Se connecterแม้ว่าไร่หทัยรัตน์กับไร่เดชาธรจะมีอาณาเขตติดกัน แต่การขับรถไปยังไร่เดชาธรก็กินเวลาเกือบยี่สิบนาที ทั้งนี้ก็เพราะไร่เดชาธรมีอาณาเขตที่กว้างใหญ่ไพศาลมาก แค่ระยะทางจากปากทางเข้าไร่จนถึงตัวบ้านก็เกือบสี่กิโลเมตรแล้ว แต่ถึงระยะทางจะค่อนข้างไกล ทว่าทัศนียภาพสองข้างทางก็สวยงามจนคนขับแทบจะลืมระยะทาง หากเป็นไร่อื่นๆ หรือแม้แต่ไร่ของพ่อเธอ ในยามกลางคืนคงจะมืดและไม่สามารถมองเห็นความงดงามใดๆ ได้ ทว่าไร่เดชาธรต่างไปจากไร่อื่นๆ แม้จะเป็นยามค่ำคืนแต่ความมืดก็ถูกกลบด้วยแสงสว่างจากไฟสีเหลืองส้มตลอดสองข้างทาง โดยไม่ต้องกลัวว่าจะจ่ายค่าไฟฟ้าแพงแต่อย่างใด เพราะพลังงานเหล่านี้ได้มาจากแผงโซลาร์เซลล์จำนวนหลายร้อยแผง ซึ่งติดตั้งอยู่อีกฟากของไร่นั่นเอง
ด้านนอกว่าสวยแล้ว พอขับรถเข้าใกล้อาณาเขตของตัวบ้านบรรยากาศยิ่งสวยกว่าเดิม ภัคธีมาไม่ได้มาที่นี่เกือบสามปีแล้ว ตั้งแต่ธาวินไปเรียนต่อต่างประเทศ จึงไม่รู้ว่าบ้านของธาวินเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน จากที่เคยเป็นบ้านหลังใหญ่หลังเดียว ตอนนี้มีการต่อเติมและขยายอาณาเขตบ้านออกไปจนกว้างขวาง แค่อาณาเขตบ้านก็กินพื้นที่กว่าหนึ่งไร่ จะเรียกว่าเทียบเท่าคุ้มเจ้าก็ไม่ผิดนัก ผิดก็แค่ตัวบ้านไม่ได้ทำเป็นทรงล้านนาเต็มตัว แต่เป็นแบบล้านนาประยุกต์ร่วมสมัย คล้ายๆ บ้านทางยุโรปมากกว่า ซึ่งภัคธีมาก็คิดว่าเหมาะ เพราะในแถบที่ติดกับภูเขาแบบนี้ อากาศค่อนข้างจะหนาวเย็นในช่วงเวลากลางคืน
คนที่มาร่วมงานแทนพ่อจอดรถค่อนข้างไกลจากตัวบ้านพอสมควร เพราะบริเวณใกล้ๆ ตัวบ้านมีรถคันอื่นๆ ซึ่งมาถึงก่อนจอดคลาคล่ำกันจนแน่นขนัดแล้ว
ท่วงทำนองของเสียงสะล้อซอซึงที่กำลังบรรเลงอยู่ บวกกับไฟที่ประดับประดาอย่างสวยงามทั่วอาณาบริเวณ บ่งบอกชัดว่างานที่กำลังจัดอยู่ตอนนี้คืองานมงคล ภัคธีมาไม่คิดจะหาคำตอบให้เสียเวลาว่าเป็นงานอะไร เพราะถ้าพ่อของเธอถูกเชิญมา ก็น่าจะเป็นงานเลี้ยงสำคัญที่เกี่ยวกับแม่เลี้ยงแสงหล้านั่นแหละ ซึ่งจะว่าไปคนสองคนที่เธอไม่สนิทสนมด้วยในบ้านหลังนี้ ก็มีเพียงแม่เลี้ยงแสงหล้ากับศาสตราเท่านั้น ส่วนพ่อเลี้ยงภูผาที่ล่วงลับไปแล้ว เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะท่านเป็นเจ้านายเก่าของพ่อและยังไปมาหาสู่กับพ่อของเธอเป็นประจำ ธาวินก็สนิทจนเป็นคนรัก และกับน้องสาวคนเล็กของธาวินอย่างเพียงดารา แม้จะห่างกันกับเธอหลายปี แต่ก็เคยเรียนโรงเรียนเดียวกันและค่อนข้างจะสนิท
ร่างบางลงจากรถและเลือกที่จะเดินเข้างาน โดยไม่ได้โทร.หาธาวิน เธอตั้งใจจะให้เขาเซอร์ไพรส์ เขาคงทั้งแปลกใจและดีใจที่เห็นเธอมางานคืนนี้แน่นอน
เรียวปากอิ่มยิ้มให้ตัวเองกับความคิดนั้น เท้าเล็กๆ ที่รองรับด้วยรองเท้าส้นสูงสีขาวก้าวเข้าใกล้บริเวณงานขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เห็นว่าสนามหญ้ากว้างขวางที่อยู่ด้านหน้าของตัวบ้าน มีซุ้มกุหลาบสีขาวกับช่อดอกไม้ที่จัดตกแต่งอย่างสวยงาม และมีคนสองคนสวมชุดคล้ายเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวยืนอยู่ตรงซุ้มดอกไม้นั้น
รอยยิ้มที่เกลื่อนอยู่ทั่วไปหน้าหายวับไป อาการใจเต้นใจแกว่งแปลกๆ แล่นเข้ามาแทนที่ มองเห็นในระยะไกลยังไม่ค่อยแน่ใจนักว่าผู้ชายที่สวมชุดเจ้าบ่าวซึ่งยืนต้อนรับแขกอยู่หน้างานนั้นเป็นใคร แต่ทั้งรูปร่างและลักษณะการยืนช่างคุ้นตาเหลือเกิน
มือของภัคธีมาเย็นเฉียบ ขาเริ่มหนักจนแทบก้าวไม่ออกเหมือนกับมีใครเอาหินมาถ่วงเอาไว้ ตาเพ่งมองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ แต่คนที่ใส่ชุดเจ้าบ่าวยืนอยู่ตรงนั้นคือธาวิน... ธาวินคนรักของเธอ... คนที่เธอหวังว่าจะได้ใส่ชุดเจ้าสาวยืนเคียงข้างเขาเหมือนเช่นภาพที่เห็นอยู่ตอนนี้
ขอบตาทั้งสองข้างร้อนผ่าว ม่านน้ำใสๆ เอ่อล้นจนตาเริ่มฝ้าฟาง อยากจะวิ่งหนีพอๆ กับอยากจะเห็นชัดๆ ว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด และแม้ความคิดจะขัดแย้งกัน แต่ความคิดฝ่ายหลังก็เป็นฝ่ายชนะ เพราะในที่สุดเธอก็มายืนอยู่ต่อหน้าธาวิน ยืนมองนิ่งๆ เพื่อจะย้ำกับตัวเองว่านี่คือเขาจริงๆ
“ขิม!” ธาวินอุทานขึ้นอย่างตกใจ เรียกสายตาของใครหลายคนให้หันมามองอย่างสนใจ
“ค่ะ...ขิมเอง” พูดได้แค่นั้นน้ำตาก็ไหลอาบสองแก้ม
“ขิม...พี่...”
“นี่ใช่ไหมคะสาเหตุที่พี่วินเปลี่ยนไป นี่ใช่ไหมคะเหตุผลที่พี่วินห่างเหิน นี่ใช่ไหมคะเหตุผลที่เมื่อคืนพี่วินทิ้งขิมไว้กับผู้ชายคนอื่น” ภัคธีมาพูดด้วยเสียงเจือสะอื้น ลืมความอับอาย ลืมสายตาทุกคู่ที่พุ่งเป้ามายังเธอ ตอนนี้สิ่งใดก็ไม่สำคัญเท่ากับความจริงและความเจ็บปวดที่กำลังเผชิญอยู่
“พี่ไม่ได้ตั้งใจขิม พี่ขอโทษ”
“ทำไมเหรอคะ ขิมผิดอะไร ทำไมพี่วินถึงทำกับขิมแบบนี้”
“ขิมไม่ได้ผิดอะไร พี่ผิดเอง ผิดเองคนเดียว พี่ขอโทษ”
“บอกขิมให้ขิมรู้สึกดีสักนิดได้ไหมคะ ว่าพี่วินไม่ได้เต็มใจจะแต่งงาน พี่วินถูกบังคับให้แต่ง”
“พี่...” ธาวินพูดไม่ออก ได้แต่อึกอักและมองอดีตคนรักด้วยสายตาร้าวราน ฉายแววเสียใจและรู้สึกผิดออกมาไม่แพ้กัน
“พี่วินกับฉันเต็มใจแต่งงานกัน ไม่มีใครบังคับพี่วินทั้งนั้น”
เสียงที่ดังแทรกขึ้นเป็นเสียงผู้หญิง ผู้หญิงที่เป็นเจ้าสาวของธาวิน ผู้หญิงที่ภัคธีมาไม่อยากรับรู้ว่าเป็นใคร ทว่าสายตาที่เต็มไปด้วยม่านน้ำตานั้นก็หันไปมอง และความเจ็บปวดก็แล่นถาโถมเข้าเล่นงานหัวใจอย่างหนักหน่วงอีกรอบ เมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนั้น ‘ปานรวี’ ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเธอตั้งแต่ครั้งเรียนมัธยมจนกระทั่งถึงมหาวิทยาลัยโดยที่ธาวินเองก็รู้ดี
