“ไทรอน กลุ่มเอ ประตูหลายแห่งถูกปิด หุ่นยนต์ออกมาเต็มไปหมด” ไม่ทันไรผู้แจ้งข่าวถูกปีศาจปราดเปรียวใช้แขนอันทรงพลังแทงทะลุทรวงอกจนหัวใจหล่นออกมาดิ้นตุบ ๆ สาวอาสาสมัครคนหนึ่งกรีดร้องกับภาพที่เห็นแม้มันละเว้นเธอไปหาเป้าหมายอื่น หุ่นยนต์รุ่นนี้ไม่มีแสงเลเซอร์ที่ตา แต่คล่องแคล่วว่องไวและแข็งแกร่งยิ่งนัก
โผล่มาจากไหนวะ หุ่นยนต์พิฆาตสองตัวที่กำลังทำลายประตูถูกทำลายสิ้น ไมเคิลมองไปทางโคดี้ เขาทาบมือกับประตูห้องแล็บ กระจกฝ้ามัวค่อย ๆ กลับมาใสและทึบสลับอยู่อย่างนั้น พาสองสาวออกมาให้ได้นะ เขาฝากมินนี่และเบลินดาไว้ในมือเพื่อนแล้ววิ่งตรงไปยังปีศาจตัวดังกล่าว
มันไหวตัวทันราวกับถูกติดตั้งเซนเซอร์ไว้รอบตัว แก้มขวาเย็นวาบเพียงเสี้ยววินาทีก็ร้อนเหมือนมีเหล็กทาบพลันร่างถลันล้มครูดไปกับพื้น กรามขวาชาลามไปถึงข้างซ้าย ประสาทรับรู้ทั้งห้าเร่งทำงานให้ทันเล่ห์ศัตรู เขากลิ้งตัวหลบ กำปั้นเหล็กตอกลงไปกับพื้นจนแตกเป็นรู ไมเคิลเหวี่ยงดาบเล็งฟันคอฉับ มันทรุดตัวลง ศีรษะหมุนขวับมาข้างหลัง มือสองข้างคว้าดาบของเขาแล้วดึง ร่างเด็กหนุ่มกระเด็นไปตามแรงเหวี่ยงราวกับลูกบอล
ไฟแผดเผาทุกสิ่ง อาจเป็นการจำลองนรกก่อนเจอของจริง และยิ่งเขาไม่เชื่อในพระเจ้า หากสิ่งนั้นมีจริง ความตายจะเปิดประตูพาเขาไปยังที่นั่น หากแต่หนึ่งชีวิตในอ้อมกอดนี้ไม่ควรอยู่ตรงนี้ ยัยโง่ ดื้อด้าน เสียสติเขาไม่รู้สึกร้อนอีกต่อไป ไม่แม้แต่เจ็บปวด มีแต่ความอบอุ่นและเสียงหัวใจของตัวเองพร้อมกับร่างเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง สภาวะแน่นิ่งเหมือนกาลเวลาหยุดครึ่ง ๆ กลาง ๆ “Sleep my little boy. Sleep in peace before they come. They took one from me. I won’t let them get you.” มันไม่ใช่เสียงของเขาหากแต่เป็นเสียงของแม่ เหมือนกับครั้งหนึ่งเขาเคยมีสภาพแบบนี้ในสถานที่ปลอดภัยที่สุดเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง เปลวไฟห่อล้อมรอบกายหากแต่มันไม่อาจสัมผัสพวกเขา ยกเว้นเพียงไอร้อนที่ทำให้เหงื่อแตกจนคอดับ “อเล็กซิส” เขาเรียกเสียงแหบพร่า แต่เธอไม่ตอบแล้ว แววตาของเธอปิดสนิท หากแต่ยังมีลมหายใจ คงหมดสติไปตั้งแต่แรงกระแทกแรก ๆมันคืออะไร วงกลมปริศนาที่ห่อล้อมรอบกายนี้คืออะไรกันแน่ “พลังของเธอหรือ” แต่เด็กสาวในอ้อมกอดยังคงนิ่งเงียบ ไม่มีปฏิกิร
