เข้าสู่ระบบ“เจ้ลี ผมเอาขวดไปทิ้งก่อนนะ” ไอ้โจพนักงานในร้านตะโกนบอก พร้อมกับยกถุงขยะเดินออกไปทางหลังร้าน
“ฉันชื่อลีน่าจ้า ลี-น่า เรียกซะเป็นป้าแถวบ้านเลยนะ” ลีน่าตะโกนด่าไปโดยมิได้คิดอะไร มือทั้งสองก็วุ่นวายอยู่กับการช่วยพนักงานในร้านเก็บกวาด ด้วยตำแหน่งของเธอ จะไม่ทำก็ไม่มีใครว่า แต่เธอก็อยากช่วย เพราะยังไม่อยากกลับคอนโด
“เอ้า! อีกถุงก็ไม่เอาไป ไอ้โจนะไอ้โจ” แม้จะบ่น แต่เธอก็เลือกจะหยิบถุงไปทิ้งเอง เมื่อเดินออกไปตรงที่ทิ้งขยะ ก็พบว่าไอ้โจกำลังถูกกลุ่มวัยรุ่นสี่ห้าคน รุมทำร้ายอยู่
“พวกมึงทำอะไร คิดจะหมาหมู่หรอวะ” กับพวกถ่อย ไม่จำเป็นต้องพูดดีด้วย
“อีแก่ มึงไม่เกี่ยว อย่าหาเรื่องใส่ตัว” ลีน่าถึงกับหน้ามืดครึ้ม
“อีแก่งั้นหรอ กูพึ่งจะสามสิบโว้ย!!!”
ตอนนั้นเธอจำได้เพียงว่า ตัวเองเข้าไปถีบไอ้คนปากหมานั่น จากนั้นเหตุการณ์ก็ชุลมุน มีพนักงานที่ร้านออกมาช่วยพวกเธอ ตัวเธอเองก็ต่อยตีกับพวกวัยรุ่นไปหลายหมัด
แต่แล้ว…ปัง!!!
เสียงปืนดังลั่น พร้อมกับอาการเจ็บจี๊ดที่กลางอก หลังจากนั้นเมื่อเธอได้สติขึ้นมา ก็พบหญิงสาวร่างอวบ แล้วก็โผล่มาที่นี่
นี่หมายความว่า…
“ฉันโดยยิงตาย แล้วมาติดอยู่ในร่างนี้หรอ บ้าปะ! ใครมันเล่นบ้าอะไรเนี่ย”
“คุณหนู…?”
“ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันตาย ฮื่อออ ทำไม~ ตายแล้วตายเลยไม่ได้หรอวะ โมโหโว้ย!!!” ลีน่าในร่างของคุณหนูเหอหลี่น่าดีดดิ้น งอแง อยู่บนเตียงนอน จนบ่าวรับใช้มิรู้จะปฏิบัติตนอย่างไร
“คุณหนูเจ้าคะ”
“ฮื่อออ เกิดมาก็ลำบาก ตายแล้วยังไม่ตายจริงอีก ชีวิตฉัน!” ทั้งเบะปากร้องไห้ ทั้งทุบอกตนเองอย่างช้ำใจ
“คุณหนูอย่าทุบตีตนเองเลยเจ้าค่ะ ฮึก” ลีน่าคร่ำครวญจนพอใจ ก็นอนนิ่ง หอบหายใจหนัก เพราะอาการเหนื่อย ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่ชินกับร่างกายที่อ้วนท้วมสมบูรณ์เช่นนี้ ชีวิตก่อนผอมแห้งแรงน้อย จนจะปลิวไปกับลม
“เธอ- ไม่สิๆ ต้องใช้เจ้ากับข้าเหมือนในซีรีส์สินะ”
“…?”
