ทั้งสองเคยไปลองเล่นที่สนามบาสแล้วครั้งหนึ่ง เบนกับอเล็กซ์ไม่ค่อยนิยมเล่นกีฬาแนวนี้ ดังนั้นจึงไม่ได้ไปเล่นที่นั่นอีก ช่วงที่พวกเขายังเป็นนักเรียน ทั้งสองเลือกเข้าสมาคมศิลปะป้องกันตัว มวย ยิงปืน ว่ายน้ำ และเทนนิส ส่วนกอล์ฟซึ่งเป็นกีฬาที่คนส่วนใหญ่ในฟิวเจอร์ริสติกนิยมกลับเป็นกีฬาที่ทั้งสองเกลียด พวกเขาหลงใหลกีฬาแนวต่อสู้และใช้อาวุธ อันเนื่องมาจากอิทธิพลที่ได้รับมาจากเหล่าฮีโร่ในวัยเด็ก โดยเฉพาะเบนที่ชอบของพวกนี้มากเป็นพิเศษ เขายังมีงานอดิเรกสะสมอาวุธ ทั้งของโบราณและสมัยใหม่
สนามบาสของที่นี่ปูพื้นด้วยไม้เมเปิ้ลขัดเงาเป็นมันวาว ส่วนอัฒจันทร์ตั้งอยู่ด้านในและมีเพียงฝั่งเดียว คนหกคนกำลังรอพวกเขาอยู่ ทั้งหมดสวมเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น หรือไม่ก็กางเกงยีน อเล็กซิสนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างเทสซ่ากับเด็กหนุ่มผมสีแดง พอเทสซ่าเห็นหน้าเบน หญิงสาวหรี่ตามองเชิดคางขึ้น เบนนึกสนุกเลยขยิบตาพร้อมกับส่งยิ้มยียวนให้เธอ สาวคู่อริจึงทักทายตอบด้วยนิ้วกลาง
“เฮ้” อเล็กซิสโบกมือทักทาย เขาหันเหความสนใจไปที่เด็กสาวคนนี้ทันที เบนเกือบจะโบกมือกลับอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่เห็นว่าสายตาของเธอมองเลยไปยังอเล็กซ์ แถมเพื่อนของเขายังโบกมือตอบอีกด้วย จากนั้นอเล็กซิสถึงหันมาทักทายเบนด้วยท่าทางประหม่า
“นี่นายรู้จักเด็กคนนั้นด้วยเหรอ” เบนไม่ลังเลที่จะถาม พลันทุกอย่างก็กระจ่างเหมือนมีไฟส่องสว่างในสมอง “อ้อ...นึกออกแล้ว นี่น่ะเหรอ เพื่อนใหม่คนนั้น”
อเล็กซ์พยักหน้า “ใช่”
“อ้อ ดีเนอะ” ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำหน้าประหนึ่งรู้ทุกอย่าง “ไม่เห็นบอกเลยว่าเพื่อนใหม่เป็นเด็กผู้หญิง และคนนี้ด้วย...อืม แถมยังอุบอิบไม่บอกว่าน่ารักขนาดนี้”
อเล็กซ์เม้มปาก “อยากรู้จริง ๆ แฮะ ว่าสมองนายทำด้วยอะไร แล้วถ้าสงสัยว่าทำไมถึงไม่บอก ก็เพราะนายชอบเป็นแบบนี้ไงล่ะ คิดแต่เรื่องบ้า ๆ”
“ทำไงได้ ฉันเกิดมาจากความใคร่และความโลภ ไม่ใช่ความรักสักหน่อย” เบนดึงชายเสื้อ
อเล็กซ์ “เฮ้ ยังไม่พูดจบเลย ฟังนะ จำได้ไหม ฉันเคยบอกนายว่าเล็งเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไว้ ฉันหมายถึงคนนี้นี่แหละ แม่แบมบี้น้อยของฉัน”“อ้อเหรอ คนนี้เหรอ” อเล็กซ์สั่นหัว ทำท่าเหมือนว่าเขาไม่ได้อยากรู้ เบนยิ่งเค้นสายตามอง อยากจะง้างเอาความจริงจากปากเพื่อนให้ได้ พอเห็นเพื่อนทำท่าอยากรู้ออกมามากขนาดนั้น อเล็กซ์เลยจับเขาล็อกคอ พาลากเดินตามหลังซาร่าห์ไปทั้งอย่างนั้น
“ฉันไม่หยุดแน่ ๆ ฉันต้องรู้ให้ได้!” เบนร้องทั้งที่ยังติดอยู่ในอ้อมแขนที่ล็อกคอตัวเองอยู่
“นายควรจะหยุดนะ” อเล็กซ์ว่า พลางล็อกแน่นขึ้นไปอีก
ซาร่าห์แนะนำเบนกับอเล็กซ์ให้คนในกลุ่มนั้นรู้จัก พวกเขาพอรู้จักกับเวดอยู่บ้าง เด็กหนุ่มคนนี้มองเขาอย่างไม่เป็นมิตรตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ส่วนอเล็กซิส เมื่อรอยแผลหายไปบวกกับหน้าตาสดใสกว่าวันก่อน ๆ เธอเหมือนดอกทานตะวันยามเช้าไม่มีผิด เจ้าหัวแดงที่นั่งข้างเธอบอกว่าตัวเองชื่อออสโล่ เจ้านี่ก็เป็นมิตร คงมีแค่เขากับเพื่อนสาวที่ดูยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่ด้วยสีหน้าที่จริงใจกว่าคนอื่น ส่วนอีกสามคนนั้น พวกเบนพอจะคุ้นหน้าคุ้นตามาก่อนแล้ว โนเอล เทสซ่า และมินนี่ โดยเฉพาะเด็กสาวที่ชื่อมินนี่ พอทำความรู้จักแบบเป็นทางการ จึงเห็นว่าเธอเหมือนกับเด็กอายุเจ็ดขวบในร่างสาววัยรุ่น