มุมปากเธอกระตุกขึ้นนิดหนึ่ง “ฉันเจอเบ็กกี้แล้วนะ”“ออกไป” ไมเคิลจ้องหน้าเขม็ง เขาโกรธมากจริง ๆ “ออกไปเดี๋ยวนี้!”“ฉันไม่น่าเจอเธอเลย” อเล็กซิสยังคงพูดเล่า ไม่สนใจว่าเขาจะไล่เธอเขาเปลี่ยนจากถ้อยคำขับไสมาเป็นคำถาม “ติดเชื้อใช่ไหม”เด็กสาวพยักหน้า สีหน้าบิดเบี้ยวราวกับมีใครกำลังกรีดอกเธออยู่ “กลีเอาเบ็กกี้ไปทดลองไวรัส และมันก็ได้ผลมากกว่าร่างคนอื่น” น้ำตาหยดลงพื้น อารมณ์เกรี้ยวกราดโมโหที่เธอไม่ยอมออกไปจากตึกมลายหายไปกลายเป็นอยากปลอบโยน เขายกมือจับแก้มเธอ แต่อเล็กซิสส่ายหน้า “นายกลัวหรือเปล่า” พยักพเยิดไปทางระเบิดเขาส่ายหน้า “ฉันเกือบตายมาหลายครั้งแล้ว แต่ฉันไม่อยากให้เธอตาย ขอร้องล่ะ ออกไปเถอะนะ ทิ้งฉันไว้” และตอนนั้นเอง เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองร้องไห้ต่อหน้าเธออีกแล้ว“ก็นะ” อเล็กซิสยักไหล่ทั้งน้ำตา “ฉันแค่เลื่อนเวลาให้มันเร็วขึ้น นายก็รู้”“มีคนรักษาเธอได้ เชื่อฉันเถอะนะ ยังมีเวลา ออกไปเถอะ” เขาอ้อนวอน
“พาทุกคนออกไป” เขาบอกโคดื้ “รีบเปิดประตูกลซะ แจ้งกลุ่มบี บอกทุกคนให้ออกจากตึกนี้” แต่เพื่อนกลับไม่ขยับ ดวงตาดวงเดียวมองสลับระเบิดกับไมเคิลแล้วเริ่มยกมือพยายามจะปลดมันออก “เก็บพลังไว้พาทุกคนออกไป” เขาตวาด “โคดี้! นายต้องพามินนี่กลับไปหาแฟนนาย นายปลดระเบิดทุกอันไม่ได้”“แล้วนายล่ะ”“ยืนนิ่งทำไมวะ ไอ้หุ่นเวรพวกนั้นไปหมดแล้ว ที่เหลือพอรับมือได้...” อเล็กซ์โผล่มา “นายบาดเจ็บหรือ” เขามองเข้ามา“แย่กว่านั้น” โคดี้ตอบแทนก่อนพยักพเยิดไปทางระเบิดอเล็กซ์มองตามสายตา สาวผมสั้นยังคงเกาะติดเขาราวกับปลิงที่สลัดไม่หลุด “อเล็กซ์ พวกเราต้องรีบจัดการหุ่นให้หมด”แต่เขายกมือไม่ให้เธอพูด “นายทำให้มันไม่ระเบิดได้นี่ เมื่อกี้ยังปิดระ...บบ” ชายหนุ่มรู้แล้วว่ามันเกินกว่าโคดี้จะจัดการได้เมื่อเห็นว่าไม่ได้มีแค่กล่องเดียวและดูท่ากล่องจิ๋วพวกนี้ถูกฝังอยู่ภายในทั่วทั้งอาคาร ดวงตาสีดำตวัดกลับมาที่ขาในซอก “บางทีอาจจะไม่มี...”“ไม่”
