หลังจากประตูถูกปิดลง ความเงียบกลับเข้ามาแทนที่อีกครั้ง แต่บรรยากาศในห้องไม่ได้สงบลงตาม มันเต็มไปด้วยไออุ่นจากแรงสัมผัสที่ยังอบอวลอยู่ในอากาศ หัวใจและความรู้สึกของไอริสที่ยังคงสั่นระรัว
เธอยังยืนอยู่ตรงนั้น พิงประตูที่เพิ่งถูกปิดลง ลมหายใจร้อนและกลิ่นอายจากเขายังติดซึมอยู่ตามผิวของเธอ
มือบางค่อย ๆ ยกขึ้นแตะแผ่วเบาที่ริมฝีปากของตัวเอง ความรู้สึกชาหนึบยังคงไม่จางหายจากรอยสัมผัสนั้น
“คนบ้า บ้าที่สุด”
เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ราวกับต้องการกลบเกลื่อนความรู้สึกที่กำลังพวยพุ่งอยู่ในอก ทั้งสับสน ร้อนรุ่ม และ…อยากเข้าไปใกล้เขามากกว่านี้อีก แต่ก่อนที่เธอจะจัดการความรู้สึกของตัวเองให้เข้าที่ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเบา ๆ
“น้องไอครับ จะลงมาข้างล่างได้รึยัง”
เสียงเขาไม่ได้เร่งร้อน แต่แฝงไปด้วยปลายเสียงที่ขบขัน เหมือนรู้ดีว่าเธอคงยังตั้งหลักไม่ได้
สายตาคมมองเธออย่างใจเย็น แต่มีรอยยิ้มบาง ๆ ติดมุมปากเหมือนเคย รอยยิ้มที่ทำให้เธออยากจะหนีไปหลบมุมให้ไกลที่สุด แต่ขาเจ้ากรรมกลับก้าวตามเขาลงบันไดไปแทน
“ระวังตัวไว้ให้ดีนะคะ”
ร่างบางเดินตามหลังเขาลงบันได ช้า ๆ พร้อมกับพูดพึมพำด้วยเสียงแผ่วเบา แต่เป็นการเอื้อนเอ่ยที่เหมือนกับเตือนตัวเองมากกว่าบอกคนตัวโต
“ถ้าหมายถึงคืนนี้…พี่เต็มใจ เปิดประตูรอให้น้องไอ ย่องเข้าห้องพี่ทุกคืนแน่นอนครับ”
เขาตอบกลับเสียงดังราวกับต้องการจะเปล่าประกาศให้ทุกคนได้ยินอย่างรวดเร็วโดยไม่หันมามอง จนไอริสแทบอยากเอาหน้ามุดหนีเข้ากำแพงด้วยความรู้สึกอับอาย
เมื่อก้าวลงมาถึงชั้นล่าง พิณเพลงเดินเข้ามาหาไอริสทันที ด้วยรอยยิ้มและสายตาที่กำลังล้อเลียน แต่ก็ยังดีที่เพื่อนสนิทของเธอไม่พูดอะไรออกมาให้เขินอายไปมากกว่านี้
“ตกลงใครมาเหรอ”
“พวกพี่ปีสี่วิศวะนะ”
ไอริสมองตามไปก่อนจะชะงักเล็กน้อย ชายหนุ่มในชุดช้อปสีน้ำเงินนั่งอยู่ตรงกลางร้านอยู่หลายคน พร้อมกับคนตัวสูงที่เดินเข้าไปทักทาย
“น้องไอ~”
เสียงหวานใสดังไกลมาก่อนตัว แต่ไอริสจำได้ดีว่าเป็นเสียงของพวกรุ่นพี่ในสายรหัส อย่างพี่ซีลีน รุ่นพี่ปีสี่จากคณะเดียวกันในหญิงสาวตัวเล็กในชุดเสื้อเชิ้ตโอเวอร์ไซซ์สบาย ๆ แต่กลับดูเซ็กซี่เย้ายวนกำลังเดินตรงเข้ามาหา พร้อมโบกมือให้เธออย่างร่าเริง ถัดมาเป็นพี่บอมพี่รหัสปีสอง ที่มีใบหน้ายิ้มละไม และบุคลิกที่คุ้นเคยจนให้ความรู้สึกอบอุ่นแบบพี่ชาย
“โอ้ ร้านใหม่ใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย จะเปิดร้านวันไหนครับสุดสวย”
