6. แต่งงานกัน
ครอบครัวของพี่ซายน์มาถึงบ้านฉันในช่วงเช้า พี่ซายน์สวมเสื้อเชิร์ตพับแขนสีขาวกางเกงยีนส์สีเข้มผมที่ปกติเซททรงเปิดหน้าผากวันนี้ปล่อยหน้าม้าเป็นธรรมชาติดูอ่อนเยาว์เหมือนหนุ่มนักศึกษา ดวงตาสีเข้มยังคงมองฉันด้วยความรู้สึกผิด บ้านฉันถึงจะเก่าและโทรมแต่เราสองแม่ลูกทำความสะอาดอยู่เสมอ หน้าบ้านปลูกต้นมะม่วง ต้นมะยม มีดอกลีลาวดีและดอกไม้หลากชนิดสร้างความร่มรื่น ฉันพาแขกทุกคนไปนั่งอยู่ระเบียงหลังบ้านซึ่งมีคลองที่ผู้คนใช้สัญจรไปมา
“บ้านหนูดาวน่าอยู่นะ ด้านหลังติดคลองไว้นั่งพักผ่อนหย่อนใจมองไปทางไหนก็มีแต่พื้นที่สีเขียว” แม่พั้นซ์ชี้ชวนให้พ่อไพรซ์ผู้เป็นสามีดูผู้คนที่ใช้เรือสัญจรไปมา มีทั้งพ่อค้าแม่ค้าที่ขายอาหาร ผลไม้ หรือขนมโดยใช้เรือเป็นยานพาหนะ แม่เดือนนั่งเกร็งบีบมือแน่นอาจเพราะครอบครัวพี่ซายน์เป็นมหาเศรษฐีส่วนครอบครัวฉันเป็นแค่แม่ค้าทำอาชีพขายข้าวแกง วันนี้แม่ไม่ได้ไปขายของและฉันกดเงินจากบัตรเอทีเอ็มไว้จ่ายหนี้นอกระบบให้แม่เป็นที่เรีนบร้อยแล้ว ฉันกำลังคิดวิธีหาเงินมาใช้หนี้ให้แม่ตอนนี้ยังคิดไม่ออกแต่ฉันจะไม่ยอมให้แม่ลำบากอีกต่อไปแล้ว
“ที่เรามาวันนี้ จะมาคุยเรื่องหมอซายน์กับหนูดาว แม่อยากให้ซายน์ในฐานะลูกชายคนเดียวของแม่แสดงความรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นโดยการแต่งงานกับหนูดาว คุณแม่เดือนเห็นด้วยไหมคะ?” แม่พั้นซ์หันไปยิ้มให้แม่อย่างเป็นกันเองจนแม่ฉันเริ่มดูผ่อนคลายมากขึ้น
“ฉันแล้วแต่ลูกค่ะ” แม่เดือนหันหน้ามาทางฉัน ส่งยิ้มที่อบอุ่นให้กำลังใจ
“แม่เตรียมสินสอดที่จะมาสู่ขอหนูดาวไว้แล้ว ไม่แน่ใจว่ามันจะน้อยไปไหม น้องพายช่วยแม่อ่านด้วย” แม่พั้นซ์ยื่นกระดาษเอสี่ที่พิมพ์ข้อความให้ยัยพาย
“สินสอดเป็นเงินสดหนึ่งร้อยเก้าล้านบาท เครื่องเพชรประจำตระกูลสิบชุด ทองรูปพรรณหนักห้าร้อยบาท บ้านพร้อมที่ดินที่เอกมัย คอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยา หุ้นในโรงพยาบาล ST ยี่สิบห้าเปอร์เซ็นท์ หุ้นโรงแรมในเครือเดอะลุคสิบเปอร์เซ็นท์ รวมมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดหนึ่งพันล้านบาทแบ่งให้เจ้าสาวกึ่งหนึ่งจากสินทรัพย์ทั้งหมดห้าร้อยล้านบาท” ฉันช็อกตั้งแต่เงินสดหนึ่งร้อยเก้าล้าน ก็พอรู้ว่าบ้านยัยพายรวยมาก ไม่คิดว่าจะรวยขนาดนี้