“เจ้าบอกอีกทีสิ ว่าฉัน- ข้าชื่ออะไร”
“นามว่า เหอหลี่น่า เจ้าค่ะ” ลีน่าพยักหน้าเข้าใจ แม้ในใจจะไม่ยินยอม แต่ก็คงต้องยอมรับว่าจากนี้จะต้องใช้ชื่อ เหอหลี่น่า
“แล้วธะ- เจ้าล่ะ” บ้าเอ้ย! พูดยากจริง ไอ้ตอนฟังซีรีส์ก็ไม่เห็นจะยากขนาดนี้
“บ่าวนามว่า เอินเอิน เจ้าค่ะ คุณหนูจำมิได้หรือเจ้าคะ ฮึก”
“…แล้วสามคนที่เข้ามาเมื่อกี้ล่ะ”
“เอ่อ คุณหนูหมายถึงสามคนเมื่อครู่หรือเจ้าคะ เป็นท่านพ่อ ท่านแม่ และพี่ชายของคุณหนูเจ้าค่ะ”
“ครอบครัวสินะ”
“เกิดอันใดขึ้นกับคุณหนูเจ้าคะ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้” ดวงตาแดงก่ำของเอินเอิน ทำให้หลี่น่านึกหนักใจ ว่าจะบอกเรื่องคุณหนูเหอหลี่น่าคนเดิมกับหญิงสาวตรงหน้าดีหรือไม่
“ข้า…ความจำเสื่อมน่ะ เหมือนในละครไง แบบว่าจำอะไรไม่ได้เลย” ไม่บอกแล้วกัน บอกไปก็มีแต่จะทำให้ทุกคนคิดว่านางเป็นบ้า
“จะ เจ้าคะ? ความจำเสื่อมคืออันใดเจ้าคะ”
“เห้อ เข้าใจยากจริง เอาเป็นว่าตอนที่ข้าร่วงลงมาบนพื้น หัวข้าไปกระแทกกับพื้นดังเปาะ!ทีนี้ข้าก็จำอะไรไม่ได้เลย ความจำมันหายไปหมดเลย” พูดไปก็ทำท่าทางประกอบไปด้วย ให้อีกฝ่ายเข้าใจมากขึ้น
“คะ ความจำหดหายหรือเจ้าคะ” เด็กสาวยกมือปิดปาก นัยน์ตาฉายแววเวทนาผู้เป็นนายเหลือทน
“อืม ฉะ- ข้าความจำหดหาย ทีนี้ต้องพึ่งเจ้าแล้ว เล่าเรื่องราวของข้าให้ฟังทีเถิด”
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูเป็น-” ยังไม่ทันที่เอินเอินจะเอ่ยเล่าสิ่งใด เสียงเอะอะโวยวายด้านออกก็ดังขึ้น
เคร้ง! ตุบ! ปัง!!!
“เอินเอิน รีบพาหลี่เอ๋อร์กับท่านแม่ไปหลบเร็วเข้า” จู่ๆ พี่เหิงของหลี่น่า ก็พามารดาเข้ามาในห้องด้วยท่าทีร้อนรน
“เจ้าค่ะ!” ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หลี่น่าถูกดึงเข้าไปหลบในห้องลับ ทั้งที่นางยังคงสับสนมึนงงอยู่
หลบอะไรอีกละเนี่ย แล้วเสียงข้าวของแตกนั่นคือสิ่งใด!!?
