LOGIN“เธอเองหรอกเหรอ”
“ใช่ฉันเองปานรวีไง ตาเธอไม่ได้ฝาดหรอก แต่เธอแพ้แล้วละขิม พี่วินเลือกฉัน เพราะฉะนั้นเธอกลับไปซะ อย่ามายืนร้องไห้ให้คนอื่นสมเพชอยู่แบบนี้ ฉันจำได้ว่าฉันกับพี่วินไม่ได้เชิญเธอมาร่วมงานแต่งงานของเรานี่ แต่เธอมาก็ดีเหมือนกัน จะได้รู้ว่าและจำเอาไว้ว่าตอนนี้พี่วินมีภรรยาแล้ว และฉันก็หวงสามีฉันมากด้วย ดังนั้นอย่าให้ฉันเห็นว่าเธอมายุ่มย่ามอะไรกับพี่วินอีก อดีตก็ให้มันเป็นอดีต ฉันไม่ถือสา แต่ถ้าเป็นหลังจากนี้ฉันเอาเรื่องเธอหนักแน่” ปานรวีประกาศกร้าว ยกมือขึ้นเกาะแขนของธาวินอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ พร้อมกับเชิดหน้าและยิ้มเยาะใส่ภัคธีมาอย่างผู้ชนะ แต่ไหนแต่ไรภัคธีมาเป็นคู่แข่งของเธอมาตลอด ทั้งตำแหน่งดรัมเมเยอร์ของโรงเรียน ทั้งกิจกรรมและการเรียนที่เด่นเกินหน้าเกินตาใครๆ ที่สำคัญเรื่องของธาวิน เธอชอบธาวิน แต่ธาวินกลับเลือกที่จะคบกับลูกสาวเจ้าของไร่เล็กๆ แทนที่จะเป็นลูกสาวเจ้าของปางไม้ใหญ่โตซึ่งน่าจะเหมาะสมกับเขามากกว่า ทว่าในที่สุดธาวินก็เป็นของเธอแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นขิมก็ขอให้พี่วินมีความสุขกับสิ่งที่พี่วินเลือกนะคะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมาค่ะ”
เป็นคำพูดที่ช่างแสนยากเย็น แต่ภัคธีมาก็รวบรวมความเข้มแข็งพูดมันออกมาทั้งน้ำตา มองผู้ชายที่เคยเป็นคนรักและเป็นความหวังด้วยสายตาของคนหัวใจแตกสลาย ก่อนจะหันหลังและค่อยๆ ก้าวเดินออกมา โดยมีธาวินตะโกนตามหลัง แต่ภัคธีมาก็ไม่หยุดฟัง
“ขิม! ขิม! เดี๋ยวก่อนขิม! ฟังพี่ก่อน!”
