แชร์

บทที่5

ผู้เขียน: อาภาลดา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-08 22:52:57

กว่าที่หญิงสาวต่างภพผล่อยหลับ ก็ย่างดึกสงัด และเช่นเคยเจ้าหล่อนก็ยังนอนดิ้น นอกจากจะถีบผ้าห่มผืนน้อยออกจากตัว ยังพลิกมานอนเบียดไอ้ต้าวสามี..จนคนอายุมากกว่าตกใจตื่น..ดวงตาคมกริบฉายแววเหนื่อยล้า ก่อนจะหรี่ตามองยัยตัวเล็กที่นอนคุดตัวในอ้อมกอด..มือใหญ่ค่อยๆ ดันร่างบอบบางไปตรงกลางเตียง..ผ้าห่มผืนบางที่ถูกถีบถูกจัดแจงห่มใหม่อีกรอบ 

เสียงไก่ขันบ่งบอกเวลาใกล้เช้า ร่างสูงโปร่งตัดสินใจลุกขึ้นอาบน้ำเตรียมไปโรงพยาบาล โดยปล่อยภรรยาตัวร้ายนอนทับตะวันเหมือนเฉกเช่นทุกวัน 

จวบจนเวลาล่วงเลยเกือบแปดโมง คนที่ตื่นเช้ามาตลอดชีวิตก็สะดุ้งตกใจตื่น มือเรียวสวยขยี้หูขยี้ตาเรียกสติ ดวงตาคมหวานซึ้งกวาดตามองรอบห้องๆ คาดหวังว่าให้เรื่องเมื่อวานเป็นเพียงฝันไป...แต่ความจริงก็ยังเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ เธอได้ย้อนมาอยู่ในอีกยุคสมัยหนึ่งจริงๆ!!

เมื่อได้นอนหนึ่งตื่น คนที่ถูกสอนมาให้แก้ปัญหา เริ่มเรียบเรียงความคิด..สิ่งแรกที่เธอควรทำ...คือการพิจารณาสถานการณ์ของตัวเองให้รอบคอบ อาจเพราะความทรงจำของร่างเดิมที่ขาดๆ แหว่งๆ ชวนให้หงุดหงิดใจ..สิ่งที่ทำได้คือการอยู่ปัจจุบัน

คิดได้ดังนั้น..คนตัวเล็กก็จัดแจงพับผ้าห่ม เก็บที่นอนให้เรียบร้อย ตามประสาคนเจ้าระเบียบ

ร่างบอบบางอาบน้ำแต่งตัว หญิงสาวเลือกเสื้อกี่เพ้าสีฟ้าอ่อนลายดอกไม้น่ารัก กับกางเกงสีกรมท่าพอดีตัว....ผมดำยาวสลวยถูกรวบเป็นหางม้าง่ายๆ บนโต๊ะเครื่องแป้ง เธอเลือกแค่ครีมทาผิวเพื่อความชุ่มชื้น บนโต๊ะเตี้ยๆ ข้างเตียงนอนฝั่งคุณสามี...มีเหรียญหนึ่งบาท ผสมเหรียญสิบบาทหลายเหรียญถูกวางไว้ ดารินหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความสนใจ นึกอยากรู้ค่าเงินสมัยนี้เสียเหลือเกิน บนโต๊ะนอกจากเงิน ยังมีกระดาษแผ่นเล็ก ถูกเขียนไว้ว่า 'เงินสำหรับใช้จ่ายในบ้าน'

เรียกรอยยิ้มมุมปากของภรรยาตัวเล็กได้ไม่น้อย  นิ้วเรียวสวยใช้นิ้วไล้ไปตามตัวอักษร...รายมือของชายหนุ่มเป็นตัวหนาเต็มไปด้วยความหนักแน่น...ที่น่าแปลกใจคือมันเป็นลายมือที่คล้ายกับนายคีรีคู่หมั้นของเธอราวแปดสิบเปอร์เซ็น  ชวนให้คิดว่าสองคนนี้เป็นคนเดียวกัน แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงกันละ...ถ้าคู่หมั้นของเธอย้อนเวลากลับมา เขาต้องจำได้ซิว่าเธอคือใคร?

