พวกคุณเชื่อเรื่องกามเทพสื่อรักกันไหม
ถ้าไม่เชื่อผมว่าพวกคุณต้องเข้ามาดูแล้วแหละ
กามเทพเป็นเทพแห่งความรัก ความปราถนา และมีฤทธิ์ที่จะบันดาลให้ใครรักใครก็ได้
แต่..........
กามเทพของผมเป็นแบบนี้ครับ
เค้าทั้ง หล่อแต่ขี้เก๊ก ใจดี
แต่..........
ทำไมเค้าถึงจับคู่ให้ผมกับคนนี้ด้วยงั้นล่ะ
เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ ผมจะเล่าให้พวกคุณฟัง
มึงไม่ใช่กาแฟธรรมดา แต่มึงคือกาแฟที่มีค่ามากที่สุดสำหรับกู
และมึงไม่ใช่กาแฟที่มีคุณค่า เพราะมึงเป็นมากกว่ารสชาติที่มันคู่ควร
...................................................................................................................................
สวัสดีครับผมชื่อ "เพิร์ท" ชีวิตผมมันก็แค่บาริสต้าหนุ่มในร้านกาแฟเล็กๆที่ทำงานอยู่กับลูกพี่ลูกน้อง แต่มันกลับเป็นที่ที่ไม่เคยขาดสาวๆเข้ามาหา เรียกได้ว่า "บาริสต้าหนุ่มหล่อ" เป็นที่รู้จักแต่ทว่าความหล่อมันกลับไม่ได้ช่วยอะไรในเรื่องของความรักเลย
สาวๆเข้ามาแล้วก็จากไป ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาที่ดูเหมือนจะไปได้ดี หรือการพูดคุยที่เราคิดว่าจะมีอะไรพัฒนาต่อ แต่สุดท้ายกลับจบลงที่การ "โดนเท" ทุกครั้ง อารมณ์ของผมมันก็ค่อยๆท่วมท้นไปด้วยความสับสน ความรู้สึกเหมือนโดนทอดทิ้งจนกลายเป็นสิ่งที่คุ้นเคยจนแทบจะไม่รู้สึกอะไรแล้ว แต่ข้างในมันก็ยังเจ็บปวดเสมอผมก้มหน้ามองที่พื้น คิ้วขมวดและกัดปากจนรู้สึกเจ็บขึ้นมา
"ทำไมต้องเป็นแบบนี้วะ..."เสียงของผมพร่าไปในลำคอ รู้สึกเหมือนโลกมันกำลังหมุนไปข้างหน้าเร็วๆ แต่ในขณะเดียวกันผมกลับยืนอยู่ในที่เดิม ยังคงอยู่กับคำถามเดิมๆว่าทำไมชีวิตผมต้องเป็นแบบนี้
ร่างกายผมมันเหนื่อยล้าท่าทางที่เดินไปมาในร้านกาแฟเหมือนกำลังหลีกหนีอะไรบางอย่าง ไม่สามารถปล่อยวางได้ ผมสบตากับสาวๆที่เข้ามาในร้าน แต่กลับรู้สึกเหมือนทุกอย่างเป็นแค่การแสดง การยิ้มและการทักทายมันดูเหมือนจะเป็นหน้ากากที่ต้องใส่ไว้ตลอดเวลา แม้จะมีสาวๆ เข้ามาเยอะ แต่กลับไม่มีใครอยู่ยาว พวกเธอก็เข้ามาแค่ชั่วครู่และหายไป ผมอดไม่ได้ที่จะคิดว่ามันเป็นอะไรที่ผิดปกติ สงสัยว่าผมมีอะไรที่ขาดหายไปหรือเปล่า
ทุกๆ ครั้งที่ถูกทิ้งก็เหมือนกับการโดนบาดแผลที่ลึกขึ้นไปเรื่อยๆเหมือนกับมีบางสิ่งที่กัดกินอยู่ภายใน ผมรู้สึกผิดหวังจนเริ่มรู้สึกว่าความรักมันเป็นเพียงแค่เรื่องหลอกลวง รู้สึกเหมือนกับว่าไม่มีใครที่จะรักผมจริงๆ แบบที่ผมต้องการ
"กูอยากมีเมียเว้ยย!!!"คำพูดที่ตะโกนออกไปในใจเหมือนจะพยายามให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่างเปล่า ความรู้สึกผิดหวังพัดผ่านหัวใจอย่างรวดเร็ว ร่างกายผมเหมือนจะอ่อนแอลงในทุกๆ วินาที