ร่างบางยังคงก้าวย่างไปข้างหน้าท่ามกลางน้ำตาที่นองหน้า โดยมีสายตาของคนในงานนับสิบนับร้อยที่มองมายังเธอด้วยความรู้สึกอันมากมายหลายหลาก และหนึ่งในนั้นก็มีสายตาที่เฝ้ามองด้วยความเคร่งขรึม มองตามจนกระทั่งร่างบางก้าวขึ้นรถแล้วขับออกไป คนที่ยืนมองเงียบๆ ก็ขยับไปยังรถของตัวเอง ขับตามไปห่างๆ กระทั่งเห็นว่ารถของภัคธีมาหักเลี้ยวเข้าข้างทางบริเวณทางเข้าไร่หทัยรัตน์ แล้วจอดนิ่งอยู่เช่นนั้น
คนหัวใจสลายฟุบหน้าลงกับพวงมาลัย ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยนอยู่อย่างนั้น ภาพความรักความหลังเก่าๆ พร่างพรูเข้ามาในความทรงจำยิ่งทำให้เจ็บปวดร้าวลึก ผ่านไปนานหลายนาทีที่น้ำตาไหลออกมาไม่ยอมหยุด แต่มันก็ไม่ได้ช่วยชะล้างความเจ็บปวดให้เบาบางลงได้เลย ภัคธีมาคิดว่าตัวเองคงจะอยู่ในสภาพเช่นนั้นอีกนาน หากไม่มีเสียงเคาะกระจกรถดังขึ้น
ร่างบางสะดุ้งโหยง มือยกขึ้นเช็ดน้ำตาออกอย่างลวกๆ ความเสียใจแปรเปลี่ยนเป็นความตกใจ เมื่อนึกถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเอง ถึงตรงนี้จะเป็นทางเข้าไร่ของพ่อเธอก็จริง แต่มันก็ไม่ได้การันตีว่าจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย ภัคธีมานึกก่อนด่าตัวเองที่มัวแต่เสียใจจนลืมคิด ถ้าหากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอจริงๆ คนที่เสียใจที่สุดก็คือพ่อกับน้า
คิดได้เช่นนั้นมือบางก็รีบลนลานจะเอื้อมไปจับคันเกียร์ แต่คนที่เคาะส่องไฟจากโทรศัพท์มือถือใส่หน้าตัวเองให้เธอเห็นเสียก่อน ภัคธีมาจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่...เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เขาคงตามเธอมาจากไร่เดชาธรสินะ ตามมาเพื่อเยาะเย้ย ตามมาเพื่อเหยียบย่ำ มิน่าเล่าเขาถึงได้พูดจาคล้ายกับเย้ยหยันเรื่องธาวินตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
ความขุ่นเคืองที่แล่นเข้ามาแทนที่ความเจ็บปวดชั่วขณะทำให้ภัคธีมาเปลี่ยนใจ จากที่จะเข้าเกียร์ มืออีกข้างกลับกดกระจกรถให้ลดระดับลง เพื่อให้เขาเห็นว่าเธอมีสภาพเป็นเช่นไร เพื่อให้เขาสะใจเสียให้พอ
“จะร้องไห้ จะเสียใจ ทำไมไม่กลับไปร้องที่บ้าน มาจอดรถทำมิวสิกในที่มืดๆ เปลี่ยวๆ แบบนี้ทำไม ไม่รู้หรือไงว่ามันอันตรายแค่ไหน”
ภัคธีมางงเล็กน้อยที่ถูกทำเสียงเกรี้ยวกราดใส่ เธอนึกว่าเขาจะเยาะเย้ยเธอเสียอีก แต่ทิฐิในใจก็ทำให้ไม่ไยดี ไม่คิดหาเหตุผลอื่น เพราะตอนนี้เธอแทบไม่หลงเหลือความรู้สึกดีๆ ให้กับคนที่ใช้นามสกุลภูวเดชาธรอีกแล้ว โดยเฉพาะเขาซึ่งน่าจะอยู่เบื้องหลังทุกอย่าง