“แม่เดือนพอใจไหมคะ ฉันทุ่มเต็มที่สำหรับลูกสะใภ้น่ารักๆแบบหนูดาว” แม่เดือนเองก็นิ่งไป อาชีพหาเช้ากินค่ำอย่างเราเคยจับเงินล้านที่ไหนกัน ฉันมีคำตอบในใจอยู่แล้ว..ชั่วแว่บนึงฉันมองหน้าแม่เปรียบเทียบกับแม่พั้นซ์ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แม่เดือนดูแก่เกินอายุจริงไปไกลแต่แม่พั้นซ์เหมือนถูกสตาฟอายุไว้แค่สี่สิบต้นๆเท่านั้น แม่ลำบากมาตลอดนับตั้งแต่วินาทีที่ฉันลืมตาดูโลก ฉันอยากทำอะไรเพื่อแม่บ้างไม่อยากให้แม่เหนื่อยอีกแล้ว
“แม่ครับผมกับน้องดาวมีเรื่องจะบอก เราตกลงกันแล้ว” แววตาสีเข้มของพี่ซายน์หันมามองฉัน ส่งสัญญาณว่าถึงเวลาที่เราจะต้องบอกผู้ใหญ่เรื่องงานแต่งงานที่ไม่มีวันเกิดขึ้น
“มีอะไรเหรอหนูดาวบอกแม่ได้นะ” แม่พั้นซ์พูด ฉันหันไปมองแม่เดือนแล้วสะท้อนใจ
“เราตกลงกันว่าเราจะไม่....” พี่ซายน์พูดขึ้นมาก่อน
“ดาวจะแต่งค่ะ ดาวจะแต่งงานกับพี่ซายน์” ทุกคนยิ้มด้วยความยินดี ยกเว้น...พี่ซายน์ เขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ จากนั้นจึงมองด้วยสายตาที่ฉันอ่านออกว่าเขากำลังดูถูกฉัน ดาวขอโทษแต่ดาวขอยืมเงินห้าล้านไปใช้หนี้ก่อน ถ้าดาวมีเงินดาวจะรีบหย่าทันที ฉันบอกตัวเองในใจ ถึงพี่ซายน์จะมองว่าฉันเห็นแก่เงินก็ตาม ฉันไม่สนใจขอแค่แม่เดือนมีความสุข ในตอนนี้ฉันขอแค่นี้จริงๆ.....
Sine talks
ผมรู้ว่าผมทำผิดต่อน้องดาวแบบชนิดที่ให้อภัยไม่ได้ แต่เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่แต่งงานกัน พอเห็นมูลค่าของสินสอดน้องดาวที่แสนดีคนนั้นก็เปลี่ยนไป สินทรัพย์แค่ห้าร้อยล้านทำให้น้องดาวกลายเป็นคนโลภขึ้นมาทันที ขนาดยังไม่ได้แต่งงานกันผมยังรู้สึกไม่ดีกับว่าที่เจ้าสาว ถ้าแต่งงานกันไปผมก็ไม่มีวันจะรักน้องดาวอยู่แล้ว ผมเกลียดผู้หญิงที่โลภเห็นแก่เงินเห็นแก่ตัว เห็นสภาพบ้านที่เก่าซ่อมซ่อก็พอจะรู้ว่าเธออยากจะผลักดันตัวเองให้มีหน้ามีตาในสังคมด้วยการแต่งงานกับผม พ่อแม่ผมกับพายขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯแล้ว แม่พั้นซ์ให้ผมขับรถพาน้องดาวกลับมาด้วย ร่างเล็กที่นั่งข้างคนขับไม่พูดอะไรเลย เธอเอาแต่นั่งก้มหน้าบีบมือตัวเอง
“ดาวขอโทษนะคะที่ผิดสัญญา” น้ำเสียงและสีหน้าเหมือนคนรู้สึกผิดเสียเต็มประดาทั้งๆที่เหตุผลที่ทำไปเพราะเห็นแก่เงินทั้งนั้น
“ผมเข้าใจ เงินห้าร้อยล้านมันเปลี่ยนคนธรรมดาให้เป็นคนโลภ” ผมเน้นคำว่าโลภชัดเจน เธอจะได้สำนึกในสิ่งที่เธอทำลงไป
“ดาวจำเป็นจริงๆนะคะพี่ซายน์” เพื่อนน้องสาวผมที่กำลังจะกลายมาเป็นเจ้าสาวของผมในอีกไม่กี่วันข้างหน้าหันหน้ามามองผม ที่หางตาเหมือนมีน้ำใสๆคลอ จะเอาน้ำตามาอ้างเหรอผมไม่ตกหลุมพรางหรอก..
