แชร์

บทที่ 50 ลักพาตัว

ผู้เขียน: มินิซ่าส์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-07 01:00:48

ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านมา 4 วันแล้วครับ ที่ผมกับพี่เนมแทบไม่ได้คุยกันเลย ไม่สิ ต้องบอกว่า ผมไม่ยอมคุยมากกว่า พี่เนมเพียรพยายามเอาอกเอาใจสารพัด คอยดูแลไม่ห่าง แต่สิ่งที่ผมมอบกลับไปมีเพียงความนิ่งเงียบและการปฏิเสธแบบไร้เสียง

ตั้งแต่วันจันทร์มาผมก็ไม่ได้เข้าไปช่วยงานพี่เนมเลยสักวัน โดยให้เหตุผลว่าเหนื่อยบ้าง ไม่ว่างบ้าง มีงานต้องทำบ้าง กลับมาถึงก็ขังตัวเองอยู่ในห้องนอนเดิม ไม่ได้ไปนอนห้องของพี่เนมแต่อย่างใด แต่ทุกครั้งที่ตื่นเช้ามาก็จะได้รับอ้อมกอดอุ่นๆ ซึ่งผมก็ค่อยแกะออกอย่างแผ่วเบาทุกเช้า จัดการตัวเองเสร็จก็จัดเตรียมเสื้อผ้า เตรียมน้ำไว้ให้พี่เนมได้อาบ ก่อนจะลงมาช่วยป้านุ่มทำอาหาร แล้วให้เด็กคนอื่นขึ้นไปปลุกพี่เนมแทน

ผมใช้ชีวิตในทุกๆ วันราวกับคนไร้จิตวิญญาณ ไม่พูด ไม่คุย จนไอ้เบสไอ้ซันเป็นห่วง ต้องลากออกมาเปลี่ยนอารมณ์ ในร้านแห่งนี้ ร้านของพี่ต้อง Aftermoon Club เพราะพวกเราแต่ละคนได้รับบัตร VIP มาอยู่แล้ว จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะเดินเข้าไปหาที่นั่งดีๆ สักที่หนึ่ง พอมาถึงแล้วผมก็นั่งลงมองหน้าเพื่อนเงียบๆ ผมรู้มันพาผมมาทำอะไร

“กูเห็นมึงเป็นแบบนี้มาหลายว

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • We're the same นายกับฉันเหมือนกันเลยนะ   บทที่ 50 ลักพาตัว

    ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านมา 4 วันแล้วครับ ที่ผมกับพี่เนมแทบไม่ได้คุยกันเลย ไม่สิ ต้องบอกว่า ผมไม่ยอมคุยมากกว่า พี่เนมเพียรพยายามเอาอกเอาใจสารพัด คอยดูแลไม่ห่าง แต่สิ่งที่ผมมอบกลับไปมีเพียงความนิ่งเงียบและการปฏิเสธแบบไร้เสียงตั้งแต่วันจันทร์มาผมก็ไม่ได้เข้าไปช่วยงานพี่เนมเลยสักวัน โดยให้เหตุผลว่าเหนื่อยบ้าง ไม่ว่างบ้าง มีงานต้องทำบ้าง กลับมาถึงก็ขังตัวเองอยู่ในห้องนอนเดิม ไม่ได้ไปนอนห้องของพี่เนมแต่อย่างใด แต่ทุกครั้งที่ตื่นเช้ามาก็จะได้รับอ้อมกอดอุ่นๆ ซึ่งผมก็ค่อยแกะออกอย่างแผ่วเบาทุกเช้า จัดการตัวเองเสร็จก็จัดเตรียมเสื้อผ้า เตรียมน้ำไว้ให้พี่เนมได้อาบ ก่อนจะลงมาช่วยป้านุ่มทำอาหาร แล้วให้เด็กคนอื่นขึ้นไปปลุกพี่เนมแทนผมใช้ชีวิตในทุกๆ วันราวกับคนไร้จิตวิญญาณ ไม่พูด ไม่คุย จนไอ้เบสไอ้ซันเป็นห่วง ต้องลากออกมาเปลี่ยนอารมณ์ ในร้านแห่งนี้ ร้านของพี่ต้อง Aftermoon Club เพราะพวกเราแต่ละคนได้รับบัตร VIP มาอยู่แล้ว จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะเดินเข้าไปหาที่นั่งดีๆ สักที่หนึ่ง พอมาถึงแล้วผมก็นั่งลงมองหน้าเพื่อนเงียบๆ ผมรู้มันพาผมมาทำอะไร“กูเห็นมึงเป็นแบบนี้มาหลายว

