10.25น.
ในระหว่างวันลูกค้าก็ได้เข้ามาในร้านอย่างแน่นจนผมเองแทบจะไม่มีเวบาที่จะสนใจผู้หญิงคนไหนด้วยซํ้าแม้ว่าพวกเธอเองจะจ้องมองผมที่ยินชงกาแฟอยู่อย่างตั้งใจและแพรวพราวเป็นที่สุดและเป็นขวัญใจของสาวๆหลายๆคนอีกต่าวหาก
"ไอ้เนมมึงเห็นกามเทพที่อยู่ข้างร้านปะ มึงแม่งโคตรเด็ดจริง กูไปขอสาวในพริบตากูได้คบกับเค้าแล้วนะมึง"
"เด็ดขนาดนั้นเลยหรอวะ "
"มึงไม่เชื่อมึงก็ไปลองดิ"เสียงที่เอ่ยดังขึ้นมาจากรุ่นน้องหนุ่มทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างไปอย่างเสียงดังในเรื่องที่ผมเองยืนกรานว่าไม่เชื่อในเรื่องนี้แต่ทว่าภายในใจกลับคิดถึงเรื่องที่พวกมันได้พูดออกมา แต่ก็ทำเป็นไม่ได้ยินและไม่ได้สนใจยืนชงกาแฟต่อไปด้วยความพิถีพิถัน
เชี้ย! มันจะขนาดนั้นเลยหรอวะ จะแค่ไหนกันเชียว แต่ลองสักครั้งก็ได้วะถ้าเกิดไม่ได้นะมึงกูจะทุบทิ้งแม่ง
"เอ่อพี่เพิร์ท พี่ไม่ลองสักหน่อยหรอ ได้ข่าวว่าพึ่งโดนเทมานิ"สายตาอาฆาตแค้นจ้องมองไปที่พวกมันด้วยความไม่พอใจที่พูดออกมาอย่างแทงใจดำจนน้องทั้งสองที่เห็นแบบนั้นแล้วก็ต่างพากันยิ้มแห้งไปเลยทีเดียวด้วยความกลัวว่าจะโดนดุเอาจนได้
“คนแบบกู ไม่ต้องใช้ของพวกนี้หรอก”ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาทั้งที่ในใจกลับรู้สึกอยากอธิบายบางอย่าง แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดีมันคงเป็นความภาคภูมิใจส่วนตัวที่อยากจะยืนหยัดในความเชื่อของตัวเอง
"แต่ที่ผ่านมา พี่โดนเทตลอดเลยนะ เข้ามาได้แค่ 3 วันก็เทละ นานสุด 2 อาทิตย์เป็นไงสุดท้ายก็โดนเท"พวกมันแกล้งยิ้มขำพลางขยับเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น เขาพูดพร้อมกับทำท่าทางเหมือนจะขยี้จุดอ่อนของผมให้รู้สึกเจ็บปวด
เสียงของเขาแผ่วเบาลงเมื่อพูดจบ แต่ก็ยังคงแฝงไปด้วยความท้าทาย และผมไม่สามารถหลีกหนีจากมันได้ ผมเพียงแค่ยืนนิ่ง เงียบไปสักพัก เหมือนหาทางจะหาคำตอบที่น่าจะดีที่สุดสำหรับตัวเองในตอนนี้
“เรื่องของกูหน่า แล้วพวกมึงไม่มีงานทำกันเลยรึไง ว่างมากนักหรอ”ผมพูดขัดขึ้นอย่างไม่พอใจ ดวงตาของผมมองตรงไปยังพี่ตี๋ สายตาฉายแววความท้าทาย เพราะไม่อยากให้เขามองผมในแง่ลบแบบนั้น