“เพราะจัง ร้องเพลงกล่อมลูกและร้องให้ผัวด้วยใช่ไหม” เสียงทุ้มเอ่ยถามหลังจากเสียงเพลงสุดไพเราะนั้นเงียบลง แม้เนื้อร้องจะเป็นภาษาอีสานแต่เขาก็ฟังออก“ขี้ตู่ค่ะ ขิมร้องกล่อมลูกต่างหาก”“ผมชอบนะ ชอบความหมายของมัน เพลงนี้ได้มาจากไหนเหรอ ทำไมผมไม่เคยได้ยิน”“เพลงนี้เป็นเพลงที่ดังมากนะคะ คนงานในไร่ก็ฟังประจำ แต่คุณอาจไม่เคยได้ยิน วันก่อนขิมเห็นคลิปในยูทูป มีผู้หญิงคนหนึ่งร้องเพลงนี้กล่อมลูกน่ะค่ะ เนื้อร้องสวยงามและมีความหมายดีมาก ขิมก็เลยเอามาร้องกล่อมตาวินบ้าง”“ตาวินคงชอบ ดูสิหลับปุ๋ยเลย” ศาสตราว่าพลางโน้มหน้าลงใกล้ๆ ลูกและใช้นิ้วเขี่ยแก้มแดงนั้นด้วยสัมผัสอันสุดอ่อนโยนทะนุถนอม หน้าของลูกเขาละม้ายคล้ายเขากับภัคธีมามาก แต่ที่คล้ายที่สุดก็คือคล้ายคนเป็นอาผู้ล่วงลับ ทำให้คนในครอบครัวของเขายิ่งเชื่อว่า ธาวินมาเกิดใหม่เป็นลูกของเขาจริงๆ“คุณกินอะไรมาหรือยังคะ หิวไหมขิมจะได้หาอะไรให้กิน”“ยังไม่ได้กินอะไร หิว...อยากกินขิม” ตาเข้มพราวระยับขณะเงยหน้าขึ้นมองเรียวปากนุ่มสีชมพูระเรื่ออย่างมีความหมาย“กินตะกละแบบนี้ เดี๋ยวก็มีลูกหัวปีท้ายปีหรอกค่ะ” เสียงหวานว่าอุบอิบเพราะสามีเรียกร้องบ่อยเหลือเกิน แต่เธ
“โกรธผมเหรอ ไม่ดีใจเหรอที่เรากำลังจะมีลูกด้วยกัน ทำไมไม่ยิ้มเลย” “ดีใจค่ะ แค่เจ็บใจที่เสียรู้คนเจ้าเล่ห์” “บอกแล้วไงว่าที่ทำไปทุกอย่างก็เพราะรักและอยากให้เราสองคนได้อยู่ด้วยกันในฐานะสามีภรรยาตลอดไป” “แล้วหลังจากนี้จะมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรกับขิมอีกหรือเปล่าคะ” “อาจจะ แต่จะเอาไว้ใช้เฉพาะเวลาที่คุณงอนหรือโกรธผมมากๆ แล้วผมง้อไม่สำเร็จ” “คุณนี่นะ...” ภัคธีมามองค้อนแต่ก็ไม่ได้โกรธอะไรจริงจัง หลังจากผ่านความสงสัยมาได้ ตอนนี้ความรู้สึกตื้นตันของการได้เป็นแม่มันกำลังเอ่อล้นขึ้นมาเต็มหัวใจ ลูกของเธอน่าจะเกิดไล่ๆ กับลูกของจันทริกา และลูกๆ ก็น่าจะเป็นเพื่อนกันเหมือนรุ่นพ่อรุ่นแม่อีกเจ็ดเดือนต่อมา...เด็กชายหน้าตาน่ารักน่าชังอยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นแม่ ปากเล็กๆ ของทายาทหมื่นล้านกำลังดูดนมอุ่นๆ จากอกมารดาจนอิ่ม ก่อนจะหลับปุ๋ยอย่างมีความสุข โดยมีพ่อกับย่านั่งมองภาพนั้นด้วยสายตาอ่อนโยน เด็กน้อยมีชื่อจริงว่า ‘มาวิน’ และชื่อเล่นว่า ‘วิน’ โดยแม่เลี้ยงแสงหล้าเป็นคนตั้งให้ เพราะภัคธีมาเคยเล่าให้ฟังว่าเธอฝันถึงธาวินก่อนจะทราบว่าตัวเองตั้งท้องในเช้าต่อมา ศาสตราและภัคธีมาเ