“เรามีเก้าคน จะแบ่งทีมยังไงล่ะ” เขาถาม
“ไม่เป็นไรหรอก ทีมไหนที่มีอเล็กซิสก็จะมีแค่สี่คน” หนุ่มหัวแดงแก้ปัญหาให้ ซึ่งฟังดูแล้วไม่ยุติธรรมสุด ๆ
“อ้าว ไม่แฟร์นี่ นายดูตัวโนเอลก่อนดิ” เด็กสาวชี้ไปยังชายหนุ่มอาวุโสที่สุดในกลุ่ม รูปร่างของโนเอลไม่ต่างจากเสาค้ำยันขนาดสองคนโอบ
“ไม่เป็นไร ฉันไม่เล่น” มินนี่ว่าแล้วหลบไปนั่งตรงสแตนด์ แต่ท่าทางเหมือนกระโดดเหยง ๆ มากกว่า เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ทำให้สมองของเขาตีบตัน นึกไม่ออกว่าต้องทำอย่างไรถึงจะคุยกับเธอได้ ทั้งรูปลักษณ์หน้าตาที่แสนธรรมดาไม่ได้สวยเหมือนพี่สาว กลับบุคลิกที่แปลกประหลาดเกินบรรยาย แววตายังเลื่อนลอย บางครั้งเขาคิดว่าเขาเห็นออร่าสีดำอยู่รอบตัว
“มาเล่นเถอะมินนี่ เดี๋ยวก็หาจำนวนลงตัวได้เอง” ออสโล่ตะโกนเรียก “นั่นไง เราลองชวนเขาไหม” เขาชี้ไปยังเด็กหนุ่มผมสีเงินที่เพิ่งเข้ามาในสนามบาส เด็กหนุ่มเดินไปนั่งบนสแตนด์ที่อยู่ปลายสุด แล้วจ้องพวกเขา
“เฮ้ นายอยากเล่นกับพวกเราไหม” ออสโล่ตะโกนถามไป ไอ้หมอนั่นเหมือนทำท่าจะลุกขึ้นมาเล่นด้วย แต่แล้วก็ไม่ขยับ
“อย่าไปสนใจเลย หมอนี่เป็นงี้แหละ” เบนสรุป แต่หางตาเห็นสองสาวเทสซ่ากับอเล็กซิสทำหน้าเสียดาย พวกผู้หญิง
“มีใครในนี้รู้ชื่อเขาบ้างไหม เขาทำตัวลึกลับตลอดเลย แต่ให้ตายเถอะ น่ารักเป็นบ้า” เทสซ่าถามขึ้น ดวงตาสีเทาคู่สวยยังคงจ้องเด็กหนุ่มคนนั้นไม่วางตา
ซาร่าห์เคยชวนเด็กคนนั้นเข้ากลุ่มอยู่หลายครั้ง แต่เขาปฏิเสธด้วยการเดินหนีตลอด เท่าที่เบนสังเกต พวกผู้หญิงคงชอบคาแรกเตอร์แนวนี้ หล่อเย็นชา ทำตัวลึกลับ เสน่ห์ของหมอนั่นเหลือล้นจนพวกเธอลืมสังเกตว่าฟันหน้าของเขาใหญ่กว่าปกติ
“ไมเคิล” อเล็กซ์กับอเล็กซิสตอบพร้อมกัน
“ฮะ” เบนและซาร่าห์อุทานพร้อมกัน ทั้งสองหันไปมองเพื่อนตัวเองด้วยสายตาที่แทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน ไม่แปลกหรอกหากอเล็กซิสรู้จักเด็กคนนั้น แต่พวกเขาแปลกที่ใจอเล็กซ์รู้จักต่างหากเล่า เพราะว่าหมอนี่ควรเป็นคนสุดท้ายที่รู้เรื่องคนอื่น แถมยังเอาแต่เก็บตัวอยู่ในท้องฟ้าจำลองเป็นเวลานาน รวมถึง โดยปกติแล้ว อเล็กซ์ไม่มีนิสัยเจ๊าะแจ๊ะอยากรู้เรื่องชาวบ้าน
“นายนี่มัน...วันนี้ทำฉันแปลกใจสองรอบแล้วนะ”
“รู้ตอนตรวจสุขภาพไง” อเล็กซ์อธิบาย “เขาอยู่ลำดับถัดจากฉันเลยได้ยินตอนเรียกชื่อ”
“อเล็กซิสจ๊ะ แล้วเธอรู้จักเขาได้ไง” ซาร่าห์หันไปถามเด็กสาวด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
“เรื่องมันยาว แต่ไม่มีอะไรพิเศษหรอก ไว้ค่อยเล่านะ”
“เดี๋ยว ๆ ขอแทรกหน่อย” ออสโล่ขัดขึ้นมา “พวกเรามีอเล็กซ์ตั้งสองคนนะ”
“ทำไมล่ะ มันไม่ดีเหรอ” อเล็กซิสถาม เขาเพิ่งเห็นว่าเธอมีคิ้วที่ค่อนข้างหนา แต่ไม่รกรุงรัง
“มีปัญหาแน่ โดยเฉพาะตอนเล่น” เบนเห็นด้วยกับเด็กหนุ่ม “นายหัวไวดีนะ ดีแล้วที่พูดขึ้นมา” เขาเอ่ยชม “อเล็กซิสกับอเล็กซานเดอร์” เขาพึมพำ “ยาวไปแฮะ ไม่ชินปากเลย”
“บอกนามสกุลของนายมาสิ” เวดหาทางแก้ให้
แต่อเล็กซ์ไม่ชอบบอกนามสกุลให้ใครฟัง “ทำไมฉันต้องบอกนายด้วย”
“เพราะนายมาใหม่ไงล่ะ” เวดอธิบายเหตุผล “และฉันก็คุ้นกับการเรียกเพื่อนตัวเองว่า
อเล็กซ์ด้วย”“เออน่า ไม่เป็นไรหรอก จะเรียกอะไรก็เรียกไป เราเริ่มเล่นกันสักทีได้ไหม” อเล็กซิสเร่งทุกคน ไม่สนใจเรื่องชื่อซ้ำสักนิด
