เข้าสู่ระบบละครฉากใหญ่ที่พวกเขาสร้างขึ้น กำลังจะมาถึงจุดจบแล้ว อาคมดูข้อมูลในไอแพดด้วยสีหน้าดีใจ ก่อนจะยิ้มมุมปากเดินเข้ามาข้างหน้าของเอส
“นายเป็นแค่...คนว่างงาน...มีเงินในบัญชีล้านบาท คิดว่าจะหลอกใครได้นอกจาก” สายตานั้นมองมาทางพนิดา “หลานส่สของฉัน" อาคมพูดจบจึงหั้นไปเติมไฟให้ลุกโชน ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการคือลาดน้ำมันลงบนกองไฟ “ไม่คิดว่าหลานจะเชื่อเขา...ดูสิครับคุณพ่อ...ถ้าไม่ใช่เรารู้ทัน ตอนนี้บริษัทคงไม่สามารถกลับมาได้อีกแล้ว” ชายชราใบหน้ามืดมน สายตาเข้มจ้องมองหลานสาว ครั้งหนึ่งเขาเคยยกย่องว่าเธอคืออัฉริยะ จะต้องพาบริษัทก้าวไปข้างหน้าได้แน่ แต่ตอนนี้ทุกอย่างพังทลาย ไม่ต่างจากพนิดา ตอนนี้เธอไม่มีโอกาสอีกแล้ว ไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่เป็นเพราะการชิงดีชิงเด่นของพวกเขา โดยเฉพาะญาติคนอื่น ไม่ต่างจากปลิงที่คอยดูดเลือดบริษัท “หนูผิดเองคะ” พนิดาเดินมาข้างหน้า ทว่ามือเล็กถึงดึงเอาไว้ เอาหยุดเธอก่อนจะพูด “ผมก็ไม่รู้ว่าข้อมูลของคุณได้ม่จากไหน...แต่ว่านี้คงจะเป็นสิ่งยืนยันได้นะครับ” ทุกคนจับจ้องไปที่เขา มือที่ล้วงเข้าไปในเสื้อสูท ไม่นานก็ออกมาพร้อมกับบัตรธนาคารสีดำด้าน แต่ลวดลายของมันทรงพลังที่สุด “นี้มัน...บัตรธนาคารของ...BKAS” อาคมพูดเสียงดัง แทบไม่อยากเชื่อว่าเป็นของจริง “ไม่ใช่แค่บัตรทั่วไป...แต่เป็นระดับวีไอพี” ปู่วิโรจน์ผู้มากประสบการณ์มองนิดเดียวก็รู้ว่าจริงหรือปลอม ชายชราท่าทีเปลี่ยนไป “ต้องขอโทษด้วยนะครับ...พวกเราไม่รู้จักคุณเลยทำตัวเสียมารยาท” ชายชราก้มหัวให้เขา นี้เป็นสิ่งที่คนอื่นไม่คาดคิด ตรงมุมโต๊ะพนิดารีบหันไปถามเลขา เพราะเธอไม่รู้ว่าบัตรในมือคืออะไร... “บัตรนี้เป็นระดับวีไอพี...สิ่งสำคัญคือเป็นของธนาคาร BKASหมายความว่า ผู้ถือมีเงินมาก อย่างต่ำก็ ห้าหมื่นล้านหรือมากกว่านั้น” “แบบ...นี้เอง" เธอได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ รู้สึกว่าตัวเองจะแพ้พนันครั้งนี้แน่ ๆ แต่ก็ไม่ง่ายหรอกมั้ง เขาคงไม่มีเงินแสนล้านจริง ๆ นะ “รู้สึกกลัวแล้วเหรอ...หึ" เอสยิ้มุมปาก หันไปคุยกับพนิดาที่อายตัวเองอยู่หน้าโต๊ะ เอสมองดูอาคมกับลูชายของเขา ก่อนจะยิ้มเยาะด้วยความสะใจ สองพ่อลูกได้แต่กำหมัดแน่น จะทำอะไรก็ไม่ได้ เพราะปู่ วิโรจน์ออกหน้าไปแล้ว “เรื่องที่ผ่านมาก็แล้วไปเถอะ...