาต้องเจอกับอะไรจริงสิ“อเล็กซิสชอบ อเล็กซิส เดวิส”ทั้งสองวิ่งขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือ คลาวิคูล่าออกจากท่าประมาณหนึ่ง และเพราะพวกเขาทำลายทุกอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เรือลำนี้จึงแล่นเอื่อย ๆ ออกมาอย่างไรจุดหมาย เจ้าหน้าที่เหลือปลดเรือชูชีพเพื่อให้ทุกคนกลับขึ้นฝั่ง ไม่มีใครสนใจจะนำศพคนกลุ่มนี้กลับไปในตอนนี้ เจสซี่ยืนมองสภาพเมืองฟิวเจอร์ริสติกอย่างอ่อนแรง ควันไฟมากมายลอยคละคลุ้งสลับกับเปลวเพลิง ดวงตาชายหนุ่มเคล้าไปด้วยหยาดน้ำตา หากแคดมันจับกุมเขาในฐานะผู้ก่อการร้ายต่อสหพันธ์ เจสซี่แน่ใจว่าเขายินดี สี่สิบสามเปอร์เซ็นต์นั้นรวมถึงเมืองไหนบ้างในนิวโฮปยังคงเป็นปริศนา แต่ที่แน่ ๆ มันไม่ได้ทำให้ความรู้สึกผิดในใจน้อยลง ได้แต่ภาวนาขอให้ซานโบซ่าอยู่ในสัดส่วนห้าสิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์ยานบินทรงประหลาดลำหนึ่งถูกยานอีกลำบินขับไล่ ไม่นานก็ถูกสอยร่วงตกทะเลห่างออกไป มันคงเป็นค่ำคืนอันน่ากลัวที่สุดของชาวนิวโฮปผู้ซึ่งต้องเจอกับล
ชายหนุ่มเหวี่ยงปืนทิ้งเมื่อกระสุนหมด แทบจะฆ่าอีกฝ่ายไม่ได้ แต่เจสซี่เพิ่งตระหนักได้ถึงบางสิ่ง ทำไมเขาโง่แบบนี้นะ เพราะไม่เคยใช้จึงเก็บมันไว้ เจสซี่หยิบปืนจากด้านหลังแล้วทำตามที่ไอ้สารเลวนั่นเคยสอน ปลดล็อกปืนแล้วไล่ยิง มันวิ่งพล่านหนีไปทั่ว เพราะปิดประตูเหล็กไปครึ่งห้องจึงแคบลง แต่อย่างไรมันก็มีวิชา มันกระโดดไปบนแผงควบคุมแล้วเข้าถึงตัวเจสซี่ ที่แท้ปืนของมันหล่นช่วงที่เขายิงรัวใส่ แต่คราวนี้หมัดของมันกระแทกเข้าหน้า มึนไปครู่หนึ่ง“ขอบคุณสำหรับกุญแจ”หมัดอีกชุดโถมเข้าคาง จนเมื่ออีกชุดจะมา เขายกมือรับพร้อมทั้งปืน มือคนทั้งสองปัดป่าย เจสซี่รวบรวมกำลังกระตุกร่างขึ้น ทว่าเขามีแต่กำลัง แต่มันมีทั้งกำลังและฝีมือสุดท้ายก็ถูกจับกดโธ่เว้ย!เขาสู้มันไม่ได้เลย ปืนที่บราวน์ให้ตกลง มันแย่งไปแล้วหยิบจ่อหัว เขาดันออก ความร้อนของกระสุนนั้นวูบผ่านศีรษะจนแสบเบา ๆ ใครอ่อนแรงกว่าก็จบ มือของเขาดันไม่ให้ปลายกระบอกจ่อตัวเอง“แม่งเอ๊ย”มือซ้ายของเขาบีบแก้มมันแน่น มือขวาของมันก็พยายามจะกดมือขวาของเขา ส่วนมือซ้ายพยายามจะกดตัวเข