"ไม่ใช่หรอก เพื่อนรัก แต่เรารู้สึกว่า ถ้ามึงไม่คิดจะเปลี่ยนบางอย่างในตัวเอง มึงก็ยังคงอยู่แบบนี้ตลอดไป"พี่ตี๋ยิ้มตอบกลับมาอย่างไม่คิดอะไรมาก คำพูดของพี่ตี๋กระทบใจผมอย่างแรง ทำให้ผมต้องคิดในใจว่า อาจจะถึงเวลาที่ต้องเปิดใจลองดูบ้างแล้วจริงๆแต่ความกลัวและความกังวลยังคงกัดกินใจอย่างหยุดไม่อยู่
"มีครับพี่ ไปเร็ว"นํ้าเสียงแข็งกระด้างที่เอ่ยออกมาไล่ให้สองคนนั้นออกไปทำงานต่ออย่างไม่ต้องมารบกวนสมาธิอีกโดยที่เมื่อพวกนั้นได้ยินแล้วก็ต่างวิ่งกรูกันออกไปทันทีและต่างพากันแยกย้ายกันไป
ผมหันไปชงกาแฟตออไปโดยที่ในสมองเองก็ได้แต่คิดทบทวนเรื่องที่พวกมันพูดไม่ยอมหยุดโดยที่สายตาก็หันไปจ้องมองทางรูปปั้นนั้นอย่สงไม่ยอมหยุดแต่ก็ต้องกลับไปทำงานต่อ
23.54น.
ความเงียบสงัดของร้านในยามค่ำคืนทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนเดียวที่อยู่ในโลกนี้ ผมเดินช้าๆไปยังมุมที่มีรูปปั้นกามเทพตั้งอยู่ รู้สึกถึงความเศร้าและความคิดถึงที่กลับมาอีกครั้ง ขณะยืนมองรูปปั้นนั้นผมพยายามจดจ่อกับทุกๆรายละเอียดที่มันสะท้อนอยู่ในแสงไฟอ่อนๆที่ส่องมาจากด้านบน แต่ทว่าไฟในร้านเปิดขึ้นทันทีทำให้ผมสะดุ้งสุดตัว ใจเต้นรัวอย่างไม่คาดคิดแสงไฟที่สว่างจ้าเหมือนจะสาดส่องทุกซอกมุมในร้านทำให้ผมต้องหยุดชะงักไปชั่วขณะ
ผมพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุด หวังว่าคนที่เปิดไฟจะไม่ได้สังเกตเห็นการปรากฏตัวของผม แต่แล้วก็มีเสียงฝีเท้าหลายคู่ดังขึ้นพร้อมกับการวิ่งเข้ามาหาผม เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆจนทำให้ผมรู้สึกถึงความกดดันอย่างหนัก ทันใดนั้น เสียงดังกร๊อบ ก็เริ่มดังขึ้นตามมาจากทิศทางของการวิ่งเข้ามาหาผม มันทำให้ผมตกใจและเริ่มกลัวว่าผมจะไม่ได้มีโอกาสหนีออกไปง่ายๆ ท่ามกลางการรุมกระทืบที่เข้ามาใกล้ ผมไม่สามารถขยับหรือพูดอะไรได้มากมายในขณะนั้น
ขณะที่ผมยังคงพยายามหาทางหนีไปจากสถานการณ์นี้ ก็รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าและเจ็บปวดที่กระทบกับร่างกาย ชุดที่สวมใส่ที่มิดชิดทำให้ทุกอย่างดูผิดปกติไปจนไม่มีใครสามารถจดจำได้ว่าใครคือตัวจริงของผม การเผชิญหน้ากับความรู้สึกเหล่านี้ท่ามกลางความมืดทำให้ผมเริ่มรู้สึกถึงความสิ้นหวัง ไม่รู้ว่าใครกันที่กำลังลอบเฝ้าร้านในตอนกลางคืน
ตุ๊บตั๊บ ตุ๊บตั๊บ ตุ๊บตั๊บ~~~