“ครับ ทุกคนอยากได้เงินกันทั้งนั้นแหละ” เราไม่ได้พูดอะไรกันอีกจนถึงกรุงเทพฯ ก็ดีเหมือนกันผมก็ไม่มีอะไรจะคุยกับผู้หญิงโกหกผิดสัญญาเห็นแก่เงินจนหน้ามืดอย่างเธออยู่แล้ว..ผมเกลียดเธอ...
Dao talks
“ฉันดีใจนะที่แกยอมแต่งกะพี่ซายน์” หน้ายัยพายดีใจสุดๆ แต่ฉันกลับรู้สึกเศร้าสุดๆ นี่ฉันทำอะไรลงไป
“......” ฉันพูดอะไรไม่ออก บอกเหตุผลกับพายก็ไม่ได้ มันเป็นเรื่องในครอบครัวที่ไม่ควรจะให้คนนอกรับรู้ ฉันจะรีบหาเงินห้าล้านมาคืนพี่ซายน์ให้เร็วที่สุด เพราะฉันไม่อยากเห็นแววตาที่พี่ซายน์มองฉันด้วยความรังเกียจ ฉันมันก็เป็นแค่ผู้หญิงโลภเห็นแก่เงินในสายตาของเขา ผู้หญิงที่ทำลายความรักของเขา ฉันรู้สึกเกลียดตัวเองจริงๆ
“ดาว แกชอบชุดไหนเลือกสิ” ยัยพายส่งอัลบัมรูปชุดแต่งงานให้ฉันซึ่งเป็นของแบรนด์ชุดวิวาห์จุนิตา แบรนด์ชั้นนำของประเทศ คนรวยเท่านั้นถึงมีโอกาสได้ใส่ ฉันมองแต่ละชุดราคาแพงทั้งนั้นราคาเริ่มต้นหลักแสน
“แพงไปอ่ะแก ฉันเช่าร้านธรรมดาก็ได้”
“แก คนเราแต่งงานครั้งเดียวป่ะ บ้านฉันยินดีทุ่มนะ” แต่งงานครั้งเดียวงั้นเหรอ? จะหย่าเมื่อไหร่ยังไม่รู้เลย ฉันแอบถอนหายใจ ถ้าไม่เลือกสักชุดยัยพายก็คงเซ้าซี้ ฉันเลยจิ้มเลือกส่งๆไปชุดนึงไม่สนใจจะดูราคาแค่คิดว่ามันสวยดี
“แก ตาถึงมากเลยนะ ชุดนี้สองล้านแพงที่สุดในเล่ม” ยัยพายยิ้มพรายมองชุดราคาสองล้านด้วยแววตาชื่นชม
“ห๊ะ!!! สองล้าน งั้นไม่เอาชุดไหนถูกสุด” ฉันเริ่มจะโวยวายราคาชุดมันแพงเกินไปใส่แค่แป๊บเดียวไม่คุ้มเลย
“เอาชุดนี้แหละ เดี๋ยวฉันไปบอกแม่พั้นซ์ก่อน ให้ช่างมาวัดตัวเดี๋ยวไปลองชุดพร้อมพี่ซายน์” ชื่อของพี่ซายน์เหมือนของแสลง ผู้หญิงทุกฝันว่าจะแต่งงานกับคนที่รัก สำหรับฉันมันไม่ใช่แบบนั้น มันเกิดจากความผิดพลาดและลามไปถึงความเห็นแก่ตัวของฉันที่ไม่อาจรักษาสัญญาที่ให้กับพี่ซายน์ได้ ฉันปฏิเสธไม่ได้ว่าฉันแต่งงานเพราะเงินจริงๆ ไม่ผิดหรอกที่พี่ซายน์จะเกลียดฉัน ฉันอยู่ในสภาพที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตอนนี้ขอแค่แม่อยู่บ้านอย่างปลอดภัยฉันก็มีความสุขแล้ว ฉันถอนเงินจากบัญชีจนหมดไว้ให้แม่จ่ายดอกเบี้ยรายวัน หลังจากงานแต่งงานฉันจะเอาเงินไปใช้หนี้และไถ่ถอนบ้านที่จำนองไว้ จากนั้นฉันจะรีบหาเงินห้าล้านมาคืนและหย่ากับพี่ซายน์ให้เร็วที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้