“ไทรอน กลุ่มเอ ประตูหลายแห่งถูกปิด หุ่นยนต์ออกมาเต็มไปหมด” ไม่ทันไรผู้แจ้งข่าวถูกปีศาจปราดเปรียวใช้แขนอันทรงพลังแทงทะลุทรวงอกจนหัวใจหล่นออกมาดิ้นตุบ ๆ สาวอาสาสมัครคนหนึ่งกรีดร้องกับภาพที่เห็นแม้มันละเว้นเธอไปหาเป้าหมายอื่น หุ่นยนต์รุ่นนี้ไม่มีแสงเลเซอร์ที่ตา แต่คล่องแคล่วว่องไวและแข็งแกร่งยิ่งนักโผล่มาจากไหนวะ หุ่นยนต์พิฆาตสองตัวที่กำลังทำลายประตูถูกทำลายสิ้น ไมเคิลมองไปทางโคดี้ เขาทาบมือกับประตูห้องแล็บ กระจกฝ้ามัวค่อย ๆ กลับมาใสและทึบสลับอยู่อย่างนั้น พาสองสาวออกมาให้ได้นะ เขาฝากมินนี่และเบลินดาไว้ในมือเพื่อนแล้ววิ่งตรงไปยังปีศาจตัวดังกล่าวมันไหวตัวทันราวกับถูกติดตั้งเซนเซอร์ไว้รอบตัว แก้มขวาเย็นวาบเพียงเสี้ยววินาทีก็ร้อนเหมือนมีเหล็กทาบพลันร่างถลันล้มครูดไปกับพื้น กรามขวาชาลามไปถึงข้างซ้าย ประสาทรับรู้ทั้งห้าเร่งทำงานให้ทันเล่ห์ศัตรู เขากลิ้งตัวหลบ กำปั้นเหล็กตอกลงไปกับพื้นจนแตกเป็นรู ไมเคิลเหวี่ยงดาบเล็งฟันคอฉับ มันทรุดตัวลง ศีรษะหมุนขวับมาข้างหลัง มือสองข้างคว้าดาบของเขาแล้วดึง ร่างเด็กหนุ่มกระเด็นไปตามแรงเหวี่ยงราวกับลูกบอล
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มกับเปลวไฟคือภาพเดียวที่ไมเคิลนึกออกในเวลานี้ ท่ามกลางซากคอนกรีตและตัวเลขสีแดงขยับทุกนาที เพียงฟังมันร้องดังติ๊ก ๆ ประหนึ่งบทเพลงสุดท้ายอันแสนไพเราะ เด็กหนุ่มภาวนาให้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นใช้เวลาเพียงกะพริบตาอีกสามสิบห้านาทีนั่นคือเวลาที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้ โลกที่ไม่เคยให้คำตอบเลยว่าทำไมเขาจึงไม่มีบ้านเป็นหลักแหล่งเหมือนเด็กคนอื่น ทำไมครอบครัวถึงถูกตามล่าตลอดเวลา และทำไมถึงไม่มีใครอธิบายให้เขาเข้าใจแล้วตายโดยไม่รู้อะไร ผมหวังว่าหากได้เจอกัน พ่อกับแม่จะบอกผมนะขาข้างซ้ายติดคาอยู่ในซอก มันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะดึงออกมา เพียงแต่ว่าอวัยวะส่วนนี้กลายเป็นคานถ่วงเวลาให้ทุกคนหนีออกไป เขาจึงต้องนั่งอยู่ในท่านี้ และที่สำคัญ ถ้าเอาขาออก เขาก็ตายอยู่ดี เพราะเจ้ากล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเท่าแขนที่ติดตั้งอยู่กับขื่อแน่นหนาจะได้รับแรงกระทบกระเทือน ยามนั้นทุกอย่างในนี้จะวอดวายกันเลยทีเดียว ตอนนี้เขาจึงปล่อยให้มันอวดหน้าปัดนาฬิกาที่กำลังเดินถอยหลังอยู่เรื่อย ๆ หากไมเคิลดึงขาออก บริเวณนี้จะพังครืนลงทำให้เจ้าสิ่งนี้ระเบิดทันที และถ้ามั