เอาเป็นว่าผมขอคุยงานที่ค้างเอาไว้ต่อนะครับ” “ได้อยู่แล้ว ๆ เอาล่ะพวกเราออกไปก่อน เดี๋ยวทำธุระเสร็จค่อยพาคุณ...” “ผม...เอสครับ” “ใช่ ๆ เดี๋ยวเสร็จธุระผมจะพาไปเลี้ยงอาหารนะครับ” เขาพูดด้วยความถ่อมตน ต่างจากตอนแรกราวฟ้ากับดิน ส่วนสองพ่อลูกก็ได้แต่เสียดาย เพราะตอนนี้คงจะประจบสอพลอเอสไม่ได้ ดูถูกเขาไปขนาดนั้น นับว่าเสียโอกาสรู้จักคนใหญ่คนโตไปเลย เมื่อออกไปกันหมดก็เหลือแต่สามคนที่อยู่ในห้อง เอสเดินมานั่งที่เดิมก่อนจะยิ้มให้พนิดา เธอเอาแต่มองเขาจนลืมตัว ก่อนจะดึงสติกลับมาได้ ทว่ามุมมองของเธอตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อก่อนคิดว่าเขาเป็นคนอวดดี ต้มตุ๋น และ ไร้มารยาท กลับกลายเป็นว่า เธอไม่รู้จักเขาดีพอ ตอนนี้เขาไม่ต่างจากพวกคนเจ้าชู้ ที่จีบสาวเป็นงานอดิเรก สายตาของเขาลวนลามร่างกายของเธอไปตั้งเท่าไหร่แล้ว พนิดาเริ่มกลัวขึ้นมา แต่ก็ทำใจแข็งเอาไว้ก่อน “ขอโทษด้วยนะคะ...ฉันเข้าใจคุณผิดเอง” เธอลุกขึ้นก้มศีรษะเล็กน้อย “ไม่เป็นไร เดียวฉันจะลงโทษเธอหลังจบงานเอง” เข้ายิ้มร้าย มองดูใบหน้าแดงระเรือของเธอ คงจะโกรธน่าดู “ถ้าฉันแพ้...ก็ยินดีทำตามที่พนันเอาไว้ค่ะ” เธอตอบเสียงเรียบ พยายามไม่ใส่อารมณ์ส่วนตัว ไม่อยากเสียโอกาสเป็นครั้งที่สอง “ถ้างั้น...เรียบร้อย” เขาจัดการเอกสารทุกอย่าง แล้วส่งให้เธอ มือเล็กสั่นเทาอย่างไม่เคยเป็น เมื่อเห็นจำนวนเงินที่จะลงทุน “ห้าแสนล้านเหรอ?” “ใช่...มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า” หัวใจของเธอเต้นระรัว แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เธอรีบให้เลขาตรวจงานอีกครั้ง เมื่อเลขาสาวเห็นตัวเลขก็มือสุ่นไม่แพ้กัน ถ้าหากนี้เป็นของจริง เอาก็เป็นมือที่ดึงบริษัทขึ้นมาจากเหวลึก แต่นั่นก็หมายความว่าเจ้านายของเธอจะต้องเสียศักดิ์ศรีเพื่อดิลนี้เหรอ...เลขาสาวมองหน้าประธานสาวด้วยความเศร้าใจ ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลยจริง ๆ “แล้วเรื่องที่พูดกันก่อนหน้านี้..." “ต้องรอสัญญาสมบูรณ์ก่อนคะ” เลขาสาวพูดตัดบท ตอนนี้ต้องให้เงินเข้าบัญชีบริษัทก่อน ถึงจะเรียกว่าสมบูรณ์ แน่นอนว่าเรื่องนั้นง่ายมาก ถึงเวลาใช้งานระบบแล้ว ตอนนี้ก็มีแค่โอนเงินเท่านั้น ‘ระบบโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารห้าแสนล้าน’ ‘ได้เลย...