  • We're the same นายกับฉันเหมือนกันเลยนะ   บทที่ 49 แอบซ่อน

    จากการสืบสวนของพี่มาคัส ทำให้เรารับรู้วิธีการที่ไอ้วุฒิใช้อย่างรวดเร็ว เมื่อแน่ใจแล้วว่าอยู่กับไอ้วุฒิแน่ๆ พวกผมก็กระหน่ำโทรหามันทันที สัญญาณโทรศัพท์บ่งบอกว่ายังสามารถโทรเข้า-ออกได้ แต่ไม่มีการตอบรับกลับมา พวกผมจึงลงความเห็นว่าจะไปดูที่คอนโดและที่บ้านของไอ้วุฒิ โดยแยกกันเป็นผมกับพี่มาคัสไปที่บ้านไอ้วุฒิ ไอ้ซันไอ้เบสไปที่คอนโด หากแต่ก็ไม่พบทั้งสองที่ เราจึงตกลงกันว่าจะมารวมตัวที่บ้านพี่เนมก่อน โดยพี่มาคัสทำหน้าที่ติดตามเส้นทางที่ไอ้วุฒิมันใช้หลบหนีไปส่วนพี่เนม... พี่เนมคงจะตื่นในเวลาราวๆ 6 โมงเช้า เพราะการโทรเข้า-ออก แจ้งเวลาไว้ว่าอย่างนั้น ผมไม่ได้รับสายแต่อย่างใด เลือกที่จะกดตัดสายทิ้งแล้วเพียรโทรหาไอ้วุฒิแทน เสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดภายในบ้าน ในเวลา 7 โมงเช้าของวัน คนอื่นๆ หันมองดูด้วยความสนใจ แตกต่างจากผม ที่ไม่แม้จะเงยหน้าขึ้นมอง ก็คนที่จะเข้ามาได้มีเพียงคนเดียวนี่ครับ“นายครับ!! ทำไมไม่รับสายพี่!!” พี่เนมเดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน สภาพเสื้อผ้ายับย่นจนไม่น่ามอง แตกต่างจากเมื่อวานที่เดินออกจากบ้านในมาดคุณชายผู้เพียบพร้อม โดยไม่สนใจสายตาสงสัยของคนรอบข้างที