“ห้องนี้หรือ”“มิใช่เจ้าค่ะ ห้องนี้เป็นห้องตำราของท่านพ่อ” หลี่น่าเดินไปได้ไม่นาน ชายหนุ่มก็ทักขึ้นมาอีก“หรือว่าจะเป็นห้องนี้”“นั่นเป็นห้องเก็บป้ายวิญญาณของบรรพชนเจ้าค่ะ”“อีกไกลหรือไม่”“เดินเลี้ยวไปทางซ้ายก็จะถึงแล้ว อยู่ติดกับห้องนอนของพี่เหิงพอดี ท่านทนมิไหวแล้วหรือเจ้าคะ คิกๆ” หญิงสาวปิดปากขำ จนดวงตาที่กลมโตหยีลงอย่างน่ารัก“อะฮึ่ม!” สตรีตรงหน้ายามยิ้มขบขำเช่นนี้ ช่างน่าเอ็นดูนัก ทั้งที่นางมิได้งามล่มเมือง รูปร่างก็มิได้เอวบางร่างน้อยอย่างสตรีงามผู้อื่น ทว่าส่วนเว้นส่วนโค้งกลับดึงดูดสายตาให้จับจ้อง มิรู้เบื่อ“ถึงแล้วเจ้าค่ะ”“อืม เจ้าออกไปรอด้านนอกก็ได้ ข้าจำทางได้แล้ว”“ท่านปวดหนักหรือ คึๆ” ท่าทีป้องปากกระซิบ พร้อมกับสายตาที่หยอกล้อ ทำเอาหวังหย่งถึงกับหน้าตึง แต่ยังมิทันได้เอ่ยเตือน อีกฝ่ายก็หนีหายไปเสียก่อนหวังหย่งเข้าไปในห้องสุขาเพียงชั่วครู่ ก็เดินย่องออกมา ดวงหน้าคมหันซ้ายหันขวา เพื่อดูให้แน่ใจว่ามิมีผู้ใดอยู่บริเวณนี้ ร่างสูงรีบเดินไปยังห้องตำราของเรือนหากว่าจะหาเอกสารสำคัญ ย่อมต้องหาในห้องตำราเป็นที่แรก“ท่านแม่ทัพทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ” ยังไม่ทันที่หวังหย่งจะเปิดเข้าไปใน
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่เหิง ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ” หลี่น่ายื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างของรถม้าคันหรู ทั้งยังโบกไม้โบกมือให้ครอบครัว ที่กำลังกวาดลานหน้าเรือนอยู่เกวียนขนของและรถม้าคันหรู เคลื่อนเข้ามาจอดในลานกว้างหน้าเรือนสกุลเหอ เข่อซิงเองก็นึกแปลกใจที่บุตรสาวนั่งรถม้าเข้ามา ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปากถาม เจ้าของรถม้าก็ปรากฏกายขึ้น“มะ แม่ทัพใหญ่! บุตรสาวข้าไปสร้างเรื่องเดือดร้อนหรือ”“ท่านแม่ทัพโปรดอภัยด้วยเจ้าค่ะ” สองสามีภรรยาต่างก้มคำนับต่อแม่ทัพใหญ่ของแคว้นอย่างหวาดกลัว หลี่น่าได้แต่ยืนงงกับท่าทางของบิดาและมารดานางมิได้ทำสิ่งใดผิดเสียหน่อย“ท่านพ่อท่านแม่ ข้ามิได้สร้างเรื่องนะเจ้าคะ”“เจ้าเงียบเสีย ท่านแม่ทัพโปรดเห็นใจนางเถิดขอรับ น้องสาวข้าผู้นี้ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมามาก รอดตายมาได้ก็จดจำสิ่งใดมิได้ แม้แต่นามของตน ไหนจะพูดจากพิลึกพิลั่นนี่อีก เห็นแก่ว่านางวิปลาสเถิดขอรับ”“โอ้ยยยย พี่เหิงคิดว่าข้าบ้าหรือ แม่ทัพจ้าว! ท่านพูดสิ่งใดบ้างเถิด”“ท่านเหอ ฮูหยิน คุณชาย ข้าเพียงนำไหและจอกสุราที่คุณหนูเหอต้องการมาให้เท่านั้น” เสียงนิ่งทรงพลัง ทำให้คนสกุลเหอทั้งสาม หยุดโวยวายลงได้ แต่มิวายหันมาหาหลี่
