LOGINไวน์ที่สั่งได้ถูกนำมาเปิด หลังจากนั้นทุกคนก็ดื่มกันตามปกติ ส่วนผิงที่ตัวติดกับเอสก็ค่อย ๆ ออกห่างราวกับเป็นคนละคน
งานเลี้ยงจัดขึ้นไม่ถึงสองทุ่มก็เลิกแล้ว ปกติของงานเลี้ยงรุ่นที่มาพบปะสร้างสรรค์กัน เรื่องค่าใช้จ่ายจะช่วยกันออก ตอนนี้จึงให้คุณครูกับก่อน เพราะว่าไม่อยากให้ครูจ่ายเงินด้วย ถ้าครูอยู่คงจ่ายมากกว่าคนอื่นแน่ วิโรจน์เป็นคนพาครูสายใจไปขึ้นรถ ก่อนจะกลับมาพร้อมกับพนักงานโรงแรม “ได้เวลาเก็บเงินแล้วทั้งหมด ห้าหมื่นบาท ค่าไวน์แยกใช่ไหม?” พนักงานตรวจดูบิลค่าอาหาร ก่อนจะมองหาคนรับผิดชอบค่าไวน์ วิโรจน์จึงเข้ามาตรวจดูบิลค่าไวนอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มมุมปาก มองดูเอสด้วยความสะใจ “นั้นคือคนที่รับผิดชอบค่าไวน์ครับ” วิโรจน์ชี้นิ้วมาที่เอส ทำให้พนักงานเข้ามายื่นบิลให้เขา “ค่าไวน์ สองแสนสี่หมื่นบาทครับ จะจ่ายด้วยบัตรหรือเงินสดดี” ราคาของไวน์ทำให้คนในห้องแตกตื่น ก่อนจะรีบถอยห่างจากเอสไม่อยากเข้าใกล้เขา เพราะรู้ว่าราคานี้เอสไม่มีทางจ่ายไหวหรอก “เอ่อ...จ่าย” “จ่ายไม่ไหวสินะ...ทำไมถึงสั่งไวน์ราคาแพงละ” ผิงกอดอกพูดเหมือนคนไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาว นี้คือนิสัยจริง ๆ ของเธอเหมือนตอนมัธยม “ถ้าจ่ายไม่ไหว ก็ต้องถูกดำเนินคดีนะ รู้ว่าตัวเองไม่มีเงินยังจะใจปล้ำโชว์สาวอีก...อยากเอาหน้าก็ให้มันน้อย ๆ หน่อย” “ตอนนี้เราจ่ายค่าอาหารกับค่าโรงแรมก่อนเถอะ อย่าไปยุ่งกับค่าไวน์นั่นเลย” “ขอโทษด้วยนะ ขอบคุณที่นายเลี้ยงไวน์แพง ๆ มันอร่อยจริง ๆ แต่ฉันไม่มีปัญญาช่วย” เพื่อนไม่มีใครอยากช่วย เพราะราคามันแพงมาก ต่อให้ช่วยกันก็เป็นหมื่น มีแต่วิโรจน์ที่คิดเอาไว้แล้ว เขายิ้มเยาะด้วยความสะใจ ในที่สุดจุดตกต่ำของเอสก็มาแสดงต่อหน้าเขา ยิ่งตอนนี้เอสไม่โต้ตอบอะไร เพราะเขาเกือบหลุดขำออกมา ในเมื่ออยากทำให้เจาหมดสภาพ เขาก็จะเล่นตามนี้ก็แล้วกัน “ราคาไวน์แพงมากจริง ๆ ถ้าจ่ายไม่ไหวจะเกิดอะไรขึ้นครับ” “ถ้าจ่ายไม่ไหว ก็ต้องทำงานใช้แรงแต่หนี้จะเพิ่มเป็นสองเท่า หรือก็คือคุณต้องทำงานให้กับเรามากกว่าเดิม” วิโรจน์กับกลุ่มเพื่อนของพวกเขาต่างพากันหัวเราะสะใจ ที่เห็นเขาในสภาพนี้ “นายนี้โง่จริง ถูกฉันยั่วนิดเดียวก็ตามใจฉัน คิดเหรอว่าฉันจะมองนาย” เธอพูดพลางยิ้มเยาะ เอสรู้สึกว่าเธอทำมากไปแล้ว เขาอยากจะเล่นกับเธอขึ้นมาจริง ๆ ด้วยสิ เด็กดื้อต้องโดนสั่งสอนให้เข็ดหลาบ “ก็จริงอยู่ว่าฉันบอกว่าจะจ่าย แต่ฉันไม่ใช่คนที่สั่งด้วยสิ ตอนนี้ฉันไม่รับผิดชอบแล้ว” “คิดว่าที่นี้เป็นที่ชั้นต่ำเหรอ รู้ไหมว่าใครเป็นเจ้าของ ถ้าอยากเจอปัญหาใหญ่ก็ลองดูสิ" “ขอโทษนะ พอดีบิลนี้นายคงต้องรับผิดชอบแล้วละ” “ไอ้โง่...