เทสซ่าชะโงกหน้ามาแล้วพูดบางสิ่ง“อะไรนะ” เขาตะโกน ลมแรงและเครื่องยนต์ของยานที่อยู่บนหัวเสียงดังมาก“พวกเขารู้” เธอเพิ่มเสียงไมเคิลตะโกนอีกครั้ง “เรื่องอะไร”“ที่หลายกลุ่มนัดประชุมกัน”ป้องกันจลาจลแบบในราซาหรือส่วนใหญ่หัวเสีย เพราะการประลองเป็นกิจกรรมเดียวที่ทำให้อะดรีนาลีนวิ่งพล่านโดยไม่ต้องเสียแรงเสี่ยงตายเหมือนเล่นเควส และที่สำคัญ ถ้าหากชนะพนันยังได้ชิปจำนวนมาก มันเป็นประเพณีของที่นี่ไปแล้ว หากยกเลิกก็เหมือนกันสูบวิญญาณของคนในนี้ไปด้วย แม้เขาไม่ได้หลงใหลหรือติดพนันที่นี่ แต่อย่างน้อยมันทำให้รู้สึกว่าหากเบื่อหน่ายก็ยังมีสถานที่ให้ปลดปล่อย“ไม่ได้ พวกเราไม่ยอม”หลายคนแสดงอาการปีกกล้าขาแข็งได้ไม่นานก็ต้องอ่อนลงเมื่อยานลดระดับลงจนแทบยืนไม่อยู่ พวกไมเคิลเดินออกห่างจากลานให้เร็วที่สุด ไม่มีใครอยากต่อสู้หรือโดนจับไปเหมือนอีกสามคนที่ยังถูกขังอยู่ท่ามกลางแสงไฟที่พุ่มไม้บดบัง ทั้งหมดเดินไปตามท้องถนนเขตนอร์ธ พวกเทสซ่าขอตัวกลับเครสเตอร์พร้อมอเล็กซ์
บรรยากาศไม่เหมาะนั่งกินดื่ม ทั้งหมดจึงข้ามเขตไปยังนอร์ธเพื่อดูการประลอง เทสซ่าปิดปากเงียบ ไม่ชวนคุยเหมือนทุกที คงเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นผู้คนมากมายเดินเบียดเสียดจอแจ ผู้ไม่ชอบเข้าใกล้คนนอกอย่างไมเคิลเดินห่อตัวลีบแม้ขนาบด้วยสองอเล็กซ์ ยังไม่มีใครเข้าใกล้ลานเพราะต้องผ่านขั้นตอนลงทะเบียนแต้มพนันเสียก่อน เขาเพิ่งรู้ว่ากรรมการจะคอยสอบถามคนที่หาคนเสนอตัวลงเวทีก่อนเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าวันนั้นจะมีผู้กล้าลงแข่ง เพราะพวกเขาชวนไมเคิลกับอเล็กซ์ให้ลองสู้ดู แต่อเล็กซ์ปฏิเสธเพราะรู้กฎว่ากลุ่มเสี่ยงห้ามใช้พลัง ดังนั้นถ้าเทียบกับกลุ่มต้องสงสัยบางคนแล้ว เมื่อปราศจากพลัง พวกเขาไม่ได้มีฝีมือเท่าไร ทว่าไมเคิลลังเลเพราะอยากลองสู้ และเขาคิดว่าจะชนะไม่ยากอย่างไรก็ตาม เขาโดนทักเรื่องกำลังที่มากกว่ามนุษย์ปกติรวมทั้งความเร็ว ในเมื่อโตมาพร้อมกับความพิเศษ เขาไม่รู้ว่าจะลดมันลงได้อย่างไร ในเมื่อทุกหมัดออกมาตามธรรมชาติ ผู้ดูแลลานประลองจดรายละเอียดแล้วส่ายหน้า “ถ้ามีกลุ่มเสี่ยงเป็นคู่แข่ง ฉันจะเสนออีกที ยกเว้นแต่พวกนายอยากลองสู้กันเอง” อเล็กซ์ส่ายหน้าปฏิเสธอีกครั้ง ชายคนดังกล่าวจึ
