เสียงผู้คนมากมายดังอื้ออึงอยู่รอบตัว แต่หนังตาหนักเกินกว่าจะลืมขึ้นได้ เสียงของใคร เสียงคนพวกไหน ถึงเวลาไปทำงานแล้วหรือยัง นาฬิกาไม่ปลุกสักที วันนี้เขาต้องทำอะไรนะ หรือว่าตอนนี้นอนอยู่ในบ้านหลังเก่า เมืองบลูเบลล์อันแสนสงบสุข เขานึก แต่ดูเหมือนสมองทำงานเชื่องช้าไม่ทันใจ หรือว่าวันนี้มีถ่ายแบบ หรือว่าเข้าฉาก ทำไมคนเยอะขนาดนี้ ใครเข้ามาในรถเทรลเลอร์ หรือว่าเขาแอบงีบหลับ ตื่นสิ ตื่นสักที
ตื่น!
แสงไฟสีขาวสลัวไม่ได้ทำให้แสบตาเท่าไรนัก แต่สติของเขานี่สิยังหน่วงแปลก ๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกแน่นหน้าอกจนไอออกมารัว ๆ มือทั้งสองข้างยื่นออกไปแต่...ติดกระจก อะไรกัน เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ตัวเขานอนเหยียดยาวอยู่ในโลงแก้วนี่นา คิดแล้วก็มองไปรอบ ๆ
เขานอนอยู่ในโลงแก้วจริง! แต่จะว่าอย่างไรดี มันไม่ได้อับจนหายใจไม่ออก กลับโล่งจมูกดีด้วยซ้ำ กระจกโค้งมนพอให้คนข้างในพลิกตัวนอนได้ แต่ใช่เวลาพลิกตัวแล้วหลับต่อหรือเปล่า...แน่นอนว่าไม่ใช่ เขาหันไปทางซ้ายจึงเห็นร่างหญิงสาวผมสีทองนอนหลับสนิทราวกับเจ้าหญิงนิทรา เธอสวมชุดสีแขนยางกางเกงขายาวสีขาวสะอาดเหมือนกับเขาเลย หันไปทางขวาก็เจอผู้ชายนอนอยู่
“สำหรับคำถามสุดท้ายขอติดไว้ก่อน เรื่องมันยาว” เธอตอบแล้วหันกลับไปเช็กจอมอนิเตอร์อีกครั้ง สักพักมีสัญญาณกะพริบขึ้นมา เธอรีบกดปุ่มหนึ่งบนแผงวงจรแล้วกระชากไมโครโฟนมาจ่อปาก “ฮัลโหล”พวกเขาได้ยินเสียงซ่าอยู่ราว ๆ สามสิบวินาที ต่อจากนั้นเป็นคำด่าหยาบคายล้วน ๆ หญิงสาวผมดำสั่นหัวเล็กน้อยแล้วหันมามองเขา ก่อนจะยื่นไมโครโฟนให้ “บอกชื่อตัวเอง พูดกับพวกเขาที” มันไม่ใช่คำขอร้อง เพราะไมโครโฟนถูกยัดใส่มือจอห์นแล้ว“ฮัลโหล” เขาพูดใส่ไมค์มีเสียงด่ากลับมาอีกรอบ ประมาณว่า ไปตายซะ สารเลว นีโอนาซี และอีกมากมายที่ออกมาราวกับฟังเพลงแร็ป“เอิ่ม” เขากระแอม “ผมชื่อ จอห์น ลีลอยด์ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณ และ...กับผม...”เสียงในสายหยุด เขาได้ยินเสียงผู้หญิงแทรกขึ้นมาว่า “พูดดี ๆ สิ เรมี!”“คุณคือจอห์น ลีลอยด์?” ผู้ถือสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนลงในพริบตา“ใช่” จอห์นตอบ“ใครวะ” เขาได้ยินเสียงแทรก ผู้หญิงคนเดิมด่าคนที่แทรกขึ้น
เขาส่ายหน้าอีกครั้ง จนปัญญาจะตอบ โรซ่ามองหาวัตถุแข็ง ๆ มาทุบกระจก แต่ก็ไม่มีแถวนั้น จอห์นจึงต้องลองใช้ความสามารถดังกล่าวอีกครั้ง กว่าจะปลุกทุกคนจนครบก็แทบหอบ แถมโรซ่ายังซักถามไม่หยุดว่าเขากลายเป็นกลุ่มเสี่ยงตั้งแต่เมื่อไร แถมยังตะบึงตะบอนงอนที่เขาไม่ยอมบอกอยู่ราวสิบนาทีพวกเขามีกันทั้งหมดยี่สิบเอ็ดคน จอห์นเดินนำทุกคนออกไปจากห้อง ทั้งหมดทำท่าเหมือนเด็กน้อยเล่นซ่อนแอบ ต่างระมัดระวังสุดฤทธิ์ แต่เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ ก็พบว่ามันเป็นตึกที่ถูกทิ้ง ยังไม่ถึงกับร้างเพราะระบบไฟฟ้าทำงานปกติ ห้องหับส่วนใหญ่นั้นปิดเงียบ ไม่มีใครอยู่เลย สถานที่ที่พวกเขาถูกจับมานอนนั้นมีลักษณะเหมือนตึกทดลอง มีส่วนสำนักงานที่ประกอบไปด้วยโต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์จอบางเฉียบ ห้องประชุม ห้องทดลองที่ปราศจากสิ่งของทดลองใด ๆ ทั้งหมดจึงพยายามหาทางออก แต่เพราะไม่รู้เส้นทางก็กลายเป็นเดินสำรวจมากกว่าไม่มีใครรู้ว่าวันนี้วันที่เท่าไร เวลาอะไร ผ่านไปร่วมสามชั่วโมง แต่ละคนเริ่มหมดแรง จนกระทั่งโรซ่าเจอบันไดขึ้นไปอีกชั้น ที่นั่นเอง พวกเขาเห็นว่ามีห้องหนึ่งมีแสงสว่างมันคล้ายกับห้องควบคุมในยานอวกาศ แบบที่เขาเคยแสดงเป
เสียงผู้คนมากมายดังอื้ออึงอยู่รอบตัว แต่หนังตาหนักเกินกว่าจะลืมขึ้นได้ เสียงของใคร เสียงคนพวกไหน ถึงเวลาไปทำงานแล้วหรือยัง นาฬิกาไม่ปลุกสักที วันนี้เขาต้องทำอะไรนะ หรือว่าตอนนี้นอนอยู่ในบ้านหลังเก่า เมืองบลูเบลล์อันแสนสงบสุข เขานึก แต่ดูเหมือนสมองทำงานเชื่องช้าไม่ทันใจ หรือว่าวันนี้มีถ่ายแบบ หรือว่าเข้าฉาก ทำไมคนเยอะขนาดนี้ ใครเข้ามาในรถเทรลเลอร์ หรือว่าเขาแอบงีบหลับ ตื่นสิ ตื่นสักทีตื่น!แสงไฟสีขาวสลัวไม่ได้ทำให้แสบตาเท่าไรนัก แต่สติของเขานี่สิยังหน่วงแปลก ๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกแน่นหน้าอกจนไอออกมารัว ๆ มือทั้งสองข้างยื่นออกไปแต่...ติดกระจก อะไรกัน เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ตัวเขานอนเหยียดยาวอยู่ในโลงแก้วนี่นา คิดแล้วก็มองไปรอบ ๆเขานอนอยู่ในโลงแก้วจริง! แต่จะว่าอย่างไรดี มันไม่ได้อับจนหายใจไม่ออก กลับโล่งจมูกดีด้วยซ้ำ กระจกโค้งมนพอให้คนข้างในพลิกตัวนอนได้ แต่ใช่เวลาพลิกตัวแล้วหลับต่อหรือเปล่า...แน่นอนว่าไม่ใช่ เขาหันไปทางซ้ายจึงเห็นร่างหญิงสาวผมสีทองนอนหลับสนิทราวกับเจ้าหญิงนิทรา เธอสวมชุดสีแขนยางกางเกงขายาวสีขาวสะอาดเหมือนกับเขาเลย หันไปทางขวาก็เจอผู้ชายนอนอยู่
น้ำตาไหลออกมาทั้งสองข้าง แววตาพร่าเลือนไปหมด อเล็กซิสกลั้นใจค่อย ๆ ลุกขึ้นมาแต่ก็ทำได้แต่คลานไปเรื่อย ๆ “ช่วยด้วย” แต่เสียงที่ออกมาแผ่วเบาเหลือกัน เธอคลานต่อไป อย่างน้อยก็ต้องออกจากห้องนี้ แต่แล้วก็ล้มฟุบลง เธอรู้สึกอ่อนแรงเหลือเกิน “อะ...เล็กซ์”“โอ้ ไม่” เสียงคุ้นหูดังขึ้น เธอมองเห็นเพียงรองเท้า เขาย่อตัวลง แต่เธอก็ยังเห็นแค่เข่าอยู่ดี “อเล็กซิส” คราวนี้เธอได้ยินเสียงของเขาชัดเจน น้ำเสียงอ่อนโยนแต่บ่งบอกว่าอ่อนแรงด้วยเช่นกัน เขาช้อนตัวเธอขึ้น “ทำใจดี ๆ ไว้”เธอจำเสียงเขาได้ “โคดี้?”“อย่าหลับนะ ฉันจะพาเธอไป...มันจบแล้ว เราจะขึ้นไป...” เขาเงียบ เหมือนร่างกายของเขาชะงักค้างอยู่ “เบล?” อเล็กซิสหันหน้าเข้าหาตัวเพื่อน เขาคงเห็นศพของเบลินดา “เบล!” จากนั้นเขาวางตัวเธอลงช้า ๆ อเล็กซิสได้ยินเสียงฝีเท้าห่างออกไป โคดี้ตะโกนเรียกเบลินดาอยู่หลายครั้ง “เบล! ตื่นสิ...เบล” เสียงของเขาเหมือนจะร้องไห้“ฉันฆ่าเธอเอง” อเล็กซิสพึมพำออกมา แต่ดูเ