งานแต่งงานจะมีขึ้นในอีกสิบวัน แม่พั้นซ์กำลังเนรมิตหน้าบ้านให้เป็นสถานที่จัดงานแต่งงานสุดอลังการ ช่วงต้นเดือนมีนาคมคือช่วงที่ครูต้องส่งผลการเรียนหลังจากสอบปลายภาคเสร็จสิ้น นักเรียนไม่ต้องมาโรงเรียนแล้วแต่ครูปฏิบัติหน้าที่ถึงปลายเดือนมีนาคม ต้นเดือนเมษายนถึงช่วงกลางพฤษภาคมคือช่วงปิดภาคเรียน พรุ่งนี้ฉันกับยัยพายต้องกลับโรงเรียนท่ามะแว้งวิทยาเพื่อส่งผลการเรียนและขอลากิจห้าวันเพื่อเข้าพิธีมงคลสมรส....
31. ตอนพิเศษ เอเธนส์ & บอสตัน“พี่ซายน์ ดาวฝากซื้อของหน่อยค่ะ” ฉันหนีบโทรศัพท์ไว้ที่ซอกคอกับไหล่ สองมือกำลังใช้ครีมอาบน้ำเด็กถูไปตามลำตัวป้อมสั้นแต่ทว่าจ่ำม่ำกว่าเด็กวัยเกือบสามขวบกว่าทั่วไป“แม่ดาว อาบให้บอสมั่งฮะ” เสียงใสๆของเด็กชายตัวน้อยอีกคนดังขึ้น“ได้ครับ จัดไปทั้งคู่เลย” ฉันจัดการอาบน้ำเด็กแฝดทั้งสองหลังจากที่สองพี่น้องไปเล่นดินหลังบ้าน โดยมีคุณยายเดือนคอยดูอย่างห่างๆ เสื้อผ้าของเอเธนส์กับบอสตันเปื้อนดินโคลน ใบหน้ามอมแมมจนฉันแทบจะจำลูกตัวเองไม่ได้“คุณดาวคะ เดี๋ยวป้าช่วยนะคะ” ป้าสมใจคงเห็นว่าฉันทั้งคุยโทรศัพท์ทั้งอาบน้ำเด็กๆทั้งสองดูทุลักทุเลจนเกินไป“น้องไนท์หลับแล้วเหรอคะ?” ฉันถามถึงเด็กหญิงวัยสองขวบลูกของน้องมิ้นท์ ซึ่งพลาดพลั้งตั้งท้องตอนกำลังจะเรียนจบชั้นมัธยมปลาย เด็กสาวเกิดอาการครรภ์เป็นพิษพอคลอดลูกสาวตัวน้อยคือน้องไนท์ก็เสียชีวิตทันที ฉันรู้สึกเวทนาจึงรับลูกสาวของน้องมิ้นท์เป็นลูกบุญธรรม น้องไนท์วัยสองขวบกำลังหัดพูด ผิวขาวเนียนละเอียดจ่ำม่ำน่ารักน่าเอ็นดูแถมยังบังเอิญหน้าคล้ายฉันอีกด้วย ถ้าพาเด็กๆทั้งสามคนออกไปเที่ยว คนรู้จักยังคิดว่าเป็นลูกของฉันกับพี่ซายน์ทั้งหมด “
