“โอเค ในเมื่อมินนี่ไม่ยอมลงมาเล่น งั้นเรามาโอน้อยออกกัน!” อเล็กซิสดึงความสนใจจากทุกคนอีกรอบ ท่าทางกระเหี้ยนกระหือรืออยากเริ่มเล่นให้เร็วที่สุด แววตาของเธอเป็นประกายวิบวับ
พวกเขาแบ่งออกเป็นสองทีม ทีมของอเล็กซิสประกอบไปด้วยโนเอล ออสโล่ และซาร่าห์ ส่วนทีมของเทสซ่ามีเบน อเล็กซ์ และเวด
“ที่รัก พวกเราไม่เคยพรากจากกันเลย” เบนตรงเข้ากอดก่ายร่างสูงของเพื่อน ฝากฝังรอยเท้าไว้ที่ขากางเกงมากมาย
อเล็กซ์ทำหน้าเอือมระอา เขาดันศีรษะตัวเพื่อนออกไป แต่ไม่วายหัวเราะเบา ๆ
“มีกฎข้อเดียวเท่านั้น ห้ามโกง! ห้ามใช้พลังพิเศษเด็ดขาด” เด็กสาวตาสีน้ำเงินประกาศ แต่ไม่ได้จ้องมองใครเป็นพิเศษ
“นี่เธอก็รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ” เบนจ้องเพื่อนเขม็ง ต้องการให้อเล็กซ์คายทุกอย่างออกมาให้หมดเดี๋ยวนั้น
“ใช่ เธอรู้ว่าฉันมีพลังพิเศษ แต่เขาไม่รู้เรื่องของนาย โอเค้? ทำไมต้องให้ฉันบอกทุกเรื่องด้วย นายไม่ใช่เมียสักหน่อย”
“อ้าว ก็ฉันเป็นเพื่อนสนิท”
“ที่แม่งนอนกับแฟนฉันเนี่ยนะ”
“บอกแล้วว่าจุดประสงค์ดี”
“เฮ้ย พวกนาย จะเล่นไหม” เด็กสาวตะโกนมาจากกลางสนาม
“กำลังจะไป” อเล็กซ์ตะโกนตอบ จากนั้นถอดเสื้อเชิ้ตออก
“พวกนายทำอะไรเนี่ย” เทสซ่าถาม แต่ตาจ้องเขม็ง
เบนถอดเสื้อเชิ้ตตัวเองเช่นเดียวกัน เสื้อผ้าของพวกเขาไม่อำนวยต่อการเล่นกีฬา แต่ถอดแค่ส่วนบนเท่านั้น เพื่อให้การเคลื่อนไหวยืดหยุ่นมากขึ้น “เธอจะมาช่วยฉันถอดไหมล่ะ” เขาย้อนถามเธอ
สาวผิวเชสนัทมอบนิ้วกลางให้เบนเป็นครั้งที่สอง
“นายกับแม่สาวคนนั้นเป็นศัตรูกันเหรอ” อเล็กซ์ถามเมื่อเห็นความไม่ลงรอยของคนทั้งสอง “เธอไม่ปิดบังสายตารังเกียจนายเลยสักนิด แล้วนายก็ชอบไปแหย่อีก”
เบนยักไหล่แล้วยิ้มอย่างสบายอารมณ์ ทั้งสองคนวิ่งไปที่สนาม แต่ภายในหัวของเขากลับเต็มไปด้วยคำถามเกี่ยวกับสองอเล็กซ์ เป็นเรื่องปกติสำหรับเบนที่มักจะกระหายใคร่รู้เวลาเพื่อนสนิทสนใจเพศตรงข้าม สาวทุกคนที่อเล็กซ์ชอบ เบนไม่เคยลังเลที่จะจีบเพื่อพิสูจน์ให้เพื่อนเห็นว่าไม่มีใครซื่อสัตย์สมควรครอบครองอเล็กซ์เลยสักคน บางครั้งเขาเข้าใจ บางครั้งเขาทำเป็นไม่เข้าใจ แล้วแต่อารมณ์ในเวลานั้น แต่สุดท้าย ไม่ว่าเขาทำสำเร็จกี่ครั้ง อเล็กซ์ให้อภัยตลอด วนเป็นลูปแบบนี้ไปเรื่อย
เมื่อเกมเริ่ม เบนค้นพบว่าบาสเกตบอลไม่ใช้กีฬาที่ยาก และที่สำคัญ มันสนุกกว่าที่คิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามีพลังจิตควบคุมสิ่งของได้ดั่งใจนึก เกมจะเล่นได้ง่ายขึ้นแยะถ้าหากไอ้เพื่อนตัวดีไม่คอยกันไว้ อเล็กซ์สกัดการใช้พลังของเขาอยู่ตลอด กลายเป็นว่าสมาชิกในทีมพยายามกันลูกบาสออกจากคนในทีมเสียเอง แล้วทีมของพวกเขาจะชนะได้อย่างไร ที่แย่ไปกว่านั้น เวดมักลืมใช้มือรับลูก แต่ใช้เท้าเตะลูกจนได้ฟาวล์เกือบตลอด ชายหนุ่มรู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วกาย
“ไม่ใช่ฟุตบอลโว้ย!” เบนโหวกเหวกใส่เพื่อนร่วมทีมเมื่อเห็นโนเอลกับอเล็กซิสต่างทำคะแนนไปอีกคนละสองคะแนน ในขณะที่ทีมของเขายังได้แค่ศูนย์คะแนน
“ก็เขาเป็นนักฟุตบอลมาก่อน มันชินเท้า อย่าโทษเขาเลยน่า” ซาร่าห์แก้ตัวให้คู่ควงของเธอแม้จะอยู่กันคนละทีม
“ฉันไม่สนว่าเขาเคยเป็นอะไรมาก่อน หรือเคยทำอะไร นาย เจ้าหนูล่ำบึ๊ก หัดใช้มือให้ชินซะ”
“อย่าเรียกฉันแบบนั้น ไอ้เตี้ย!”