ร่างสูงลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างดีใจจนออกนอกหน้า เมื่อหมอเจ้าของไข้ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทเข้ามาบอกว่า อาการของเขาไม่มีอะไรน่าวิตก และอนุญาตให้กลับบ้านได้ ตาคมจ้องใบหน้าหวานๆ ของคนที่กำลังช่วยติดกระดุมเสื้อให้อย่างรักใคร่สุดหัวใจ พลางคิดว่าวันนี้ตัวเองจะเกงานแล้วนอนกอดเมียอยู่ที่บ้านทั้งวัน ซึ่งหวังว่าภัคธีมาจะยอมตามใจเขา“มองอะไรคะ” เสียงหวานเอ่ยถามเมื่อเงยหน้าขึ้นแล้วพบว่าสามีจ้องมองอย่างไม่วางตา“มองเมียน่ะสิ อิจฉาตัวเองสุดๆ เพราะตอนนี้คงไม่มีใครมีความสุขเท่าผม”“มีสิคะ ก็ขิมไง”“งั้นขอดูหน้าคนมีความสุขชัดๆ หน่อยซิ”มือใหญ่เอื้อมไปเชยคางมนขึ้น สบประสานสายตากันอย่างหวานซึ้ง ก่อนที่เรียวปากหยักจะค่อยๆ โน้มต่ำลงมาเพื่อหวังจะประกบจูบปากนุ่มๆ ให้สมรัก ทว่าภัคธีมากลับเบี่ยงหน้าหลบ ปากและจมูกโด่งจึงพลาดไปโดนแก้มแทน“ไม่เอาค่ะ...เดี๋ยวมีคนเข้ามาเห็น”“เมียใครนะหวงตัวจริง คอยดูนะถึงบ้านเมื่อไหร่จะจับฟัดให้สมกับที่ปล่อยให้อด”“แน่ใจนะคะว่าแข็งแรงดีแล้ว”“เอาไว้พิสูจน์กันตอนกลับถึงบ้านนะที่รัก แล้วคุณจะรู้ว่าผมทั้ง ‘แข็ง’ ทั้ง ‘แรง’ ดีมากเชียวละ” เขากระซิบหยอกเย้าและเคลียจมูกไปตามแก้มใส“เมื่อคื
“จำได้สิคะ จำมาตลอดเพราะเหตุการณ์วันนั้นมันคือจุดเริ่มต้นของความรักที่ขิมมีให้พี่วิน”“แล้วถ้าคนที่ปลอบคุณวันนั้นเป็นผมล่ะ มันจะเป็นจุดเริ่มต้นของความรักที่คุณมีต่อผมหรือเปล่า”“หมายความว่ายังไงเหรอคะ”“ทั้งวันนั้นและวันที่รุ้งรวียิงคุณ ผมกับไอ้วินล้วนแต่ใจตรงกัน คืออยากเข้าไปปลอบและปกป้องคุณ แต่ไอ้วินมันไวกว่าผม ผมจึงได้แต่เฝ้ามองอยู่เงียบๆ”“ขิมนึกว่าคุณรังเกียจขิมที่ขิมเป็นเพียงลูกสาวของลูกจ้างเสียอีก”“เปล่าเลย ไม่เคยเกลียดหรือรังเกียจ เพียงแต่รู้ตัวว่าไม่มีสิทธิ์รัก จึงต้องทำตัวให้คุณเกลียด แต่ถึงขนาดนั้นผมก็ไม่เคยรักใครได้เลย ได้แต่แอบรักแฟนน้องและเฝ้ามองอย่างคนไม่มีสิทธิ์ คุณพูดถูกว่าผมเลว ตอนที่ไอ้วินมันนอกใจคุณ ผมก็เลือกที่จะเฉย ไม่เอ่ยเตือนสติน้อง ทั้งที่ผมรู้ดีว่าคุณต้องเสียใจมาก แต่ให้ตายเถอะขิม ผมแม่งดีใจแทบบ้า เลยต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ครอบครองคุณ แม้ไม่รู้ว่าจะเอาชนะใจคุณได้หรือเปล่าก็ตาม ขอโทษที่เห็นแก่ตัวจนทำลายความฝันของคุณ แต่ที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะรักและอยากดูแล รวมทั้งอยากเก็บคุณไว้ชื่นชมคนเดียวด้วย”“แล้วทำไมไม่บอกขิมดีๆ แต่แรกล่ะคะ”“ก็พยายามจะบอกหลายครั้ง แต่คุ