30. เพราะเธอคือดวงดาวของหัวใจ (2)ในความฝันที่กึ่งๆเหมือนความเป็นจริง ฉันยืนอยู่ที่มืดๆ พี่ซายน์ยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าของเขาดูเศร้าเขายืนมองหน้าฉัน อยู่ๆก็หันหลังและเดินหนีฉันไป“พี่ซายน์จะไปไหนคะ” ฉันร้องตะโกนถาม ทว่าร่างสูงยังคงก้าวเท้าห่างฉันออกไปเรื่อยๆ แต่ฉันยังตามเขาไปอย่างไม่ลดละ จากเดินเร็วๆกลายเป็นวิ่งตาม เสื้อเชิร์ตสีขาวของพี่ซายน์มีสีแดงเป็นจุดเล็กๆจากนั้นสีเข้มของเลือดกระจายเป็นบริเวณกว้าง จากเสื้อเชิร์ตสีขาวกลายเป็นสีแดงช้ำเลือดจนน่ากลัว พี่ซายน์หยุดเดินและหันหน้ากลับมา“ดาวไม่ต้องตามพี่มา”“ทำไมคะ พี่ซายน์จะไปไหน”“ไปที่ๆไกลมาก ดาวดูแลลูกๆของเราด้วยนะ” จากนั้นร่างของพี่ซายน์ก็โปร่งแสงและแตกกระจายกลายเป็นผีเสื้อนับพันนับหมื่นบินขึ้นไปบนท้องฟ้า...ฉันค่อยๆลืมตาขึ้น พยายามกระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับสายตากับแสงสว่างในห้อง รู้สึกเหมือนตัวเองฝันร้าย เลือดที่อยู่บนเสื้อของพี่ซายน์กระจายตัวเป็นวงกว้าง มันคงไม่ใช่เรื่องจริง ฉันรู้สึกเหนื่อยหอบเพราะในความฝันฉันทั้งเดินทั้งวิ่งตามเขา“ดาวฟื้นแล้วเหรอ?” เสียงของแม่เดือนดังขึ้น แม่กำลังนั่งกุมมือฉันอยู่ข้างๆเตียง“ดาวเป็นลมอีกแล้วใช่ไหมคะ
29. เพราะเธอคือดวงดาวของหัวใจ (1)ฉันตื่นขึ้นมาด้วยอาการเวียนหัวพอยืนขึ้นก็รู้สึกเหมือนบ้านหมุน คิดว่าตัวเองต้องเป็นโรคเกี่ยวกับความดันแน่ๆ แต่ก็ยังฝืนเดินลงมาทำอาหารตามปกติ ป้าสมใจกำลังย่างกะปิเพื่อตำน้ำพริก ฉันย่นจมูกทันทีที่ได้กลิ่นกะปิ“คุณดาวหน้าซีดนะคะ” ป้าสมใจทัก“เวียนหัวนิดหน่อยค่ะ น่าจะเป็นความดัน เดี๋ยวป้าสมใจย่างกะปิค่อยเรียกดาวนะคะ” ยิ่งได้กลิ่นกะปิยิ่งเวียนหัว อาการคลื่นไส้ตีรวนขึ้นมาอีก รู้สึกกลืนไม่เข้าและไม่น่าจะคายอะไรออกมาได้ ทั้งๆที่ยังไม่กินข้าวเช้าแต่เหมือนร่างกายอยากจะขับอะไรออกมา ฉันวิ่งไปห้องน้ำที่ใกล้ที่สุดและอาเจียนออกมา ซึ่งมีแต่น้ำลายเหนียวๆใสๆ ป้าสมใจรีบตามมาลูบหลัง“คุณดาวไหวมั้ยคะ ไปหาหมอไหมคะ” และในตอนนั้น..ฉันรู้แล้วว่าอาการที่ว่ามันคืออะไร..