“โอเค ในเมื่อมินนี่ไม่ยอมลงมาเล่น งั้นเรามาโอน้อยออกกัน!” อเล็กซิสดึงความสนใจจากทุกคนอีกรอบ ท่าทางกระเหี้ยนกระหือรืออยากเริ่มเล่นให้เร็วที่สุด แววตาของเธอเป็นประกายวิบวับ
พวกเขาแบ่งออกเป็นสองทีม ทีมของอเล็กซิสประกอบไปด้วยโนเอล ออสโล่ และซาร่าห์ ส่วนทีมของเทสซ่ามีเบน อเล็กซ์ และเวด
“ที่รัก พวกเราไม่เคยพรากจากกันเลย” เบนตรงเข้ากอดก่ายร่างสูงของเพื่อน ฝากฝังรอยเท้าไว้ที่ขากางเกงมากมาย
อเล็กซ์ทำหน้าเอือมระอา เขาดันศีรษะตัวเพื่อนออกไป แต่ไม่วายหัวเราะเบา ๆ
“มีกฎข้อเดียวเท่านั้น ห้ามโกง! ห้ามใช้พลังพิเศษเด็ดขาด” เด็กสาวตาสีน้ำเงินประกาศ แต่ไม่ได้จ้องมองใครเป็นพิเศษ
“นี่เธอก็รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ” เบนจ้องเพื่อนเขม็ง ต้องการให้อเล็กซ์คายทุกอย่างออกมาให้หมดเดี๋ยวนั้น
“ใช่ เธอรู้ว่าฉันมีพลังพิเศษ แต่เขาไม่รู้เรื่องของนาย โอเค้? ทำไมต้องให้ฉันบอกทุกเรื่องด้วย นายไม่ใช่เมียสักหน่อย”
“อ้าว ก็ฉันเป็นเพื่อนสนิท”
“ที่แม่งนอนกับแฟนฉันเนี่ยนะ”
“บอกแล้วว่าจุดประสงค์ดี”
“เฮ้ย พวกนาย จะเล่นไหม” เด็กสาวตะโกนมาจากกลางสนาม
“กำลังจะไป” อเล็กซ์ตะโกนตอบ จากนั้นถอดเสื้อเชิ้ตออก
“พวกนายทำอะไรเนี่ย” เทสซ่าถาม แต่ตาจ้องเขม็ง
เบนถอดเสื้อเชิ้ตตัวเองเช่นเดียวกัน เสื้อผ้าของพวกเขาไม่อำนวยต่อการเล่นกีฬา แต่ถอดแค่ส่วนบนเท่านั้น เพื่อให้การเคลื่อนไหวยืดหยุ่นมากขึ้น “เธอจะมาช่วยฉันถอดไหมล่ะ” เขาย้อนถามเธอ
สาวผิวเชสนัทมอบนิ้วกลางให้เบนเป็นครั้งที่สอง
“นายกับแม่สาวคนนั้นเป็นศัตรูกันเหรอ” อเล็กซ์ถามเมื่อเห็นความไม่ลงรอยของคนทั้งสอง “เธอไม่ปิดบังสายตารังเกียจนายเลยสักนิด แล้วนายก็ชอบไปแหย่อีก”
เบนยักไหล่แล้วยิ้มอย่างสบายอารมณ์ ทั้งสองคนวิ่งไปที่สนาม แต่ภายในหัวของเขากลับเต็มไปด้วยคำถามเกี่ยวกับสองอเล็กซ์ เป็นเรื่องปกติสำหรับเบนที่มักจะกระหายใคร่รู้เวลาเพื่อนสนิทสนใจเพศตรงข้าม สาวทุกคนที่อเล็กซ์ชอบ เบนไม่เคยลังเลที่จะจีบเพื่อพิสูจน์ให้เพื่อนเห็นว่าไม่มีใครซื่อสัตย์สมควรครอบครองอเล็กซ์เลยสักคน บางครั้งเขาเข้าใจ บางครั้งเขาทำเป็นไม่เข้าใจ แล้วแต่อารมณ์ในเวลานั้น แต่สุดท้าย ไม่ว่าเขาทำสำเร็จกี่ครั้ง อเล็กซ์ให้อภัยตลอด วนเป็นลูปแบบนี้ไปเรื่อย