“ฉันเตี้ยกว่านายแค่นิ้วเดียวเอง ตาบอดหรือโง่วะ”
พวกเขาพักรบสักพักเพื่อเล่นเกมต่อ เบนหมุนตัวเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนไหวเพื่อหลบ
อเล็กซิสที่พุ่งเข้ามาขวางไม่ให้เขาส่งลูก เด็กสาวเคลื่อนไหวเร็วกว่าที่คาดไว้มาก เขาหมุนตัวหลบอีกรอบ ส่วนสายตากวาดมองไปทางอเล็กซ์และเวด (ลืมเทสซ่าไปได้เลย เพราะยายคนนี้เอาแต่วิ่งแล้วร้องกรี๊ดเวลาลูกพุ่งเข้ามา) พอสบโอกาสเห็นบริเวณที่เวดยืนอยู่ร้างผู้คน ไม่มีใครกันไว้ เขาจึงส่งบอลต่อให้ แต่เด็กหนุ่มรับพลาดอีกแล้ว อเล็กซ์คว้าบอลได้ทันท่วงทีก่อนที่ออสโล่จะขโมยมันไป จากนั้นเขาชู้ตลงตะกร้า ทีมเบนจึงได้สามคะแนนแรก“แม่ง มีผู้เล่นอยู่แค่สองคนหรือไงวะ” เบนพึมพำ เหงื่อเริ่มไหล
ยี่สิบนาทีผ่านไป ไอ้โง่หัวทองกลับมาหงุดหงิดใส่เขาอีกรอบ คงเป็นเพราะเบนเอาแต่ออกคำสั่ง “เลิกจู้จี้คนอื่นได้แล้วโว้ย” เด็กหนุ่มเตะบอลใส่เพื่อนร่วมทีม เบนเห็นลูกบาสลอยแหวกอากาศพุ่งตรงเข้ามา
เกมหยุดชะงักทันทีเมื่อลูกบาสหยุดลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” โนเอลตาโต อ้าปากหวอ
“ฝีมือฉันเอง ก็ไอ้หมอนี่ซัดลูกบาสใส่หน้าฉันนี่หว่า” เขาสารภาพ เพียงพริบตาเดียว ลูก
บาสตกลงบนฝ่ามือ “ครั้งหน้า ถ้านายคิดจะซัดลูกมาแบบนี้อีกละก็ รับรองได้เลยว่ามันจะกลับไปกระแทกหน้านายแน่ ๆ” เขาเตือนเด็กหนุ่ม“ถึงจะเป็นแค่เกมแต่ช่วยปรองดองกันหน่อยได้ไหม พวกนายอยู่ทีมเดียวกันนะ เวด อย่าหงุดหงิดสิ” อเล็กซิสพยายามประนีประนอม แต่ดูเหมือนเพื่อนของเธอจะไม่ชอบที่เธอทำแบบนี้ เขาเลยเดินออกจากสนามไปเลย ซาร่าห์ขยับตัวจะตามไป แต่อเล็กซิสห้ามไว้
“ฉันคุยกับเขาเอง” เธอบอกแล้ววิ่งตามเพื่อนออกไปอีกคน
“หมอนั่นไม่ชอบพวกเราเลยแฮะ” อเล็กซ์ตั้งข้อสังเกต พวกเขาอยู่ในช่วงพักรอให้ผู้เล่นอีกสองคนกลับมา “ทำไมหว่า เขาดูจะไม่ชอบนายเป็นพิเศษด้วยนะ ทำไมนายชอบสร้างศัตรูจัง”
เบนดื่มน้ำแก้กระหายก่อนตอบ “ฉันไม่ได้มีปัญหากับเขานะ เด็กนั่นคงเป็นพวกงี่เง่ามากกว่า”
อเล็กซ์แย่งขวดน้ำไปดื่ม “เออ แล้วนายก็หยุดใช้พลังโกงได้แล้ว เล่นแบบแฟร์ดิวะ พวกเราชนะได้นะ ถึงไม่ใช้พลัง อย่าลืม เข้าสังคม สร้างมิตร”
“ไม่โกงไม่ใช่นิสัยของฉันว่ะ” เขาตอบ
พวกเขาได้พักไม่กี่นาที เวดกับอเล็กซิสเดินกลับมา ดูเข้าใจกันดี เขาสังเกตจากสีหน้าของฝ่ายชายที่ไม่ค่อยถมึงทึงเหมือนตอนแรก
“ไม่มีอะไรแล้ว พวกเราเล่นต่อเถอะ” อเล็กซิสตบมือเรียกทุกคนกลับไป เวดกลับมาในทีม ไม่มองหน้าเบน แต่ไปยืนประจำตำแหน่งเดิม ท่าทางพยายามจดจ่อกับการแข่งขันมากขึ้น อเล็กซ์ตบหลังเบนชวนกลับเข้าสนาม
เวลาคนพูดว่ามันเป็นแค่เกมกีฬา เขาไม่เชื่อหรอกว่าหมายความแบบนั้นจริง เป็นเรื่องยากสำหรับเบนที่จะทำใจคล้อยตามประโยคที่หลอกให้ตายใจ แม้พวกเขาบอกว่ามันเป็นแค่เกม ไม่ต้องจริงจัง แต่เมื่อทุกคนอยู่ในการแข่งขัน ในสายตาของเขา แต่ละคนล้วนสวมเสื้อเกราะพร้อมรบกันทั้งนั้น แววตาแน่วแน่ คิ้วขมวด สายตาจับจ้องคู่ต่อสู้ สนามกีฬาคือสนามรบชัด ๆ
“สิบเก้าต่อเจ็ด” น้องสาวของเทสซ่าประกาศคะแนน เบนได้ลูกแล้วทำคะแนนอีกสาม “สิบเก้าต่อสิบ”
“ก็ไม่อยากจะชมนายหรอกนะ แต่ลูกเมื่อกี้เยี่ยมไปเลย” เทสซ่าว่า เธอทำท่าปรบมือเหมือนโดนบังคับ
ส่วนเธอก็ไม่ทำห่าไรเลย เบนหัวเสียเมื่อเขาคิดว่าทีมตัวเองใกล้จะแพ้ แถมยังมาแพ้พวกคนที่ไม่มีพลังอะไรเลยด้วย