"โอ้ยยยย!"ผมร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ขณะที่ร่างกายถูกผลักกระแทกและล้มลงบนพื้นร้านมืดและเงียบ แต่เสียงที่ดังขึ้นมาไม่ทำให้ผมรู้สึกถึงการปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย
"มึงคิดจะขโมยหรอ หา! ไอ้โจรสาระเลว!"เสียงหนึ่งตะโกนใส่ด้วยความโกรธเคือง เหมือนทุกอย่างรอบตัวมืดมนและไม่ยุติธรรมอย่างสิ้นเชิง ผมไม่ทันได้ตอบอะไรข้อหาโจรที่ถูกโยนใส่ผมทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะถูกกลืนกินทั้งตัว
"กูไม่ได้ขโมย ไอ้พวกเวรดูก่อน แหกตาดูมั้ง!"ผมพยายามพูดออกไปทั้งที่ยังหอบหายใจไม่ทันจากการโดนรุมกระทืบ แต่ก็พยายามใช้ช่องว่างในการพูดเพื่อเคลียร์สถานการณ์ไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้จะจบลงอย่างไร ในขณะที่ผมพยายามจะปัดมือของพวกมันออกจากตัว ความเจ็บปวดที่ยังหลงเหลือจากการรุมทำให้ผมสั่นสะท้านจนเกือบล้มลงอีกครั้ง
"แล้วมึงมาทำไรตรงนั้น"เสียงอีกเสียงหนึ่งถามขึ้นเหมือนจะสงสัยว่าทำไมผมถึงอยู่ในจุดที่ไม่ควรอยู่ทั้งที่ตัวเองก็ไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมถึงมาที่นี่ ผมมองไปรอบๆหัวใจยังคงเต้นแรง ไม่สามารถตอบคำถามที่ถูกถามได้ในขณะนี้จิตใจผมล่องลอยไปไกล ความคิดที่ว่าทุกอย่างจะต้องจบลงแบบนี้ทำให้รู้สึกมืดมนและสิ้นหวัง
.............
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไหนมึงบอกไม่เชื่อไง กูไม่เชื่ออย่างนั้นอย่างนี้ไอ่ห่าเดี๋ยวพวกกูช่วยมึงเอง "ผมเลือกที่จะเล่าความจริงทั้งหมดออกมาให้กับพวกมันได้ฟังในขณะที่กำลังนั่งทำแผลอยู่ด้วยความเจ็บปวดระบบไปทั้งตัวจากการที่มีอีโก้ที่มากล้นอยู่ในตัว
ณ หุ่นปั้นกามเทพ
'มันจะได้จริงหรอวะ ถ้ามึงให้กูไม่ได้นะ กูทุบมึงทิ้งแน่ งั้นกูขอเมียสักคนละกัน'ผมเอ่ยคำอธิฐานอยู่ในใจไปก่อนที่จะเดินไปลูบที่หุ่นรูปปั้นนั้นเบาๆตามที่พวกมันได้บอกเอาไว้ '
ฟึ้บบบบบบบบ
ทั้งสายลมและแสงที่โผล่มาจากตรงหน้าจนผมเองไม่สามารถที่จะมองทะลุผ่านแสงนั้นได้เลยสักนิดเดียวก่อนที่แสงนั้นจะค่อยๆลดหรี่ลงไปจนผมเองสามารถที่จะมองเห็นอะไรมาได้บ้างและสามคนนั้นก็ได้หายไปทันทีจนผมเองตกใจแทบแย่
"เดี๋ยวข้าจะช่วยเจ้าเอง พรุ่งนี้ตอนเช้า เมียของเจ้ามาจะนอนอยู่ข้างๆเตียงของเจ้าเองแต่......"