“โวลคอฟ นามสกุลของเขาคือ โวลคอฟ” ซาร่าห์จบข้อถกเถียงทุกอย่าง “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิอเล็กซ์ ฉันเรียกนายเหมือนเดิมนั่นแหละ เพราะฉันเรียกอเล็กซิสว่า อเล็กซิส ไม่ใช่อเล็กซ์ แต่สำหรับพวกเขา ถ้าเรียกนายว่าอเล็กซ์ คงงงกันหมดแน่ ๆ”
“แต่ว่า บางครั้งฉันเองก็เรียกอเล็กซิส บางครั้งก็เรียกอเล็กซ์” ออสโล่เสริม
“โอ๊ย หยุด ๆ สมองฉันมีแต่คำว่า อเล็กซ์ อเล็กซ์ อเล็กซ์ เต็มไปหมด เดี๋ยวได้เรียกทุกคนว่า
อเล็กซ์กันหมดเลยไหม” โนเอลขัดขึ้นมา “จะเรียกอะไรก็แล้วแต่ เอาที่พวกนายชินไปเลย จบนะ เล่นเกมสักที”ทั้งหมดพยักหน้า เมื่อคนตัวใหญ่ที่สุดตัดบท
“เดี๋ยว ๆ นายคือโวลคอฟ พวกโวลคอฟ” ออสโล่ยังไม่จบ ชี้นิ้วไปที่เพื่อนของเบน “ฉันชอบรถบ้านนาย ไม่ใช่สิ หมายถึง สินค้าของบ้านนาย แต่บ้านฉันไม่ได้ใช้หรอก ถ้าฉันมีเงินฉันจะใช้รถของโวลคอฟแน่ ๆ”
“อ่า...ขอบใจ” อเล็กซ์ตอบเหมือนรักษาน้ำใจเท่านั้น
คนอื่น ๆ หันไปซุบซิบกันเรื่องธุรกิจของโวลคอฟรวมถึงสินค้าในเครือต่าง ๆ แหงสิ ทุกคนต้องรู้จักนามสกุลเจ้าของอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่กันอยู่แล้ว ใบหน้าซีดของอเล็กซ์เริ่มมีเลือดฝาด พอเขาเห็นว่าเบนมองก็ขมวดคิ้วถามอีก “อะไรอีกล่ะ”
“คุณโวลคอฟ”
อเล็กซ์กัดฟันกรอด ๆ
“โอเค ในเมื่อมินนี่ไม่ยอมลงมาเล่น งั้นเรามาโอน้อยออกกัน!” อเล็กซิสดึงความสนใจจากทุกคนอีกรอบ ท่าทางกระเหี้ยนกระหือรืออยากเริ่มเล่นให้เร็วที่สุด แววตาของเธอเป็นประกายวิบวับพวกเขาแบ่งออกเป็นสองทีม ทีมของอเล็กซิสประกอบไปด้วยโนเอล ออสโล่ และซาร่าห์ ส่วนทีมของเทสซ่ามีเบน อเล็กซ์ และเวด“ที่รัก พวกเราไม่เคยพรากจากกันเลย” เบนตรงเข้ากอดก่ายร่างสูงของเพื่อน ฝากฝังรอยเท้าไว้ที่ขากางเกงมากมายอเล็กซ์ทำหน้าเอือมระอา เขาดันศีรษะตัวเพื่อนออกไป แต่ไม่วายหัวเราะเบา ๆ“มีกฎข้อเดียวเท่านั้น ห้ามโกง! ห้ามใช้พลังพิเศษเด็ดขาด” เด็กสาวตาสีน้ำเงินประกาศ แต่ไม่ได้จ้องมองใครเป็นพิเศษ“นี่เธอก็รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ” เบนจ้องเพื่อนเขม็ง ต้องการให้อเล็กซ์คายทุกอย่างออกมาให้หมดเดี๋ยวนั้น“ใช่ เธอรู้ว่าฉันมีพลังพิเศษ แต่เขาไม่รู้เรื่องของนาย โอเค้? ทำไมต้องให้ฉันบอกทุกเรื่องด้วย นายไม่ใช่เมียสักหน่อย”“อ้าว ก็ฉันเป็นเพื่อนสนิท”“ที่แม่งนอนกับแฟนฉันเนี่ยนะ”“บอกแล้
เทสซ่าทำเสียงฮึ่มใส่ แต่พี่ชายของเธอกลับหัวเราะเห็นเป็นเรื่องน่าขัน เขามองเบนเหมือนมองเด็กเล็ก ๆ อย่าเหมาว่าฉันเป็นน้องชายของนายเลย “มาเถอะ เทส” คนพี่เร่งน้องสาว เทสซ่ามอบนิ้วกลางให้เขาเป็นครั้งที่สามเพื่ออำลาก่อนเปลี่ยนทีมพออเล็กซิสมาอยู่ในทีม รูปเกมเปลี่ยนทันที โนเอลอาจตัวสูงใหญ่ แต่ตัวเขาไม่ใช่ผู้เล่นที่น่ากลัว เมื่อปราศจากคนส่งบอลที่ดี โนเอลก็ไม่ต่างอะไรจากกำแพงโง่ ๆ ที่ยืนขวางทางเท่านั้น ถ้าข้ามผ่านไปได้ ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว อเล็กซิสวิ่งเร็ว แถมยังชู้ตแม่น ทีมของเขาจากที่ตามหลัง ตอนนี้เลยขึ้นนำ ทว่าคะแนนยังไม่ห่างกันมาก เบนไม่ประมาท จนกระทั่งอเล็กซ์ขอเวลานอก“ฉันว่า เราควรเปลี่ยนผู้เล่น อย่างนี้มันไม่แฟร์นะ ให้ฉันเปลี่ยนกับออสโล่ก็ได้” อเล็กซ์โพล่งออกมา“อะไรของนายวะ” เบนแทบอยากจะเขวี้ยงลูกบาสในมือทิ้ง บางครั้งนิสัยขึ้น ๆ ลง ๆ ของเพื่อนสนิททำให้เขาปวดขมับ“ไม่เป็นไรหรอก ฉันว่าเราต้องจบเกมแล้วล่ะ ก่อนที่ออสโล่จะเป็นลม” อเล็กซิสว่า ทั้ง ๆ ที่ยังเล่นไปไม่ถึงชั่วโมง เด็กหนุ