ขณะนั้น อเล็กซ์ดั๊งลูกบาสทำให้คะแนนของทีมขึ้นมาเป็นสิบสอง เบนนึกสงสัยว่าอเล็กซ์แอบใช้พลังหรือเปล่า เพราะถึงแม้เขาจะกำชับไม่ให้เพื่อนตัวเองใช้พลัง แต่ตัวอเล็กซ์ใช่ว่าจะเป็นคนมีศีลธรรมแน่นอนซะเมื่อไร เขาอาจจะแอบใช้โดยไม่ให้ใครรู้ก็ได้
จากนั้นอเล็กซิสทำคะแนนอีกสามคะแนนถึงสองครั้งติด ผู้หญิงอะไรวะเนี่ย
“เสียดายแฮะ โรงเรียนเราน่าจะได้แชมป์” เขาได้ยินเวดเปรย ๆ
ระหว่างนั้นเบนกับอเล็กซ์ต่างช่วยกันพยายามทำคะแนน แต่พวกอเล็กซิสกับโนเอลก็ยังทำคะแนนทิ้งห่างไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งโนเอลขอเวลานอก
“ฉันว่าเรามาเปลี่ยนสมาชิกกันเถอะ เล่นแบบนี้ไม่ยุติธรรมเลย” โนเอลเสนอขึ้นมา เบนชักจะชอบชายคนนี้ขึ้นมานิดหนึ่ง ถึงแม้ซาร่าห์กับออสโล่จะเล่นไม่เอาไหน แต่ถ้าเทียบกับเทสซ่าที่กลัวบอล กับเวดจอมทำฟาวล์ พวกเขาเป็นทีมสมบูรณ์แบบ
“เป็นความคิดที่ดีมาก เอาเทสซ่าน้องสาวของนายไปเลย ส่งอเล็กซิสมาทีมฉัน” เบนไม่ลังเลแถมรีบเสนอข้อแลกเปลี่ยน
เทสซ่าทำเสียงฮึ่มใส่ แต่พี่ชายของเธอกลับหัวเราะเห็นเป็นเรื่องน่าขัน เขามองเบนเหมือนมองเด็กเล็ก ๆ อย่าเหมาว่าฉันเป็นน้องชายของนายเลย “มาเถอะ เทส” คนพี่เร่งน้องสาว เทสซ่ามอบนิ้วกลางให้เขาเป็นครั้งที่สามเพื่ออำลาก่อนเปลี่ยนทีมพออเล็กซิสมาอยู่ในทีม รูปเกมเปลี่ยนทันที โนเอลอาจตัวสูงใหญ่ แต่ตัวเขาไม่ใช่ผู้เล่นที่น่ากลัว เมื่อปราศจากคนส่งบอลที่ดี โนเอลก็ไม่ต่างอะไรจากกำแพงโง่ ๆ ที่ยืนขวางทางเท่านั้น ถ้าข้ามผ่านไปได้ ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว อเล็กซิสวิ่งเร็ว แถมยังชู้ตแม่น ทีมของเขาจากที่ตามหลัง ตอนนี้เลยขึ้นนำ ทว่าคะแนนยังไม่ห่างกันมาก เบนไม่ประมาท จนกระทั่งอเล็กซ์ขอเวลานอก“ฉันว่า เราควรเปลี่ยนผู้เล่น อย่างนี้มันไม่แฟร์นะ ให้ฉันเปลี่ยนกับออสโล่ก็ได้” อเล็กซ์โพล่งออกมา“อะไรของนายวะ” เบนแทบอยากจะเขวี้ยงลูกบาสในมือทิ้ง บางครั้งนิสัยขึ้น ๆ ลง ๆ ของเพื่อนสนิททำให้เขาปวดขมับ“ไม่เป็นไรหรอก ฉันว่าเราต้องจบเกมแล้วล่ะ ก่อนที่ออสโล่จะเป็นลม” อเล็กซิสว่า ทั้ง ๆ ที่ยังเล่นไปไม่ถึงชั่วโมง เด็กหนุ
“แล้วพวกเธอทำอะไรกัน หมายถึง คุยอะไรกันบ้าง”เธอหันหน้ามา เพ่งมอง“ฉันพูดอะไรผิดเหรอ”“เปล่า แค่รู้สึกแปลกใจที่นายดูสนใจเพื่อนของนายกับฉันมากขนาดนี้ นายคงไม่เห็นหน้าตัวเองหรอก แต่หน้าของนายตอนนี้ขึงขังมาก”“คือ” เขาพยายามหาข้อแก้ตัว “เขาขังตัวเองในห้องนั้นมาหลายวัน ฉันเป็นห่วงมาก แล้วจู่ ๆ เขาก็ออกมา ฉันก็เลยคิดว่า เธออาจจะมีส่วนช่วยด้วย”“อ้อ เข้าใจแล้ว แต่ไม่ใช่เพราะฉันหรอก เขาคิดได้ด้วยตัวเองน่ะ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสบาย ๆเบนจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้น จากนั้นเธอคลี่ยิ้มบาง ๆ “ไม่เชื่อเหรอ ฉันพูดจริงนะ พวกเราแค่คุยกันเรื่องปรัชญาต่าง ๆ เท่านั้นเอง”“หา ปรัชญาเหรอ”อเล็กซิสเลิกคิ้ว ทำให้เบนปรับสีหน้าเป็นปกติ “เดส์การ์ต อริสโตเติล ซาร์ต นายรู้จักคนพวกนี้ไหม”“แน่นอน ฉันรู้จัก...พวกเธอคุยกันแค่นี้เหรอ”“อื้อ ก็มีเรื่องอื่นด้วยแหละ แต่ว่าส่วนใหญ่คุยกันเรื่องนี้ เพื่อนของนายค่อนข้างรู้