กรุณารอสักครู่’ ‘โอนเงินเรียบร้อยแล้ว’ ทันทีที่ระบบแจ้งเตื่อน เขาก็มีสายเข้าทันที เป็นอเล็กซ์ ที่โทรมา เอสรีบรับสายเพราะคิดว่าจะโทรหาพอดี “ฮีัลโหล” (ห้าแสนล้าน....หมายความว่าไว?) เสียงของอเล็กซ์ตื่นเต้นมาก “ฉันเป็นตัวแทน บริษัทใหญ่นะ เงินนี้กำลังจะลงทุน” (อย่าบอกนะว่า...F&M...บริษัทนายเป็นคนลงทุนเหรอ ไม่อยากจะเชื่อ ทำให้ประหลาดใจทุกครั้งเลยนะ) “โทษที ๆ เอาล่ะเดี๋ยวฉันส่งเลขบัญชีให้ นายโอนมาเลยนะ” (โอเค...เดี๋ยวเจอกัน) พนิดานั่งฟังเขาคุยโทรศัพท์ ใจความสำคัญในนั้นคือเงินห้าแสน แสดงว่าเขาไม่ใช่นักต้มตุ๋น แต่เป็นตัวแทนจากบริษัทใหญ่ เท่ากับว่าเอาเงินคนอื่นมาเล่นงานเธอนะสิ “บอสคะ...จะเอาไงดี” “ฉันพูดไปแล้ว...ยังไงก็ต้องทำตาม ไม่งั้นเขาจะเชื่อใจเราครั้งต่อไปอีกเหรอ” แม้ว่าไม่อยากทำก็เถอะ พนิดาไม่มีทางเลือกอีกแล้ว ”แต่เขาไม่ใช่เจ้าของเงินสักหน่อย...แค่เป็นตัวแทนเท่านั้น แบบนี้ไม่...” “พอเถอะ...ฉันจัดการเอง” ความบริสุทธิ์ที่เก็บไว้ ไม่คิดว่าจะถูกคนที่เกลียดเข้าไส้แย่งไป เธอกำมือแน่น มองท่าทีของเอสที่อารมณ์ดีออกนอกหน้า “ค่ะ...” เลขาสาวจ้องเอสตาเขม็ง กล้าทำร้ายบอสของเธอ สักวันจะต้องเสียใจ สาวแว่นฝากรอยแค้นเอาไว้ไต้ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักของเลขาสาว “บอส...เงินเข้าแล้ว” ทั้งสองหัวใจเต้นแรงอีกครั้ง จ้องมองตัวเลขในคอมพิวเตอร์ ห้าแสนล้านจากบัญชีธนาคาร อย่างน้อยก็ทำให้บริษัทเดินหน้าต่อได้"อย่าเพิ่งรีบร้อนตัดสินใจ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากช่วยเหลือประเทศ หรือเห็นแค่กำไรเหมือนบางคนพูด เพราะมีแค่ทางนี้ที่พอเป็นไปได้"เอสพูดน้ำเสียงหนักแน่น ตรงไปตรงมาที่สุด พร้อมกับหันมาส่งสายตามองยาหยีเธอกำลังจะตอบกลับ แต่ถูกบิดาห้ามเอาไว้ก่อน คราวนี้เธอยอมเชื่อฟัง แล้วส่งสายตาไม่พอใจใส่เอส'ก็แค่พวกเห็นแก่ตัว จะหวังดีอะไร'เอสนั่งรอคำตอบจากทั้งสองคนที่กำลังปรึกษากัน แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ไม่ง่าย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้เขากู้เงินไปทำการวิจัย แต่เพราะระบบห้ามณัทพงศ์ครุ่นคิดเงียบ ๆ เขาจะสามารถไว้ใจคนอื่นได้เหรอ เพราะแม้แต่ในหน่วยงานรัฐยังมีคนของพวกนั้นแฝงตัวอยู่ ถ้าหากสิ่งที่กำลังจะผลิตหลุดออกไป พวกนั้นคงรู้ตัว และลงมือจัดการเสียก่อน'จะทำไงดี...