“แล้วพวกเธอทำอะไรกัน หมายถึง คุยอะไรกันบ้าง”เธอหันหน้ามา เพ่งมอง“ฉันพูดอะไรผิดเหรอ”“เปล่า แค่รู้สึกแปลกใจที่นายดูสนใจเพื่อนของนายกับฉันมากขนาดนี้ นายคงไม่เห็นหน้าตัวเองหรอก แต่หน้าของนายตอนนี้ขึงขังมาก”“คือ” เขาพยายามหาข้อแก้ตัว “เขาขังตัวเองในห้องนั้นมาหลายวัน ฉันเป็นห่วงมาก แล้วจู่ ๆ เขาก็ออกมา ฉันก็เลยคิดว่า เธออาจจะมีส่วนช่วยด้วย”“อ้อ เข้าใจแล้ว แต่ไม่ใช่เพราะฉันหรอก เขาคิดได้ด้วยตัวเองน่ะ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสบาย ๆเบนจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้น จากนั้นเธอคลี่ยิ้มบาง ๆ “ไม่เชื่อเหรอ ฉันพูดจริงนะ พวกเราแค่คุยกันเรื่องปรัชญาต่าง ๆ เท่านั้นเอง”“หา ปรัชญาเหรอ”อเล็กซิสเลิกคิ้ว ทำให้เบนปรับสีหน้าเป็นปกติ “เดส์การ์ต อริสโตเติล ซาร์ต นายรู้จักคนพวกนี้ไหม”“แน่นอน ฉันรู้จัก...พวกเธอคุยกันแค่นี้เหรอ”“อื้อ ก็มีเรื่องอื่นด้วยแหละ แต่ว่าส่วนใหญ่คุยกันเรื่องนี้ เพื่อนของนายค่อนข้างรู้
เบ็กกี้เป็นเด็กใหม่ของที่นี่ เธอเพิ่งมาถึงหอพักแห่งนี้ยังไม่ครบวันเลยด้วยซ้ำ พอได้ยินว่ามีประกาศข่าวใหม่ เธอเห็นแต่ละคนรีบวิ่งไปที่โทรทัศน์จอยักษ์ เด็กสาวร่างเล็กเดินไหลไปตามกระแสมนุษย์ มือข้างซ้ายกุมข้อมือข้างขวาเอาไว้ เธอเดินค้อมตัว มองซ้ายมองขวาเหมือนกับมีคนกำลังจับผิดอยู่ และถ้าหากเธอทำอะไรผิดแปลกไป ทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ เธอจะโดนลงโทษ เมื่อเดินมาถึงข้างหน้าจอทีวี เด็กสาวแหงนหน้ามองข้อความที่เขียนบนนั้นกำหนดการเคลื่อนย้ายผู้พักอาศัยจะมีขึ้นในวันที่ 28 กรกฎาคม 3012 กรุณาทิ้งสัมภาระไว้ที่ห้อง และมารวมตัวกันเพื่อรอสัญญาณที่ห้องโถงในเวลา 18 นาฬิกา หมายเหตุ: ห้ามพกกระเป๋าสัมภาระ “เคลื่อนย้ายเหรอ หมายความว่าพวกเราต้องย้ายที่อยู่งั้นเหรอ” เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเธอพูดขึ้น เขามีผมสีแดงเช่นกัน แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยกระ เขามากับเพื่อนสาวคนหนึ่ง พอพูดจบ ทั้งสองก็พากันขยับมาข้างหน้า เบ็กกี้จึงมองเห็นแต่แผ่นหลัง เธอไม่ใช่เด็กหญิงตัวน้อย แต่เป็นเด็กสาวที่ร่างเล็กเหมือนเด็กน้อย แม้อายุครบสิบห้าปีเมื่อสองเดือนก่อน แต่เธอหาได้ตัวสูงขึ้นมากกว่าเดิมไม่ ที่สำคัญ ไซส์มินิแบบเบ็กกี้ไม่ได้ทำให้เธอดูน
เบ็กกี้พยายามจะหยุดเรมี แต่สายไปแล้ว สองคนนั้นเดินตรงมา เด็กสาวเดาว่า พวกเขาน่าจะอายุประมาณราว ๆ สิบเจ็ดสิบแปด เธอก้มหน้างุดและเลือกที่จะแอบอยู่ข้างหลังเพื่อนใหม่“มีอะไรให้ช่วยไหม” หนุ่มผมแดงถามพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น ส่วนเด็กสาวคนนั้นทำสีหน้าแบบเดียวกัน จนกระทั่งเบ็กกี้เห็นดวงตาสีน้ำเงินของเธอ สาวร่างเล็กตัวสั่นสะท้านขึ้นมาทันทีมันเป็นดวงตาคู่เดียวกับที่เธอเห็นในความฝัน ดวงตาที่แสนน่ากลัว ใช่ มันมีขอบสีน้ำเงินเข้ม ส่วนในม่านตาเป็นสีน้ำทะเลลึกที่เหมือนมีแสงส่องประกายระยิบระยิบอยู่ข้างใน ใบหน้านี้ด้วย ถึงแม้ในความฝันภาพจะไม่ชัด แต่มันเหมือนกับวงหน้างามที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ความฝันที่ทำให้ครอบครัวของเบ็กกี้ตัดสินใจส่งเธอไปยังสถานบำบัดทางจิต เพราะเด็กสาวเอาแต่กรีดร้องทุกคืน พวกเขาบอกว่าเธอเกิดมาพร้อมกับคำสาปซาตาน ไม่บริสุทธิ์ เต็มไปด้วยบาปกำเนิดมากกว่ามนุษย์ทั่วไป มันเป็นเพราะว่าเธอมักจะฝัน และความฝันจะกลายเป็นจริงอยู่บ่อยครั้ง ถ้าหากฝันเรื่องดี พวกเขาคงเปรียบเธอเหมือนนักบุญ แต่เมื่อมันเป็นเรื่องร้าย เธอจึงถูกเปรียบเหมือนลูกปีศาจ คำสาปที่เธอไม่เคยอยากได้ แล้ว