เบ็กกี้เป็นเด็กใหม่ของที่นี่ เธอเพิ่งมาถึงหอพักแห่งนี้ยังไม่ครบวันเลยด้วยซ้ำ พอได้ยินว่ามีประกาศข่าวใหม่ เธอเห็นแต่ละคนรีบวิ่งไปที่โทรทัศน์จอยักษ์ เด็กสาวร่างเล็กเดินไหลไปตามกระแสมนุษย์ มือข้างซ้ายกุมข้อมือข้างขวาเอาไว้ เธอเดินค้อมตัว มองซ้ายมองขวาเหมือนกับมีคนกำลังจับผิดอยู่ และถ้าหากเธอทำอะไรผิดแปลกไป ทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ เธอจะโดนลงโทษ เมื่อเดินมาถึงข้างหน้าจอทีวี เด็กสาวแหงนหน้ามองข้อความที่เขียนบนนั้นกำหนดการเคลื่อนย้ายผู้พักอาศัยจะมีขึ้นในวันที่ 28 กรกฎาคม 3012 กรุณาทิ้งสัมภาระไว้ที่ห้อง และมารวมตัวกันเพื่อรอสัญญาณที่ห้องโถงในเวลา 18 นาฬิกา หมายเหตุ: ห้ามพกกระเป๋าสัมภาระ “เคลื่อนย้ายเหรอ หมายความว่าพวกเราต้องย้ายที่อยู่งั้นเหรอ” เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเธอพูดขึ้น เขามีผมสีแดงเช่นกัน แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยกระ เขามากับเพื่อนสาวคนหนึ่ง พอพูดจบ ทั้งสองก็พากันขยับมาข้างหน้า เบ็กกี้จึงมองเห็นแต่แผ่นหลัง เธอไม่ใช่เด็กหญิงตัวน้อย แต่เป็นเด็กสาวที่ร่างเล็กเหมือนเด็กน้อย แม้อายุครบสิบห้าปีเมื่อสองเดือนก่อน แต่เธอหาได้ตัวสูงขึ้นมากกว่าเดิมไม่ ที่สำคัญ ไซส์มินิแบบเบ็กกี้ไม่ได้ทำให้เธอดูน
เบ็กกี้พยายามจะหยุดเรมี แต่สายไปแล้ว สองคนนั้นเดินตรงมา เด็กสาวเดาว่า พวกเขาน่าจะอายุประมาณราว ๆ สิบเจ็ดสิบแปด เธอก้มหน้างุดและเลือกที่จะแอบอยู่ข้างหลังเพื่อนใหม่“มีอะไรให้ช่วยไหม” หนุ่มผมแดงถามพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น ส่วนเด็กสาวคนนั้นทำสีหน้าแบบเดียวกัน จนกระทั่งเบ็กกี้เห็นดวงตาสีน้ำเงินของเธอ สาวร่างเล็กตัวสั่นสะท้านขึ้นมาทันทีมันเป็นดวงตาคู่เดียวกับที่เธอเห็นในความฝัน ดวงตาที่แสนน่ากลัว ใช่ มันมีขอบสีน้ำเงินเข้ม ส่วนในม่านตาเป็นสีน้ำทะเลลึกที่เหมือนมีแสงส่องประกายระยิบระยิบอยู่ข้างใน ใบหน้านี้ด้วย ถึงแม้ในความฝันภาพจะไม่ชัด แต่มันเหมือนกับวงหน้างามที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ความฝันที่ทำให้ครอบครัวของเบ็กกี้ตัดสินใจส่งเธอไปยังสถานบำบัดทางจิต เพราะเด็กสาวเอาแต่กรีดร้องทุกคืน พวกเขาบอกว่าเธอเกิดมาพร้อมกับคำสาปซาตาน ไม่บริสุทธิ์ เต็มไปด้วยบาปกำเนิดมากกว่ามนุษย์ทั่วไป มันเป็นเพราะว่าเธอมักจะฝัน และความฝันจะกลายเป็นจริงอยู่บ่อยครั้ง ถ้าหากฝันเรื่องดี พวกเขาคงเปรียบเธอเหมือนนักบุญ แต่เมื่อมันเป็นเรื่องร้าย เธอจึงถูกเปรียบเหมือนลูกปีศาจ คำสาปที่เธอไม่เคยอยากได้ แล้ว
อเล็กซิสไม่สนใจเพื่อนชาย เธอหันมาหาเบ็กกี้ “เอาล่ะ หมดปัญหาแล้วนะ ฉันชื่อ อเล็กซิส คนนี้ชื่อ ออสโล่ นี่คือ เบน แล้วพวกนายชื่ออะไร”เด็กสาวไม่จำเป็นต้องตอบเมื่อเรมีทำหน้าที่แทนหมด “เรมี ส่วนนี่ก็เบ็กกี้”“อายุแค่สิบสี่ใช่ไหม” เบนถาม“ไม่ ๆ ฉันสิบหกแล้ว” เรมีรีบตอบ“เปล่า ฉันหมายถึงเด็กผู้หญิง”“สิบห้า...ต่างหาก” เธอพูดกระซิบเหมือนเคย“เฮ้อ มินนี่สองสินะ” คนชื่อเบนว่า เด็กสาวไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร แต่ความรู้สึกบอกว่ามันไม่ใช่คำชมเธอสังเกตเรมี เขาดูท่าอยากร่วมสนุกกับคนกลุ่มนี้มาก สายตานั้นมองเหมือนรอคอยคำชวน และเมื่อพวกเขาเอ่ยปากชวน เด็กหนุ่มตอบตกลงทันที เขายังลากเบ็กกี้ตามไปด้วยราวกับทั้งสองกลายเป็นพี่น้องกันไปแล้ว หรือรู้จักเป็นเพื่อนกันมานาน สมาชิกใหม่อย่างเธอยังคงกลัวดวงตาของอเล็กซิส ดังนั้นจึงเอาแต่อยู่ติดกับพี่ชายป้ายแดงและพยายามไม่พูดกับเธอคนนั้น อเล็กซิสคงจับสังเกตได้ เธอจึงหันไปคุยกับเรมีแทน เขาถึงกับหน้าบานอย่างกับจานดาวเทียม จะโทษเขาก็ไม่ไ