บอมพูดพลางมองไปรอบ ๆ ร้าน ก่อนจะหันมายิ้มให้ไอริส พร้อมกับวางฝ่ามือหนาไว้บนศีรษะคนตัวเล็กแล้วยีผมเบา ๆ
“พี่ ๆ รู้ได้ไงคะ ว่าไอย้ายร้าน”
“เรานั่นแหละมีอะไรทำไมถึงไม่บอกให้พวกพี่ช่วย ถ้าพี่ไม่ถามจากพิณเพลงจะรู้ไหมว่าน้องในสายกำลังลำบาก”
“ขอบคุณนะคะ แต่ไอเกรงใจ”
ไอริสบอกกับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มอ่อน ๆ มันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและเกรงใจ จึงไม่ได้บอกใครเพราะกลัวจะไม่อยากไปรบกวน
“ไม่เป็นไร ๆ วันนี้พี่เลยพาแรงงานชายหนุ่มสุดหล่ออย่างนายบอมมาช่วยจัดร้าน ใช้งานได้เต็มที่”
“เรื่องใช้งานแรงงานบอกพี่มาได้เลย ว่าแต่มีของให้ขนมั้ย ไหนล่ะ กล่องไหนก่อนดี?”
“พี่บอม พี่ซีลีน ขอบคุณนะคะ”
ไอริสยิ้มกว้างอย่างดีใจ พูดคุยหยอกล้อด้วยความสนิทสนมคุ้นเคย
“งั้นช่วยไอ เอาของเข้าร้านหน่อยนะคะ”
“ได้เลยครับผม”
มือเล็กโบกไปที่กล่องอุปกรณ์ที่วางกองอยู่ บอมไม่รอช้า ยกกล่องขึ้นอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะเอ่ยห้ามคนตัวเล็ก เมื่อเห็นว่าไอริสกำลังจะมาช่วยเขายกของ พร้อมกับทำท่าเบ่งกล้ามให้ดูว่าเขาแข็งแรงมาก แค่นี้สบาย
“หนูไม่ต้องยกหรอก เดี๋ยวพี่จัดการเอง ขืนจับของหนัก เดี๋ยวมือนิ่ม ๆ พังหมด ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผู้ชายร่างบ๊อปอายแบบพี่จัดการเอง”
คำพูดและท่าทางที่พี่รหัสเธอทำ เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากไอริส รวมถึงทุกคนได้เป็นอย่างดี แต่กลับไปสะดุดกับสายตาของใครบางคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล
ซันยืนพิงผนังแถวเคาน์เตอร์ มือกอดอก ดวงตาคมจ้องภาพตรงหน้า โดยไม่แม้แต่จะปิดบังสายตา ริมฝีปากที่เคยยิ้มเย้าแหย่ตอนอยู่กับไอริส บัดนี้กลับขบเม้มแน่นจนเห็นสันกรามชัด
คนตัวโตยืนมองเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาคมกลับมองไล่ตามทุกการเคลื่อนไหวของเธอกับชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาใหม่โดยเฉพาะเวลาที่อีกฝ่ายยกกล่อง คอยหยิบจับสิ่งของอยู่ใกล้ตัวเธอ หรือโน้มตัวพูดคุยกันอย่างสนิทสนม
“เดี๋ยวพี่ถือให้ ไอไปจัดของตรงเคาน์เตอร์นั่นเลย”
เสียงของบอมดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเอื้อมมือช่วยหยิบของส่งให้ไอริส แต่การหมุนตัวที่ผิดจังหวัดทำให้ร่างบางต้องถอยหลังออกไปไม่ให้ชนกัน จนเธอเดินเซไปชนอกอีกฝ่ายที่ยืมจ้องเธอกับพี่รหัสไม่วางตา
“เอ่อ...พี่บอมถอยหลังมาเกือบชนกันเลยค่ะ”