อเล็กซิสไม่สนใจเพื่อนชาย เธอหันมาหาเบ็กกี้ “เอาล่ะ หมดปัญหาแล้วนะ ฉันชื่อ อเล็กซิส คนนี้ชื่อ ออสโล่ นี่คือ เบน แล้วพวกนายชื่ออะไร”เด็กสาวไม่จำเป็นต้องตอบเมื่อเรมีทำหน้าที่แทนหมด “เรมี ส่วนนี่ก็เบ็กกี้”“อายุแค่สิบสี่ใช่ไหม” เบนถาม“ไม่ ๆ ฉันสิบหกแล้ว” เรมีรีบตอบ“เปล่า ฉันหมายถึงเด็กผู้หญิง”“สิบห้า...ต่างหาก” เธอพูดกระซิบเหมือนเคย“เฮ้อ มินนี่สองสินะ” คนชื่อเบนว่า เด็กสาวไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร แต่ความรู้สึกบอกว่ามันไม่ใช่คำชมเธอสังเกตเรมี เขาดูท่าอยากร่วมสนุกกับคนกลุ่มนี้มาก สายตานั้นมองเหมือนรอคอยคำชวน และเมื่อพวกเขาเอ่ยปากชวน เด็กหนุ่มตอบตกลงทันที เขายังลากเบ็กกี้ตามไปด้วยราวกับทั้งสองกลายเป็นพี่น้องกันไปแล้ว หรือรู้จักเป็นเพื่อนกันมานาน สมาชิกใหม่อย่างเธอยังคงกลัวดวงตาของอเล็กซิส ดังนั้นจึงเอาแต่อยู่ติดกับพี่ชายป้ายแดงและพยายามไม่พูดกับเธอคนนั้น อเล็กซิสคงจับสังเกตได้ เธอจึงหันไปคุยกับเรมีแทน เขาถึงกับหน้าบานอย่างกับจานดาวเทียม จะโทษเขาก็ไม่ไ
“ฮึ ๆ เปล่านะ ฉันไม่ได้หัวเราะ แต่...(เธอเอามือปิดปาก) ขอโทษที แต่...นี่คือเหตุผลเหรอ” ซาร่าห์กลั้นหัวเราะไม่มิด ขนาดเสียงหัวเราะยังใสเหมือนระฆัง“ออสโล่...แล้วนายล่ะ” เบนหันไปถามหนุ่มผมแดงพร้อมกับใบหน้าขบขัน“เอ่อ ฉันคิดเลขไว...หัวไว ประมาณนี้”เสียงหัวเราะดังลั่นกว่าเดิม เบ็กกี้กอดอกแน่น สมาชิกใหม่คนนี้เป็นคนเดียวที่ไม่เห็นว่ามันตลก“เวด แล้วนายล่ะ เพราะความหัวร้อนเกินมนุษย์ปกติหรือเปล่า”“หุบปากไปเลย ฉันเป็นลูกหลงเพราะยัยความจำดีกับไอ้คณิตคิดเร็วต่างหาก”เบ็กกี้มองดูเรมีขำขนาดเอากำปั้นทุบพื้น เสียงหัวเราะดังร่วนเหมือนไม่ได้หายใจ เบนกับอเล็กซ์หัวเราะจะเป็นจะตาย ไม่พยายามกลั้นเลยสักนิด พวกพี่น้องโธมัสขำอย่างสุภาพ พยายามไม่แสดงออกมากนัก อาจจะยกเว้นมินนี่ไว้คนหนึ่ง เธอมองคนอื่นด้วยสายตาเอ็นดูเหมือนพระแม่มองสรรพสัตว์“เงียบไปเลย!” เวดวักน้ำใส่ทุกคน ทำให้เบ็กกี้นึกถึงหมีขี้โมโห“หยุด หยุด อย่าวิดน้ำ มันเข้าตา!” สาวบลอนด์พยายามห้ามแฟนตัวเอง
ออสโล่และอเล็กซิสยิ้มน้อย ๆ ทำท่าราวกับเข้าใจว่าเธอรู้สึกอย่างไร แต่พวกเขาก็ยังอดขำไม่ได้ และเมื่อพวกเขาหัวเราะใส่เธอเกินพอดี โทสะเริ่มเดือด และพอมันเดือด เธอห้ามปากตัวเองไม่อยู่“มันไม่ตลกนะ! บางครั้งฉันเห็นเหตุการณ์ผ่านภาพในหัว มันผุดขึ้นมาเอง” หยุดพูดได้แล้วเบ็กกี้ หยุดพูด “ฉันพูดความจริง ฉันเคยฝันถึงเพื่อนคนหนึ่ง ฉันอยู่ในร่างของเธอ เห็นทุกสิ่งผ่านดวงตาของเธอ เธอลืมล็อกประตูห้องนอนและพ่อเลี้ยงก็เข้ามา ฉันพยายามเตือนเธอแล้ว แต่เธอบอกว่าฉันมันบ้า ประสาท เพี้ยน ฉันไม่ใช่เพื่อนของเธอ และพ่อเลี้ยงของเธอก็เข้ามาในห้องนอนจริง ๆ สุดท้าย เพื่อนคนนั้นก็เอาแต่โทษว่าฉันสาปแช่งเธอ”บรรยากาศเปลี่ยนไปทันทีเหมือนครั้งเรมี เสียงหัวเราะหายไป แต่พวกเขาไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูดเหมือนที่เชื่อเรมี สีหน้าของพวกเขาบ่งบอกว่าเห็นใจ แต่เธอไม่ต้องการความเห็นใจนั้น เด็กสาวร้องไห้ในใจ ทำไมถึงไม่หุบปากให้สนิท เธอรู้ว่าพวกเขาคิดอะไร พวกเขาคงนึกถึงสายรัดข้อมือเมื่อครู่และคงคิดว่า อ้อ อย่างนี้นี่เอง เธอเป็นคนป่วย เธอสมควรอยู่ที่นั่นต่อไป“เธอเป็นแม่หมอเหร