“ฮึ ๆ เปล่านะ ฉันไม่ได้หัวเราะ แต่...(เธอเอามือปิดปาก) ขอโทษที แต่...นี่คือเหตุผลเหรอ” ซาร่าห์กลั้นหัวเราะไม่มิด ขนาดเสียงหัวเราะยังใสเหมือนระฆัง“ออสโล่...แล้วนายล่ะ” เบนหันไปถามหนุ่มผมแดงพร้อมกับใบหน้าขบขัน“เอ่อ ฉันคิดเลขไว...หัวไว ประมาณนี้”เสียงหัวเราะดังลั่นกว่าเดิม เบ็กกี้กอดอกแน่น สมาชิกใหม่คนนี้เป็นคนเดียวที่ไม่เห็นว่ามันตลก“เวด แล้วนายล่ะ เพราะความหัวร้อนเกินมนุษย์ปกติหรือเปล่า”“หุบปากไปเลย ฉันเป็นลูกหลงเพราะยัยความจำดีกับไอ้คณิตคิดเร็วต่างหาก”เบ็กกี้มองดูเรมีขำขนาดเอากำปั้นทุบพื้น เสียงหัวเราะดังร่วนเหมือนไม่ได้หายใจ เบนกับอเล็กซ์หัวเราะจะเป็นจะตาย ไม่พยายามกลั้นเลยสักนิด พวกพี่น้องโธมัสขำอย่างสุภาพ พยายามไม่แสดงออกมากนัก อาจจะยกเว้นมินนี่ไว้คนหนึ่ง เธอมองคนอื่นด้วยสายตาเอ็นดูเหมือนพระแม่มองสรรพสัตว์“เงียบไปเลย!” เวดวักน้ำใส่ทุกคน ทำให้เบ็กกี้นึกถึงหมีขี้โมโห“หยุด หยุด อย่าวิดน้ำ มันเข้าตา!” สาวบลอนด์พยายามห้ามแฟนตัวเอง
ออสโล่และอเล็กซิสยิ้มน้อย ๆ ทำท่าราวกับเข้าใจว่าเธอรู้สึกอย่างไร แต่พวกเขาก็ยังอดขำไม่ได้ และเมื่อพวกเขาหัวเราะใส่เธอเกินพอดี โทสะเริ่มเดือด และพอมันเดือด เธอห้ามปากตัวเองไม่อยู่“มันไม่ตลกนะ! บางครั้งฉันเห็นเหตุการณ์ผ่านภาพในหัว มันผุดขึ้นมาเอง” หยุดพูดได้แล้วเบ็กกี้ หยุดพูด “ฉันพูดความจริง ฉันเคยฝันถึงเพื่อนคนหนึ่ง ฉันอยู่ในร่างของเธอ เห็นทุกสิ่งผ่านดวงตาของเธอ เธอลืมล็อกประตูห้องนอนและพ่อเลี้ยงก็เข้ามา ฉันพยายามเตือนเธอแล้ว แต่เธอบอกว่าฉันมันบ้า ประสาท เพี้ยน ฉันไม่ใช่เพื่อนของเธอ และพ่อเลี้ยงของเธอก็เข้ามาในห้องนอนจริง ๆ สุดท้าย เพื่อนคนนั้นก็เอาแต่โทษว่าฉันสาปแช่งเธอ”บรรยากาศเปลี่ยนไปทันทีเหมือนครั้งเรมี เสียงหัวเราะหายไป แต่พวกเขาไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูดเหมือนที่เชื่อเรมี สีหน้าของพวกเขาบ่งบอกว่าเห็นใจ แต่เธอไม่ต้องการความเห็นใจนั้น เด็กสาวร้องไห้ในใจ ทำไมถึงไม่หุบปากให้สนิท เธอรู้ว่าพวกเขาคิดอะไร พวกเขาคงนึกถึงสายรัดข้อมือเมื่อครู่และคงคิดว่า อ้อ อย่างนี้นี่เอง เธอเป็นคนป่วย เธอสมควรอยู่ที่นั่นต่อไป“เธอเป็นแม่หมอเหร
สาวน้อยผมแดงนอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียงคนไข้ โนเอลอุ้มร่างเล็กมาที่ห้องพยาบาล ข้างเตียงปรากฏเครื่องวินิจฉัยอาการที่ทำหน้าที่เสมือนคุณหมอรายงานอาการว่าเธอแค่เป็นลมไปเท่านั้น โดยไม่มีการกล่าวถึงอาการเจ็บปวดทางศีรษะแต่อย่างใด ไม่มีใครทราบว่าทำไมเบ็กกี้ถึงหมดสติกะทันหัน และก่อนหน้านั้น ทำไมเธอถึงกรีดร้องทุรนทุรายราวกับอาการปวดหัวรุนแรงสาหัสจนทำให้เธอขยับตัวไม่ได้ ได้แต่ร้องแบบนั้น อเล็กซิสจำเสียงนั้นได้ดีทีเดียว เพราะพอได้ยินก็เกิดอาการขนลุกขึ้นมาทันที เด็กสาวกลัวอะไรบางอย่าง...หรือบางที เธออาจจะกลัวอเล็กซิสอเล็กซิสและออสโล่นั่งมองเด็กสาวที่นอนอยู่บนเตียง เธอยังเด็กมาก เบ็กกี้สวมชุดกระโปรงสีครีมออกเหลืองที่น่าจะเคยเป็นสีขาวบริสุทธิ์มาก่อน ทั้งยังถักเปียสองข้าง ทั้งยังดวงตาสีเขียวเข้มที่เศร้าที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา อเล็กซิสสังเกตเห็นรอยช้ำตามลำตัวของเธอเหมือนกับที่มินนี่และเบนเห็น ทำไมเธอจะจำรอยแบบนั้นไม่ได้ เพราะมันคล้ายกับรอยที่คาเมรอนเคยฝากไว้สาวน้อยผมแดงมาจากสถานพักฟื้นผู้ป่วยจิตเวชในแคสติโมเนีย เมืองที่รายการข่าวมักเล่าว่าผู้คนที่นั่นชอบประกอบพิธีกรรมทางศาสนาแบบสุดโต่ง อเล็กซิสนึกส