“ข้าทำเรื่องดีเจ้าค่ะ เอ่อ…ข้าจะเปิดร้านสุราหวานเจ้าค่ะ” มือขาวยกขึ้นมาป้องปาก กระซิบกระซาบเสียงเบา มิให้ผู้อื่นได้ยิน“เช่นนั้นหรือ เอาไว้ข้าจะส่งไปให้ที่เรือนเจ้า”“ประเดี๋ยวเจ้าค่ะ ข้าขอไปเลือกเองได้หรือไม่ นะ นะ ข้าจะได้เลือกเอาแค่ที่จำเป็นอย่างไรเจ้าคะ” เพราะเคยชินกับการอยู่ใกล้ชิดกับบิดาและพี่ชาย หลี่น่าจึงเผลอเกาะแขนแกร่งเสียแน่น ทั้งยังส่งสายตาออดอ้อน จนคนมองเสียอาการ“อะแฮ่ม! เช่นนั้นก็กลับเรือน ฮุ่ยหวง…” เพียงแค่สายตาที่ส่งมา ก็ทำให้รองแม่ทัพเข้าใจอย่างถ่องแท้ จึงได้แยกตัวออกไปอีกทางหวังหย่งพาหลี่น่าและเอินเอินมาที่เรือนของตน ก่อนจะพาไปเลือกไหสุราและจอกสุราตามที่หญิงสาวต้องการ ยังดีที่วันนี้ท่านย่าของเขาไม่อยู่เรือน หากไม่แล้ว คงต้องเอ่ยอธิบายเสียยาวเหยียดเป็นแน่“เจ้าเลือกเอา อยากได้อันใดก็บอกบ่าวไพร่” หวังหย่งให้บ่าวไพร่เปิดหีบไม้ที่ใช้เก็บจอกสุรา ให้หญิงสาวดู“นี่…เหมือนของใหม่เลยนะเจ้าคะ” ทั้งลวดลายและรูปลักษณ์ของจอกสุรา ไม่แตกหักหรือมีรอยร้าวสักนิด“เอาไปเถิด เรือนข้ามีมาก มิได้ใช้งาน จนต้องนำมาเก็บที่ห้องเก็บของนี่อย่างไรเล่า”“อ่า~ มิใช่ว่าพึ่งให้คนไปซื้อมาใหม่ เพื่อ
เช้าวันรุ่งขึ้นหลี่น่าลุกขึ้นมาออกกำลังกายตามปกติ ก่อนจะมาท่านมื้อเช้าและไปจัดการเรื่องการขนน้ำผลไม้ไปไว้ในห้องใต้ดิน ด้วยมิอยากจ้างคนงานมาจัดการ หลี่น่ากับเอินเอิน จึงจัดการขนไหน้ำผลไม้ยังไม่เน่าเสียมาไว้ในห้องใต้ดินด้วยตนเอง“เห้อ! กว่าจะเสร็จ เล่นเอาเหนื่อยแทบแย่”“จริงเจ้าค่ะ แหะๆ”“ทนเอาหน่อยนะเอินเอิน หากว่าเราขายสุราหวานได้ดีตามที่คาดไว้ ครอบครัวเราก็จะมีกินมีใช้ มีเงินไว้จ่ายหนี้สินที่ติดค้างอยู่” หลี่น่าลูบศีรษะเล็กของคนสนิท“บ่าวทนไหวเจ้าค่ะ สงสารก็แต่พวกท่าน ที่ต้องมาลำบากเช่นนี้”“อย่าคิดอันใดให้มากความเลย ข้าว่าเราไปทำมื้อเที่ยงไว้รอทุกคนเถิด ช่วงบ่ายเราจะต้องออกไปหาภาชนะใส่สุราหวานของเราเสียที” ว่าแล้วสองนายบ่าวก็พากันเข้าครัว แม้ว่าหลี่น่าจะทำสิ่งใดไม่เป็น แต่ก็พอช่วยหยิบจับนู่นนี่ได้..“เราจะเริ่มจากที่ใดก่อนดีเจ้าคะ” หลังจากทานมื้อเที่ยง หลี่น่าก็ขออนุญาตบิดามารดาออกมาหาไหและจอกสุราเก่า“ข้าจะลองไปถามโรงน้ำชาดูก่อน” หากว่าไปถามร้านขายสุรา แล้วเรานำไหเหล่านั้นมาขายสุราแข่งกับเขา มันดูน่าเกลียดเกินไปหน่อย“เถ้าแก่เจ้าคะ ที่ร้านพอจะมีไหหรือจอกชาเก่าที่ไม่ใช้แล้วหรือไม่