คิดว่าจะพูดแก้ตัวได้เหรอฝันไปเถอะ” ใครจะไม่รู้ว่าโรมแรมระดับนี้ เจ้าของต้องมีอิทธิพลมากแน่ ๆ แต่นั้นไม่ใช่ปัญหา “ลองถามพนักงานดูสิ” พนักงานที่เห็นว่าเรื่องราวกำลังวุ่นวาย อีกอย่างการเอาคนมาใช้แรงเพื่อแทนเงินก็ไม่ใช่ทางออกที่ดี เขาอาจถูกตำหนิจนถึงขั้นเดือดร้อนได้ ทางที่ดีคือให้คนรับผิดชอบที่สามารถจัดการยอดนี้ได้ “แน่นอนว่าทางเรามีสิธีจัดการ คนที่สั่งจะต้องรับผิดชอบยอดเงินนี้ครับ” คำพูดของพนักงานทำเอาตัวของผิวแข็งทื่อ ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ ถ้าให้เธอจ่ายจริง ๆ คงไม่มีปัญญาแล้ว “ไม่ใช่สิ ก็เขาบอกว่าจะจ่าย ทุกคนก็ได้ยิน” “ใช่ ๆ เขารับปากว่าจะจ่าย” ทุกคนเป็นพยานให้เธอ เพราะเธอเป็นพวกของวิโรจน์ ที่ใครก็ไม่อยากมีเรื่องด้วย แม้จะรู้ว่าไวน์ที่เอสจะจ่าย แค่ขวดละพันเท่านั้น “ถ้างั้นก็รับผิดชอบทั้วสองคน” ผิงมองหน้าวิโรจน์เพื่อขอความช่วยเหลือจากเขา เพราะแผนของวิโรจน์ที่คิดขึ้นมา ทว่าเขากลับถอยออกห่างไปจากเธอ เขาไม่โงพอจะจ่ายเงินแสนกว่าบาทเพื่อเธอแน่ แม้จะมีเงินจ่ายก็ตาม “หมายความว่าไง จะทิ้งฉันเหรอพวกนาย” “ทิ้งอะไร เธอเองเป็นคนสั่งของแพงมา จะโทษใครได้” “ฉันก็ว่าเธอสั่งตามใจ แต่อยากให้คนอื่นช่วยจ่าย อย่าฝันเลย” วิโรจน์กับพวกรีบพากันออกไปจากห้องรับรอง พร้อมกับเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่น ใครก็ไม่อยากยุ่งกับเผือกร้อนแบบนี้ “เหลือแค่สองคนแล้วนะ จะจ่ายด้วยวิธีไหนก็บอกมานะครับ” พนักงานยังคงยืนนิ่งไม่มีความรู้สึกสงสารแม้แต่น้อย เอสได้แต่มองผิงที่ตัวสั่นรีบเอามือถือมาดู เธอจ้องมองยอดเงินไม่ถึงสามหมื่น ในบัญชี แทบจะทรุดตัวลงพื้น “ฉัน...เงินไม่พอ” เธอพูดติดขัดก่อนจะขยับเข้าไปหาพนักงานก่อนจะจับมือของเขา “รับผ่อนไหมคะ ฉันสามารถจ่ายผ่อนได้” เธอเป็นนักสตรีมเกมที่ค่อนข้างมีรายได้หลายหมื่นต่อเดือน ถ้าผ่อนจ่ายได้เธอคงไหว และสักวันจะจัดการวิโรจน์ที่ทิ้งเธอให้ได้แน่นอน “ไม่ได้ครับ...