สาวผมแดงนั่งมองพวกเขาอยู่บนเตียง ผ้าห่มคลุมร่างกายเปลือยเปล่าเพราะเสื้อผ้าถูกถอดออกทิ้งไว้บนพื้น อเล็กซิสกระตุกแขนไมเคิลที่ยืนแข็งเป็นท่อนไม้ เธอส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มมากกว่าแสดงออกว่าโกรธ “อยากร่วมด้วยเหรอ” เสียงของหล่อนแหบกระเส่าจงใจยั่วอีกฝ่าย สุดท้ายอเล็กซิสลากไมเคิลออกไปได้สำเร็จไมเคิลมองหน้าเธอ ใบหน้าแดงก่ำ “ฉันคิดว่าเธอถูกทำร้าย” แล้วชี้ไปที่บลูชายหนุ่มชี้หน้าตัวเอง “ฮะ ถูกทำร้าย?” จากนั้นระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น จากที่โมโหดูจะพอใจมากกว่า “ขอโทษที่รุนแรงจนนายตกใจ แต่ช่วยไม่ได้เพราะลีลาชั้นมันเผ็ดร้อน” เขาตบไหล่ชายหนุ่ม แต่ไมเคิลมีกะใจเบี่ยงตัวออก“คือ...บลู ไมเคิลค่อนข้างจะสับสนนิดหน่อย ฉันขอโทษจริง ๆ เขาไม่ได้ตั้งใจ” อเล็กซิสแก้ตัวให้เพื่อนและพยายามมองแค่หน้าของบลู ปกติแล้วเขาไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่เธอชอบ หรือตรงสเป็ก แต่หุ่นของเขานี่มัน...หน้าอกชายหนุ่มยังคงสั่นไปตามแรงหัวเราะ “พูดจริงดิ เพื่อนเธอไม่รู้จักเสียงเมื่อกี้เหรอ เอ แล้วที่อยู่ในห้องกันสองคนทำอะไรกันวะ” เขาหันไป
ไมเคิลพยายามทำตัวเป็นปกติ เขามานอนเล่นในห้องเธอตั้งแต่สี่โมงเย็น เพราะในห้องตัวเองเต็มไปด้วยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และสามหนุ่มไอทีอย่างโคดี้ เรมี กับอาคุสะที่พยายามถอดรหัสเข้าเครื่องให้ได้ ทอยซิตี้ไม่ใช่เมืองพักตากอากาศ หากพวกเขาไม่ดื่มหรือชมลานประลองก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีก ทั้งสองคุยกันว่าจะหางานทำช่วงเย็นดีไหม อย่างน้อยอาจแก้เบื่อแถมได้ชิปนิดหน่อย ไมเคิลเคยลองทำแล้วออกมาและอาจจะกลับเข้าไปใหม่วันนี้จึงผ่านไปอย่างช้า ๆ สำหรับทั้งสองคน บางครั้งเธอนั่งจดบันทึกอยู่ เขาจะเริ่มเข้ามากระแซะ หลายครั้งเธออยากให้ตัวเองคล้อยตามแต่มันมีบางอย่างที่ทำให้เธอหยุด สัมผัสของไมเคิลไม่ได้ทำให้เธอใจสั่น ทั้งที่หน้าตาและรูปร่างเป็นต่อ อาจเป็นเพราะแววตาของเขาแสดงความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าต้องการจริง ๆ และอาจเป็นเพราะเขาทำให้เธอรู้สึกกึ่ง ๆ ระหว่างออสโล่กับลิ้ตเติ้ลชาร์ลีมากเกินไป ความใกล้ชิดของพวกเขายิ่งกว่าก่อนอเล็กซ์จะตีจากเสียอีก แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องนอนตัก กอด หรือถูกเนื้อต้องตัว พวกเขาไม่เคยไปไกลเกินกว่านี้ ถ้าไม่นับจูบทดลองคราวนั้นและสุดท้าย เด็กหนุ่มมักผล็อยหลับบนตักเธอเสมอ ไมเคิลชอบให้เธอเ
คำสุดท้ายแรงเหมือนตบหน้าโดยไม่ใช่มือ แววตาหยิ่งผยองเมื่อครู่กลายเป็นหวาดหวั่น และเมื่ออเล็กซิสเห็นเงาตัวเองในดวงตาคู่นั้นก็ตกใจไม่แพ้กัน ความเกลียดชังในตัวเธอส่งผ่านออกมาจนเห็นชัดผ่านเงาสะท้อน และแม้แต่ตัวเองยังแทบรับไม่ได้กับใบหน้านั้น ดวงตาเธอเหลือบมองเทสซ่าและรีเวอร์ที่ยังคุยกันดี ไม่มีทะเลาะ จึงจับตัวมินนี่เลื่อนออกไป ให้ตัวเองมีช่องว่างปลีกตัวมินนี่ไม่สนใจ เธอเขยิบตัวแล้วก้าวไปเกาะกำแพงข้างหน้าแทน สายตาจดจ่ออยู่ที่พี่สาวตัวเองมากกว่าคนรอบข้าง เวลานี้อเล็กซิสไม่สนใจแล้วว่าต้องรอเทสซ่าหรือไม่ แต่ฉวยโอกาสนี้กลับเขต ใบหน้าอาฆาตเมื่อครู่ยังติดอยู่ในหัว“ฉันไม่เคยอยากให้พวกเขาตาย”เท้าเธอหยุดกะทันหัน เบลินดาเดินตามมา “เวดยังไม่ตาย” เธอสวน หันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้ที่มาจากที่เดียวกัน “เธอไม่เคยขอโทษ ไม่เคยรู้สึกผิด ตลอดเวลาฉันเห็นเธอลอยหน้าลอยตาราวกับตัวเองเป็นเหยื่อ...”“เพราะฉันเป็นเหยื่อ” เด็กสาวตรงหน้ากำหมัดแน่น มือทั้งสองข้างสั่นอเล็กซิสหัวเราะ “กล้าพูด”“เหยื่อของผองเพื่อ