ในช่วงเวลานั้นผมมองออกไปนอกร้าน เห็นแสงไฟที่ตกกระทบกับถนนที่เปียกหลังฝนตก ความรู้สึกเหมือนกับว่าโลกมันยังหมุนไป แต่ผมกลับยังคงยืนอยู่กับความสับสนและความเหงา เพียงแค่หวังว่าวันหนึ่งชีวิตของผมจะมีใครสักคนที่จะอยู่ข้างๆ และรักผมในแบบที่ผมรักพวกเขา
ณ ร้านกาแฟ coffee brownie
"เพิร์ท! วันนี้กูเอารูปปั้นกามเทพมาร้านวันแรก กูจะตั้งไว้ที่ข้างร้าน กูฝากมึงดูแลด้วยเผื่อมึงจะมีโชคด้านความรักมั้ง!"เสียงพี่ตี๋ดังขึ้นพร้อมกับท่าทางท่ามกลางบรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบสงบของร้านกาแฟในตอนเช้า ผมเงยหน้าขึ้นมองมันครู่หนึ่งจากนั้นก็หันกลับไปทำงานต่อเพราะคุ้นเคยกับพฤติกรรมกวนๆของพี่ตี๋ที่มักจะทำอะไรแบบนี้ทุกครั้งที่มีโอกาส
พี่ตี๋คนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องของผมแต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างในชีวิตของมันมักจะเดินไปในทิศทางที่ต่างจากผมเสมอ หน้าตาของมันอาจจะไม่ได้ดึงดูดเท่าผม แต่สาวๆกลับเข้ามาในชีวิตของมันอย่างไม่ขาดสาย เหมือนมันเป็นแม่เหล็กที่ดูดดูดสาวๆทั้งหลายที่ทำให้มันเป็นที่นิยมอย่างไม่น่าเชื่อ ขณะที่ผมยังคงยืนอยู่ที่นี่ ไม่เคยมีใครสนใจจริงจังเลย
มันเดินเข้ามาหาผมอย่างมั่นใจแล้วก็พิงอยู่ที่ตู้เค้ก ยื่นมือพาดลงบนตู้เหมือนกับจะท้าให้ผมตอบสนองต่อคำพูดมันแต่ผมไม่อยากจะตอบอะไรมากนัก ผมแค่ยืนทำความสะอาดเครื่องชงกาแฟด้วยมือที่มีจังหวะเรียบง่าย ไม่สนใจหรือโกรธอะไรเพราะผมรู้ดีว่าไม่ว่าจะตอบกลับไปยังไงก็เหมือนเดิม
"ได้ยินป่าวเนี่ย" ตี๋ยังคงไม่ยอมหยุดพูดจนผมต้องหยุดทำอะไรสักพักแล้วมองมันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
"ทำไมต้องเป็นกูวะ คนอื่นในร้านก็มี ไอ้เนม ไอ้ไทม์ กูไม่เชื่อหรอกเรื่องพวกนี้"น้ำเสียงของผมแสดงออกมาอย่างไม่ทันคิด ตอนนั้นมันก็เหมือนเป็นแค่การระบายความรำคาญที่ผมรู้สึกจากคำพูดของมันที่ทำให้ผมรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรมในชีวิตความจริงแล้ว ผมไม่เคยเชื่อในเรื่องโชคชะตาหรือสิ่งที่มองไม่เห็นเช่นนี้เลย ความรักหรือความสัมพันธ์ที่ดีก็เหมือนจะเป็นแค่ความฝันสำหรับผม เท่านั้น
และคำพูดที่ออกจากปากของผมในครั้งนี้มันคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมยังคงอยู่ในสถานการณ์นี้คือความคิดที่ไม่เคยเปิดใจให้กับสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตา ไม่ว่าจะเป็นโชคชะตาหรือความเชื่อในบางสิ่งบางอย่าง ผมมักจะพูดออกไปโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมาเสมอ บางทีความเชื่อเหล่านี้อาจจะไม่ได้หมายความว่าเราจะมีความรักหรือโชคในชีวิตเสมอไป แต่การยอมรับมันอาจจะช่วยให้เราได้เห็นบางอย่างที่เราเคยมองข้าม