อเล็กซิส บลู เพียซ และโอลิแวนมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย “เอ่อ” บลูยกมือขึ้น “ไอ้ตัวการคือหัวหน้าพวกแกนี่ มันคงจัดการข้อมูลให้หรอก” ย้ำไม่พอยังหัวเราะเย้ยเจ้าหน้าที่ทั้งสองมองหน้าชายหนุ่มเป็นเชิงให้หุบปาก“เราไม่ออกเด็ดขาด ฉันจะไปช่วยกลุ่มเอ” หญิงสาวนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำกล่าว อเล็กซิสค่อนข้างชอบเธอ อาจเป็นเพราะถูกชะตา ผู้หญิงคนนี้มีหน้าตาแนวเดียวกับเอโลดี้และอาคุสะ แถมดูฉลาดและช่วยเหลือเป็นอย่างดีมาตลอด “ใครจะออกก็ออกไป”เบเลียนส่ายหน้า “อีกหนึ่งชั่วโมงระเบิดจะทำงาน ถ้ายังเถียงกันแบบนี้ยิ่งเสียเวลาเปล่า”“ยัยลูพูดถูก” บลูส่ายหน้า “น้องชายกับเพื่อนฉันอยู่ในนั้น จะให้เอาตัวรอดอย่างเดียวเหรอวะ” บางคนพยักหน้าตาม รวมทั้งกลุ่มอเล็กซิสเทสซ่ายกมือ “พลังของฉันทำลายประตูได้ อาคุสะจับสัญญาณสิ่งมีชีวิตได้ เรมีก็ทำลายกำแพงได้ หลายคนในนี้ช่วยย่นเวลาได้ ถ้าคุณใช้แต่หุ่นยนต์อย่างเดียว ถ้าเกิดมันโดนโจมตีล่ะ”“พวกเรามีโดรนจู่โจม”“แ
“นั่น ๆ” โอลิแวนชี้ไปข้างหน้า ประกายไฟแล่นเป็นรอยเลเซอร์ตัดขึ้นร่างเกือบเป็นรูปสี่เหลี่ยมพอให้คนออกไป แสตนเนอร์คงอยู่อีกฝั่ง พยายามเปิดช่องอีกเรื่องที่เธอกังวลคือกลุ่มเอ ตั้งแต่ไทรอนรายงานก็ไม่มีความคืบหน้าเข้ามาอีก“อย่าไปไกล” เพียซดึงแขนแฟนหนุ่ม ทั้งสามเว้นระยะห่าง ปล่อยให้หุ่นยนต์ทำหน้าที่ของมัน โอลิแวนเองพะวงหน้าพะวงหลัง หันหน้าหันหลังรอว่าบลูจะออกมาเมื่อไร ไม่ถึงนาทีต่อมา เขาวิ่งออกมาสมทบ“แม่นั่นล่ะ” หนุ่มแว่นถาม เหงื่อไหลเต็มหน้าแม้มองผ่านหน้ากากกระจก “หล่อนคนเดียวหยุดมันได้แน่เหรอ”คนผมเข้มยักไหล่ “ไม่ได้ก็ต้องได้ เพราะยัยนั่นขังตัวเองในห้องนั้นแล้ว แถมยังเปิดระบบทำลายเสร็จสรรพ ระบบดับเพลิงเลยหยุดทำงานแล้วก็...” ทั้งหมดรู้กัน แกลิสสละตัวเองหรือเธออาจจงใจทำอย่างนั้นแต่แรกแล้วก็ได้แต่เพียซยังไม่แน่ใจ “มันจะตายสนิทใช่ไหม ไม่ออกมาเพ่นพ่านนะ”“กระจกทึบลงตอนฉันออกมา” หนุ่มตาสีเทาตอบ “มันคงเหลือแต่ซากจริง ๆ แล้วล่ะ”“ถ้าพ้นราซา ฉัน