  • We're the same นายกับฉันเหมือนกันเลยนะ   บทที่ 48 หายตัว

    ผมหันหลังเดินตรงกลับไปที่รถ หาม้านั่งแถวๆ นั้นแล้วนั่งรอเวลา จนผ่านไปสักพักใหญ่ พี่เนมกับคุณรอลเลนจึงเดินกลับมา สองมือของคนทั้งคู่เต็มไปด้วยขนมนมเนยจำนวนมาก เมื่อเห็นว่าพี่เนมกับคุณรอลเลนมาแล้ว ผมก็ผุดลุกขึ้นยืน พี่เนมส่งสายตาดุๆ มาให้“หายไปแบบนี้พี่เป็นห่วงนะครับ จะไปไหนก็บอกพี่ก่อนสิ ถ้ารอลเลนไม่บอกว่าเห็นเดินมาทางรถพี่คงสั่งให้คนตามหาแล้วนะ” ผมยิ้มรับคำบ่นที่มองออกว่ามาจากความเป็นห่วง ก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป“ขอโทษครับ พอดีผมเหนื่อยๆ เลยอยากพักสักหน่อยน่ะครับ” พี่เนมรวบของที่ถือไว้ในมือแล้วยื่นมือมาอังกับหน้าผากของผมเพื่อเช็คอุณหภูมิ จับตามแก้มตามคอ ก่อนจะพึมพำ“ตัวรุมๆ นะ งั้นไปครับ กลับกันเถอะ” พี่เนมจัดการปลดล็อกรถ เอาของทั้งหมดที่ซื้อมาเก็บไว้ด้านหลังรถ ก่อนที่เราจะพากันก้าวขึ้นรถ ทันทีที่ขึ้นมานั่งบนรถได้ ผมก็เอนเบาะเล็กน้อย ไม่ให้เบียดคุณรอลเลนมากไปนัก ก่อนจะหลับตาลง สัมผัสสุดท้ายที่รับรู้คือฝ่ามืออุ่นๆ ลูบเส้นผมให้แผ่วเบา ก่อนที่ผมจะหลับไปผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรถเข้าสู่เขตตัวเมืองใจกลางกรุงเทพ แ

  • We're the same นายกับฉันเหมือนกันเลยนะ   บทที่ 47 ความแคลงใจ

    เช้าวันนี้ผมตื่นขึ้นมาด้วยสภาพที่หัวปูดครับ เขียวเลย ส่วนพี่เนม ปากบวม จนทำให้ผมอดขำไม่ได้ ซึ่งก็ได้รับสายตาดุๆ ส่งกลับมาแทน วันนี้วันศุกร์ครับ มีเรียนเต็มแน่นทั้งวัน แต่ว่าเช้านี้เราก็ไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด เพราะพี่เนมก็อยู่ที่ทำงานอยู่แล้ว ส่วนผมก็ใช้เวลาเดินทาง 30 นาทีในการไปมหาลัย เวลาเหลือๆ ครับหลังจากตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จแล้วพี่เนมก็ออกมานั่งทำงานในเวลา 8 โมงตรง ส่วนผมเองมีเรียนตอน 9 โมงเช้า ก็ยังเวลาที่พอมีอยู่ เข้าไปชงกาแฟกับจัดเตรียมขนมมาเสิร์ฟให้พี่เนม ก่อนจะหมุนตัวเข้าไปในห้องครัวอีกครั้ง เพื่อทำอาหารเช้าง่ายๆ ไว้ให้พี่เนมทาน เช่น แฮม ฮอทดอก และไข่ดาว มองแล้วก็อดจะถอนหายใจไม่ได้ เพราะสารอาหารมีน้อยมากถึงมากที่สุด แต่ที่เข้มข้นสุดก็คงจะเป็นโปรตีนและไขมันละครับ ผมคิดว่าคงต้องให้พี่มาคัสหาซื้อของสดมาติดตู้เย็นไว้ให้บ้างแล้วผมถือจานออกไปวางไว้ให้พี่เนม ตอนนี้พึ่งจะ 8 โมง 10 นาที ออกไปก่อนก็แล้วกัน จะได้เผื่อรถติดด้วย เมื่อคิดได้ผมก็สวัสดีพี่เนม ก่อนจะหยิบกระเป๋ากำลังจะเดินออกจากห้อง“นายครับ” พี่เนมเงยหน้า เรียกผมไว้ ก่อนที่มือของผมจะ