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ ฉันจำได้ว่าเราไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน”
“เหมือนที่ตอนนี้คุณเองก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับไอ้วินแล้วใช่ไหม”
“ใช่...นับจากนี้ไปฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่วินแล้ว ก็สมใจคุณแล้วนี่ จะตามมาทำไมอีก หรือว่าจะมาเยาะเย้ยกัน เอาสิเยาะเย้ยเสียให้พอ เสร็จแล้วก็กลับไป กลับไปฉลองที่ได้น้องสะใภ้ผู้ร่ำรวยเพียบพร้อม ไม่ใช่น้องสะใภ้จนๆ อย่างฉัน จะฉลองเจ็ดวันเจ็ดคืนเลยก็ได้ มันเงินของครอบครัวคุณ มันเรื่องของครอบครัวคุณ” ภัคธีมาเลือกที่จะใช้ความแข็งกร้าวตอบโต้เขา ไม่ได้บอกว่าที่ไม่อยากกลับไปร้องไห้ที่บ้าน ส่วนหนึ่งก็เพราะเป็นห่วงพ่อ พ่อเธอกำลังไม่สบาย ถ้าเห็นสภาพของเธอในตอนนี้พ่อคงเครียดกว่าเดิม เธอแค่จะขอเวลาสักครู่เพื่อทำตัวให้เข้มแข็งมากที่สุดก่อนจะกลับบ้านก็แค่นั้นเอง แล้วเขามีสิทธิ์อะไรมาพูดกับเธอแบบนี้
“พูดอะไรออกมา”
“พูดความจริงไง ความจริงที่คุณก็รู้อยู่แก่ใจมานานแล้ว ไม่อย่างนั้นเมื่อคืนคุณคงไม่ตามไปขัดขวางพี่วินหรอก”
“ถ้าผมไม่ตามไปขัดขวาง ป่านนี้คุณอาจจะอยู่ในสถานะเมียน้อยหรือเมียเก็บของไอ้วินแล้วก็ได้ ท่าทางเมื่อคืนนี้อ่อนปวกเปียกไปทั้งตัวเลยนี่ หรืออยากเป็นแบบนั้น”
“ฉันควรจะซึ้งใจสินะ งั้นก็ขอบคุณ ขอบคุณในสิ่งที่คุณทำ แต่ฉันจะขอบคุณมากกว่านี้ ถ้าต่อจากนี้ไปคุณและคนในครอบครัวของคุณจะไม่มาข้องแวะยุ่งเกี่ยวใดๆ กับครอบครัวของฉันอีก”
พูดจบภัคธีมาก็กดปุ่มให้กระจกรถเลื่อนขึ้น จากนั้นก็ออกรถอย่างกระชาก โดยมีตาคมดุที่ใครต่อใครมักจะเกรงกลัวเสมอเวลาต้องสบประสานสายตาด้วยมองตาม กระทั่งไฟท้ายรถคันนั้นค่อยๆ ริบหรี่ลงเรื่อยๆ ตามระยะของรถที่แล่นห่างออกไป
ผู้หญิงโง่ อวดดี ทำไมไม่คิดบ้างว่าที่เขาทำไปทั้งหมดนั้น ไม่ใช่เพราะเกลียด แต่เป็นเพราะ…ห่วง ห่วงมากต่างหาก
“เพราะจัง ร้องเพลงกล่อมลูกและร้องให้ผัวด้วยใช่ไหม” เสียงทุ้มเอ่ยถามหลังจากเสียงเพลงสุดไพเราะนั้นเงียบลง แม้เนื้อร้องจะเป็นภาษาอีสานแต่เขาก็ฟังออก“ขี้ตู่ค่ะ ขิมร้องกล่อมลูกต่างหาก”“ผมชอบนะ ชอบความหมายของมัน เพลงนี้ได้มาจากไหนเหรอ ทำไมผมไม่เคยได้ยิน”“เพลงนี้เป็นเพลงที่ดังมากนะคะ คนงานในไร่ก็ฟังประจำ แต่คุณอาจไม่เคยได้ยิน