เธอพูดพลางหัวเราะเก้อ ๆ และนั่นก็ยิ่งทำให้สายตาของซันหรี่ลง ซันเบนหน้าหลบไปอีกทาง ก่อนจะเดินกระแทกเท้าเล็กน้อยกลับขึ้นไปหลังร้านโดยไม่พูดอะไร ทิ้งไว้แค่บรรยากาศบางอย่างที่หนักอึ้งพาดกลางอากาศ
พิณเพลงที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ กระตุกยิ้มน้อย ๆ มองตามร่างสูงที่เดินจากไป แล้วกระซิบเบา ๆ ข้างหูไอริส
“เอ๊ะ…ดูท่าหนุ่มวิศวะของแกจะไม่ค่อยปลื้มพี่บอมเท่าไหร่นะ?”
“พูดอะไรของแกพิณเพลง...หยุดคิดเลยนะ”
ไอริสตอบกลับเสียงเบา หน้าเริ่มแดงขึ้นเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่ แต่พอเธอหันกลับไปมองก็พบว่าเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว ภายในใจของเธอแอบรู้สึกถึงบางอย่างโดยเฉพาะอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของร่างแกร่ง
เสียงพูดคุยและหัวเราะเฮฮาจากชั้นล่างยังคงดังขึ้นต่อเนื่อง แต่อีกฝั่งหนึ่งทางหลังร้านกลับเงียบลงชั่วครู่ ซันเดินเข้ามาด้านใน พร้อมวางของที่พวกเพื่อนช่วยกันขนขึ้นมาลงแรง ๆ เหมือนต้องการระบายอะไรบางอย่างไปกับเสียงกระแทกนั้น
“มึงกระแทกแรงขนาดนั้น กล่องไม่พังก่อนเหรอวะ”
เสียงของลม หนึ่งในกลุ่มเพื่อนเอ่ยดังขึ้นขำ ๆ ก่อนเจ้าตัวจะเดินตามเข้ามาจากทางด้านหลัง
“หรือมึงกำลังหงุดหงิดอะไร?”
ซันไม่ตอบในทันที เพียงแต่ถอนหายใจยาวอย่างเบื่อหน่าย เขาทรุดตัวลงนั่งกับโซฟาเก่า ๆ ปล่อยศีรษะพิงพนัก แล้วมองเพดานด้วยแววตาที่บอกไม่ชัดว่ากำลังเหนื่อย…หรือหงุดหงิดอะไรกันแน่
“เมื่อกี้กูเห็นนะ ไอ้รุ่นพี่นั่นมันยืนใกล้เด็กของมึงแนบชิดจนจะสิงกันอยู่แล้ว”
เสียงแหบทุ้มจากไนท์ เพื่อนอีกคนที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนกล่องลัง เอ่ยขึ้น หวังปั่นหัวเพื่อนตัวเองให้ร้อนรุ่มยิ่งกว่าเดิม
“ไม่ใช่เด็กกู”
ซันยกมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเองแรง ๆ ราวกับอยากสะบัดอะไรบางอย่างออกจากหัว ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบา ๆ แล้วตอบเสียงเรียบ แต่แฝงไปอารมณ์ขุ่นเคือง
“ก็แค่เด็ก…ดื้อ ๆ คนหนึ่ง”
เขาเอ่ยเสียงเบาแต่ชัดเจนพอให้ทุกคนได้ยิน แต่สายยังมองออกไปตามเสียงหัวเราะของคนตัวเล็กที่ดังอยู่หน้าร้าน
“ถ้าไอ้หน้าอ่อนได้ไปก็ไม่ซีเรียสใช่ป่ะ”
“มะ ไม่เห็นจะต้องซีเรียสอะไรเลย กูแค่เล่น ๆ แก้เบื่อไปงั้นแหละ”
“หึ แล้วกูจะจำไว้”
เดย์เลิกคิ้วสูง มองสีหน้าของเพื่อนตัวเองที่พยายามทำให้ดู ‘ไม่รู้สึก’ แต่แววตากลับไม่ได้สอดคล้องกับคำพูดเลยแม้แต่น้อย
“ถ้าเล่น ๆ ทำไมตอนเห็นเด็กนั้นยิ้มกับคนอื่น หน้ามึงถึงหงิกขนาดนั้นวะ?”