"แต่อะไรอีก"
"เจ้าอยากได้คนประมาณไหนเดี๋ยวข้าจัดให้ แล้วเจ้าก็เลิกลบหลู่ข้าได้ละ"
"ขาวๆ น่ารักๆ ขี้อ้อน นิสัยดี แค่นี้พอละ"
"งั้นเดี๋ยวเจ้าก็ลองหลับตาดู"
ณ วันนี้วันที่แสงอรุณทอแสงผ่านเข้ามายังผ้าม่านพร้อมกับอากาศที่เย็นสบายตัวกับในห้องที่แอร์อุณหภูมิพอดีสบายตัวอีกด้วยสองหนุ่มค่อยๆตื่นจากฝันอันมีความสุข ทั้งสองขยี้เปลือกตาทั้งสองข้างก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวและรีบเดินทางไปที่ร้านทันทีตาม“เพิร์ท กูทำแซนวิชไว้ให้นะเว้ย กูทานแล้วมึงอ่ะก็รีบๆแต่งตัวเร็วๆด้วย มันสายแล้วนะเว้ยเดี๋ยวรถก็ติดเอาหรอก เข้าใจนะ”“เอ่อๆๆ บ่นอยู่นั่นแหละมึงอ่ะ รีบไปอาบน้ำเลย”พวกผมสองคนเองต่างก็พากันเร่งรีบกันแต่งตัวอย่างว้าวุ่นเมื่อตอนนี้ก็ใกล้จะถึงเวลาที่ต้องเข้างานแล้ว แตทว่าพวกเราเองยังคงอยู่ที่ห้องกันอยู่“เอ่อๆๆ เร็วๆนะมึง”ทั้งสองเมื่อทำอะไรเสร็จหมดแล้วนั้นก็คนตัวสูงเองก็รีบขับรถออกไปจากตรงนั้นทันทีโดยที่ทางผมเองก็เปิดกล่องอาหารเพื่อนั่งกินแซนวิชที่คนข้างกายนั้นได้ทำให้อย่างเอร็ดอร่อย"อร่อยปะ ครั้งหน้าจะได้ทำอีก"
หลังจากเมื่อคืนจนเช้าวันต่อมาในฤดูฝนและอากาศที่หนาวเหน็บพร้อมกับชายหนุ่มอย่างผมที่ตามหาบัตรและข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับสวนสนุกจนเพลิดเพลินและทำเอาไข้ผมขึ้นนอนโทรมเลยทีเดียวเขาไม่แม้แต่จะลุก ลืมตา หรือพูดอะไรออกมาเลยผมจึงไม่ได้สนใจและนอนต่อส่วนทางเกมนั้นที่ไม่รู้ว่าผมป่วยอยู่จึงเดินไปเข้าห้องนํ้าทำธุระส่วนตัวและออกไปทำอาหารตามปกติของเขา แต่เขารู้สึกแปลกๆเกี่ยวกับผมเขาจึงเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง ขาเรียวยาวสาวเท้าเดินไปหยิบรีโมทแอร์ขึ้นมาปรับอุณหภูมิของห้องและมาที่เตียงนอนเพื่อเปิดผ้าห่มที่ผมเองได้คลุมโปล่งไว้ก่อนที่จะส่งมือหนาของเขาไปแตะตัวผม“เพิร์ท ตื่นได้แล้วมึง สายแล้วนะเดี๋ยวไปร้านสายหรอก เชี้ย!!ทำไมมึงตัวร้อนขนาดนี้วะ”“อะไรวะเกม กูไม่ได้เป็นอะไรเว้ย”“ไม่เป็นเชี้ยไรตัวร้อนขนาดนี้วะเพิร์ท ปะไปหาหมอ”“อื้อ~~~ กูไม่ไปอ่ะ กูไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ มึงไปทำงานเหอะ”