เดี๋ยวผมจะเรียกผู้จัดการมานะครับ” พนักงานไม่กล้าจัดการเรื่องนี้ เขารีบเรียกผู้จัดการมา เมื่อเป็นแบบนี้เธอถึงขั้นคุกเข่าขอร้อง เพราะถ้าเรื่องถึงขั้นนั้นคงจะไม่ง่ายแน่ คนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างเธอยอมคุกเข่าให้เอวเห็นไม่ใช่เรื่องปกติแน่ ตอนนี้เธอคงหมดหวังจริง ๆ ถึงขั้นยอมลงทุนขนาดนี้ ก่อนที่ประตูจะเปิดออก มีชายสวมชุดสูทราคาแพง ร่างอันสมบูรณ์ของเขาบงบอกว่าสุขสบายแค่ไหน สายตาหยาดเยิ้มจับจองมาที่ต้นขาของผิง ก่อนจะไล่ขึ้นมาถึงหน้าอกเกินมาตรฐาน ในหัวคงจินตนาการไปไกลแล้ว “พวกเธอเองเหรอที่มีปัญหา เอาล่ะนายมาทำงานใช้หนี้ตามที่พนักงานของเราบอกก่อนหน้า ส่วนเธอถ้าอยากผ่อนจ่ายก็มีวิธีอยู่” ผู้จัดการวันกลางคนโน้มตัวลงไปกระ “มาทำให้ฉันพอใจสิ ห้อง 2012” เอสได้ยินอยู่ก่อนจะคิดว่า นั้นมันทางของผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เหรอ เธอคงดีใจจนตัวสั่น ดีไม่ดีคงไม่ต้องจ่ายสักแดงเลย เธอคงตอบรับแน “ว่าไง...?” “ไม่ค่ะ...ฉันจะจ่ายทั้งหมดเอง” เธอตอบเสียงหนักแน่น ทำเอาเอสแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ไม่คิดว่าผู้หญิงที่มีแต่ข่าวฉาวอย่างเธอจะตอบแบบนี้ ผิงได้แต่กัดฟันแน่นกำมือเข้าหากัน สีหน้าจริงจังขึ้นมา เธอลุกขึ้นยืนจากพื้น มองหน้าผู้จัดการ “ได้...จ่ายมาสิถ้าจ่ายไม่ครบอย่าหวังว่าจะออกไป” แม้จะพูดจาสวยหรู แต่เธอก็ไม่มีปัญญาจ่าย นอกจากขายเครื่องคอมพิวเตอร์ของเธอ ก็หมายความว่าเธอขายอาชีพของตัวเอง ก่อนจะมองเอสแล้วนึกเสียใจ เธอกับเขาก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมาง แค่เพราะอยู่กลุ่มเดียวกับวิโรจน์เธอจึงต้องทำแบบนี้ ตอนนี้เธอเสียใจที่ทำ “ขอโทษนะ นายโง่เองที่หลงเสน่ห์ฉัน ทำไมไม่คิดบ้างว่าไวน์ที่สั่งมาราคาเท่าไหร่” เธอหันมาพูดกับเอสด้วยใบหน้าทรงตัว “นั้นสิ ฉันคงจะหลงเธอแล้วแน่ ๆ” เอสหัวเราะก่อนจะพูดต่อ “แต่ตอนนี้...เธอติดกับตัวเองแล้ว” เธอสะบัดหน้าหนีไม่ตอบอะไร เพราะตอนนี้สถานการณ์ของเธอเข้าขั้นวิกฤต จะโทรหาเพื่อนคนไหนก็ถูกบล็อก เหมือนว่าข่าวเรื่องนี้จะรู้กันหมดแล้วสินะ สีหน้าสิ้นหวังของเธอทำให้เอสพอใจมาก อยากทำคนอื่นก็เตรียมตัวเอาไว้เลย"อย่าเพิ่งรีบร้อนตัดสินใจ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากช่วยเหลือประเทศ หรือเห็นแค่กำไรเหมือนบางคนพูด เพราะมีแค่ทางนี้ที่พอเป็นไปได้"เอสพูดน้ำเสียงหนักแน่น ตรงไปตรงมาที่สุด พร้อมกับหันมาส่งสายตามองยาหยีเธอกำลังจะตอบกลับ แต่ถูกบิดาห้ามเอาไว้ก่อน คราวนี้เธอยอมเชื่อฟัง