แกลิสกระแอมหลังจากเงียบมาพักใหญ่ “ทุกห้องทดลองจะมีระบบทำลายตัวเองเพื่อความปลอดภัย” ดูเหมือนเธอจะตัดสินใจได้แล้ว หญิงสาวยืดตัวตรงแล้วหยิบปืนไรเฟิลออกมา “เพื่อไม่ให้ของอันตรายที่เกิดจากความผิดพลาดหลุดรอดออกไป” สายตานั้นแน่วแน่ “ฉันจะเปิดระบบนั้น พวกเธอรีบออกไปเถอะ”“เราช่วยเธอไม่ได้ใช่ไหม” อเล็กซิสถาม แน่นอน เธอ ที่ว่าหมายถึงเบ็กกี้ สีหน้าแกลิสแปลกพิกล อาจเป็นเพราะเด็กสาวเพิ่งยิงเพื่อนตัวเองไปหมาด ๆ คราวนี้เกิดอยากหาวิธีรักษาเสียอย่างนั้น“อยากให้อยู่หรือ” พยักพเยิดศีรษะไปทางตัวประหลาด “แบบนั้น?”อเล็กซิสไม่ตอบเจ้าหน้าที่สาวถอนหายใจ “ธรรมชาติของไวรัสต้องการแพร่กระจาย มันกระจายไปทั่วเซลล์ในตัวเด็กคนนี้” อเล็กซิสพยายามไม่มองร่างเบ็กกี้ เพราะมันยังสร้างอวัยวะขึ้นมาใหม่อยู่เรื่อย ๆ จนกว่าจะปิดบาดแผลทุกส่วน“เราจะทำเหมือนกับที่คุณทำกับผู้ติดเชื้อในหลอดแก้วใช่ไหม”หญิงสาวพยักหน้าทว่าดวงตาคู่สนทนาเบิ่งกว้าง แกลิสผลักเธอออกไปแล้วเบี่ยงตัวห
ถ้าในนั้นคือเบ็กกี้?มือลั่นก่อนสติตรองให้ดีว่าในนั้นยังมีตัวตนของเบ็กกี้หลงเหลืออยู่หรือไม่ แต่มันสายเกินกว่าจะแก้ไขอะไรได้ อเล็กซิสลั่นไกไปแล้ว สิ่งมีชีวิตที่ไม่อาจเรียกได้ว่ามนุษย์นอนล้มลงกับพื้น เลือดไหลซึมออกจากปากแผลช้า ๆ ความเงียบปกคลุมราวกับไอหมอกที่แม้แต่เธอยังสัมผัสได้ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ยกเว้นเพียงเสียงของเบนที่ดังขึ้นเหมือนเทปเล่นเองโดยอัตโนมัติ “...ทำไมไม่ให้โอกาสพวกเขาบ้าง” แม้มือทั้งสองข้างสั่นแต่ก้อนเนื้อในอกเริ่มเต้นไปตามจังหวะปกติ คงเหมือนกับสองความคิดในหัวที่ตั้งคำถามว่าเมื่อครู่ทำถูกหรือไม่ หรือไม่ก็เห็นด้วยกับสิ่งที่ทำลงไปแล้ว ทำไมเราไม่ให้โอกาสเบ็กกี้ อเล็กซิสสับสนว่าสุดท้ายแล้ว เธอต่างอะไรจากพวกทหาร ต่างอะไรจากแสตนเนอร์และแกลิสที่ตัดสินชีวิตมนุษย์คนหนึ่งเพียงเพราะคิดว่าพวกเขาไม่ใช่คน หากเบ็กกี้ต้องการโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ โอกาสที่จะกลับไปเป็นคนปกติ เธอทำลายความต้องการนั้นแล้ว ภายใต้รูปร่างอัปลักษณ์นั้น เบ็กกี้ยังอยู่หรือเปล่าอเล็กซิสคิดแต่เพียงว่า ถ้าเป็นตัวเองก็ขอตายเสียดีกว่าอยู่ในร่างสัตว์ประหลาดน่าขยะแขยง แต่นั่นคือความคิดของเธอเพียงคนเดียวชุดกระโปรงสีข