“โอ้” ทำไมเราต้องรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ด้วยนะ เธอเหลือบมองเพื่อนสาวอีกที สองคนนั้นยังหัวเราะคิกคัก ไม่รู้ตัวว่ามีคนกล่าวถึง “หมอนั่นไม่ได้เป็นโรคจิตใช่ไหม” เธอถาม เพราะมินนี่ไม่เคยเก็บความลับของพี่สาวอยู่มินนี่ส่ายหัว “รีเวอร์น่ารักจะตาย ไม่กวนประสาทเหมือนโคดี้ด้วย เขาเป็นผู้ใหญ่ โนเอลก็ชอบ” แววตาสีฟ้าอ่อนสลดลงเมื่อนึกถึงพี่ชายที่จากไป อเล็กซิสลุกขึ้นกอดเธอเป็นการปลอบโยน “ถ้าเขาไม่หายไปและไม่ทำให้เทสซ่าเสียใจก็ดี แต่มันไม่ได้แปลว่าฉันเชียร์เขาแทนโคดี้นะ” เด็กสาวเงยหน้าทำตาปริบ ๆ ถึงแม้เธอค่อนข้างประหลาดไปสักหน่อย แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เอ็นดูน้องเล็กของพวกโธมัสคนนี้อเล็กซิสยิ้ม “ฉันรู้”เธอมองรีเวอร์อีกครั้ง ครั้งนี้เขารู้ตัวจึงเดินหายไป เธอไม่เคยรู้เรื่องเขาเลย ไม่แน่ใจว่าเทสซ่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับแฟนเก่า แต่ภาวนาว่าอย่าให้มีเรื่องขัดข้องใจกับแฟนปัจจุบันก็คงดี อเล็กซิสถอนหายใจ เธอนึกถึงวันที่อเล็กซ์เจอเธอแอบอยู่หลังถังขยะข้างตึกที่พักไมเคิล สติตกอยู่ใต้อำนาจฤทธิ์ยา ถึงแม้เธอไม่อาจตอบได้
พวกผู้หญิงมีวิธีบรรเทาความเครียดต่างกับผู้ชาย ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ไหน การได้จับจ่ายซื้อของคือความสุขและวิธีปลดปล่อยมวลพลังลบทั้งปวง ถึงแม้ที่นี่ไม่มีร้านบูติกแบรนด์ชั้นนำ หรือแม้แต่ร้านโนเนมดีไซน์ล้ำ มีเพียงตลาดมือสองและแผนกเสื้อผ้าในซูเปอร์ตั้งราวเรียงกันเป็นตับ ไร้รสนิยม แม้ทอยซิตี้ไม่มีตัวเลือกให้กับผู้หญิงมากนัก แต่แค่ได้สวมใส่ ลอง และซื้อ ก็สนองนี้ดได้ไม่ยาก และเพราะมันเป็นหนทางเดียวสำหรับพวกเธอคงมีแค่อเล็กซิสที่นั่งเท้าคางรอเทสซ่าแต่งตัวคนอย่างอเล็กซิสหรือจะแค่นั่งรอ เด็กสาวผู้ชื่นชอบสะสมเสื้อผ้าสวยและน้ำหอมเป็นชีวิตจิตใจ ทั้งที่ค่าตัวจากงานพิเศษต่าง ๆ ละลายไปกับของพวกนี้ เหตุใดเธอจึงนั่งเบื่อ ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ใครคือคนที่ช้อปด้วยต่างหาก และก็ไม่ใช่เพราะเทสซ่าแน่นอนเทสซ่าเดินออกจากห้องลองเสื้อพร้อมเบลินดา สวมเสื้อแจ็กเกตดำแบบเดียวกับที่เธอชอบยืมอเล็กซิสใส่สมัยอยู่ในหอพัก (ท่าทางจะชอบจริง ๆ) เสื้อนอกทับเสื้อสายเดี่ยวสีเขียวข้างใน ด้วยบุคลิกทะมัดทะแมง ผิวสีเชสนัทเกลี้ยงเกลา และรองเท้าบูตส์หนัง เธอยิ่งสวยและเท่เหมือนนางเอกเดินออกจากหนังแอคชั่น “สามพันสองร้อยชิป ไม่ใช่หนั
ไมเคิลส่ายหัวปัดมือให้เธอถอยออกไป (ไม่กล้าแตะตัวเธออีก) อเล็กซิสในอ้อมกอดอเล็กซ์ไม่ได้นอนหรือหลับ หากแต่ตื่นอยู่แต่เหมือนไม่ค่อยมีสติ ริมฝีปากพึมพำว่า “ปล่อย” เบา ๆ ในลำคอ“เปิดประตูสิ” อเล็กซ์สั่งเพราะมือทั้งสองอุ้มเพื่อนของเขาไว้“นายก็เขยิบสิ” เขาสั่งกลับ อเล็กซ์เลื่อนตัวเข้ามาใกล้ประตู เขาจับมืออเล็กซิสแตะที่ตัวสแกนเพื่อปลดกลอน มีเสียงดังกริ๊ก มือผลักบานประตูเปิดให้อเล็กซ์เข้าข้างใน “นี่” ไมเคิลไม่สนใจหญิงสาวเลยปิดประตูใส่หน้าหล่อนดังปัง เธอทุบครั้งหนึ่งก่อนจะด่าออกมา เมื่อนั้นเสียงฝีเท้าห่างออกไป ในที่สุด“ฉันอยากได้ผ้าชุบน้ำ”ไมเคิลพยักหน้า ส่วนอเล็กซิสก็พยายามจะลุกขึ้นจากเตียงให้ได้ “ไม่...ต้อง...” จนอเล็กซ์ดันตัวเธอลง “ไม่” สภาพอเล็กซิสไม่ต่างจากคนเมายา เขาไม่รู้ว่าเธอไปโดนอะไรมาแต่ก็ทำตามที่อเล็กซ์บอก นั่นคือเข้าไปในห้องน้ำแล้วคว้าผ้าขนหนูผืนเล็ก พอเปิดก๊อกก็พบว่าน้ำแรงปกติ โกหกจริงด้วย มือทั้งสองรีบบิดน้ำหมาด ๆ พอออกมาก็เห็นสองอเล็กซ์เถียง