เมื่อคิดไปก็ไม่ได้อะไร ดารินจึงหยิบเหรียญบนโต๊ะเพียงไม่กี่เหรียญติดตัวออกจากบ้านไปด้วย ก่อนที่ร่างเพรียวระหงเดินลงมาชั้นล่าง เวลาที่ปรากฏในนาฬิกาชี้บอกแปดนาฬิกา วันนี้ดารินเองก็มีภารกิจหลายอย่างที่ต้องทำ...โดยเฉพาะการสำรวจยุคสมัยที่ตัวเองหลงเข้ามาอยู่ แต่สิ่งแรกที่ต้องทำคือหาอะไรทาน

หญิงสาวจัดแจงปิดประตูบ้าน ก่อนจะเดินไปทางตรอกหมายเลขที่สี่ ที่เดียวกับคุณสามีพาไปทานมื้อเย็น หลังจากที่เธอเก็บกวาดทำความสะอาดบ้านเมื่อวานนี้ จินจินค้นพบความจริงข้อหนึ่งคือที่บ้านแทบไม่มีอุปกรณ์ทำครัว แม้แต่ตะหลิว กะทะ หม้อ ไห มีเพียงแต่จานชามช้อนซ้อมไม่กี่ชิ้น นั่นแสดงให้เห็นว่าร่างเดิมของเธอแทบไม่เคยใช้ครัว 

ดังนั้นมื้อเช้าคงต้องฝากกับร้านอาหารข้างทาง แต่ตรอกหมายเลขสี่ที่เธอคาดหวังว่าจะมีร้านอาหารตามสั่ง ปรากฎว่าบรรยากาศเงียบกริบ ใบหน้าสวยหวานมีเสน่ห์เต็มไปด้วยร่องรอยผิดหวัง...จินเยว่ตัดสินใจไม่ย้อนกลับทางเก่า แต่เลือกจะเดินเลี้ยวไปที่ซอยถัดไป ตึกแถวโบราณต่างทำจากไม้เรียงกันยาวจนสุดซอย ณ เวลานี้ ส่วนใหญ่ถูกปิดเงียบ มีบางหลังที่มีผู้สูงวัยนั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน

คนต่างยุคเดินสำรวจพลางจดจำแผงผังของชุมชน จนทะลุมายังถนนใหญ่ เส้นเดียวกับวันแรกที่เธอเคยวิ่งทะลุออกมา...ดวงตาสวยหวานเบิกกว้างเล็กน้อย บรรยากาศฝั่งนี้คึกคักกว่าเส้นที่เธอเดินมา ผู้คนแต่งตัวคล้ายๆ กันไปหมด ถ้าเป็นผู้หญิงไทยส่วนใหญ่จะตัดผมสั้นดัดปลาย เสื้อที่สวมใส่ค่อนข้างเรียบร้อย และยังคงนิยมใส่ผ้าถุงลายดอก แต่ก็มีสาวๆ สวยๆ ที่ดูมีฐานะหน่อย ใส่ชุดเดรสสีหวานสดใส ราวกับหลุดมาจากหนังยุค 50 

สิ่งที่เห็นมันบอกกับเธอว่า เธอไม่ได้ฝันไป..หน้าร้านใกล้ๆ หัวมุมมีร้านขายน้ำเต้าหู้ กับปาท่องโก๋ ขาเรียวสวยจ้ำอ้าวเข้าไปที่ร้านทันที ก่อนจะตัดสินใจซื้อปาท่องโก๋ใส่ถุงกระดาษห่อโต กับน้ำเต้าหู้ ...เช้านี้เธอไม่อดแล้ว หลังจากจ่ายเงินคนตัวเล็กเดินกลับบ้านทันที วางแผนว่าถ้ากินอะไรเรียบร้อยแล้ว จะนั่งรถรางสำรวจรอบๆ เมือง...ถ้ารู้ยุคสมัยย่อมรู้ว่าควรจะจัดการกับชีวิตยังไงดี 

ตอนมาถึงบ้าน...เจ้าของบ้านคนสวยวางของกินไว้บนโต๊ะกลมกลางบ้าน ก่อนจะเดินไปล้างมือด้วยความเคยชินในห้องน้ำ แต่สิ่งสุดท้ายที่เธอคิดหลังจากล้างมือในบ้านตัวเองก็คือ...จะเจอหัวขโมยในเวลากลางวันแสกๆ!!!