วันก่อนขิมเห็นคลิปในยูทูป มีผู้หญิงคนหนึ่งร้องเพลงนี้กล่อมลูกน่ะค่ะ เนื้อร้องสวยงามและมีความหมายดีมาก ขิมก็เลยเอามาร้องกล่อมตาวินบ้าง”“ตาวินคงชอบ ดูสิหลับปุ๋ยเลย” ศาสตราว่าพลางโน้มหน้าลงใกล้ๆ ลูกและใช้นิ้วเขี่ยแก้มแดงนั้นด้วยสัมผัสอันสุดอ่อนโยนทะนุถนอม หน้าของลูกเขาละม้ายคล้ายเขากับภัคธีมามาก แต่ที่คล้ายที่สุดก็คือคล้ายคนเป็นอาผู้ล่วงลับ ทำให้คนในครอบครัวของเขายิ่งเชื่อว่า ธาวินมาเกิดใหม่เป็นลูกของเขาจริงๆ“คุณกินอะไรมาหรือยังคะ หิวไหมขิมจะได้หาอะไรให้กิน”“ยังไม่ได้กินอะไร หิว...อยากกินขิม” ตาเข้มพราวระยับขณะเงยหน้าขึ้นมองเรียวปากนุ่มสีชมพูระเรื่ออย่างมีความหมาย“กินตะกละแบบนี้ เดี๋ยวก็มีลูกหัวปีท้ายปีหรอกค่ะ” เสียงหวานว่าอุบอิบเพราะสามีเรียกร้องบ่อยเหลือเกิน แต่เธ
“โกรธผมเหรอ ไม่ดีใจเหรอที่เรากำลังจะมีลูกด้วยกัน ทำไมไม่ยิ้มเลย” “ดีใจค่ะ แค่เจ็บใจที่เสียรู้คนเจ้าเล่ห์” “บอกแล้วไงว่าที่ทำไปทุกอย่างก็เพราะรักและอยากให้เราสองคนได้อยู่ด้วยกันในฐานะสามีภรรยาตลอดไป” “แล้วหลังจากนี้จะมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรกับขิมอีกหรือเปล่าคะ” “อาจจะ แต่จะเอาไว้ใช้เฉพาะเวลาที่คุณงอนหรือโกรธผมมากๆ แล้วผมง้อไม่สำเร็จ” “คุณนี่นะ...” ภัคธีมามองค้อนแต่ก็ไม่ได้โกรธอะไรจริงจัง หลังจากผ่านความสงสัยมาได้ ตอนนี้ความรู้สึกตื้นตันของการได้เป็นแม่มันกำลังเอ่อล้นขึ้นมาเต็มหัวใจ ลูกของเธอน่าจะเกิดไล่ๆ กับลูกของจันทริกา และลูกๆ ก็น่าจะเป็นเพื่อนกันเหมือนรุ่นพ่อรุ่นแม่อีกเจ็ดเดือนต่อมา...เด็กชายหน้าตาน่ารักน่าชังอยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นแม่ ปากเล็กๆ ของทายาทหมื่นล้านกำลังดูดนมอุ่นๆ จากอกมารดาจนอิ่ม ก่อนจะหลับปุ๋ยอย่างมีความสุข โดยมีพ่อกับย่านั่งมองภาพนั้นด้วยสายตาอ่อนโยน เด็กน้อยมีชื่อจริงว่า ‘มาวิน’ และชื่อเล่นว่า ‘วิน’ โดยแม่เลี้ยงแสงหล้าเป็นคนตั้งให้ เพราะภัคธีมาเคยเล่าให้ฟังว่าเธอฝันถึงธาวินก่อนจะทราบว่าตัวเองตั้งท้องในเช้าต่อมา ศาสตราและภัคธีมาเ
ร่างสูงลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างดีใจจนออกนอกหน้า เมื่อหมอเจ้าของไข้ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทเข้ามาบอกว่า อาการของเขาไม่มีอะไรน่าวิตก และอนุญาตให้กลับบ้านได้ ตาคมจ้องใบหน้าหวานๆ ของคนที่กำลังช่วยติดกระดุมเสื้อให้อย่างรักใคร่สุดหัวใจ พลางคิดว่าวันนี้ตัวเองจะเกงานแล้วนอนกอดเมียอยู่ที่บ้านทั้งวัน ซึ่งหวังว่าภัคธีมาจะยอมตามใจเขา“มองอะไรคะ” เสียงหวานเอ่ยถามเมื่อเงยหน้าขึ้นแล้วพบว่าสามีจ้องมองอย่างไม่วางตา“มองเมียน่ะสิ อิจฉาตัวเองสุดๆ เพราะตอนนี้คงไม่มีใครมีความสุขเท่าผม”“มีสิคะ ก็ขิมไง”“งั้นขอดูหน้าคนมีความสุขชัดๆ หน่อยซิ”มือใหญ่เอื้อมไปเชยคางมนขึ้น สบประสานสายตากันอย่างหวานซึ้ง ก่อนที่เรียวปากหยักจะค่อยๆ โน้มต่ำลงมาเพื่อหวังจะประกบจูบปากนุ่มๆ ให้สมรัก ทว่าภัคธีมากลับเบี่ยงหน้าหลบ ปากและจมูกโด่งจึงพลาดไปโดนแก้มแทน“ไม่เอาค่ะ...เดี๋ยวมีคนเข้ามาเห็น”“เมียใครนะหวงตัวจริง คอยดูนะถึงบ้านเมื่อไหร่จะจับฟัดให้สมกับที่ปล่อยให้อด”“แน่ใจนะคะว่าแข็งแรงดีแล้ว”“เอาไว้พิสูจน์กันตอนกลับถึงบ้านนะที่รัก แล้วคุณจะรู้ว่าผมทั้ง ‘แข็ง’ ทั้ง ‘แรง’ ดีมากเชียวละ” เขากระซิบหยอกเย้าและเคลียจมูกไปตามแก้มใส“เมื่อคื
“จำได้สิคะ จำมาตลอดเพราะเหตุการณ์วันนั้นมันคือจุดเริ่มต้นของความรักที่ขิมมีให้พี่วิน”“แล้วถ้าคนที่ปลอบคุณวันนั้นเป็นผมล่ะ มันจะเป็นจุดเริ่มต้นของความรักที่คุณมีต่อผมหรือเปล่า”“หมายความว่ายังไงเหรอคะ”“ทั้งวันนั้นและวันที่รุ้งรวียิงคุณ ผมกับไอ้วินล้วนแต่ใจตรงกัน คืออยากเข้าไปปลอบและปกป้องคุณ แต่ไอ้วินมันไวกว่าผม ผมจึงได้แต่เฝ้ามองอยู่เงียบๆ”“ขิมนึกว่าคุณรังเกียจขิมที่ขิมเป็นเพียงลูกสาวของลูกจ้างเสียอีก”“เปล่าเลย ไม่เคยเกลียดหรือรังเกียจ เพียงแต่รู้ตัวว่าไม่มีสิทธิ์รัก จึงต้องทำตัวให้คุณเกลียด แต่ถึงขนาดนั้นผมก็ไม่เคยรักใครได้เลย ได้แต่แอบรักแฟนน้องและเฝ้ามองอย่างคนไม่มีสิทธิ์ คุณพูดถูกว่าผมเลว ตอนที่ไอ้วินมันนอกใจคุณ ผมก็เลือกที่จะเฉย ไม่เอ่ยเตือนสติน้อง ทั้งที่ผมรู้ดีว่าคุณต้องเสียใจมาก แต่ให้ตายเถอะขิม ผมแม่งดีใจแทบบ้า เลยต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ครอบครองคุณ แม้ไม่รู้ว่าจะเอาชนะใจคุณได้หรือเปล่าก็ตาม ขอโทษที่เห็นแก่ตัวจนทำลายความฝันของคุณ แต่ที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะรักและอยากดูแล รวมทั้งอยากเก็บคุณไว้ชื่นชมคนเดียวด้วย”“แล้วทำไมไม่บอกขิมดีๆ แต่แรกล่ะคะ”“ก็พยายามจะบอกหลายครั้ง แต่คุ