เมื่อเกมเริ่ม เบนค้นพบว่าบาสเกตบอลไม่ใช้กีฬาที่ยาก และที่สำคัญ มันสนุกกว่าที่คิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามีพลังจิตควบคุมสิ่งของได้ดั่งใจนึก เกมจะเล่นได้ง่ายขึ้นแยะถ้าหากไอ้เพื่อนตัวดีไม่คอยกันไว้ อเล็กซ์สกัดการใช้พลังของเขาอยู่ตลอด กลายเป็นว่าสมาชิกในทีมพยายามกันลูกบาสออกจากคนในทีมเสียเอง แล้วทีมของพวกเขาจะชนะได้อย่างไร ที่แย่ไปกว่านั้น เวดมักลืมใช้มือรับลูก แต่ใช้เท้าเตะลูกจนได้ฟาวล์เกือบตลอด ชายหนุ่มรู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วกาย
“ไม่ใช่ฟุตบอลโว้ย!” เบนโหวกเหวกใส่เพื่อนร่วมทีมเมื่อเห็นโนเอลกับอเล็กซิสต่างทำคะแนนไปอีกคนละสองคะแนน ในขณะที่ทีมของเขายังได้แค่ศูนย์คะแนน
“ก็เขาเป็นนักฟุตบอลมาก่อน มันชินเท้า อย่าโทษเขาเลยน่า” ซาร่าห์แก้ตัวให้คู่ควงของเธอแม้จะอยู่กันคนละทีม
“ฉันไม่สนว่าเขาเคยเป็นอะไรมาก่อน หรือเคยทำอะไร นาย เจ้าหนูล่ำบึ๊ก หัดใช้มือให้ชินซะ”
“อย่าเรียกฉันแบบนั้น ไอ้เตี้ย!”
“ฉันเตี้ยกว่านายแค่นิ้วเดียวเอง ตาบอดหรือโง่วะ”
พวกเขาพักรบสักพักเพื่อเล่นเกมต่อ เบนหมุนตัวเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนไหวเพื่อหลบ
อเล็กซิสที่พุ่งเข้ามาขวางไม่ให้เขาส่งลูก เด็กสาวเคลื่อนไหวเร็วกว่าที่คาดไว้มาก เขาหมุนตัวหลบอีกรอบ ส่วนสายตากวาดมองไปทางอเล็กซ์และเวด (ลืมเทสซ่าไปได้เลย เพราะยายคนนี้เอาแต่วิ่งแล้วร้องกรี๊ดเวลาลูกพุ่งเข้ามา) พอสบโอกาสเห็นบริเวณที่เวดยืนอยู่ร้างผู้คน ไม่มีใครกันไว้ เขาจึงส่งบอลต่อให้ แต่เด็กหนุ่มรับพลาดอีกแล้ว อเล็กซ์คว้าบอลได้ทันท่วงทีก่อนที่ออสโล่จะขโมยมันไป จากนั้นเขาชู้ตลงตะกร้า ทีมเบนจึงได้สามคะแนนแรก“แม่ง มีผู้เล่นอยู่แค่สองคนหรือไงวะ” เบนพึมพำ เหงื่อเริ่มไหล
ยี่สิบนาทีผ่านไป ไอ้โง่หัวทองกลับมาหงุดหงิดใส่เขาอีกรอบ คงเป็นเพราะเบนเอาแต่ออกคำสั่ง “เลิกจู้จี้คนอื่นได้แล้วโว้ย” เด็กหนุ่มเตะบอลใส่เพื่อนร่วมทีม เบนเห็นลูกบาสลอยแหวกอากาศพุ่งตรงเข้ามา
เกมหยุดชะงักทันทีเมื่อลูกบาสหยุดลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” โนเอลตาโต อ้าปากหวอ
“ฝีมือฉันเอง ก็ไอ้หมอนี่ซัดลูกบาสใส่หน้าฉันนี่หว่า” เขาสารภาพ เพียงพริบตาเดียว ลูก
บาสตกลงบนฝ่ามือ “ครั้งหน้า ถ้านายคิดจะซัดลูกมาแบบนี้อีกละก็ รับรองได้เลยว่ามันจะกลับไปกระแทกหน้านายแน่ ๆ” เขาเตือนเด็กหนุ่ม“ถึงจะเป็นแค่เกมแต่ช่วยปรองดองกันหน่อยได้ไหม พวกนายอยู่ทีมเดียวกันนะ เวด อย่าหงุดหงิดสิ” อเล็กซิสพยายามประนีประนอม แต่ดูเหมือนเพื่อนของเธอจะไม่ชอบที่เธอทำแบบนี้ เขาเลยเดินออกจากสนามไปเลย ซาร่าห์ขยับตัวจะตามไป แต่อเล็กซิสห้ามไว้