แถมขโมยอะไรไม่ขโมยดันขโมยกินปาท๋องโก๋ที่เธอพึ่งซื้อมา!!

ดวงตาสองคู่สบกัน...แขกผู้ไม่รับเชิญเป็นเด็กผู้ชายรูปร่างผอมแห้ง โดยเฉพาะใบหน้าที่ตอบอย่างคนอดอาหาร...ดวงตาเฉลียวฉลาดชั้นเดียวชี้ขึ้น พอเห็นว่าเธอออกมา...หัวขโมยเด็กตัวแสบรีบยัดของกินใส่ปาก ไม่พอยังยัดที่เหลือใส่กระเป๋ากางเกง และใส่เกียร์หมาวิ่งออกจากบ้านทันที

เล่นเอาเจ้าของบ้านคนสวยผู้กำลังหิว ยืนมองอึ้งๆ พอได้สติเท่านั้น ร่างบอบบางรีบวิ่งกระโจนออกจากบ้านตามร่างผอมแห้งนั่นไปทันที

"หยุด!!!!!!! ไอ้หัวขโมย ฉันบอกให้แกหยุดไง หนอยยยย อย่าให้ฉันจับได้นะ แกตายแน่"ไอ้ต้าวตัวเล็กหลงยุควิ่งไปตะโกนด่าไป แต่ร่างเล็กนั่นก็วิ่งไวทานยาด ทำเอานักกีฬาวิ่งของโรงเรียนหัวร้อน...เพราะรอบนี้ดันวิ่งแพ้เด็กเสียอย่างงั้น ถ้านายคีรีผู้เป็นคู่หมั้นรู้เข้า เป็นต้องเยาะเย้ยถากถางเธอเป็นแน่ สองหนึ่งเด็ก หนึ่งผู้ใหญ่วิ่งไล่ตามกันบนซอกซอย จนดารินเองก็เกือบจะจำทางกลับบ้านไม่ได้

จวบจนเลี้ยวหัวมุมตึกเธอก็ตามไอ้เด็กแสบไม่ทัน เล่นเอาคนตัวเล็กเจ็บใจ ดวงตาคมหวานซึ้งกวาดตามองรอบๆ ตึกแถวฝั่งนี้ดูสกปรกกว่าซอยที่เธออยู่ไปซะหน่อย  ข้าวของหลายๆ บ้านกองพะเนินเถินถึกล้นมาตรงทางเดิน

ร่างเพรียวระหงเดินตามทางมาเรื่อยๆ ตั้งใจจะหาถนนใหญ่ให้เจอก่อน แต่แล้วเมื่อโชคชะตาจะเล่นตลก ไอ้คนที่เธอวิ่งไล่ตาม ดันอยู่ตรงหน้า แต่รอบนี้ไอ้เด็กแสบกำลังโดนคนรุม...ร่างผอมเกร็งถูกล้อมด้วยเด็กชายตัวโตอายุราวๆ สิบสองสิบสาม และมีลูกน้องที่ดูอายุน้อยกว่าอีกสองคน ทั้งยังมีชายวัยรุ่นเดียวกับเธอนั่งมองอย่างเห็นเป็นเรื่องสนุก ในขณะที่หญิงวัยกลางคนกำลังเท้าสะเอวชี้นิ้ว และสบถด่าเป็นภาษาจีนเสียงดังขรมไปทั้งซอย

"ไอ้เด็กหัวขโมย ลื้อนี้เกิดมาก็เสียชาติเกิด ไอ้ชิงหมาเกิดเอ้ย"