"กูอุตส่าห์ช่วยมึงนะเว้ย มึงก็ลองหัดเชื่อเรื่องพวกนี้มั้ง มึงพูดเเบบนี้ไงมึงถึงไม่มีเมียสักที มีเดี๋ยวก็เท "
"กระผมขอตัวก่อนนะครับ กระผมจะทำงาน เนม ไทม์เปิดร้านด้วย ไปก่อนนะขอรับ"วาจาประชดประชันไปอย่างน่าเบื่อหน่ายเพื่อหลีกหนีบทสนทนาที่จะต้องพูดออกมากับรุ่นพี่คนนี้อีกก่อนที่จะเอ่ยเรียกให้รุ่นน้องในร้านสั่งเปิดร้านและเดินออกไปจากตรงนั้นทันทีเพื่อออกไปเตรียมวัตถุดิบที่จะเสิร์ฟให้กับลูกค้า
"มึงเป็นเจ้าของร้านหรือกูกันแน่ว เปิดร้านดิวะมองทำเชี้ยไร"
"ครับผม"สองเท้าเรียวยาวเดินออกไปจากหลังร้านทันทีและขังตะวเองอยู่ในนั้นราวไปประมาณครึ่งชั่วโมงโมงกับการเตรียมวัตถุดิบและของต่างๆให้พร้อมก่อนที่จะเดินถือเอาเข้าไปในร้านอีกครั้งหนึ่งเมื่อใกล้จะถึงเวลาที่ลูกค้าจะเข้าร้านแล้ว
แต่ทว่าในระหว่างทางของที่เต็มไม้เต็มมือไปหมดจนไม่ได้ดูทางก็ดันเกิดชนเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่งที่สวยเป็นอย่างมากก่อนที่ผมเองจะวางของลงและรับเข้าไปดูเธอทันทีโดยที่สายตาของผู้หญิงคนนั้นที่จอองมองมาที่ผมก็แทบจะกลืนกินผมอยู่แล้วและท่าทางที่ยั่วยวนของเธอเองก็ทำเอาผมนั้นเตรียมท่าที่จะเล่นเธอกลับด้วยเช่นกัน
ตุ๊บบบบบบบ
เสียงจากการชนกันทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่ความรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนชั่วครู่เมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าผม เธอสวยมากสวยจนทำให้ทุกอย่างรอบตัวดูเลือนรางไปชั่วขณะ รอยยิ้มที่เธอยิ้มให้ผมทำให้หัวใจของผมเต้นแรงขึ้นโดยอัตโนมัติและในขณะที่ตาของเธอมองมาที่ผมผมไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้เลย
"ขอโทษค่ะพี่ เป็นไรรึป่าวคะ"เสียงของเธอดังกังวานราวกับเสียงเพลงที่ดังกระทบหูจนทำให้ผมละสายตาจากพื้นมองไปที่เธออีกครั้ง เธอเอียงคอมองหน้าผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงจนทำให้ผมรู้สึกอ่อนแอในตอนนั้นเอง
“อ้อไม่เป็นไรครับ ว่าแต่คุณเป็นอะไรไหมครับ คุณคนสวย”คำพูดของผมออกมาโดยไม่ทันคิด ความอึดอัดในใจเริ่มหายไปบ้างแล้วและตอนนี้แค่ได้มองหน้าผู้หญิงตรงหน้ามันทำให้ผมรู้สึกว่าทุกอย่างดีขึ้น
ดวงตาของเธอส่องแสงสดใส คิ้วเรียวบางและริมฝีปากที่ยิ้มเล็กน้อย ทำให้ผมอยากพูดอะไรบางอย่างออกไป แต่กลับพูดไม่ออกได้แค่ยืนอยู่ตรงนั้นราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุนและหยุดหายใจไปกับเธอ
"เห้ยมึงมายุ่งไรกับเมียกูวะ"เสียงนรกที่ส่งมาเกิดเมื่อผู้หญิงที่ส่งสายตาแพรวพราวมานี้ดันเกิดมีผัวเอาจนได้แต่ทว่าก็ดันมาอ่อยผมอยู่จนผมเองต้อวรีบยกมือไหว้และนีบหอบข้่วของเข้าไปในร้านทันทีด้วยความกลัวว่าจะมีปัญหาขึ้นมาได้
"มึงอ่อยมันอยู่ได้"
"กูไม่ได้อ่อยนะ"
"กลับ!!"