“ฉันคุยกับเขาเอง” เธอบอกแล้ววิ่งตามเพื่อนออกไปอีกคน
“หมอนั่นไม่ชอบพวกเราเลยแฮะ” อเล็กซ์ตั้งข้อสังเกต พวกเขาอยู่ในช่วงพักรอให้ผู้เล่นอีกสองคนกลับมา “ทำไมหว่า เขาดูจะไม่ชอบนายเป็นพิเศษด้วยนะ ทำไมนายชอบสร้างศัตรูจัง”
เบนดื่มน้ำแก้กระหายก่อนตอบ “ฉันไม่ได้มีปัญหากับเขานะ เด็กนั่นคงเป็นพวกงี่เง่ามากกว่า”
อเล็กซ์แย่งขวดน้ำไปดื่ม “เออ แล้วนายก็หยุดใช้พลังโกงได้แล้ว เล่นแบบแฟร์ดิวะ พวกเราชนะได้นะ ถึงไม่ใช้พลัง อย่าลืม เข้าสังคม สร้างมิตร”
“ไม่โกงไม่ใช่นิสัยของฉันว่ะ” เขาตอบ
พวกเขาได้พักไม่กี่นาที เวดกับอเล็กซิสเดินกลับมา ดูเข้าใจกันดี เขาสังเกตจากสีหน้าของฝ่ายชายที่ไม่ค่อยถมึงทึงเหมือนตอนแรก
“ไม่มีอะไรแล้ว พวกเราเล่นต่อเถอะ” อเล็กซิสตบมือเรียกทุกคนกลับไป เวดกลับมาในทีม ไม่มองหน้าเบน แต่ไปยืนประจำตำแหน่งเดิม ท่าทางพยายามจดจ่อกับการแข่งขันมากขึ้น อเล็กซ์ตบหลังเบนชวนกลับเข้าสนาม
เวลาคนพูดว่ามันเป็นแค่เกมกีฬา เขาไม่เชื่อหรอกว่าหมายความแบบนั้นจริง เป็นเรื่องยากสำหรับเบนที่จะทำใจคล้อยตามประโยคที่หลอกให้ตายใจ แม้พวกเขาบอกว่ามันเป็นแค่เกม ไม่ต้องจริงจัง แต่เมื่อทุกคนอยู่ในการแข่งขัน ในสายตาของเขา แต่ละคนล้วนสวมเสื้อเกราะพร้อมรบกันทั้งนั้น แววตาแน่วแน่ คิ้วขมวด สายตาจับจ้องคู่ต่อสู้ สนามกีฬาคือสนามรบชัด ๆ
“สิบเก้าต่อเจ็ด” น้องสาวของเทสซ่าประกาศคะแนน เบนได้ลูกแล้วทำคะแนนอีกสาม “สิบเก้าต่อสิบ”
“ก็ไม่อยากจะชมนายหรอกนะ แต่ลูกเมื่อกี้เยี่ยมไปเลย” เทสซ่าว่า เธอทำท่าปรบมือเหมือนโดนบังคับ
ส่วนเธอก็ไม่ทำห่าไรเลย เบนหัวเสียเมื่อเขาคิดว่าทีมตัวเองใกล้จะแพ้ แถมยังมาแพ้พวกคนที่ไม่มีพลังอะไรเลยด้วย
ขณะนั้น อเล็กซ์ดั๊งลูกบาสทำให้คะแนนของทีมขึ้นมาเป็นสิบสอง เบนนึกสงสัยว่าอเล็กซ์แอบใช้พลังหรือเปล่า เพราะถึงแม้เขาจะกำชับไม่ให้เพื่อนตัวเองใช้พลัง แต่ตัวอเล็กซ์ใช่ว่าจะเป็นคนมีศีลธรรมแน่นอนซะเมื่อไร เขาอาจจะแอบใช้โดยไม่ให้ใครรู้ก็ได้
จากนั้นอเล็กซิสทำคะแนนอีกสามคะแนนถึงสองครั้งติด ผู้หญิงอะไรวะเนี่ย
“เสียดายแฮะ โรงเรียนเราน่าจะได้แชมป์” เขาได้ยินเวดเปรย ๆ
ระหว่างนั้นเบนกับอเล็กซ์ต่างช่วยกันพยายามทำคะแนน แต่พวกอเล็กซิสกับโนเอลก็ยังทำคะแนนทิ้งห่างไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งโนเอลขอเวลานอก