"เปล่านะ อั้วไม่ได้เอาไป อั้วยังไม่เห็นเงินที่ว่าเลย"ร่างผอมเกร็งยืนหลังค้อมมือเล็กพยายามบังหัวไม่ให้ถูกตี แต่เด็กชายที่อายุมากกว่าหายอมไม่ 

"พูดแบบนี้ ลื้อจะหาว่าอั้วโกหกรึ หนอย อั้วเห็นลื้อขโมยเงินม๊าอั๊ว ตอนม๊าอั้วไปเข้าห้องน้ำ ไอ้เด็กขี้ขโมย"

"อั้วไม่รู้จริงๆ อั้วพึ่งวิ่งมา"

"แล้วนี้อะไร"คนอายุมากกว่ายังไม่ยอมแพ้ เขาชูเหรียญห้าบาทขึ้นมาโชว์พาลยิ้มเยาะ เด็กชายลูกคู่อีกสองคนรีบสำทับ

"ใช่ๆๆๆ พวกอั๊วเห็นลื้อขโมย"

"อั๊วไม่ได้ทำ ฮึก...จริงๆนะ"น้ำเสียงกระท่อนกระแท่น ราวกับจะร้องไห้ เด็กชายนึกรู้วันนี้เขาไม่รอดแน่ คงต้องโดนทุบตีเป็นที่ระบายอารมณ์โกรธของหัวโจก 

"หนอย ไอ้เด็กเหลือขอมานี้ ถ้าอั๊วไม่ได้ตีลื้อ อย่าเรียกอั๊วว่าม๊าเหมย!!!"น้ำเสียงตะโกนด้วยความโกรธ ก่อนจะกระชากแขนคนอายุน้อยกว่าเตรียมจะฟาดไม่ยั้ง

"หยุด!!!!"เสียงห้ามของหญิงสาวหลงยุค เรียกความสนใจต่อกลุ่มคนตรงหน้าให้หันมามอง..โดยเฉพาะเจ้าหัวขโมยตัวแสบ..พอเขาเห็นเธอ..ดวงตาเล็กหยีเต็มไปด้วยความหวัง

"เจ่เจ้จินจิน!"

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • back to 1950's ย้อนเวลาให้ดอกไม้ผลิบาน   บทพิเศษ2

    ณ มหาวิทยาลัย J ชื่อดังระดับต้นๆ ของประเทศหลังตึกคณะบริหารธุรกิจ...หญิงสาวในชุดนักศึกษากำลังยืนรอชายหนุ่มทายาทของตระกูลดังอย่างใจจดใจจ่อ...ท่าทางกระสับกระส่ายพาลให้เพื่อนสาวที่มาด้วยสองคนหัวเราะคึกคัก "ยัยซีลีนเธอจะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้นยะ ทำเหมือนไม่เคยอ่อยผู้ไปได้"เพื่อนที่มาด้วยกันแซวเมื่อเห็นดาวคณะนิเทศกระสับกระส่ายใบหน้าสวยเฉี่ยวตามสมัยนิยมถูกแต่งแต้มเป๊ะปัง จนหนุ่มๆ พากันเหลียวหลังมองด้วยความชื่นชม...นอกจากหน้าตาที่ดีเลิศ โปรไฟล์เจ้าหล่อนก็แสนจะไม่ธรรมดา..เพราะเป็นถึงลูกสาวบริษัทรับเหมารายใหญ่ระดับประเทศ คนที่มาจีบมีตั้งแต่ลูกเศรษฐีด้วยกัน ไปจนนักธุรกิจหนุ่มดาวรุ่ง...แต่ชายที่หญิงสาวตกหลุมรักดันเป็นชายหนุ่มสุดหล่อแสนเย็นชาของคณะบริหาร"คีรีมาทางนั้นแล้วยัยซีลีน"เพื่อนอีกคนรีบสะกิด เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าราวกับหลุดมาจากนิยายจีน..ที่ตอนนี้มีสีหน้าเรียบเฉยติดจะเย็นชาเล็กน้อย..ยิ่งสายตาคมกริบที่กวาดมองยิ่งพาให้หัวใจไฮโซสาวหวั่นไหวร่างอวบอิ่มรีบเดินเข้าไปตรงหน้าตามแรงผลักของคนเป็นเพื่อน"สวัสดีคีรี"เสียงหวานเอ่ยถามขึ้น พร้อมช้อนดวงตากลมโตขึ้นมอง...ชายหนุ่มเพียงหรี่ต