ไม่มีทางอื่นอีกเหรอ'"เอาเป็นว่าเรื่องนี้ฉันคงต้องปรึกษากันก่อน แล้วจึงให้คำตอบนะ"เข้าดูลังเลจริง ๆ เพราะยังไม่ไว้ใจเอส จึงอยากขอเวลาคิดอีกหน่อย"ได้ครับ...ผมยินดีช่วย""ขอบคุณมาก มีคนแบบนะเธอประเทศชาติคงพัฒนาไปอีกระดับแน่"เอสยิ้มตอบก่อนจะขอตัวกลับ พร้อมอเล็กซ์ที่เดินออกมา ทว่าก่อนจะออกจากบ้าน ทั้งสองต้องหยุดเท้าที่จะเดินไปข้างหน้า เพราะสาวสวยเดินมาขวา
ทหารติดอาวุธพอเห็นหน้าทั้งสองก็เหมือนจะรู้จักอเล็กซ์ พวกเขาไม่ได้ห้าม พร้อมกับเปิดประตูให้ทั้งสองเข้าไปข้างใน ก่อนจะปิดประตูไว้เหมือนเดิมเอสมองรอบห้องโถงขนาดใหญ่ ราวกับพระราชวัง ทุกซอกทุกมุมตกแต่งด้วยของเก่า ทำให้ได้กลิ่นบรรยากาศของยุคนั้น เอสสะดุดกับชุดโซฟาตรงกลางชุดโซฟาดูไม่ธรรมดา มีลวดลาย และดีไซน์สวยงาม เข้ากับการตกแต่งห้อง และคนสองคนที่นั่งอยู่ ทำให้เอสประหม่าเล็กน้อย"มาแล้วเหรอ นั่งก่อนสิ" ชายวัยหกสิบกว่า รูปร่างกำยำเอ่ยปากเชิญ"สวัสดีครับ"ทั้งสองคนกล่าวทักทายอย่างนอบน้อม ก่อนจะนั่งลงช้า ๆ ด้วยความตื่นเต้น โดยเฉพาะเอส ที่เพิ่งเคยเจอคนใหญ่คนโตของประเทศ ทำให้รู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้รนรานมาก"นี่คือ...คนที่พูดถึงเหรอ"ชายคนนั้นถามขึ้น พร้อมกับสายตาที่มองสำรวจเอส เขาดูตกใจไม่น้อย หลังจากสืบข้อมูลของเขา จากคนที่ล้มเหลวที่สุด กลายเป็นคนที่รวยเทียบเท่ามหาเศรษฐี ในเวลาไม่ถึงเดือน ทำให้นายทหารทึ่งในตัวเขามาก'เบื้องหลังของคุณคืออะไรกันนะ คนที่ฉันไม่สามารถตรวจสอบได้เลยเหรอ'ประธานใหญ่ BKAS หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะแนะนำตัวให้ทั้งสองคนรู้จัก คนที่ถามก่อนหน้า คือผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ในระหว่างที่งานเลี้ยงกำลังดำเนินไป อย่างครื้นเครงแม้ว่าบริษัทซัพพลายเออร์หลายแห่งจะทยอยกลับ แต่ก็ยังมีอีกหลายบริษัทที่ยังอยู่ แต่น้อยจนนับนิ้วได้ทำให้สีหน้าของวิโรจน์ไม่ค่อยพอใจ เพราะแบบนี้บริษัทจะไปรอดยังไง แต่ในสถานการณ์ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว นอกจากเตรียมตัวปรับโครงสร้าง และ ประธานใหญ่ไม่ใช่เขา แต่คือตัวแทนบริษัท BBOSSพนิดาเดินมานั่งพัก หลังจากทักทาย และสานสัมพันธ์กับแขกในงาน เธอดื่มไปเยอะจนแก้มแดงทั้งสองข้าง"หึ...