ซันเบนหน้าหนี ทำเป็นไม่สนใจคำพูดนั้น เขาหยิบขวดน้ำขึ้นมาจิบอย่างเนือย ๆ แต่ไม่ได้หลบเลี่ยงไปทั้งหมด สีหน้าเขาแม้จะเรียบนิ่ง แต่แววตากลับติดคล้ายหงุดหงิดเล็กน้อยอยู่ลึก ๆ
“ก็แค่…รำคาญสายตา”
เขาตอบเรียบ ๆ พร้อมวางขวดน้ำลงดัง กึก
“เด็กอะไร ยิ้มให้ใครก็ง่าย พูดเพราะกับใครก็ง่าย จะให้กูจริงจังกับอะไรแบบนี้เหรอ”
คนตัวโตเริ่มส่งเสียงโวยวาย กลบเกลือนอาการของตัวเองที่เริ่มจะหลุดออกมาทีละน้อย หลังจากโดนเพื่อน ๆ ตัวดีปั่นหัวไม่หยุด
“เอ้อ…ก็ไม่ต้องจริงจัง” ลมหัวเราะ
“แต่กูว่า…มึงอะ กำลังจริงจังอยู่แบบไม่รู้ตัว”
ซันมองหน้าเดย์ก่อนจะนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วเหยียดยิ้มที่มุมปากแบบฝืน ๆ
“กูเนี่ยนะ? จริงจังกับเด็กนั่น?”
เขาหัวเราะสั้น ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน ยกมือขึ้นลูบท้ายทอย
“ก็แค่ของเล่น…น่ารักดีตอนทำท่าจะหนี แต่ก็วิ่งกลับมาให้กอดเองทุกที”
“แน่ใจนะว่ามึงยัง ‘เล่น’ อยู่?”
เป็นเสียงของไนท์ดังขึ้นแทน แต่คราวนี้กลับเจือปนด้วยความจริงจัง ซันไม่ตอบ เขาหันหลังให้เพื่อน แล้วเดินออกไปที่ริมหน้าต่างก่อนจะพ่นควันสีขาวออกมา หวังจะใช้นิโคตินดับอารมณ์ที่ร้อนรุ่ม และสับสนอยู่ในใจ
ร่างสูงไม่ได้ตอบคำถามของเพื่อนสนิท เขายังคงยืนนิ่งอยู่ในภวังค์ ปล่อยให้สายลมยามบ่ายปะทะใบหน้า แล้วทอดสายตามองออกไปหน้าร้าน ยิ่งเห็นไอริสยิ้มกว้างขณะพูดคุยกับรุ่นพี่ของเธอ ใจของเขามันก็เต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ถึงจะบอกตัวเองว่าไม่คิดอะไร แต่ดูเหมือนหัวใจกลับไม่ยอมเชื่อฟัง
“ก็แค่เด็กดื้อเปล่าว่ะ มีอะไรสำคัญให้จริงจังกัน”