บลูรู้แล้วว่าเขาได้อยู่กลุ่มบี แต่ต้องลุ้นว่าตัวเองจะได้อยู่หน่วยไหน และสุดท้าย “บลู เทอร์นเนอร์” เขาตบบ่าเพียซและโอลิแวนเพื่อไปเข้ากับหน่วยรุก ชายหนุ่มจงใจเดินผ่านลูกบ้านสาวตาน้ำเงิน เธออยู่กลุ่มบีกับเขา แต่น่าจะเป็นหน่วยสนับสนุน สีหน้าเด็กสาวบ่งบอกว่าประหลาดใจเมื่อเห็นบลู แค่นั้นเขาพอใจกลุ่มของเขาจะบุกตึกร้าง ซึ่งบลูไม่รู้ว่ามันคือที่ไหนเพราะไม่ได้เข้าอบรมเหมือนคนอื่น แม้เขาเคยเห็นราซาในสภาพเมืองที่มีชีวิตมาก่อนเมืองร้าง แต่ในเมื่อมันเป็นเมืองร้าง ตึกทุกแห่งย่อมร้างผู้คน รถถังเคลื่อนทัพนำไปก่อน ภายในใจเริ่มปล่อยวางเมื่อเห็นว่าพวกทหารเป็นฝ่ายห้อมล้อมกลุ่มอาสา หาได้ปล่อยให้พวกเขาเป็นแนวหน้าไม่ แม้จะอยู่ในหน่วยรุก พวกเขายังรอฟังคำสั่งจากหัวหน้าหน่วยอยู่ดี และพวกทหารจะเป็นฝ่ายเปิดคอยระแวดระวังให้ก่อน กลุ่มอาสามาเพิ่มกำลังให้จริงดังคำเชิญชวน บลูค่อนข้างเหงานิดหน่อยเพราะโอลิแวนและเพียซอยู่แถวหลัง ๆ แม้บางคนเขารู้จักแต่แค่เพียงผิวเผิน บลูจึงผูกสัมพันธ์กับรีเวอร์ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มต้องสงสัยไม่กี่คนในหน่วยนี้ เขาเรียกว่าไรดี การต่อสู้คราวนั้นก่อให้เกิดมิตรภาพได้ ด
“ถ้างั้นเลือกสักอย่างเผื่อไว้” เจ้าหน้าที่กดปุ่มบนโต๊ะ ตัวแผ่นพลิกขึ้นเผยให้เห็นคลังอาวุธข้างใน ทว่าแม้บลูจะพอเดาได้ว่าอันไหนปืน อันไหนมีด แต่เขาใช้ไม่เป็นเลยสักอัน จึงสุ่มเลือกมีดสั้นด้ามหนาขึ้นมา มันมีลักษณะเหมือนมีดพกธรรมดา เขาถนัดของเบสิก“อันนี้สามารถเสียบไว้ใต้แขน”ชายหนุ่มหงายแขนตัวเองขึ้น เห็นที่เสียบเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ “ใช้ยังไงเหรอ”ทหารหนุ่มจับมีดแล้วตวัด ใบมีดโผล่ออกมา “เหมือนมีดพกก็จริง” เขาตวัดกลับ ใบมีดกลับเข้าไปข้างใน บลูจ้องตาไม่กะพริบ เมื่อใช้นิ้วโป้งกดตรงสัน ใบมีดโค้งโผล่ออกมาจากปลายทั้งสองด้าน และเมื่อมันถูกเขวี้ยงออกไปกลับแล่นกลับมาหาเจ้าของคล้ายกับบูมเมอแรงนั่นเอง “ลองดู”บลูมองมีดในมือแล้วตวัดไปตวัดมา จากนั้นลองใช้แบบบูมเมอแรง อุปกรณ์นั้นใช้ง่าย อาจเป็นเพราะมันมีระบบอัตโนมัติติดตั้งเอาไว้ให้ ไม่จำเป็นต้องใช้ความเชี่ยวชาญมากนัก“มีสองที่ ก็เอาไปสอง” เขาหงายมือแล้วเสียบมีด จากที่ตัวเบาก็เริ่มพะรุงพะรังขึ้นนิดหน่อย “หมดแล้วใช่ไหม” เขาถาม&ldqu
หน้าประตูเหล็กสีดำ นายทหารสองนายยืนประจำการเฝ้าอยู่ พวกเขามองไปรอบ ๆ แปลกใจที่ไม่เห็นกลุ่มคนเลยทั้งที่นาฬิกาบ่งบอกเวลาว่าเพิ่งเจ็ดโมงยี่สิบเจ็ดนาที ในใจบลูหวาดกลัวว่ามันอาจเป็นกลลวง และเอมอนอาจตกอยู่ในอันตรายจึงปรี่เข้าไปหาเจ้าหน้าที่ทั้งสอง พอเห็นชายสองคนตรงเข้ามา ทั้งสองนายพร้อมใจกันยกมือให้พวกเขาหยุด “อาสาสมัครใช่หรือไม่ ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้”“พวกเราไม่ได้ลงทะเบียน” เขาตอบ “พวกเขาไปกันแล้วเหรอ”ทั้งสองคนมองหน้ากัน คนหนึ่งพยักหน้า ชี้นิ้วโป้งไปทางประตู “เตรียมตัวอยู่ข้างใน ถ้างั้นพวกนายก็กลับไปซะ”“เดี๋ยว” อีกคนยั้งเพื่อนไว้ ทำมือบอกพวกเขาให้รอตรงนี้ทหารคนนั้นทาบมือกับบานประตู แผ่นเหล็กเลื่อนลงเผยให้เห็นช่องทึบข้างใน บลูจะชะโงกหน้าดู แต่เมื่อเห็นอีกคนที่เฝ้าอยู่เหล่มองก็ก้มหน้า ไม่กี่วินาทีต่อมา “บอกชื่อพวกนายมา” เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับริงโก้ แล้วตอบไป“บลู เทอร์นเนอร์”“โบธิสต้า ซานโดวอล”นั่นคือจริงของริงโก้ เขาไม่รู้ที่มาว่าทำไมชายคนนี