  • back to 1950's ย้อนเวลาให้ดอกไม้ผลิบาน   บทพิเศษ1

    ย้อนไปเมื่อสิบปีก่อนณ MMMO international schoolเด็กหนุ่มชั้นมัธยมปีศึกษาปีที่สี่ผู้มีฐานะเป็นหลานของเจ้าของโรงเรียนเอกชนอันดับหนึ่งของประเทศ..ซึ่งเวลานี้กำลังนั่งอารมณ์ไม่ดีอยู่บริเวณหน้าโถงประชุมของโรงเรียน ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มบูดบึ้ง..นัยน์ตาคมกริบกวาดมองหมู่คนที่ผ่านไปผ่านมา..คล้ายกับกำลังใครสักคนอยู่...รุ่นพี่รุ่นน้องผู้หญิงเมื่อสบสายตาเข้าก็แทบเป็นลม..บรรยากาศเย็นชาน่าหลงใหลไม่ได้ทำให้ความนิยมในตัวเด็กหนุ่มน้อยลงเลยไม่ถ้าในโรงเรียนหรือมหาลัยวิทยาลัยมีเดือนคณะ นายคีรี สิริวงษ์ชัย ย่อมเหนือเมนขึ้นไปอีกขั้นแน่ละ ทั้งรูปร่างหน้าตา..รวมถึงฐานะวงศ์ตระกูลที่จัดอยู่ในหนึ่งกลุ่มลูกหลานผู้มีอิทธิพลระดับประเทศ...รวมถึงผลการเรียนอันดับหนึ่งของสายชั้น เมื่อขึ้นเวทีร้องเพลงเสียงก็เพราะเป็นหนักหนา..ต้องเรียกว่า hot ยิ่งกว่า hotดังนั้นตั้งแต่เกิดมาใครๆ ล้วนต่างประจบสอพลอ เชิดชูบูชา ถ้าจะมีคนหนึ่งที่ปฏิเสธมัน ก็คงไม่พ้นนางสาวดาริน กิตติวรชัยกุล เจ้าหล่อนอย่าว่าแต่ประจบเอาใจเขาเลย วันๆ มีแต่ไล่เขาไปให้พ้นๆ หน้าอีกทั้งวันนี้ยัยตัวร้ายยังหลอกให้เขามารอหน้าโถงประชุมใหญ่ได้ครึ่งค่อนชั่วโมง ทั้งๆ

  • back to 1950's ย้อนเวลาให้ดอกไม้ผลิบาน   บทที่81 จบ

    รถสปอร์ตคันหรูยังวิ่งไปตามทางที่คุ้นเคย..เพียงแต่รอบนี้หญิงสาวสายซิ่งกับขับรถด้วยความไวที่ช้าลงกว่าปกติ หลังคารถเปิดประทุนถูกเปิดออก..สายลมยามดึกปะทะหน้าพาให้อารมณ์ดีไม่น้อย..ผมดำสลวยที่เริ่มยาวถูกมัดรวบง่ายๆ ไว้ด้านหลัง น่าแปลกปกติอดีตคู่หมั้นคนสวยจะตัดมันเสียสั้นกุด เพราะเจ้าหล่อนติดนิสัยขี้รำคาญจวบจนรถหรูจอดสนิทตรงลานจอดรถสะพานขึ้น p มันคือสถานที่...ที่หญิงสาวมาทุกครั้งเวลาไม่สบายใจ หรือเวลาที่เขารู้สึกแย่..เธอจะยืนอยู่บนข้างๆ หันมามองหน้าเขา พร้อมเอียงหัวรับฟังเล็กน้อย..แล้วก็ปล่อยเขาพูดไป..แม้จะไม่มีคำแนะนำดีๆ แต่แค่เธอยืนอยู่ตรงนั้น แค่รับฟัง..มันก็ทำให้เขามีความสุข เวลานี้ก็เช่นกัน..ร่างเพรียวระหงยังยืนอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ ดวงตาคู่สวยที่เขานึกรักเหม่อมองออกไปยังแม่น้ำสายใหญ่ประจำประเทศ ใบหน้าด้านข้างของเธอยังงดงามราวกับรูปสลัก..ริมฝีปากที่ถูกเคลือบด้วยสีแดงจัดเหมือนสีเสื้อผยอเล็กน้อย..ก่อนที่เธอจะตัดสินใจผินตากลับมามองเขา..เราต่างก็รู้ถึงนัยยะเดียวกัน..เขารู้ว่าเธอจดจำได้..และอะไรบางอย่างในดวงตาเขาก็บ่งบอกว่าเขาจดจำได้เช่นกัน“นายคีรี”“ว่ายังไงนางสาวดาริน”คำเรียกขานที่ชอบใช้แท