หลังจากที่ขอให้ท่านลุงเหวินจงหมักสุราไว้ให้ หลี่น่าก็กลับมาพักที่เรือนอย่างสบายใจกับผีน่ะสิ!นับจากที่ตัดสินใจว่าจะนำสุราหวานไปวางขาย หลี่น่าก็ไม่ได้หยุดพักหายใจเลยแม้แต่น้อย ทั้งเรื่องเครื่องมือเครื่องใช้ ทั้งเรื่องวิธีการทำ ก็มีปัญหาเข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน“จะทำอย่างไรดีเจ้าคะคุณหนู” หลี่น่ากำลังตักชิมน้ำผลไม้ที่นางคั้นเอาไว้เมื่ออาทิตย์ก่อน ก็พบว่าน้ำเหล่านั้นทำท่าคล้ายจะเน่าเสีย รสชาติและกลิ่นต่างแปลกไป“เพราะไม่มีตู้เย็น เลยเป็นเช่นนี้”“เอ่อ อันใดคือตะ ตู้เย็นเจ้าคะ”“เป็นที่ที่เย็นมากๆ ใช้เก็บของมิให้เน่าเสียน่ะ” หลี่น่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ เสียดายน้ำผลไม้ที่คั้นไว้ เห็นทีจะต้องทิ้งแล้วทำใหม่“…”“นำไหที่เสียไปทิ้งเถิด แล้วคั้นใหม่ ข้าจะลองไปถามท่านพ่อดูว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร” ครอบครัวของนางเป็นสกุลพ่อค้า คงจะมีวิธีการเก็บสินค้าให้สดใหม่อยู่เสมอ“ได้เจ้าค่ะ” แม้เอินเอินจะเสียดายมากเท่าใด แต่ก็จำใจต้องเทน้ำผลไม้พวกนั้นทิ้ง..หลังจากครอบครัวสกุลเหอทานมื้อเย็นเสร็จ ก็พากันมานั่งเล่นพูดคุยกันที่ศาลาหลังเรือน เป็นโอกาสให้หลี่น่าได้ถามไถ่วิธีแก้ปัญหากับบิดา“ท่านพ่อเจ้าคะ ข้าติดปัญหาเจ
ทั้งกลิ่นและรสชาติ แตกต่างจากสุราที่ขายในโรงสุรายิ่งนัก กลิ่นของสาโทที่ท่านลุงเหวินจงหมักเอง จะมีกลิ่นหอมของข้าว แต่ก็ได้กลิ่นเปรี้ยวที่เกิดจากการหมักดองเช่นกัน“รสชาติดีกว่าสุราที่ข้าดื่มนัก”“แท้จริงแล้วสุราที่คุณชายดื่มก็ทำเช่นนี้เหมือนกันขอรับ แต่เขาจะเอาไปเข้าเครื่องกลั่น เพื่อจะได้เก็บไว้นาน ซึ่งรสชาติก็จะเปลี่ยนไปด้วย”“จริงสิ ท่านลุงพาข้าไปดูผลไม้ที่ส่งขายไม่ได้ทีเถิด” หลี่น่าอยากลองผสมน้ำผลไม้กับสาโทเต็มที อยากรู้ว่ารสชาติจะออกมาเป็นดังที่นางคาดไว้หรือไม่“ทางนี้เลยขอรับ” เดินแยกออกไปไม่นาน ก็พบกับกองผลไม้ที่ไม่สามารถส่งขายได้ บ้างก็เน่าเสีย บ้างก็ลูกเล็กเกินไปหลี่น่าเดินเข้าไปคัดเลือกผลที่ยังพอจะนำมาคั้นน้ำได้ นางเลือกผลส้มมาเกือบยี่สิบลูก ใช้มีดหั่นครึ่งส้มแต่ละผล แล้วจึงบีบคั้นน้ำออกมา“ข้าขอสาโทสักจอกเถิด” มือขาวรับเอาสาโทมาผสมกับน้ำส้มที่ตนเองคั้นสดเอาไว้ ก่อนจะใช้ตะเกียบแตะเพื่อชิมทุกการกระทำของหญิงสาวตกอยู่ในสายตาของเหิงเยว่ เอินเอิน และเหวินจงทั้งหมด“เจ้าเชี่ยวชาญนัก” หลี่น่าเพียงยกยิ้มให้พี่ชาย แล้วเลือกผลส้มมาคั้นเพื่อผสมกับสาโทให้ครบทุกคน กว่าจะทำได้ในปริมาณที่ม