“ถ้าผมต่อยปากหมอปากหมาจะเสียค่าปรับเท่าไหร่ครับ” ศาสตราตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสุภาพทว่าข่มขู่และเอาเรื่องเต็มที่ จนปราณต์ต้องยักไหล่และหัวเราะเบาๆ“ผมพูดความจริงครับพ่อเลี้ยง อย่าเพิ่งมีอาการหมัดหรือตีนลั่นแทรกซ้อน ไม่งั้นผมอาจจะส่งเข้าไปตรวจสุขภาพจิตด้วย”“แกรู้ป่ะปราณต์ว่าแกควรไปเป็นหมอเกาหลีและเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ‘จอมวอนตีน’”“เป็นชื่อที่เพราะดี ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับพ่อเลี้ยงศาสตรา แต่คนที่คู่ควรกับชื่อนี้คือแกมากกว่าว่ะ” หมอกับคนไข้สัพยอกกันไปมาราวกับเรื่องเจ็บไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้วในตอนนี้ ทว่าภัคธีมายังรู้สึกเป็นกังวล“เอ่อ...หมอปราณต์คะ ถ้าขิมจะขอให้พ่อเลี้ยงแอดมิทสักคืนจะได้ไหมคะ” เสียงหวานเอ่ยแทรกขัดการหยอกเย้าระหว่างเพื่อนสนิทสองคน“ถ้าคุณขิมไม่สบายใจ อยากจะให้ไอ้กริชมันแอดมิทเพื่อดูอาการสักคืนก็ได้นะครับ” ปราณต์หันไปตอบภรรยาของเพื่อน แต่น้ำเสียงเวลาที่พูดฟังดูเป็นการเป็นงานและสุภาพราวกับเป็นคนละคนกับที่พูดกับศาสตรา“ถ้าอย่างนั้นขิมขอแอดมิทนะคะ”“ได้ครับ”“ไม่นะขิม ผมไม่อยากนอนโรงพยาบาล” ศาสตรารีบขัดเมื่อภรรยากับเพื่อนของเขาที่เป็นหมอตกลงกันเสร็จสรรพแบบไม่ถามเขาเลย“นอนเถอะนะค
ศาสตราจูงมือเล็กไปนั่งที่เนินหญ้าเตี้ยๆ ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมลำธาร โดยมีร่างใหญ่นั่งลงแนบข้าง และอ้อมแขนของเขาก็ตวัดกอดร่างบางไปแนบชิด“แน่ใจเหรอคะว่าจะไม่มีใคร”“แน่ใจสิ”“ขิมหิวข้าวนะคะ”“แต่ผมหิวคุณ ตามใจผมนะที่รัก เสร็จแล้วเดี๋ยวจะพากลับไปกินข้าว” เสียงทุ้มกระซิบเว้าวอน ก่อนจะทาบริมฝีปากลงประกบปากสีหวานแล้วบดจูบอย่างเร่าร้อนหิวกระหาย ราวกับไม่ได้จูบเธอมาเป็นแรมเดือน ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเขาจูบเธอแทบจะทั้งคืน แต่กระนั้นภัคธีมาก็ต้านทานความปรารถนาของเขาและของตัวเองไม่ได้ สุดท้ายน้ำพริกหนุ่มของจันทริกาจึงถูกวางไว้ที่หลังรถตลอดบ่าย เพราะเจ้าของไร่กับภรรยาสาวอิ่มเอมด้วยรสเสน่หาจนไม่มีใครหิวข้าวเมื่อคืนนี้งานแต่งงานของจันทริกากับรังสิมันต์ผ่านไปอย่างอบอุ่นและหวานชื่น ภัคธีมารู้สึกดีใจกับน้องสาวผู้น่ารักอย่างจันทริกามาก ที่นับแต่จากนี้ไปจะมีดวงตะวันอันแสนอบอุ่นคอยปกป้องดูแล เพราะจันทริกาเป็นน้องสาวที่มีชะตากรรมชีวิตน่าสงสารมาก ในงานเธอยังได้มีโอกาสเจอกับธรินดาน้องสาวที่สนิทกันมากอีกคนในตอนเรียนมัธยม นอกจากนั้นยังได้พบกับนัสรินภรรยาของหมอปราณต์ที่เคยมาบ้านเดชาธรแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นยังไม่มีโอ