  • back to 1950's ย้อนเวลาให้ดอกไม้ผลิบาน   บทที่80

    "หมายความว่ายังไงคะ!!!"คำตอบของคนเป็นพ่อ ส่งผลให้ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจ...หัวใจดวงน้อยเต้นช้าลง..ความรู้สึกสูญเสียบางอย่างเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว"ป๊ะป๋าก็หมายความตามนั้น ป๊ะป๋าเป็นคนขอถอนหมั้นเอง""อ้าว ได้ยังไงคะ แล้วแบบนี้นายคีรีไม่เสียใจแย่เหรอ""ถ้านายคีรีจะเสียใจก็เป็นปัญหาของนายคีรีซิ เกี่ยวอะไรกับบ้านเราด้วยล่ะแค่วันนั้นขับรถพาอายไปลงเขา...ป๋าก็แทบจะฆ่ามันทิ้งแล้ว..ถอนหมั้นๆ ไปก็ดีแล้ว อีกอย่างหนูก็ไม่เคยชอบพันธะนี้อยู่แล้วนี่""ป๊ะป๋า!!! มันไม่ใช่ความผิดของนายคีรี วันนั้นมันเป็นอุบัติเหตุ..นายคีรีเขาปกป้องอายด้วยซ้ำ""ไม่รู้ ถอนหมั้นแล้วก็คือถอนหมั้น อย่าไปพูดถึงผู้ชายคนนั้นอีกเลย"คนเป็นพ่อผู้หวงลูกสาวรีบตัดจบอารมณ์ดี ก่อนจะหยิบมือถือมาไล่อ่านข่าว ไม่สังเกตสีหน้าซีดเซียวของคนเป็นลูกแม้แต่นิด'เผด็จการชะมัด..เผด็จการเหมือนใครกันนะ ก็เหมือนตัวเธอนะซิ!!'เมื่อออกจากโรงพยาบาลได้สองอาทิตย์คนป่วยเริ่มอาการดีขึ้น...อีกทั้งได้สรุปในใจอีกหลายอย่าง ดังนั้นไอ้คนที่ไม่ชอบออกงานเลี้ยงสังคมหรูหราก็กลับมาออก...เพื่อจะเห็นหน้าใครบางคนและยังสามารถใช้เหตุผลประมาณว่า 'บังเอิญเจอกัน เลยไ