ไมเคิลรุดไปยังหน้าต่างตรงทางเดิน ยกบานหน้าต่างจนสุดแล้วชะโงกหน้าออกไป ลมแรงตีปะทะหน้า ถึงแม้เขาจะชอบอากาศเย็นสบายมากกว่าร้อน แต่เมื่อทอยซิตี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ลมกลับไม่น่าพิสมัย สายตาของเขาเลื่อนไปช้า ๆ ทีละจุด ทีละจุด แต่ไร้ประโยชน์ ถึงอเล็กซิสอยู่แถวนี้ก็ยากที่จะเห็นอยู่ดี ทำไมต้องโกหก เธอไปไหนกันแน่ หัวใจบีบรัดเมื่อความผิดหวังจู่โจม เขาคิดว่าเธอไม่ไว้ใจเขา ทั้งที่เข้าใจว่าตนเองคือคนที่เธอสนิทใจที่สุด มากกว่าเทสซ่า แต่สุดท้าย เขาคิดผิดอเล็กซ์โผล่หน้าออกมาข้าง ๆ ผมของเขายาวจนต้องจับมันไว้ไม่ให้ปลิวและพัดเข้าหน้า “เขามีท่าทีแบบนี้มาสักพักแล้วยัง”ไมเคิลไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไร ตอนนี้ดูเหมือนทั้งสองจะพักอารมณ์เหม็นขี้หน้าชั่วคราว ถึงแม้ทุกคนเห็นว่าเธอค่อนข้างโทรมและเงียบกว่าตอนอยู่ในศูนย์ฝึก แต่ไม่ได้นึกถึงเรื่องอื่นเลย ใช่แล้ว ไม่มีใครสังเกตเลยรวมทั้งตัวเขาเองด้วย“เขาบอกอะไรนายบ้าง” ชายหนุ่มเริ่มยิงคำถาม “มันเกี่ยวกับที่โดนจับไปหรือเปล่า หรือไม่ใช่”“ไม่รู้!” ไมเคิลตอบอย่างมีอารมณ์ “แล้วนาย
ห้องของไมเคิลกับเรมีแออัดยิ่งกว่าเดิมเมื่อรองรับคนถึงเก้าคน คอมพิวเตอร์จอแบนขนาดสิบห้านิ้วตั้งกลางวง หน้าตามันดูดีจนไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาประกอบกันเอง เรมีเสียบปลั๊กแล้วกดเปิด หน้าจอสีดำกะพริบถี่ ๆ ก่อนเปลี่ยนเป็นสีฟ้าน้ำทะเลปรากฏเปลวไฟเป็นตัวอักษรรูปตัวเอทับต้นไม้ มันพลิ้วไหวเหมือนไฟมีชีวิต “โอ้โห” พวกเขาตื่นเต้น ไม่นานกล่องสีขาวเด้งออกมาเพื่อให้กรอกรหัส“ข้างในมีอะไรบ้าง” อเล็กซิสยื่นหน้าเข้ามา มือกำขวดน้ำแน่นท่าทางกระหายน้ำตั้งแต่เข้ามาในห้อง“ต้องกรอกรหัสก่อน” เรมีย้ำ สายตาจดจ่อกับหน้าจอดังกล่าว“กรอกสิ” เทสซ่าเร่ง “ฉันอยากรู้แล้ว”“เอ่อ” หนุ่มน้อยวัยสิบหกเคาะคีย์บอร์ดสัมผัส “เรายังแฮคมันไม่ได้”“หา?” พวกที่เหลือร้องออกมาพร้อมกัน “ถ้าอย่างนั้น...พวกนายเรียกให้พวกเราดูแค่ว่ามันเปิดได้”“ใช่” เรมีพยักหน้าหงึก ๆ “ไม่ตื่นเต้นกันเหรอ”“ฉันบอกแล้วว่าเราควรเจาะรหัสให้ได้ก่อน” อาคุสะพูดเสียงเรียบ เข
อเล็กซิสเงยหน้ามองไฟข้างบนอย่างกับจะจับผิดระบบ แต่ไมเคิลรู้ตัวการดีจึงเหยียดเท้าถีบเก้าอี้ข้างหน้า แม้ยั้งแรงไว้บ้างแต่ตัวอเล็กซ์อัดเข้ากับขอบโต๊ะจัง ๆ ไม่ทันร้องว่าเจ็บก็ลุกพรวดจนเก้าอี้กระแทกโต๊ะข้างหลังซึ่งก็คือระหว่างไมเคิลและอเล็กซิส เขาหมุนตัวเตรียมจะพุ่งเข้ามา ไมเคิลรออยู่แล้วง้างหมัดเตรียมสวน ทว่าสงครามยุติก่อนที่มันจะเริ่ม อเล็กซิสกับเรมีพร้อมใจกันกดเขาไว้กับโต๊ะ ส่วนอาคุสะและฟีบี้ทำแบบเดียวกันกับอเล็กซ์“ตรงนั้นมีอะไรกัน!”“เข้าใจผิดครับ เข้าใจผิด” เรมีตะโกน “พวกนายหยุดเดี๋ยวนี้”ทั้งสองจ้องหน้ากันราวกับเป็นศัตรูมาช้านาน ยิ่งอเล็กซ์ไม่ได้ตัดผมโกนหนวด หน้าตารุงรัง ยิ่งทำให้สีหน้านั้นเอาเรื่องกว่าตอนใบหน้าเกลี้ยงเกลา “บอกให้เขาหยุดสิ” ไมเคิลเถียง เสียงแหบแห้งเพราะน้ำลายติดคอ“นายนั่นแหละที่หยุด” เรมีกดศีรษะเขาลง“เบา ๆ เรมี ไมเคิลนายอยู่นิ่ง ๆ” อเล็กซิสว่า“ฉันไม่ได้เริ่ม!” เขาจ้องหน้าอเล็กซ์เขม็ง“เฮ้ ๆ พวกนาย” เทสซ่ายืนขึ้นเตรียมพ