ณ วันนี้วันที่แสงอรุณทอแสงผ่านเข้ามายังผ้าม่านพร้อมกับอากาศที่เย็นสบายตัวกับในห้องที่แอร์อุณหภูมิพอดีสบายตัวอีกด้วยสองหนุ่มค่อยๆตื่นจากฝันอันมีความสุข ทั้งสองขยี้เปลือกตาทั้งสองข้างก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวและรีบเดินทางไปที่ร้านทันทีตาม“เพิร์ท กูทำแซนวิชไว้ให้นะเว้ย กูทานแล้วมึงอ่ะก็รีบๆแต่งตัวเร็วๆด้วย มันสายแล้วนะเว้ยเดี๋ยวรถก็ติดเอาหรอก เข้าใจนะ”“เอ่อๆๆ บ่นอยู่นั่นแหละมึงอ่ะ รีบไปอาบน้ำเลย”พวกผมสองคนเองต่างก็พากันเร่งรีบกันแต่งตัวอย่างว้าวุ่นเมื่อตอนนี้ก็ใกล้จะถึงเวลาที่ต้องเข้างานแล้ว แตทว่าพวกเราเองยังคงอยู่ที่ห้องกันอยู่“เอ่อๆๆ เร็วๆนะมึง”ทั้งสองเมื่อทำอะไรเสร็จหมดแล้วนั้นก็คนตัวสูงเองก็รีบขับรถออกไปจากตรงนั้นทันทีโดยที่ทางผมเองก็เปิดกล่องอาหารเพื่อนั่งกินแซนวิชที่คนข้างกายนั้นได้ทำให้อย่างเอร็ดอร่อย"อร่อยปะ ครั้งหน้าจะได้ทำอีก"
หลังจากเมื่อคืนจนเช้าวันต่อมาในฤดูฝนและอากาศที่หนาวเหน็บพร้อมกับชายหนุ่มอย่างผมที่ตามหาบัตรและข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับสวนสนุกจนเพลิดเพลินและทำเอาไข้ผมขึ้นนอนโทรมเลยทีเดียวเขาไม่แม้แต่จะลุก ลืมตา หรือพูดอะไรออกมาเลยผมจึงไม่ได้สนใจและนอนต่อส่วนทางเกมนั้นที่ไม่รู้ว่าผมป่วยอยู่จึงเดินไปเข้าห้องนํ้าทำธุระส่วนตัวและออกไปทำอาหารตามปกติของเขา แต่เขารู้สึกแปลกๆเกี่ยวกับผมเขาจึงเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง ขาเรียวยาวสาวเท้าเดินไปหยิบรีโมทแอร์ขึ้นมาปรับอุณหภูมิของห้องและมาที่เตียงนอนเพื่อเปิดผ้าห่มที่ผมเองได้คลุมโปล่งไว้ก่อนที่จะส่งมือหนาของเขาไปแตะตัวผม“เพิร์ท ตื่นได้แล้วมึง สายแล้วนะเดี๋ยวไปร้านสายหรอก เชี้ย!!ทำไมมึงตัวร้อนขนาดนี้วะ”“อะไรวะเกม กูไม่ได้เป็นอะไรเว้ย”“ไม่เป็นเชี้ยไรตัวร้อนขนาดนี้วะเพิร์ท ปะไปหาหมอ”“อื้อ~~~ กูไม่ไปอ่ะ กูไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ มึงไปทำงานเหอะ”
แต่ทันใดนั้นเองที่เกมเดินเข้ามาทางผมและทำสีหน้าท่าทางดูยิ้มแย้มแจ่มใสมากเข้า ผมรีบคว้าเเขนของเกมทันทีอย่างแน่นก่อนที่จะทำหน้าเข้มใส่เขาส่วนเกมที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยนั้นก็ไม่ได้จะทำอะไรตอบเพราะคงคิดว่าผมคงจะยังโกรธที่เขาไปถามเขาเรื่องเมื่อเช้า“มีอะไรรึป่าวเพิร์ท กูเจ็บนะ”เกมเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่แฝงความเจ็บปวดขณะพยายามดึงมือกลับจากการจับแน่นของผม