แต่ทันใดนั้นเองที่เกมเดินเข้ามาทางผมและทำสีหน้าท่าทางดูยิ้มแย้มแจ่มใสมากเข้า ผมรีบคว้าเเขนของเกมทันทีอย่างแน่นก่อนที่จะทำหน้าเข้มใส่เขาส่วนเกมที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยนั้นก็ไม่ได้จะทำอะไรตอบเพราะคงคิดว่าผมคงจะยังโกรธที่เขาไปถามเขาเรื่องเมื่อเช้า“มีอะไรรึป่าวเพิร์ท กูเจ็บนะ”เกมเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่แฝงความเจ็บปวดขณะพยายามดึงมือกลับจากการจับแน่นของผม สายตาของเกมจ้องมาที่ผมด้วยความสงสัยปนไม่พอใจเล็กน้อย ใบหน้าของมันนิ่วเล็กน้อยเหมือนอยากจะถามให้แน่ชัดว่าผมเป็นอะไรไปผมหันไปสบตากับเกมแต่สายตาผมกลับตวัดไปที่โต๊ะนั้น โต๊ะที่ผมเห็นพวกมันมองมาที่เกมตั้งแต่ก้าวแรกที่เกมออกมาเสิร์ฟ รอยยิ้มบางๆที่ไม่จริงใจของลูกค้าพวกนั้นทำให้ใจผมกระตุกอย่างบอกไม่ถูก ความห่วงกังวลฉายชัดบนใบหน้าของผมขณะที่เอ่ยเสียงเครียด“มึงอย่าไปยุ่งกับโต๊ะนั้นมากนะเว้ย กูเห็นมันมองมึงตั้งแต่เข้าร้านละ”เกมเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจ พร้อมกับถอนหายใจแรงๆเหมือนกำลังหงุดหงิดที่ผมเข้ามาแทรกการทำงานของมัน“จะอะไรนักหนาวะ ลูกค้านะเว้ย!”มันพูดออกมาพร้อมกับสะบัดมือออกแรงจนผมปล่อยมือโดยไม่ตั้งใจผมมองตามมันที่เดินกลับไปอย่างหัวเสียแผ่นหลังเ
หลังจากวันนั้นได้หลายวันและวันนี้เป็นเช้าวันที่บรรยากาศก็ยังคงไม่เป็นใจมากนัก เมื่อท้องฟ้าในยามเช้านี้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักพร้อมกับพายุที่เข้ามาอย่างโหมกระหนำซัมเมอร์เซลสายลมที่พัดผ่านเข้ามายังภายในห้องนอนผ่านผ้าม่านสีกรมที่ปลิวสะบัดไปมา ก่อนที่จะค่อยๆ ไล่มายังเตียงนอนที่ชายหนุ่มทั้งสองนอนขดอยู่บนเตียงนิ่ม แสงแดดที่แทรกผ่านหมอกฝนยังไม่สามารถเจาะทะลุความหนาของเมฆฝนได้ ทำให้บรรยากาศรอบๆห้องเต็มไปด้วยความหม่นหมอง ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นอีกวันที่ไม่มีความสดใสผมขยับตัวเล็กน้อย รู้สึกถึงความอบอุ่นที่มีอยู่ข้างๆแม้สายฝนจะโปรยลงมาภายนอก แต่เขากลับรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยในช่วงเวลานี้ เขาหันไปมองข้างๆ และเห็นเกมยังคงนอนหลับอยู่ ขดตัวในท่าที่ดูเหมือนจะหลับสนิท ใบหน้าของเกมที่ยังคงมีรอยยิ้มจางๆอยู่บนมุมปาก ทำให้ผมรู้สึกถึงความอุ่นใจอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนเสียงฝนกระทบกระจกหน้าต่างเบาๆผสมกับเสียงลมที่พัดผ่านทำให้ห้องนอนนั้นเงียบสงบ ราวกับว่าเวลาในตอนนี้กำลังหยุดนิ่งเพียงแค่ให้ทั้งสองได้อยู่ในช่วงเวลาที่ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย เพียงแค่ได้ใกล้ชิดกันเกมยืดตัวขึ้นเล็กน้อย