  • We're the same นายกับฉันเหมือนกันเลยนะ   บทที่ 46 กล่องไม้

    ผมกับพี่เนมช่วยกันตั้งโต๊ะตัวเล็กนั้นขึ้นจากพื้น สิ่งที่เราเห็นคงไม่มีอะไรผิดแปลกไปจากเดิมเท่าไหร่หากมองผิวเผินปกตินอกจากพื้นพรมสีแดงเลือดนกเท่านั้น หากแต่เมื่อพิจารณาดีๆ จะเห็นรอยเชื่อมต่อของพื้นพรมที่ปิดได้แนบสนิทพอดีชนิดที่ว่าหากไม่สังเกตคงจะไม่เห็น ส่วนที่ผมเห็นเพราะตรงมุมของมันเป็นรอยกดจนพื้นพรมเผยอเปิดขึ้นมานิดๆ อย่างน่าแปลก ที่มันมีทั้งสี่มุมตามขนาดของโต๊ะที่ล้มไปพอดีทำไมถึงต้องช่วยกันยก? เพราะว่าโต๊ะตัวนี้ทำมาจากโครงเหล็กและหินอ่อนที่ด้านบนในรูปทรงสี่เหลี่ยม ส่วนด้านล่างเป็นลิ้นชักสีดำ ขนาด 2 ชั้นขอบดิ้นทองดูดุดัน หากแต่ก็หรูหรา ถึงแม้ว่าจะสามารถยกคนเดียวได้แต่ก็หนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ผมหันไปมองพี่เนมที่แทบไม่ต้องออกแรงอะไรมากมาย ก็สามารถขยับออกได้แล้ว จนทำให้ผมถึงกับสงสัยในพละกำลังของพี่เนมในทันทีหลังจากที่เรายกโต๊ะเล็กนั้นออก พี่เนมก็เปิดพื้นพรมขึ้นทันที ที่ด้านล่างมีประตูไม้ปาร์เกต์เล็กๆ ฝั่งอยู่ในพื้น โดยที่บนประตูเล็กนั้นมีห่วงกลมๆ เอาไว้ดึงประตูขึ้น เนียนเรียบสนิทในขนาดที่เสมอเท่ากันกับประตู ไม่มีรอยนูนปรากฏให้เห็น ผมกับพี่เนมสบตากัน ก่อนจะเริ่มดึงห

  • We're the same นายกับฉันเหมือนกันเลยนะ   บทที่ 45 ผู้มาเยือนยามวิกาล

    “มันเป็นยังไงบ้าง?” ผมถามเพื่อนทั้งสองทันทีที่เราเข้ามานั่งในโรงอาหารของโรงพยาบาล ทั้งสองมองหน้ากันชั่วครู่ก่อนจะเป็นไอ้เบสที่เปิดปาก“แย่”“มันเล่าอะไรให้มึงฟังไหม” ไอ้เบสส่ายหัวเป็นการปฏิเสธ แล้วถามผมกลับแทน“ของมึงล่ะ”“ไอ้เพชรก็ไม่ได้เล่าอะไรเหมือนกัน กูเองก็ไม่ได้คาดคั้นเอาคำตอบ กูแค่ถามมันว่าจะเอายังไงต่อ ถ้ามันอยากจะเคลียร์กูก็จะเปิดทางให้ไอ้วุฒิเข้ามาคุย แต่ถ้าไม่กูก็จะช่วยมันซ่อนตัว พวกมึงรู้ไหม อาการของมันตอนที่กูไปเจอหนักขนาดไหน ตัวมีแต่รอยช้ำ มีแผลที่มือ ช่อง อ่อ ตรงนั้นอะ ฉีกขาดรุนแรง แล้วยังมีอาการหวาดผวาเวลาใครเข้าไปแตะแบบที่มันไม่รู้ตัวด้วย พี่ไผ่บอกว่าชื่อ PT อะไรนี่แหละ”“ส่วนของกู ตอนที่มึงโทรมาบอก พวกกูก็รีบไปทันที เจอมันนอนอยู่ที่พื้นนั่นแหละ หน้าช้ำดำเขียว เลือดกบปากเลยนะเว้ย พี่เนมน่ากลัวสัสๆ กูสาบานเลยคนๆ หนึ่งที่กูจะไม่ไปมีเรื่องด้วยก็คือพี่เนมนี่แหละ” ไอ้ซันพูด ทำท่าขนลุกขนชัน จนผมอดจะเอ่ยสำทับไม่ได้“เออ กูเห็นด้วย พี่เขาเล่นปืนด้วยนะเว้ย

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status