สายตาของเกมจ้องมาที่ผมด้วยความสงสัยปนไม่พอใจเล็กน้อย ใบหน้าของมันนิ่วเล็กน้อยเหมือนอยากจะถามให้แน่ชัดว่าผมเป็นอะไรไปผมหันไปสบตากับเกมแต่สายตาผมกลับตวัดไปที่โต๊ะนั้น โต๊ะที่ผมเห็นพวกมันมองมาที่เกมตั้งแต่ก้าวแรกที่เกมออกมาเสิร์ฟ รอยยิ้มบางๆที่ไม่จริงใจของลูกค้าพวกนั้นทำให้ใจผมกระตุกอย่างบอกไม่ถูก ความห่วงกังวลฉายชัดบนใบหน้าของผมขณะที่เอ่ยเสียงเครียด“มึงอย่าไปยุ่งกับโต๊ะนั้นมากนะเว้ย กูเห็นมันมองมึงตั้งแต่เข้าร้านละ”เกมเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจ พร้อมกับถอนหายใจแรงๆเหมือนกำลังหงุดหงิดที่ผมเข้ามาแทรกการทำงานของมัน“จะอะไรนักหนาวะ ลูกค้านะเว้ย!”มันพูดออกมาพร้อมกับสะบัดมือออกแรงจนผมปล่อยมือโดยไม่ตั้งใจผมมองตามมันที่เดินกลับไปอย่างหัวเสียแผ่นหลังเ
หลังจากวันนั้นได้หลายวันและวันนี้เป็นเช้าวันที่บรรยากาศก็ยังคงไม่เป็นใจมากนัก เมื่อท้องฟ้าในยามเช้านี้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักพร้อมกับพายุที่เข้ามาอย่างโหมกระหนำซัมเมอร์เซลสายลมที่พัดผ่านเข้ามายังภายในห้องนอนผ่านผ้าม่านสีกรมที่ปลิวสะบัดไปมา ก่อนที่จะค่อยๆ ไล่มายังเตียงนอนที่ชายหนุ่มทั้งสองนอนขดอยู่บนเตียงนิ่ม แสงแดดที่แทรกผ่านหมอกฝนยังไม่สามารถเจาะทะลุความหนาของเมฆฝนได้ ทำให้บรรยากาศรอบๆห้องเต็มไปด้วยความหม่นหมอง ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นอีกวันที่ไม่มีความสดใสผมขยับตัวเล็กน้อย รู้สึกถึงความอบอุ่นที่มีอยู่ข้างๆแม้สายฝนจะโปรยลงมาภายนอก แต่เขากลับรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยในช่วงเวลานี้ เขาหันไปมองข้างๆ และเห็นเกมยังคงนอนหลับอยู่ ขดตัวในท่าที่ดูเหมือนจะหลับสนิท ใบหน้าของเกมที่ยังคงมีรอยยิ้มจางๆอยู่บนมุมปาก ทำให้ผมรู้สึกถึงความอุ่นใจอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนเสียงฝนกระทบกระจกหน้าต่างเบาๆผสมกับเสียงลมที่พัดผ่านทำให้ห้องนอนนั้นเงียบสงบ ราวกับว่าเวลาในตอนนี้กำลังหยุดนิ่งเพียงแค่ให้ทั้งสองได้อยู่ในช่วงเวลาที่ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย เพียงแค่ได้ใกล้ชิดกันเกมยืดตัวขึ้นเล็กน้อย