ฉันรีบไปที่ร้านขายยาและซื้อที่ตรวจครรภ์มาทุกแบบ ทั้งแบบหยดแบบจุ่มและแบบปากกา ครั้งแรกลองตรวจด้วยที่ตรวจแบบหยดก่อน แค่หยดปัสสาวะลงไปสี่หยดผลก็ปรากฏชัดแบบไม่ต้องสงสัย พอตรวจครบทุกแบบฉันก็จัดการเอาที่ตรวจทุกอันใส่กล่องและห่อด้วยกระดาษสีหวาน จากนั้นก็รอเวลา ราวๆหกโมงเย็นเสียงรถก็มาจอดที่โรงรถ ร่างสูงในชุดเสื้อกาวน์แขน
28. รักแท้แพ้อะไร (2)ฉันเดินตามร่างสูงเข้ามาในห้องนอน สามีของฉันปิดไฟมืดเอาผ้าห่มคลุมตัว เขานอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าหาผนังห้อง“พี่ซายน์เป็นอะไรรึเปล่าคะ?” ฉันนั่งลงที่เตียงใช้หลังมือแตะหน้าผากเขาเบาๆ อุณหภูมิก็ปกติตัวไม่ได้ร้อน“พี่ปวดหัว” คนที่ใช้ผ้าห่มคลุมตัวพูดเสียงเรียบ“แค่ปวดหัวใช่ไหมคะ มีอะไรจะบอกดาวไหม?” ฉันถามตรงๆเพราะเห็นความผิดปกติของเขาตั้งแต่อยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว พี่ซายน์ไม่พอใจที่น้องต้นพูดจากับฉันอย่างสนิทสนม“......” เขายังเงียบ..“งั้นดาวลงไปหาเพื่อนๆนะคะ” ฉันทำทีจะออกจากห้องนอน“ดาว...พี่ไม่ชอบครูต้นเลย” แล้วพี่ซายน์ก็คายความในใจออกมาจนได้“พี่ว่ามันชอบดาว พี่กลัว...”“พี่ซายน์กลัวดาวจะไปชอบครูต้นเหรอคะ?” ฉันแอบกลั้นยิ้มแต่พี่ซายน์คงไม่เห็นเพราะห้องมืดมาก“ก็ดาวทำงานกับครูต้นทุกวัน ส่วนพี่อยู่กรุงเทพฯแถมยังไม่มีเวลามาหาดาวบ่อยๆ พี่กลัวว่าดาวจะชอบคนอื่น” น้ำเสียงที่พูดดูจริงจังและคนตัวสูงก็ถอนหายใจ ฉันล้มตัวลงไปนอนข้างๆ เอื้อมมือไปสวมกอดพี่ซายน์จากทางด้านหลัง“ลองคิดกลับกันนะคะ พี่ซายน์ทำงานใกล้ชิดกับหมอ พยาบาลสาวๆสวยๆ ดาวก็ต้องคิดใช่ไหมคะว่าพี่ซายน์อาจจะไปชอบคนอื่นเพ
27. รักแท้แพ้อะไร (1)พอฉันตื่นขึ้นในตอนเช้าร่างสูงที่นอนกอดตลอดคืนก็หายไปแล้ว พี่ซายน์ผู้ที่ชอบนอนขี้เซาและคอยให้ปลุกตลอดหายไปไหนกันนะ พอเดินลงมาด้านล่างก็พบว่า หมอหนุ่มกำลังทำอาหารอยู่ในห้องครัว กลิ่นของทอดลอยมาเตะจมูก เขาคงได้ยินเสียงฝีเท้าของฉันที่กำลังเดินลงจากบันได ใบหน้าขาวเนียนยิ้มอวดลักยิ้ม ผมหน้าม้าที่ยุ่งไม่เป็นทรงแต่กลับทำให้คนตรงหน้าดูหล่อเหลาไปอีกแบบ “ดาวตื่นแล้วเหรอ?” คงเป็นครั้งแรกในรอบปีที่ฉันตื่นสายตอนนี้หกโมงเช้าแล้วถือว่าสายสำหรับฉัน ปกติวันทำงานฉันจะตื่นตีห้าลุกมารดน้ำต้นไม้และพวกพืชผักสวนครัวที่ปลูกไว้รอบๆบริเวณบ้าน เมื่อคืนคนตัวสูงก่อกวนตลอดทั้งคืนจนแทบไม่ได้นอนจึงรู้สึกเพลียจนตื่นนอนตามเวลาปกติไม่ได้“พี่ซายน์ทำอะไรกินคะ” ฉันเดินเข้าไปดูใกล้ๆ พี่ซายน์กำลังทอดไส้กรอก ในจานที่ทอดเสร็จแล้วมีไข่ดาวทั้งแบบสุกและไม่สุกหลายฟอง มือหนาจูงมือฉันมานั่งที่โต๊ะอาหาร บนโต๊ะมีน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋และมีข้าวเหนียวหมูปิ้ง“ดาวนั่งเฉยๆ พี่จะบริการดาวเอง สลับกันบ้างดาวดูแลพี่มามากพอแล้ว” ฉันอมยิ้ม คุณชายแห่งบ้านจึงรุ่งเรืองสกุลเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เชียวเหรอ?“พี่ซายน์ให้ใครไปซื้ออ
26. ไตหาหัวจาม (2)เลิกเรียนฉันก็รีบกลับบ้านพักทันทีปกติจะนั่งคุยชิลๆกับครูพี่ลี่ก่อน ช่วงบ่ายฉันมัวแต่เป็นห่วงว่าพี่ซายน์จะอยู่ได้ไหมเพราะอากาศร้อนมาก แต่พอถึงบ้านฉันเห็นร่างสูงยืนอยู่หน้าบ้าน บนหลังคามีคนกำลังติดจานดาวเทียมสีส้มและตรงระเบียงห้องนอนมีช่างกำลังติดแอร์และไม่ได้ติดแค่จุดเดียว พี่ซายน์ติดแอร์ทั้งบ้าน ห้องนอนที่ฉันนอนห้องเดียวอีกห้องใช้เก็บของเขาก็ติดมันหมดทั้งสองห้อง ห้องนั่งเล่นชั้นล่างก็ติดแอร์ รวมไปถึงครัวเล็กๆนั้น ทีวีจอแบนจอใหญ่ถูกนำมาตั้งแทนทีวีจอเล็กๆอันเก่า ตู้เย็นสี่ประตูเครื่องใหญ่ตั้งอยู่ในครัว ร่างสูงยืนชื่นชมผลงานพอเห็นเจ้าของบ้านมาถึง ก็ทำแบบสอบถามความพึงพอใจ“ดาวชอบไหม สมาร์ททีวีรุ่นล่าสุดบลูทูธต่อกับมือถือได้เลย เผื่อดาวอยากดูหนังฟังเพลง” หมอหนุ่มอวดอ้างสรรพคุณของอุปกรณ์อิเลคทรอนิคซึ่งเจ้าตัวภูมิใจนำเสมอมาก“ตู้เย็น พี่ซื้อเครื่องดื่มกับผลไม้ไว้ให้แล้ว”“พี่ซายน์ เกินไปไหมคะ ดาวว่ามันฟุ่มเฟือยเกินไป” ฉันไม่เห็นด้วยกับของแต่ละอย่างที่เขาซื้อให้ฉันเลย“พี่อยากให้ดาวอยู่สบายๆ ดาวไม่ใช่คนอื่นคนไกล ดาวเป็นเมียพี่ถึงดาวจะไม่ยอมรับ แต่ถึงตอนนี้เราก็ยังเป็นสามีภร