บลูสลัดมือแล้วเช็ดเสื้อชายหนุ่ม เวลาเขาอยู่ข้างริงโก้ทีไรรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นมนุษย์บอบบางที่พยายามล้มช้างแมมมอธ พอโดนแกล้งคืน ริงโก้ฮึดฮัด บลูยิ่งหัวเราะสะใจ “ฝากที่เหลือด้วยนะจ๊ะที่รัก” แล้วคว้าลังเบียร์เดินออกไปเลย ใครจะอยู่ฟังคำสบถแสลงหูเล่าดาดฟ้ากลายเป็นที่ประจำของบลูไปเสียแล้ว มือหนึ่งดีดฝาไฟแช๊ก อีกมือหยิบบุหรี่ ปากคาบแล้วจุดลมเย็นพัดผ่านร่าง หากไม่ได้สวมเสื้อแจ็กเกตกันหนาวคงสะท้านน่าดู ไม่ทันที่เขาจะหย่อนก้นลงบนม้านั่ง เอมอนเปิดประตูเหล็กอย่างแรง มือหนึ่งถือกล่องกระดาษ อีกข้างถือแผ่นพับกระดาษ “เล่นกันไหม”“เออ จัดเลย”น้องชายกางตารางกระดาษลงบนโต๊ะ เทของข้างในออกจากกล่อง มันเป็นฝาขวดที่เขาสะสม จากนั้นวางมันลงแทนหมากบนตาราง “ยัยเด็กนั่นเป็นไงบ้างล่ะ”เอมอนแบมือ เขาส่งซองบุหรี่ให้ “อย่างที่ริงโก้ว่า เธอใช้ยาระงับอาการ ตอนริงโก้เคาะเลยเปิดให้ไม่ได้ ตอนนี้เดสก็ทดลองถอนพิษให้อยู่” ชายหนุ่มหยุดคิด “แต่ไม่น่าจะทำได้”ดูเหมือนว่าความล้มเหลวทำให้เอมอนเลิกโลกสวย “แ
เครื่องหมักเนยผสมกระเทียม มะนาว และผักชีลอยฟุ้งส่งความหอมละมุนผสมเปรี้ยว กลิ่นตลบผสานกับเนื้อแซลมอนบนกระทะร้อนส่งเสียงฉู่ฉ่าชวนให้น้ำลายสอ ด้านหลังโอลิแวน ไฟในเตาอบส่องสว่างฉายให้เห็นเนื้อหมูสันในอบกับมันฝรั่งหั่นเต๋าคละเคล้ากับเครื่องเทศมากมาย ส่วนผู้ปรุงแต่งสวมผ้ากันเปื้อนสีส้มอ่อน มือจับชามและทัพพีคลุกน้ำสลัด มีเพียซ ลูกมือคอยหั่นมะเขือเทศเป็นแว่นอยู่ข้างกาย ระหว่างนั้นเอมอนวางผ้าปูเตรียมมีด ส้อมและแก้ว แต่ละคนล้วนปิดปากเงียบ ไม่พูดคุยกัน หมกมุ่นกับเรื่องในใจบลูเห็นดังนั้นจึงถามขึ้น “พรุ่งนี้ไปกันกี่โมง” ตั้งใจทำลายความเงียบและปลุกทุกคนออกจากภวังค์ เขาเขยิบก้นนั่งบนเก้าอี้ริมข้างเคาท์เตอร์บาร์“เจ็ดโมง” เอมอนวางแก้วเปล่าลงข้างหน้าพี่ชาย “หรือจะเอาเบียร์”“น้ำนี่แหละ” บลูตอบ “เจ็ดเลยเหรอวะ โคตรเช้า”เมื่อเดสซิเรเดินเข้ามา ไอ้น้องบ้าผู้หญิงไม่รอช้าบริการหญิงสาวทันที เธอนั่งมุมโต๊ะ จากนั้นริงโก้เข้ามาเป็นคนสุดท้าย เลือกนั่งข้างบลู สายตามองถาดเนื้อหมูในเตาอบ พอโอลิแวนวางชามสลัดลงตรงกลาง หนุ่มร่างใหญ่ยืดตัวขึ้นตักแบ่งใส่จานตัวเองทันที บลูฟังเดสซิเรทวนกำหนดการสำหรับวันพรุ่งนี้ พวกเหล่าอ
สาวผมแดงนั่งมองพวกเขาอยู่บนเตียง ผ้าห่มคลุมร่างกายเปลือยเปล่าเพราะเสื้อผ้าถูกถอดออกทิ้งไว้บนพื้น อเล็กซิสกระตุกแขนไมเคิลที่ยืนแข็งเป็นท่อนไม้ เธอส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มมากกว่าแสดงออกว่าโกรธ “อยากร่วมด้วยเหรอ” เสียงของหล่อนแหบกระเส่าจงใจยั่วอีกฝ่าย สุดท้ายอเล็กซิสลากไมเคิลออกไปได้สำเร็จไมเคิลมองหน้าเธอ ใบหน้าแดงก่ำ “ฉันคิดว่าเธอถูกทำร้าย” แล้วชี้ไปที่บลูชายหนุ่มชี้หน้าตัวเอง “ฮะ ถูกทำร้าย?” จากนั้นระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น จากที่โมโหดูจะพอใจมากกว่า “ขอโทษที่รุนแรงจนนายตกใจ แต่ช่วยไม่ได้เพราะลีลาชั้นมันเผ็ดร้อน” เขาตบไหล่ชายหนุ่ม แต่ไมเคิลมีกะใจเบี่ยงตัวออก“คือ...บลู ไมเคิลค่อนข้างจะสับสนนิดหน่อย ฉันขอโทษจริง ๆ เขาไม่ได้ตั้งใจ” อเล็กซิสแก้ตัวให้เพื่อนและพยายามมองแค่หน้าของบลู ปกติแล้วเขาไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่เธอชอบ หรือตรงสเป็ก แต่หุ่นของเขานี่มัน...หน้าอกชายหนุ่มยังคงสั่นไปตามแรงหัวเราะ “พูดจริงดิ เพื่อนเธอไม่รู้จักเสียงเมื่อกี้เหรอ เอ แล้วที่อยู่ในห้องกันสองคนทำอะไรกันวะ” เขาหันไป