ผมถึงกับลั่นคำอุทานออกมาทันทีก่อนที่จะวิ่งไปคว้าตัวไอ้เกมขึ้นมาและลากเขาออกไปเพราะนั่นคือตุ๊กแกนั่นเองที่เกาะอยู่ตู้เย็น ผมทั้งโวยวายและกระโดดไปมาเพราะความกลัวของผมเองก่อนที่จะคุมสติและเรียกยามขึ้นมาจับตุ๊กแกให้ ไอ้เกมที่ดูเหมือนจะไม่เคยกลัวอะไรเลยก็ยืนนิ่งๆพร้อมกับขำไปเพราะกิริยาของผมนั้นดูไม่เหมาะกับคนนิ่งๆแบบผมเอาซะเลย“โหคุณเพิร์ทครับ นี้ตัวใหญ่มากๆเลย”เสียงของพนักงานในร้านดังขึ้นพร้อมกับการมองอย่างตื่นตาตื่นใจไปที่เพิร์ท ซึ่งทำให้เขาเกือบจะหัวเราะออกมา แต่มันกลับมีความรู้สึกขัดแย้งในตัวเอง เมื่อต้องรู้สึกเหมือนเป็นจุดสนใจอยู่ตลอดเวลา“โหยพี่รีบเอาลงไปเลย ผมกลัวจะแย่ละ ดีนะมันไม่โดดเกาะผมอ่ะ”เพิร์ทพูดพร้อมกับยิ้มมุมปาก เขาพยายามหลบหลีกสถานการณ์ที่ทำให้เขาเป็นจุดสนใจในขณะที่บรรยากาศรอบตัวเริ่มรู้สึกตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกไม่ชอบที่ต้องอยู่ในสายตาของทุกคน“อะไรโดดเกาะอะไรไม่รู้อ่ะ แต่ที่รู้ๆนี่คุณเพิร์ทเกาะแฟนแน่นเลยขอตัวนะครับ”พนักงานพูดจบพร้อมยิ้มกว้าง และแอบหยอกล้อเพิร์ทด้วยท่าทางสนุกสนาน แต่มันก็ทำให้เพิร์ทรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเขามองตามพนักงานที่เดินจากไป รู้สึกถึงความสน
"ห๊ะ! กูเนี่ยนะ ทำไมกูจำอะไรไม่ได้เลยวะ"จากนั้นผมก็มองหน้าไอ้เกมไป คิดไป มองไป แต่ก็คิดไปออกสักทีคือที่ผมจำได้แน่ๆคือเมื่อคืนผมมาที่ร้านแล้วพวกมันก็กระทืบผมอย่างจัง จนสภาพของผมนั้นเละเป็นอย่างมากจะให้มีอารมณ์ไปดื่มก็แปลกไปเพราะมันไม่อยู่ในความทรงจำผมเลยแล้วพวกมันก็พาผมไปขอไอ้หุ่นตัวนั้นหลังจากนั้นพวกผมก็ก็คุยกันหลังจากนั้นไอ้หุ่นตัวนั้นก็บอกให้หลับตาแล้วผมก็หลับตาจู่ๆมันก็มาโผล่มาอยู่ที่ที่นอนแล้วไอ้เนี่ยก็นอนกอดผม ผมจำได้แค่นี้จริงๆ ทำไมถึงเป็นแบบนี้วะมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"งั้นผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ"เกมพูดเสียงเรียบๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นและเตรียมเดินออกไป ผมหันมามองเขาและรู้สึกถึงความทุลักทุเลในใจ แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกไป ก็มีคำพูดของคนอื่นที่ดังขึ้น"เชี้ย! มึง เกิดอะไรขึ้นวะ"เสียงของเพื่อนคนหนึ่งดังขึ้น ทำให้เพิร์ทรีบหันไปมอง ทันทีที่เห็นท่าทางสงสัยของเพื่อน เขาก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างหลุดจากปากไปแล้ว"มึงก็ทนๆ หน่อยละกัน ไอ้เกมมันก็ดีนะเว้ย"เพื่อนของเพิร์ทพูดเสียงหัวเราะคล้ายจะเข้าใจสถานการณ์ แต่เพิร์ทยังคงรู้สึกอึดอัดกับคำพูดนั้น"ใช่พี่ ถือว่าลองประสบการณ์"อีกคนที่อยู่ในกลุ