“สองหนุ่มคุยอะไรกัน”ไมเคิลกับอเล็กซ์สบตากันเมื่อเทสซ่าถาม ผู้หญิงชอบรู้เรื่องคนอื่น แต่ไม่ชอบให้คนอื่นเซ้าซี้ตัวเอง พักนี้เทสซ่าดูมีเรื่องในใจ นิสัยจู้จี้จึงเบาลง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่สนใจ เพียงแต่เขาไม่ใช่คนประเภทช่างซักด้วยสิ“เราจะกินอะไรดี หรือซื้อของมาทำกินกัน”“เนื้อ สูตรที่อเล็กซิสทำให้ครั้งก่อน” ไมเคิลรีบเสนอ“นายกินแต่เนื้อ ไม่กินผักเลยเหรอ”“ฉันกินได้ทุกอย่างถ้าทำออกมาอร่อย”ทั้งหมดหยุดคุยเมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา ผมสีดำยาวประบ่าพักไปตามลม รูปร่างค่อนข้างแข็งแรงดูได้จากกล้ามเนื้อบนแขน ขนาดตัวไม่สูงมากนักและหน้าตาไม่ค่อยคุ้นเท่าไร เธอเดินตรงมายังกลุ่มพวกเขา และเมื่อนั้นเทสซ่าตัวเกร็งขึ้นมา“เทสซ่า?”เพื่อนของเขาพยักหน้า เพียงพริบตาเดียวฝ่ามือหญิงสาวตบแก้มเทสซ่าอย่างแรง “เฮ้ย” อเล็กซ์จับข้อมือสาวคนนั้นไว้แล้วลากออกมา “สารเลว!” เธอตะโกน แต่ผู้หญิงสู้คนอย่างเทสซ่ากลับยืนนิ่ง มือกุมแก้มมองสาวคนนั้นราวกับตัวเองทำค
พวกเขามองอเล็กซิสไกวชิงช้าให้มินนี่ พักนี้สองสาวเข้ากันได้ดีอย่างน่าประหลาด ถึงแม้ท่าทางของเธอจะแปลกไปและเบลินดาใช้คำว่า เพี้ยนขึ้น แต่เพราะมินนี่ทำให้เธอหัวเราะได้ ไมเคิลจึงปล่อยให้พวกเขาอยู่ด้วยกัน เขาอยากให้เธอยิ้ม หัวเราะ มีความสุขให้มากที่สุดก่อนจะพ่ายแพ้ให้กับศัตรูในสมองอีกหลายศึกนักเมื่อโคดี้ อาคุสะ และเรมีถูกจับขังเป็นเวลาสามวันด้วยข้อหาลักลอบขโมยอุปกรณ์อันไม่สมควรครอบครอง ทั้งสามยังมีแก่ใจช่วยให้ไมเคิลรอดด้วยเหตุผลที่ว่าเขาไม่อยู่ห้องตัวเองแต่สิงอยู่ในห้องอเล็กซิส “เขาหารห้องกับผมก็จริง แต่เขานอนห้องอื่น ถามเจ้าของตึกนั้นก็ได้ เขานอนที่นั่น ไม่รู้เรื่องนี้หรอก” ส่วนฟีบี้ที่ได้ข่าวว่ามีแฟนก็หายหน้าไปเลย บรรยากาศจึงเหงาพิกลท้องฟ้าวันนี้ไม่ค่อยปลอดโปร่งนัก แม้ไม่มีเมฆฝนแต่ไม่มีแดด อากาศจึงค่อนข้างหนาวกว่าวันอื่น ยิ่งเข้าช่วงเย็น ลมหายใจถึงกับกลายเป็นไอ สองหนุ่มยืนพิงกำแพงมองสองสาว ในขณะที่เทสซ่าและเบลินดาก็นั่งอีกมุมหนึ่งปรึกษาปัญหาอะไรบางอย่างที่ไม่ยอมบอก ทั้งหมดปักหลักอยู่หลังตึกห้องเช่าของเทสซ่า มันมีชิงช้าที่คนแถวนั้นสร้างขึ้น