“ถ้าผมต่อยปากหมอปากหมาจะเสียค่าปรับเท่าไหร่ครับ” ศาสตราตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสุภาพทว่าข่มขู่และเอาเรื่องเต็มที่ จนปราณต์ต้องยักไหล่และหัวเราะเบาๆ“ผมพูดความจริงครับพ่อเลี้ยง อย่าเพิ่งมีอาการหมัดหรือตีนลั่นแทรกซ้อน ไม่งั้นผมอาจจะส่งเข้าไปตรวจสุขภาพจิตด้วย”“แกรู้ป่ะปราณต์ว่าแกควรไปเป็นหมอเกาหลีและเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ‘จอมวอนตีน’”“เป็นชื่อที่เพราะดี ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับพ่อเลี้ยงศาสตรา แต่คนที่คู่ควรกับชื่อนี้คือแกมากกว่าว่ะ” หมอกับคนไข้สัพยอกกันไปมาราวกับเรื่องเจ็บไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้วในตอนนี้ ทว่าภัคธีมายังรู้สึกเป็นกังวล“เอ่อ...หมอปราณต์คะ ถ้าขิมจะขอให้พ่อเลี้ยงแอดมิทสักคืนจะได้ไหมคะ” เสียงหวานเอ่ยแทรกขัดการหยอกเย้าระหว่างเพื่อนสนิทสองคน“ถ้าคุณขิมไม่สบายใจ อยากจะให้ไอ้กริชมันแอดมิทเพื่อดูอาการสักคืนก็ได้นะครับ” ปราณต์หันไปตอบภรรยาของเพื่อน แต่น้ำเสียงเวลาที่พูดฟังดูเป็นการเป็นงานและสุภาพราวกับเป็นคนละคนกับที่พูดกับศาสตรา“ถ้าอย่างนั้นขิมขอแอดมิทนะคะ”“ได้ครับ”“ไม่นะขิม ผมไม่อยากนอนโรงพยาบาล” ศาสตรารีบขัดเมื่อภรรยากับเพื่อนของเขาที่เป็นหมอตกลงกันเสร็จสรรพแบบไม่ถามเขาเลย“นอนเถอะนะค
ศาสตราจูงมือเล็กไปนั่งที่เนินหญ้าเตี้ยๆ ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมลำธาร โดยมีร่างใหญ่นั่งลงแนบข้าง และอ้อมแขนของเขาก็ตวัดกอดร่างบางไปแนบชิด“แน่ใจเหรอคะว่าจะไม่มีใคร”“แน่ใจสิ”“ขิมหิวข้าวนะคะ”“แต่ผมหิวคุณ ตามใจผมนะที่รัก เสร็จแล้วเดี๋ยวจะพากลับไปกินข้าว” เสียงทุ้มกระซิบเว้าวอน ก่อนจะทาบริมฝีปากลงประกบปากสีหวานแล้วบดจูบอย่างเร่าร้อนหิวกระหาย ราวกับไม่ได้จูบเธอมาเป็นแรมเดือน ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเขาจูบเธอแทบจะทั้งคืน แต่กระนั้นภัคธีมาก็ต้านทานความปรารถนาของเขาและของตัวเองไม่ได้ สุดท้ายน้ำพริกหนุ่มของจันทริกาจึงถูกวางไว้ที่หลังรถตลอดบ่าย เพราะเจ้าของไร่กับภรรยาสาวอิ่มเอมด้วยรสเสน่หาจนไม่มีใครหิวข้าวเมื่อคืนนี้งานแต่งงานของจันทริกากับรังสิมันต์ผ่านไปอย่างอบอุ่นและหวานชื่น ภัคธีมารู้สึกดีใจกับน้องสาวผู้น่ารักอย่างจันทริกามาก ที่นับแต่จากนี้ไปจะมีดวงตะวันอันแสนอบอุ่นคอยปกป้องดูแล เพราะจันทริกาเป็นน้องสาวที่มีชะตากรรมชีวิตน่าสงสารมาก ในงานเธอยังได้มีโอกาสเจอกับธรินดาน้องสาวที่สนิทกันมากอีกคนในตอนเรียนมัธยม นอกจากนั้นยังได้พบกับนัสรินภรรยาของหมอปราณต์ที่เคยมาบ้านเดชาธรแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นยังไม่มีโอ