อเล็กซิสรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการจริง ๆ เด็กสาวคนนี้ทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง ทีแรกเธอยังนึกชื่นชมที่กลับมา แต่สุดท้ายเมื่อถึงคราวคับขัน เบลินดาไม่ใช่แค่หนี แต่เธอยังกล้าใช้คนอื่นบังตัวเอง แถมคำพูดเมื่อครู่...อีกฝ่ายเชื่อคำของแสตนเนอร์และจะขายเธอ อเล็กซิสไม่คิดเลย เธอพลาดไปถนัด พลาดตั้งแต่ตามมาช่วยเมื่อเห็นว่าอเล็กซ์กับโคดี้ไม่ได้บาดเจ็บสาหัส กลัวว่าเบลินดาจะถูกมันฆ่าตาย...ราวกับว่ามีเสียงหัวเราะเยาะเย้ยของเบนอยู่ใกล้ ๆ“ฉันแค่...กลัว”ความกลัวของเธอคนนี้อันตรายเหลือเกิน ออสโล่ตกลงไปท่ามกลางฝูงซอมบี้ถูกฉีกทั้งเป็น เวดเสียขาไม่พอยังถูกทางการเอาตัวไปทำอะไรก็ไม่รู้ และในตอนนี้เธอก็กลัวว่าเขาอาจจะยังไม่ตายแต่แย่กว่านั้น อาจจะมีสภาพเหมือนเจ้าตัวที่เสียบดาบเข้าท้องเธอที่ผ่านมา เบลินดามักจะเชิดหน้าลอยหน้าตาเหมือนกับว่าเธอไม่เคยใส่ร้ายคนอื่น ไม่เคยทำให้ชีวิตใครพัง อเล็กซิสหวนนึกถึงคุณนายคาร์เตอร์ เสียงตะโกนทะเลาะกับคุณมิลเลอร์และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังดังลั่นอยู่ในโสตประสาท พวกเขาเหมือนกัน ไม่เคยมองความผิดของตัวเอง“ธะ...เธอทำอะไร
ไซบอร์กจู่โจมเข้ามาไม่นานหลังจากพวกไมเคิลขึ้นไปชั้นสิบหก เธอได้ยินอาคุสะตะโกนบอกให้ทุกคนรีบกำจัดพวกมันแล้วไปช่วยคนข้างบน แต่ไม่มีใครสามารถปลีกตัวไปได้ พวกมันมากันเยอะมาก เธอ อเล็กซ์ แล้วก็โคดี้ล้มไปได้ตัวหนึ่งก็เจอกับอีกตัว ไซบอร์กตายไปครึ่ง และพวกเขาก็เหลืออีกครึ่ง จนกระทั่งเบลินดากลับมาช่วยยิงดึงความสนใจจากมันไปได้ชั่วขณะหนึ่ง เธอจึงมีเวลาเช็กว่าอเล็กซ์กับโคดี้เป็นอย่างไร เมื่อเห็นว่าพวกเขาเพียงแค่จุกจนลุกไม่ขึ้น พอเหลือบตาเห็นมันวิ่งตามเบลินดาก็ตัดสินใจตามไปซึ่งผิดมหันต์อเล็กซิสไอออกมาเล็กน้อย ลำคอของเธอตีบตัน แต่มือยังจับข้อเท้าของเบลินดาไว้แน่น ในเวลานี้เหมือนร่างกายค่อย ๆ หยุดทำงานทีละส่วน แต่อย่าเป็นห่วงไปเลย เธอเคยเจ็บมามากกว่านี้อีก เวลาลดลงทุกวินาทีแต่สำหรับอเล็กซิสมันจบลงแล้ว เธอไม่คิดว่าขาของอีกฝ่ายใหญ่ขนาดนี้ หรือเป็นเพราะรองเท้าบูตส์หนังกับถุงเท้าและกางเกงขายาวที่สวมทับไว้กันแน่ อเล็กซิสกลืนน้ำลาย น้ำตาเอ่อออกมา ไม่ใช่เพราะเธอร้องไห้หรือเสียใจ แต่เป็นเพราะบาดแผลกระตุ้นให้น้ำตาไหลออกมาตามกลไกการทำงานของร่างกาย เมื่อเจ็บ สมองก็สั่งว่าเจ็บ ร้องไห้ก็เป็นการ