“เบียนน่าจัดกระเช้าให้ใช่ไหม” คนผมสีน้ำตาลแดงกระเซ้าเพื่อน ไมเคิลเว้นระยะห่างประมาณหนึ่งแต่ยังได้ยินพวกเธอพูดคุยกัน “มีทั้งผลไม้ เครื่องดื่มบำรุง แถมติดโบน่ารักอีก” มือขวากระตุกโบสีเหลืองบนกระเช้าที่เพื่อนถืออยู่สาวผมสีน้ำตาลอ่อนหัวเราะ “เปล่า ฉันซื้อมาเอง ยังไม่ได้บอกที่บ้านเลย แต่ไม่รู้มีใครบอกพ่อแล้วยัง เธอเอาอะไรมาให้คุณลุงคนนั้นล่ะ”“การ์ดกับผลไม้อบแห้ง ฉันไม่ได้ซื้อด้วย เห็นอยู่ในบ้าน ก็คิดไม่ออกนี่นา อย่างนี้ต้องโดนเปรียบเทียบแน่” ทั้งสองน่าจะอายุประมาณเขา สิบห้าปี รูปร่างบอกบางด้วยกันทั้งคู่ แต่สาวผมสีน้ำตาลตัวสูงกว่า“ไม่หรอก กระเช้านี้ก็ของเธอเหมือนกัน ทั้งหมดนี้ของพวกเรา เอาแบบนี้ละกัน”“โอ๊ะ ถึงแล้ว”สายตาเด็กหนุ่มจดจ่ออยู่กับกระเป๋าสะพายสีดำของคนผมน้ำตาล เจ้าของกระเป๋าเล่นติดเข็มกลัดเต็มไปหมด มีเข็มกลัดอันหนึ่งเป็นรูปอมยิ้มอันเดียวโดดออกมา เพราะอันอื่นเป็นรูปคน ตรงซิปมีกีตาร์สีเงินหุ้มเพชรห้อยอยู่ ไม่ใช่เพชรจริงสักหน่อย อย่าตาวาวไป เขาพิจารณามันอยู่นานจนประตูลิฟต์เปิดออกถึงรู้ตัวว่าอยู่ในโรงพยาบาลแล้ว พวกเธอเดินเข้าไปในลิฟต์แล้วหันมาเผชิญหน้ากับเขา ดวงตาสีเขียวและน้ำเงิน
เธองง แต่เมื่อเห็นว่าอเล็กซ์ก้มหน้ามองอะไรบางอย่าง เธอจึงเห็นแมวสีขาวลักษณะเหมือนประกอบจากควันและแสงสีขาววิ่งขึ้นมาบนโต๊ะ มันสลายเป็นคำว่า อย่าห่วง แล้วหายไป อเล็กซิสทึ่ง “อาคุสะ?” เธอไม่เคยเห็นพลังของเขาเป็นรูปแบบชัดเจนขนาดนี้“อื้อ เธอรู้จักกับกลุ่มบลูใช่ไหม”เธอเลิกคิ้วแปลกใจ จึงมองตามสายตาอเล็กซ์ที่มองเลยไป กลุ่มบลูนั่งอยู่มุมในสุด เธอสบตากับเดสซิเรและเอมอนจึงโบกมือทัก หญิงสาวจึงลุกเดินมาในขณะที่อเล็กซ์ถอนหายใจยาว เด็กสาวลืมไปว่าเขาไม่ค่อยชอบคนเยอะ ส่วนบลูเพียงแค่เหล่มองเธอ ยักคิ้วแล้วหันกลับไปฟังเพียซ “พวกเขาเป็นเจ้าของตึกแล้วก็ช่วยฉันเรื่องอะวีซี โดยเฉพาะเดส”เขามองสาวผมบลอนด์เมื่อเดสซิเรมาถึงก็นั่งลงกอดคอเธอ “เฮ้ ฟื้นตัวเร็วนะ ครั้งหน้าเรามาลองกันใหม่ เชื่อสิ เราต้องเอาชนะไอ้ที่อยู่ในตัวเธอได้แน่”อเล็กซิสยิ้ม เดสซิเรเป็นคนน่ารักทั้งนิสัยและหน้าตา ส่วนอเล็กซ์นั่งฟังนิ่ง ดูท่าไม่ค่อยเข้าใจว่าสองสาวคุยอะไรกัน “แล้วนาย...” เดสซิเรเอียงคอมอง “หน้าคุ้น ๆ นะ ใช่หนุ่มมาดเซอ