“ฉันว่าเรามาเปลี่ยนสมาชิกกันเถอะ เล่นแบบนี้ไม่ยุติธรรมเลย” โนเอลเสนอขึ้นมา เบนชักจะชอบชายคนนี้ขึ้นมานิดหนึ่ง ถึงแม้ซาร่าห์กับออสโล่จะเล่นไม่เอาไหน แต่ถ้าเทียบกับเทสซ่าที่กลัวบอล กับเวดจอมทำฟาวล์ พวกเขาเป็นทีมสมบูรณ์แบบ
“เป็นความคิดที่ดีมาก เอาเทสซ่าน้องสาวของนายไปเลย ส่งอเล็กซิสมาทีมฉัน” เบนไม่ลังเลแถมรีบเสนอข้อแลกเปลี่ยน
“ตอนเรียน ฉันกับเพื่อนก็เถียงกันนะว่ามันอยู่ในสสารไหน พลาสม่าหรือก๊าซ แต่ที่แน่ ๆ ในเมื่อนายสร้างมันเองได้ เป็นไปได้ว่าพลังของนายอาจไม่ใช่ควบคุมไฟหรือความร้อน อาจจะมากกว่านั้น” เร็กกี้ตั้งข้อสังเกต อเล็กซิสชอบเวลาเขาพูด ริมฝีปากของเร็กกี้อวบอิ่มดูเซ็กซี่ ยิ่งผิวสีแทนเข้มไหล่หนา...จะว่าไป เธอเริ่มรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกนิยาย เพราะผู้คนรอบข้างหน้าตาดีกันทั้งนั้น“นี่”ไมเคิลปลุกสติแล้วลากเธอให้มานั่งในห้องครัวพร้อมกับเรมี อาคุสะ และเร็กกี้ ทีแรกเขาปรึกษาเพื่อนสองคนที่ดูจะมีหัวสมองทางวิทยาศาสตร์มากที่สุด แต่ทั้งสองกลับแนะนำเร็กกี้ และก็ไม่ผิดหวัง ไมเคิลฟังหนุ่มผิวแทนพูดแล้วก็แบมืออีกครั้ง ไฟปรากฏขึ้นแล้วดับไป อาคุสะเห็นดังนั้นจึงลุกไปรินน้ำใส่แก้ว แล้ววางลงบนโต๊ะ เมื่อไมเคิลอังมือใกล้ ๆ น้ำเดือดจนมีไอขึ้นมา“ทีแรกฉันเข้าใจว่าเป็น...เอ่อ เกี่ยวกับความร้อน คือ...ฉันไม่รู้เรื่องพวกนี้ดีเท่าไรนะ แค่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรได้ มันเป็นสัญชาตญาณน่ะ ดังนั้นขอใช้ภาษาชาวบ้านเลยละกัน ตอนแรกฉันคิดว่าฉันควบคุมความร้อน ตอนสู้กับไซบอร์กในทอยซิตี้ นายจำได้
กลุ่มกบฏบางกลุ่มต้องการทำลายนิวโฮป จึงไม่ใช่ทุกกลุ่มที่ยินดีอ้าแขนต้อนรับพวกเขา และข้อสำคัญคือ พวกเขาจะติดต่อคนเหล่านี้ได้อย่างไร จะรู้ได้อย่างไรว่ากลุ่มไหนตอบโจทย์ที่พวกเขาต้องการไม่มีใครตอบได้ แม้แต่บลูก็จนแต้ม เขาเพียงแค่อยากอยู่ที่นี่ ใกล้กับหลุมศพน้องชาย“ไมเคิล ฉันว่าไม่ปกตินะ” จอห์นปลุกสติของเขาอีกครั้งสายฟ้าของอเล็กซ์ฟาดซัดต้นไม้แถบนั้นเป็นจุณทีเดียวนับสิบต้น ขณะเดียวกันกระแสไฟฟ้าแล่นเป็นวงรอบตัวเขา อาคุสะเริ่มตื่นตัว ออร่าสีเขียวและเหลืองแผ่ออกไป“อเล็กซิส ถอยออกไป!” เป็นอเล็กซ์ที่ตะโกนเตือนแฟนสาว “ฉันคุมมันไม่ได้!”“แย่ละ” ไมเคิลกับจอห์นวิ่งเข้าไปอเล็กซิสควบคุมมวลน้ำเพื่อดับไฟ แต่กระแสไฟฟ้าของคนรักยังแล่นออกมาเรื่อย ๆ จนเธอเริ่มหาที่หลบไม่ได้ เขาหาทางจะเข้าไปช่วยฝาแฝด ตอนนี้แทบมองไม่เห็นอเล็กซ์เพราะมีแต่กระแสไฟฟ้าพัวพันรอบตัวเทสซ่าหวีดร้องขึ้นมา เธอกับอาคุสะจับมือกันแน่น พื้นดินบริเวณนั้นสั่นสะเทือน เขาสบตากับจอห์น ใช่ แผ่นดินไหว แต่...ฝีมือธรรมชาติหรือสัญชาตญ
ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ที่แท้นาฮีมานาไม่ได้คิดจะให้พวกเขากลับนิวโฮปแต่แรก ไมเคิลหันไปมองพวกเพื่อน ๆ เทสซ่านั้นคิ้วขมวดจนเป็นปม เธอนั่งกอดอกหลังตรงแล้วเม้มปากแน่น หากแต่ไหล่สั่น ขณะที่คนอื่นถกเถียงกัน อเล็กซิสก็นั่งเท้าคางใช้ความคิด ไมเคิลสัมผัสความรู้สึกร่วมของคนในนี้ได้อย่างหนึ่ง นั่นคือความเศร้าเมื่อรู้ว่าจะไม่ได้กลับบ้าน หรืออาจจะไม่มีวันได้กลับ“ถ้าหาก...ถ้าหากเราทำให้เมเคอร์เข้าใจได้ว่าพวกเราไม่เป็นภัย พวกเราเป็นชาวนิวโฮป อยากปกป้องบ้านเหมือนกัน ถ้าเราทำให้เขาเห็นจุดยืนของพวกเราว่าไม่ได้เป็นภัยต่อไลบราเรีย ต่อโลก...” ไมเคิลเลิกคิ้ว เพราะเทสซ่าพูดเหมือนอเล็กซิสเปี๊ยบ“ฉันคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยเทสซ่า เมเคอร์ไม่มีวันให้กองกำลังกับพวกเธอแน่”“ฉันไม่ได้หมายถึงกองกำลัง ฉันหมายถึงตัวพวกเราเอง ถ้าเขามองว่าพวกเราเป็นภัย ทำไมไม่มองว่าพวกเราเป็นอาวุธให้พวกเขาได้”“เทสซ่าพูดถูก” เซนว่า “ทหารสามคนนั้นก็เป็นกลุ่มเสี่ยง”“ลูเซียนบอกว่าเพราะพวกเขาเป็นชาวไลบราเรียนอยู่ก่อนแล้ว ทั้งยังถ
มีเพียงสิ่งลมเขย่ากิ่งไม้ไปมา แสงสีแดงริบหรี่จนแทบเลือนหายไป ความมืดย่างกรายแทนที่ แต่ดวงตาสีน้ำเงินของอเล็กซิสกลับสว่างไสว ช่างเหมือนกับดวงตาคู่นั้นที่คอยจ้องเขายามค่ำคืน ไมเคิลในวัยเด็กมีอาการตื่นตระหนกบ่อยครั้ง และลูก้าเป็นคนปลอบเขา ถึงแม้เขาไม่เคยล่วงรู้เรื่องแฝดอีกคน แต่เพราะดวงตาของเธอเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาอยากอยู่ใกล้เธอ ในยามนี้เขาอ่านความคิดเธอออก ผ่านแววตาและสีหน้า ทั้งคู่ไม่คิดว่าลูเซียนโกหก อย่างไรก็ตามยังคิดว่าอีกฝ่ายบอกไม่หมด ความปรารถนาดีมีบางอย่างเคลือบแฝง ผลงานของลูเซียนคือเครื่องมือที่ฆ่าโนเอลและเบน เขาไม่มีวันให้อภัย เพียงแต่ว่า พวกเขาจะต้องชั่งใจให้ได้ว่าการเชื่อฟังลูเซียนจะเป็นประโยชน์มากกว่าเพิกเฉยหรือไม่เขารู้ว่าอเล็กซิสเสียใจ เธอบอกน้องชายคนนี้เสมอว่านิวโฮปจะเป็นบ้านใหม่ของพวกเขา“อเล็กซิส ไมเคิล” หญิงสาวผมสีดำเรียกสติฝาแฝดทั้งสอง “กลับกันเถอะ มืดแล้ว”“เดี๋ยว...” เขาชะลอเธอรอฟัง แต่เป็นพี่สาวของเขาที่พูด“ถ้าคุณอยากให้พวกเราคล้อยตามลูเซียน คุณต้องบอกมาให้หมดว่าคุณกับเขารู้จักกัน