  • back to 1950's ย้อนเวลาให้ดอกไม้ผลิบาน   บทที่79

    เมื่อคนเป็นพี่กลับบ้านมาแล้วพบน้องชายทำหน้าเครียด ในมือของเขามีสมุดเบิกถอนสมุนไพร ส่งผลให้คนมีชนักติดหลังเสียววาบในใจ...ดวงตาคมกริบหรี่มอง พร้อมโยนสมุดในมือลงบนโต๊ะ"มีอะไรจะแก้ตัวมั้ย?""...""ทำไมเจ้ทำแบบนี้ เจ้ทำมันลงไปได้ยังไง""ลื้อมันบ้าอาซาน อีฮวงนั้งไม่สมควรให้กำเนิดลูกหลานตระกูลหลี่!!""คนที่ไม่สมควรเกิดมาเป็นลูกหลานตระกูลหลี่คือเจ้ต่างหาก ส่วนจินจินเธอดีเกินกว่าผู้หญิงหลงท่ก สันดานเลวอย่างเจ้มาก""อาซาน นี้ลื้อ นี้ลื้อด่าอั๊ว""เออ อั๊วด่าเจ้นี้แหละ เรื่องนี้มันไม่จบแน่ เจ้เตรียมใจไว้ได้เลย"คนเป็นน้องพูดพร้อมกับเก็บสมุดเบิกจ่ายสมุนไพรติดมือไปด้วย เล่นเอาพี่สาวเหงื่อตก แต่หล่อนรู้น้องชายนั้นแสนดีขี้ใจอ่อนมากแค่ไหน...อีกอย่างจินเยว่ก็เสียไปหลายปีแล้ว...ไหนเลยจะมาเอาผิดเธอได้แต่ไอ้คนใจดีมาตลอดชีวิต กับเลือกนำเรื่องไปฟ้องอาปามู่เฉิน กับอาม๊าด้วยรู้ว่าท่านทั้งสองเป็นคนยุติธรรม...เมื่อบุพการีรับรู้เรื่องทุกอย่างก็ถึงกับตกใจ...เพราะสิ่งที่ลูกสาวคนเดียวกระทำเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก มันไม่ต่างทำจากการทำร้ายสายเลือดครอบครัวตระกูลหลี่ดังนั้นตอนหลี่หนิงเกอเดินเข้าห้องทำงานของอาปามู่เฉิน

  • back to 1950's ย้อนเวลาให้ดอกไม้ผลิบาน   บทที่78

    ระหว่างที่ชายหนุ่มลงมือทำความสะอาดหลุมศพของภรรยา...หลี่มู่เฉินที่เดาไว้แล้วว่าลูกชายจะมาที่นี้ ก็เดินเข้ามาหาทันที หลังจากที่ยัยหนูจินเยว่เสียไปได้สองเดือน..ลูกชายของเขามักมาทำความสะอาด เอาดอกไม้มาวาง “อาซาน”“อ้าว อาปา มาได้ยังไงครับ”เสียงแห้งถามกลับ พร้อมส่งรอยยิ้มเศร้าหมองไปให้..ใบหน้าภายใต้หมวกสานกันแดด แดงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากอยู่ด้านนอกเป็นระยะเวลานาน“อื่ม อาปามีเรื่องจะคุยกับลื้อ”หลังจบคำผู้ชายสองวัยจึงเดินไปนั่งใต้ร่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากหลุมฝังศพจินเยว่นัก“ลื้อแน่ใจแล้วรึ ที่จะลาออกจากโรงพยาบาล”“ครับ”“เห้อ อาซาน..ฟังอาปานะ จินจินอีตายไปแล้ว แต่ลื้อยังมีชีวิตอยู่”“อื่ม ผมรู้..ผมเองก็กำลังใช้ชีวิตอยู่นี้ไง”“แบบที่ลื้อทำอยู่ เขาไม่ได้เรียกว่าการใช้ชีวิตนะอาซาน”เสียงอาปาอ่อนล้า มือหนาหยาบตบหลังลูกชายเบาๆ เพื่อปลอบประโลม“อาปารู้ว่าลื้อรักจินจินมาก”“...”“ไม่งั้นอาปาคงไม่หมั้นหมายลื้อให้จินจินหรอก”“ทำไม...อาปารู้ละครับว่าผมรักจินจิน”น้ำเสียงลูกชายโตเริ่มพร่า..เพราะตัวเขาเองยังไม่รู้ตัวเลยว่ารักเธอตั้งแต่เมื่อไร“จำได้มั้ย ว่าปีหลังๆ มานี้ ลื้อชอบบ่นว่าน้อง..แต่พอกลับมาทีไ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status