แกคงพอใจสินะ บริษัทกำลังจะจมลงเหวแบบนี้ พวกแกจะทำให้บริษัทพังไม่เป็นท่า"อนันต์นั่งอยู่ข้างวิโรจน์ ที่ยังนั่งอยู่ กับหลานชาย และคนอื่นที่ยอมรับความจริงไม่ได้ พวกเขาไม่อยากกลับไป เพราะไม่สามารถข่มตาหลับลงได้"ทำไมคุณลุงพูดแบบนั้นละคะ การปรับโครงสร้างเป็นวิธีบริหารแบบสากล มีความโปร่งใส และ ทำให้บริษัทก้าวหน้ากว่าเดิม นี่ถึงจะเป็นประโยชน์ของบริษัท"'ทำไมยังไม่เข้าใจ หรือไม่อยากเสียผลประโยชน์ที่เคยได้ มากกว่าเงินปันผลเหรอ'พนิดาตอบกลับ พร้อมสีหน้าสงสัยในตัวของลุง เธอไม่เคยเห็นเขาคิดเพื่อบริษัทสักครั้ง คิดแต่จะทำยังไงให้ได้เงินเข้ากระเป๋ามากขึ้นพอเธอพูดแบบนั้นยิ่งท
"เรื่องนี้พิสูจน์ง่ายมาก ใช่ไหม" เอสหันไปพูดกับอเล็กซ์"หมายความว่าไง ก็เห็นชัดว่าแกทำธุรกิจสีเทา หรือไม่ก็แกล้งรวยยังไง" มังกรอดไม่ได้รีบตอบเอสยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหยิบบัตรธนาคารสีดำด้านขึ้นมา เขาวางไว้บนโต๊ะ และดึงดูดความสนใจไม่น้อย พวกเขาอยู่ในวงการธุรกิจมานาน ย่อมรู้ดีว่าบัตรธนาคารที่ใช้ หมายถึงอำนาจทางการเงินของคนนั้น"เอาบัตรธนาคารกระจอกมาทำไม หรือจะบอกว่าแกรวยเพราะมีมันเหรอ" มังกรพูดเสียงดังในขณะที่คนอื่นเงียบกริบ แม้แต่ภัทรกับวิโรจน์ยังไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไร"หุบปากก่อนไอ้ลูกเวร นั่งลง" อนันต์ตวาดด่าลูกชายที่โง่จนมองไม่ออกประธานใหญ่คนอื่น ๆ ต่างจับจ้องที่บัตรธนาคารของเอส แค่เห็นชื่อของธนาคารพวกเขาก็เหงื่อตก รู้โล่งที่ไม่ทำอะไรมากไปกว่านี้แต่พอมองดูวิโรจน์ที่ปากดีตั้งแต่ต้น ดูถูกเขาทุกอย่าง ก็ทำให้พวกนั้นยิ้มเยาะ คราวนี้บริษัท F&M คงได้เปลี่ยนมือแล้วละ"คุณอเล็กซ์...เกิดอะไรขึ้นทำไมถึง..." ภัทรพูดติดขัด รู้สึกงุนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น"อ่อ...เขาเป็นลูกค้าวีวีไอพีของเรานะครับ คงสามารถพิสูจน์ได้ว่าเขารวยจริง"ทุกคนอ้าปากค้างกับคำว่าวีวีไอพี ลูกค้าที่มีเงินในบัญชีแสนล้านขึ้นไปวิโรจ