ดวงตาสีแดงกลอกไปมาราวกับดูแคลนคำพูดของพวกเขา “ผมหวังดี ที่พวกเขากลับไปไม่ใช่เพราะถอย แต่จะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับกองทหารและอาวุธมากมาย เมเคอร์ไม่ปล่อยพวกคุณแน่นอน เขาไม่อยากยืดเยื้อ และคราวนี้ได้คงใช้วิธีดึงอาร์คาเดียมาช่วย ทั้งนิวโฮปก็เจอปัญหา ดังนั้นถ้ากำจัดพวกคุณได้เร็วเท่าไร ฝ่ายทหารจะโฟกัสกลับนิวโฮปได้ดีขึ้น”“เกิดอะไรกับนิวโฮป” อเล็กซิสซักทันที “เมเคอร์...เจ้าชายเมเคอร์ใช่ไหม ที่คุณว่า”ลูเซียนพยักหน้า “ใช่ ตำแหน่งเขาสูงกว่าผม ถ้าคุณสังเกตคำนำหน้า ผมเป็นลอร์ด เขาถือตำแหน่งเจ้าชาย เมเคอร์ต้องการทำลายกลุ่มเสี่ยง เขาเห็นว่าพวกคุณเป็นภัย” ชายอัลบิโนขยับตัว มีภาพยานสงครามฝูงหนึ่งปรากฏขึ้น เขาชี้ไปที่รูปพวกนี้ “นี่คือสิ่งที่พวกคุณจะเจอ ในดิสก์แผ่นนี้ ผมมอบโลเคชันให้พวกคุณหนีไปหลบภัย รับรองว่าไม่มีใครเข้าไปยุ่งกับที่นี่ได้ เมื่อสถานการณ์ในนิวโฮปดีขึ้น ผมจะหาทางทำให้เมเคอร์เปลี่ยนใจ”“คุณมีพลังจิตไม่ใช่หรือ คุณควบคุมจิตใจเขาได้...” อเล็กซิสว่า“ถ้าผมทำได้ผมทำไปนานแล้ว” แต่สาย
แดดสนธยาส่องผ่านร่มไม้จนเกิดลำแสงสีทองเป็นริ้ว คนสามคนเดินย่ำเท้าไปตามใบไม้แห้ง ลมเย็นโชยสลับผสานกับลมร้อนในตอนกลางวัน เวลากำลังผลัดเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงกลางคืน“คุณแน่ใจใช่ไหมว่าไม่ใช่กับดัก” อเล็กซิสถามยายแม่มด (และพักนี้ไมเคิลมักใช้คำนี้บ่อย เพราะไอ้นิสัยชอบรู้เรื่องมากมายแต่ไม่ยอมเล่าให้หมดของนาฮีมานาทำให้เขารำคาญ) “เราจับโดรนสอดแนมมาได้สามวัน แล้ววันนี้เขาก็เรียกแค่พวกเราแค่สามคน ทำไมต้องเป็นคุณ ทำไมต้องเป็นพวกเรา”“เขาไม่ชอบคนเยอะ อาจเป็นเพราะพวกเธอเห็นหน้าเขาแล้วมั้ง แต่ฉันเชื่อว่ามันเป็นจุดประสงค์ดี”เธอมั่นใจอะไรในตัวคนคนนี้กัน คนที่สามารถแฝงตัวอยู่ในกลุ่มเมื่อไรก็ได้เพียงแค่ควบคุมสมองไม่ให้มองเห็น สามารถปรับเปลี่ยนความคิดใครก็ได้ แล้วจะเชื่อใจนาฮีมานาได้อย่างไร ไมเคิลสงสัยนัก“ผมไม่คิดอย่างนั้นนะ” เขาโพล่ง “ลูเซียนเป็นหัวหน้าทีมวิจัย คุณรู้หรือเปล่าว่าพวกเราผ่านอะไรมาบ้างกับงานของทีมวิจัย เราต้องเสียอะไรบ้างกับงานของเขา”“ฉันรู้ดี” นาฮีมานาตอบโดยไม่หันมามอง เ