แล้วส่งสายตาไม่พอใจใส่เอส'ก็แค่พวกเห็นแก่ตัว จะหวังดีอะไร'เอสนั่งรอคำตอบจากทั้งสองคนที่กำลังปรึกษากัน แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ไม่ง่าย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้เขากู้เงินไปทำการวิจัย แต่เพราะระบบห้ามณัทพงศ์ครุ่นคิดเงียบ ๆ เขาจะสามารถไว้ใจคนอื่นได้เหรอ เพราะแม้แต่ในหน่วยงานรัฐยังมีคนของพวกนั้นแฝงตัวอยู่ ถ้าหากสิ่งที่กำลังจะผลิตหลุดออกไป พวกนั้นคงรู้ตัว และลงมือจัดการเสียก่อน'จะทำไงดี...ไม่มีทางอื่นอีกเหรอ'"เอาเป็นว่าเรื่องนี้ฉันคงต้องปรึกษากันก่อน แล้วจึงให้คำตอบนะ"เข้าดูลังเลจริง ๆ เพราะยังไม่ไว้ใจเอส จึงอยากขอเวลาคิดอีกหน่อย"ได้ครับ...ผมยินดีช่วย""ขอบคุณมาก มีคนแบบนะเธอประเทศชาติคงพัฒนาไปอีกระดับแน่"เอสยิ้มตอบก่อนจะขอตัวกลับ พร้อมอเล็กซ์ที่เดินออกมา ทว่าก่อนจะออกจากบ้าน ทั้งสองต้องหยุดเท้าที่จะเดินไปข้างหน้า เพราะสาวสวยเดินมาขวา
ทหารติดอาวุธพอเห็นหน้าทั้งสองก็เหมือนจะรู้จักอเล็กซ์ พวกเขาไม่ได้ห้าม พร้อมกับเปิดประตูให้ทั้งสองเข้าไปข้างใน ก่อนจะปิดประตูไว้เหมือนเดิมเอสมองรอบห้องโถงขนาดใหญ่ ราวกับพระราชวัง ทุกซอกทุกมุมตกแต่งด้วยของเก่า ทำให้ได้กลิ่นบรรยากาศของยุคนั้น เอสสะดุดกับชุดโซฟาตรงกลางชุดโซฟาดูไม่ธรรมดา มีลวดลาย และดีไซน์สวยงาม เข้ากับการตกแต่งห้อง และคนสองคนที่นั่งอยู่ ทำให้เอสประหม่าเล็กน้อย"มาแล้วเหรอ นั่งก่อนสิ" ชายวัยหกสิบกว่า รูปร่างกำยำเอ่ยปากเชิญ"สวัสดีครับ"ทั้งสองคนกล่าวทักทายอย่างนอบน้อม ก่อนจะนั่งลงช้า ๆ ด้วยความตื่นเต้น โดยเฉพาะเอส ที่เพิ่งเคยเจอคนใหญ่คนโตของประเทศ ทำให้รู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้รนรานมาก"นี่คือ...คนที่พูดถึงเหรอ"ชายคนนั้นถามขึ้น พร้อมกับสายตาที่มองสำรวจเอส เขาดูตกใจไม่น้อย หลังจากสืบข้อมูลของเขา จากคนที่ล้มเหลวที่สุด กลายเป็นคนที่รวยเทียบเท่ามหาเศรษฐี ในเวลาไม่ถึงเดือน ทำให้นายทหารทึ่งในตัวเขามาก'เบื้องหลังของคุณคืออะไรกันนะ คนที่ฉันไม่สามารถตรวจสอบได้เลยเหรอ'ประธานใหญ่ BKAS หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะแนะนำตัวให้ทั้งสองคนรู้จัก คนที่ถามก่อนหน้า คือผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ในระหว่างที่งานเลี้ยงกำลังดำเนินไป อย่างครื้นเครงแม้ว่าบริษัทซัพพลายเออร์หลายแห่งจะทยอยกลับ แต่ก็ยังมีอีกหลายบริษัทที่ยังอยู่ แต่น้อยจนนับนิ้วได้ทำให้สีหน้าของวิโรจน์ไม่ค่อยพอใจ เพราะแบบนี้บริษัทจะไปรอดยังไง แต่ในสถานการณ์ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว นอกจากเตรียมตัวปรับโครงสร้าง และ ประธานใหญ่ไม่ใช่เขา แต่คือตัวแทนบริษัท BBOSSพนิดาเดินมานั่งพัก หลังจากทักทาย และสานสัมพันธ์กับแขกในงาน เธอดื่มไปเยอะจนแก้มแดงทั้งสองข้าง"หึ...แกคงพอใจสินะ บริษัทกำลังจะจมลงเหวแบบนี้ พวกแกจะทำให้บริษัทพังไม่เป็นท่า"อนันต์นั่งอยู่ข้างวิโรจน์ ที่ยังนั่งอยู่ กับหลานชาย และคนอื่นที่ยอมรับความจริงไม่ได้ พวกเขาไม่อยากกลับไป เพราะไม่สามารถข่มตาหลับลงได้"ทำไมคุณลุงพูดแบบนั้นละคะ การปรับโครงสร้างเป็นวิธีบริหารแบบสากล มีความโปร่งใส และ ทำให้บริษัทก้าวหน้ากว่าเดิม นี่ถึงจะเป็นประโยชน์ของบริษัท"'ทำไมยังไม่เข้าใจ หรือไม่อยากเสียผลประโยชน์ที่เคยได้ มากกว่าเงินปันผลเหรอ'พนิดาตอบกลับ พร้อมสีหน้าสงสัยในตัวของลุง เธอไม่เคยเห็นเขาคิดเพื่อบริษัทสักครั้ง คิดแต่จะทำยังไงให้ได้เงินเข้ากระเป๋ามากขึ้นพอเธอพูดแบบนั้นยิ่งท
"เรื่องนี้พิสูจน์ง่ายมาก ใช่ไหม" เอสหันไปพูดกับอเล็กซ์"หมายความว่าไง ก็เห็นชัดว่าแกทำธุรกิจสีเทา หรือไม่ก็แกล้งรวยยังไง" มังกรอดไม่ได้รีบตอบเอสยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหยิบบัตรธนาคารสีดำด้านขึ้นมา เขาวางไว้บนโต๊ะ และดึงดูดความสนใจไม่น้อย พวกเขาอยู่ในวงการธุรกิจมานาน ย่อมรู้ดีว่าบัตรธนาคารที่ใช้ หมายถึงอำนาจทางการเงินของคนนั้น"เอาบัตรธนาคารกระจอกมาทำไม หรือจะบอกว่าแกรวยเพราะมีมันเหรอ" มังกรพูดเสียงดังในขณะที่คนอื่นเงียบกริบ แม้แต่ภัทรกับวิโรจน์ยังไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไร"หุบปากก่อนไอ้ลูกเวร นั่งลง" อนันต์ตวาดด่าลูกชายที่โง่จนมองไม่ออกประธานใหญ่คนอื่น ๆ ต่างจับจ้องที่บัตรธนาคารของเอส แค่เห็นชื่อของธนาคารพวกเขาก็เหงื่อตก รู้โล่งที่ไม่ทำอะไรมากไปกว่านี้แต่พอมองดูวิโรจน์ที่ปากดีตั้งแต่ต้น ดูถูกเขาทุกอย่าง ก็ทำให้พวกนั้นยิ้มเยาะ คราวนี้บริษัท F&M คงได้เปลี่ยนมือแล้วละ"คุณอเล็กซ์...เกิดอะไรขึ้นทำไมถึง..." ภัทรพูดติดขัด รู้สึกงุนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น"อ่อ...เขาเป็นลูกค้าวีวีไอพีของเรานะครับ คงสามารถพิสูจน์ได้ว่าเขารวยจริง"ทุกคนอ้าปากค้างกับคำว่าวีวีไอพี ลูกค้าที่มีเงินในบัญชีแสนล้านขึ้นไปวิโรจ