ไมเคิลพยายามทำตัวเป็นปกติ เขามานอนเล่นในห้องเธอตั้งแต่สี่โมงเย็น เพราะในห้องตัวเองเต็มไปด้วยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และสามหนุ่มไอทีอย่างโคดี้ เรมี กับอาคุสะที่พยายามถอดรหัสเข้าเครื่องให้ได้ ทอยซิตี้ไม่ใช่เมืองพักตากอากาศ หากพวกเขาไม่ดื่มหรือชมลานประลองก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีก ทั้งสองคุยกันว่าจะหางานทำช่วงเย็นดีไหม อย่างน้อยอาจแก้เบื่อแถมได้ชิปนิดหน่อย ไมเคิลเคยลองทำแล้วออกมาและอาจจะกลับเข้าไปใหม่วันนี้จึงผ่านไปอย่างช้า ๆ สำหรับทั้งสองคน บางครั้งเธอนั่งจดบันทึกอยู่ เขาจะเริ่มเข้ามากระแซะ หลายครั้งเธออยากให้ตัวเองคล้อยตามแต่มันมีบางอย่างที่ทำให้เธอหยุด สัมผัสของไมเคิลไม่ได้ทำให้เธอใจสั่น ทั้งที่หน้าตาและรูปร่างเป็นต่อ อาจเป็นเพราะแววตาของเขาแสดงความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าต้องการจริง ๆ และอาจเป็นเพราะเขาทำให้เธอรู้สึกกึ่ง ๆ ระหว่างออสโล่กับลิ้ตเติ้ลชาร์ลีมากเกินไป ความใกล้ชิดของพวกเขายิ่งกว่าก่อนอเล็กซ์จะตีจากเสียอีก แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องนอนตัก กอด หรือถูกเนื้อต้องตัว พวกเขาไม่เคยไปไกลเกินกว่านี้ ถ้าไม่นับจูบทดลองคราวนั้นและสุดท้าย เด็กหนุ่มมักผล็อยหลับบนตักเธอเสมอ ไมเคิลชอบให้เธอเ
คำสุดท้ายแรงเหมือนตบหน้าโดยไม่ใช่มือ แววตาหยิ่งผยองเมื่อครู่กลายเป็นหวาดหวั่น และเมื่ออเล็กซิสเห็นเงาตัวเองในดวงตาคู่นั้นก็ตกใจไม่แพ้กัน ความเกลียดชังในตัวเธอส่งผ่านออกมาจนเห็นชัดผ่านเงาสะท้อน และแม้แต่ตัวเองยังแทบรับไม่ได้กับใบหน้านั้น ดวงตาเธอเหลือบมองเทสซ่าและรีเวอร์ที่ยังคุยกันดี ไม่มีทะเลาะ จึงจับตัวมินนี่เลื่อนออกไป ให้ตัวเองมีช่องว่างปลีกตัวมินนี่ไม่สนใจ เธอเขยิบตัวแล้วก้าวไปเกาะกำแพงข้างหน้าแทน สายตาจดจ่ออยู่ที่พี่สาวตัวเองมากกว่าคนรอบข้าง เวลานี้อเล็กซิสไม่สนใจแล้วว่าต้องรอเทสซ่าหรือไม่ แต่ฉวยโอกาสนี้กลับเขต ใบหน้าอาฆาตเมื่อครู่ยังติดอยู่ในหัว“ฉันไม่เคยอยากให้พวกเขาตาย”เท้าเธอหยุดกะทันหัน เบลินดาเดินตามมา “เวดยังไม่ตาย” เธอสวน หันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้ที่มาจากที่เดียวกัน “เธอไม่เคยขอโทษ ไม่เคยรู้สึกผิด ตลอดเวลาฉันเห็นเธอลอยหน้าลอยตาราวกับตัวเองเป็นเหยื่อ...”“เพราะฉันเป็นเหยื่อ” เด็กสาวตรงหน้ากำหมัดแน่น มือทั้งสองข้างสั่นอเล็กซิสหัวเราะ “กล้าพูด”“เหยื่อของผองเพื่อ
“โอ้” ทำไมเราต้องรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ด้วยนะ เธอเหลือบมองเพื่อนสาวอีกที สองคนนั้นยังหัวเราะคิกคัก ไม่รู้ตัวว่ามีคนกล่าวถึง “หมอนั่นไม่ได้เป็นโรคจิตใช่ไหม” เธอถาม เพราะมินนี่ไม่เคยเก็บความลับของพี่สาวอยู่มินนี่ส่ายหัว “รีเวอร์น่ารักจะตาย ไม่กวนประสาทเหมือนโคดี้ด้วย เขาเป็นผู้ใหญ่ โนเอลก็ชอบ” แววตาสีฟ้าอ่อนสลดลงเมื่อนึกถึงพี่ชายที่จากไป อเล็กซิสลุกขึ้นกอดเธอเป็นการปลอบโยน “ถ้าเขาไม่หายไปและไม่ทำให้เทสซ่าเสียใจก็ดี แต่มันไม่ได้แปลว่าฉันเชียร์เขาแทนโคดี้นะ” เด็กสาวเงยหน้าทำตาปริบ ๆ ถึงแม้เธอค่อนข้างประหลาดไปสักหน่อย แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เอ็นดูน้องเล็กของพวกโธมัสคนนี้อเล็กซิสยิ้ม “ฉันรู้”เธอมองรีเวอร์อีกครั้ง ครั้งนี้เขารู้ตัวจึงเดินหายไป เธอไม่เคยรู้เรื่องเขาเลย ไม่แน่ใจว่าเทสซ่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับแฟนเก่า แต่ภาวนาว่าอย่าให้มีเรื่องขัดข้องใจกับแฟนปัจจุบันก็คงดี อเล็กซิสถอนหายใจ เธอนึกถึงวันที่อเล็กซ์เจอเธอแอบอยู่หลังถังขยะข้างตึกที่พักไมเคิล สติตกอยู่ใต้อำนาจฤทธิ์ยา ถึงแม้เธอไม่อาจตอบได้