"ได้...เรามาเริ่มกันดีกว่า พวกคุณบอกว่าผมไม่รวยจริง และ ไม่ได้เป็นตัวแทนของบริษัท BBOSS คุณทุกคนก็พิสูจน์ได้เลย" เอสพูดยืดยาว"แน่นอน พวกเรามีเบอร์ติดต่อของบริษัท BBOSS แค่โทรไปก็รู้แล้ว" ภัทรหยิบมือถือขึ้นมา"คราวนี้แกจะแก้ตัวยังไง ก็หนีไม่รอดหรอก" อนันต์กัดฟันพูด พร้อมกำหมัดขว่าแน่น"เตรียมตัวได้เลย รปภ รีบไปคุมตัวเขาไว้ก่อน เดี๋ยวพอถึงเวลาแล้วจะหนีไปได้" มังกรยิ้มมุมปาก แววตาแฝงไปด้วยแผนการพนิดานั่งฟังอย่างใจเย็น แต่ถึงขั้นนี้เธอคิดว่าเกินไป"หยุดนะ...เขายังไม่ผิดพวกคุณไม่มีสิทธิ์ทำอะไร"รปภ ร่างกำยำสามคนหยุดนิ่ง เพราะไม่กล้าขัดคำสั่ง ตอนนี้จึงรอให้ผู้มีอำนาจตัดสินกันเองค่อยลงมือตาม"เธอกล้าดียังไง คิดว่าตัวเองเป็นใครเหรอ หลังจบเรื่องนี้เธอต้องถูกทำโทษแน่ ใช่ไหมครับคุณภัทร"อนันต์ตะคอกใส่ ไม่ไว้หน้าประธานเลยสักนิด ก่อนจะหันไปส่งรอยยิ้มให้ภัทร เพราะรู้ว่าชายหนุ่มคิดอะไรกับ หลานสาวตน"ฉันจะจัดการเธอทีหลัง ตอนนี้จับตัวมันไว้ได้แล้ว"รปภ รับคำสังจึงเดินเข้าไปหาเอส แต่พวกเขาก็ต้องหยุดทันทีที่ได้ยินเสียงของอเล็กซ์"พวกคุณไม่ให้เกียรติผมเลยนะครับ อยู่ต่อหน้าผมยังทำตัวแบบนี้ได้เหรอ" เขาพู
"คุณอเล็กซ์ครับ ผมขอยืมเงินคุณได้ไหม พอดีอยากเอาไปพนันเล่นนิดหน่อย" เอสหันไปพูดกับอเล็กซ์อเล็กซ์อดขำในใจ คนที่มีเงินเยอะกว่าเขาเนี่ยนะ จะมาขอยืมเงิน แต่ถึงยังไงก็ต้องเล่นไปตามน้ำ เรื่องสนุกต่อจากนี้ต่างหาก"ได้สิ ผมจะรับประกันเอง อยากรู้ว่าเขาจะจัดการยังไง ถ้าความจริงถูกเปิดเผย""ขอบคุณ...ได้ยินแล้วใช่ไหม"ทั้งสามคนยิ้มเยาะก่อนจะกันมาหาอเล็กซ์ พวกเขาไม่คิดว่าเอาจะถูกช่วยไว้ เพราะภัทรอยากให้เอาเดิมพันชีวิต เขาจะได้ทรมานให้สาสมที่กล้ามาขวางทาง"เอ่อ...ผมว่าไม่ต้องถึงมือคุณอเล็กซ์ก็ได้ครับ เอาอย่างนี้เดิมพันชีวิตของนาย" มังกรหันไปพูดกับเอสในตอนท้าย"ใช่แล้ว ถึงแพ้เขาก็ไม่มีปัญญาจ่าย ให้เขาใช้ชีวิตตัวเองแทนดีกว่า""ได้...ใครกลัว"ทุกอย่างเข้าแผนของพวกเขา ตอนนี้มีอเล็กซ์เป็นพยาน ไม่ว่ายังไงพวกเขาคงคิดว่าชนะร้อยเปอร์เซ็นต์เอสนั่งเผชิญหน้ากับทั้งสามคน โดยมีคนอื่น ๆ ที่มีหน้ามีตาในวงการธุรกิจ นั่งเป็นพยานด้วย อย่างเช่น อเล็กซ์ กับประธานใหญ่บริษัทอื่นจากการสังเกตพวกเขา มานานเอาจึงไม่แปลกใจว่าทำไมถึงเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย ทั้งหมดเป็นเพราะนิสัย และ สันดานเดิมคล้ายกัน ไม่ว่าใครก็เลวพอกัน ต