"ได้...เรามาเริ่มกันดีกว่า พวกคุณบอกว่าผมไม่รวยจริง และ ไม่ได้เป็นตัวแทนของบริษัท BBOSS คุณทุกคนก็พิสูจน์ได้เลย" เอสพูดยืดยาว"แน่นอน พวกเรามีเบอร์ติดต่อของบริษัท BBOSS แค่โทรไปก็รู้แล้ว" ภัทรหยิบมือถือขึ้นมา"คราวนี้แกจะแก้ตัวยังไง ก็หนีไม่รอดหรอก" อนันต์กัดฟันพูด พร้อมกำหมัดขว่าแน่น"เตรียมตัวได้เลย รปภ รีบไปคุมตัวเขาไว้ก่อน เดี๋ยวพอถึงเวลาแล้วจะหนีไปได้" มังกรยิ้มมุมปาก แววตาแฝงไปด้วยแผนการพนิดานั่งฟังอย่างใจเย็น แต่ถึงขั้นนี้เธอคิดว่าเกินไป"หยุดนะ...เขายังไม่ผิดพวกคุณไม่มีสิทธิ์ทำอะไร"รปภ ร่างกำยำสามคนหยุดนิ่ง เพราะไม่กล้าขัดคำสั่ง ตอนนี้จึงรอให้ผู้มีอำนาจตัดสินกันเองค่อยลงมือตาม"เธอกล้าดียังไง คิดว่าตัวเองเป็นใครเหรอ หลังจบเรื่องนี้เธอต้องถูกทำโทษแน่ ใช่ไหมครับคุณภัทร"อนันต์ตะคอกใส่ ไม่ไว้หน้าประธานเลยสักนิด ก่อนจะหันไปส่งรอยยิ้มให้ภัทร เพราะรู้ว่าชายหนุ่มคิดอะไรกับ หลานสาวตน"ฉันจะจัดการเธอทีหลัง ตอนนี้จับตัวมันไว้ได้แล้ว"รปภ รับคำสังจึงเดินเข้าไปหาเอส แต่พวกเขาก็ต้องหยุดทันทีที่ได้ยินเสียงของอเล็กซ์"พวกคุณไม่ให้เกียรติผมเลยนะครับ อยู่ต่อหน้าผมยังทำตัวแบบนี้ได้เหรอ" เขาพู
"คุณอเล็กซ์ครับ ผมขอยืมเงินคุณได้ไหม พอดีอยากเอาไปพนันเล่นนิดหน่อย" เอสหันไปพูดกับอเล็กซ์อเล็กซ์อดขำในใจ คนที่มีเงินเยอะกว่าเขาเนี่ยนะ จะมาขอยืมเงิน แต่ถึงยังไงก็ต้องเล่นไปตามน้ำ เรื่องสนุกต่อจากนี้ต่างหาก"ได้สิ ผมจะรับประกันเอง อยากรู้ว่าเขาจะจัดการยังไง ถ้าความจริงถูกเปิดเผย""ขอบคุณ...ได้ยินแล้วใช่ไหม"ทั้งสามคนยิ้มเยาะก่อนจะกันมาหาอเล็กซ์ พวกเขาไม่คิดว่าเอาจะถูกช่วยไว้ เพราะภัทรอยากให้เอาเดิมพันชีวิต เขาจะได้ทรมานให้สาสมที่กล้ามาขวางทาง"เอ่อ...ผมว่าไม่ต้องถึงมือคุณอเล็กซ์ก็ได้ครับ เอาอย่างนี้เดิมพันชีวิตของนาย" มังกรหันไปพูดกับเอสในตอนท้าย"ใช่แล้ว ถึงแพ้เขาก็ไม่มีปัญญาจ่าย ให้เขาใช้ชีวิตตัวเองแทนดีกว่า""ได้...ใครกลัว"ทุกอย่างเข้าแผนของพวกเขา ตอนนี้มีอเล็กซ์เป็นพยาน ไม่ว่ายังไงพวกเขาคงคิดว่าชนะร้อยเปอร์เซ็นต์เอสนั่งเผชิญหน้ากับทั้งสามคน โดยมีคนอื่น ๆ ที่มีหน้ามีตาในวงการธุรกิจ นั่งเป็นพยานด้วย อย่างเช่น อเล็กซ์ กับประธานใหญ่บริษัทอื่นจากการสังเกตพวกเขา มานานเอาจึงไม่แปลกใจว่าทำไมถึงเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย ทั้งหมดเป็นเพราะนิสัย และ สันดานเดิมคล้ายกัน ไม่ว่าใครก็เลวพอกัน ต