ผมถึงกับลั่นคำอุทานออกมาทันทีก่อนที่จะวิ่งไปคว้าตัวไอ้เกมขึ้นมาและลากเขาออกไปเพราะนั่นคือตุ๊กแกนั่นเองที่เกาะอยู่ตู้เย็น ผมทั้งโวยวายและกระโดดไปมาเพราะความกลัวของผมเองก่อนที่จะคุมสติและเรียกยามขึ้นมาจับตุ๊กแกให้ ไอ้เกมที่ดูเหมือนจะไม่เคยกลัวอะไรเลยก็ยืนนิ่งๆพร้อมกับขำไปเพราะกิริยาของผมนั้นดูไม่เหมาะกับคนนิ่งๆแบบผมเอาซะเลย“โหคุณเพิร์ทครับ นี้ตัวใหญ่มากๆเลย”เสียงของพนักงานในร้านดังขึ้นพร้อมกับการมองอย่างตื่นตาตื่นใจไปที่เพิร์ท ซึ่งทำให้เขาเกือบจะหัวเราะออกมา แต่มันกลับมีความรู้สึกขัดแย้งในตัวเอง เมื่อต้องรู้สึกเหมือนเป็นจุดสนใจอยู่ตลอดเวลา“โหยพี่รีบเอาลงไปเลย ผมกลัวจะแย่ละ ดีนะมันไม่โดดเกาะผมอ่ะ”เพิร์ทพูดพร้อมกับยิ้มมุมปาก เขาพยายามหลบหลีกสถานการณ์ที่ทำให้เขาเป็นจุดสนใจในขณะที่บรรยากาศรอบตัวเริ่มรู้สึกตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกไม่ชอบที่ต้องอยู่ในสายตาของทุกคน“อะไรโดดเกาะอะไรไม่รู้อ่ะ แต่ที่รู้ๆนี่คุณเพิร์ทเกาะแฟนแน่นเลยขอตัวนะครับ”พนักงานพูดจบพร้อมยิ้มกว้าง และแอบหยอกล้อเพิร์ทด้วยท่าทางสนุกสนาน แต่มันก็ทำให้เพิร์ทรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเขามองตามพนักงานที่เดินจากไป รู้สึกถึงความสน
"ห๊ะ! กูเนี่ยนะ ทำไมกูจำอะไรไม่ได้เลยวะ"จากนั้นผมก็มองหน้าไอ้เกมไป คิดไป มองไป แต่ก็คิดไปออกสักทีคือที่ผมจำได้แน่ๆคือเมื่อคืนผมมาที่ร้านแล้วพวกมันก็กระทืบผมอย่างจัง จนสภาพของผมนั้นเละเป็นอย่างมากจะให้มีอารมณ์ไปดื่มก็แปลกไปเพราะมันไม่อยู่ในความทรงจำผมเลยแล้วพวกมันก็พาผมไปขอไอ้หุ่นตัวนั้นหลังจากนั้นพวกผมก็ก็คุยกันหลังจากนั้นไอ้หุ่นตัวนั้นก็บอกให้หลับตาแล้วผมก็หลับตาจู่ๆมันก็มาโผล่มาอยู่ที่ที่นอนแล้วไอ้เนี่ยก็นอนกอดผม ผมจำได้แค่นี้จริงๆ ทำไมถึงเป็นแบบนี้วะมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"งั้นผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ"เกมพูดเสียงเรียบๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นและเตรียมเดินออกไป ผมหันมามองเขาและรู้สึกถึงความทุลักทุเลในใจ แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกไป ก็มีคำพูดของคนอื่นที่ดังขึ้น"เชี้ย! มึง เกิดอะไรขึ้นวะ"เสียงของเพื่อนคนหนึ่งดังขึ้น ทำให้เพิร์ทรีบหันไปมอง ทันทีที่เห็นท่าทางสงสัยของเพื่อน เขาก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างหลุดจากปากไปแล้ว"มึงก็ทนๆ หน่อยละกัน ไอ้เกมมันก็ดีนะเว้ย"เพื่อนของเพิร์ทพูดเสียงหัวเราะคล้ายจะเข้าใจสถานการณ์ แต่เพิร์ทยังคงรู้สึกอึดอัดกับคำพูดนั้น"ใช่พี่ ถือว่าลองประสบการณ์"อีกคนที่อยู่ในกลุ