“แล้วเธอคิดว่ามันเป็นเพราะอะไรล่ะ” เขาเอียงคอเล็กน้อย จ้องมองเธออย่างจริงจัง...จริงจังมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
“ฉัน...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” เธอเม้มริมฝีปากล่างของตัวเองแน่น ก่อนจะค่อย ๆ ขยับตัวลุกออกจากตักของเขาอย่างเชื่องช้า “แล้ว...แล้วพี่อยากจะไปที่ห้องของฉันไหมคะ” เธอเอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา เอื้อมมือลงไปสัมผัสจับมือของเขาเอาไว้ แววตาที่ส่งไปนั้นมันช่างชัดเจนในความปรารถนาเสียเหลือเกิน
“ห้องของเธองั้นเหรอ”
“ค่ะ” เธอจ้องมองเขาอย่างไม่คิดจะปิดบังความรู้สึกที่ร้อนแรงอยู่ในดวงตาอีกต่อไป ซ่งจื่อหานเสยผมที่ปรกอยู่หน้าผากขึ้นอย่างยั่วยวน แล้วก็ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เสนอตัวให้กับเขาอย่างเต็มใจ “แล้วฉันก็ยังมีกุญแจมือรออยู่ในห้องด้วยนะคะ”
“กุญแจมือ?” เขาทวนคำพูดของเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองไปที่ใบหน้าของเธอเขม็งอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับว่ากำลังจะซึมซับทุกคำพูดและก็ทุกความหมายที่เธอกำลังจะเสนอให้
ทันใดนั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นทำลายความเงียบสงัด เธอเห็นเขารีบหยิบมันขึ้นมาดู ขมวดคิ้วมุ่นเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะลุกพรวดขึ้นยืนเต็มความสูง วางโทร
“อะไรนะคะ? เรื่องที่ฉันคุยเล่นกับกู้เทียนอี้เหรอคะ?”“ไม่ใช่ ยัยบ๊อง” เขาเปิดคอนโซลกลางรถแล้วหยิบชุดปฐมพยาบาลออกมา “เธอในชุดชั้นในต่างหาก”“ฉันในชุดชั้นในเหรอคะ” เธอหอบหายใจแล้วมองขณะที่เขาดึงขากางเกงเธอขึ้นอีกครั้งเพื่อทำความสะอาดแผล“ใช่ นั่นคือทั้งหมดที่ฉันคิดถึงมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา”“พี่กล้าพูดมากเลยนะคะ” เธออ้าปากค้างเมื่อเขาทายาฆ่าเชื้อลงบนเข่าเธอ“ทำไมล่ะ” เขามองลึกเข้าไปในดวงตาเธอขณะที่นิ้วเขาลูบไล้ผิวเธอ“ก็เพราะ...”“เพราะอะไร”“ก็แค่เพราะ” เธอครางออกมาเมื่อริมฝีปากเขาเข้ามาใกล้อย่างอันตราย “พี่กำลังทำอะไรคะ”“เธออยากให้ฉันทำอะไรล่ะ”“พี่เฮ่าชวน” เธอครางออกมา เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วถอยกลับไป“ฉันนึกว่าเธอชอบจูบฉันซะอีก”“ฉันไม่เข้าใจพี่เลย พี่เฮ่าชวน” ซ่งจื่อหานมองขณะที่ชายหนุ่มติดพลาสเตอร์ยาบนเข่าเธอแล้วก้มลงจูบมัน“เสร็จแล้ว” เขาพูดแล้วมองเธอ “เธออยากเข้าใจอะไรล่ะ”“รอยบนข้อมือของคุณลี่ซาคืออะไรคะ” เธอถามเร็ว คำพูดหลุดออกจากปากก่อนที่เธอจะทันได้หยุดมัน“รอยบนข้อมือของล
“โอ๊ย ไม่นะ!” หญิงสาวอุทานในใจ เธอกัดฟัน ทิ้งตัวสุดเหยียด แขนเอื้อมออกไปข้างหน้า ไม้แบดในมืองัดลูกขนไก่ขึ้นอย่างสุดกำลัง หวังเพียงให้มันข้ามตาข่ายและตกลงในเส้นเขตแดน“ลง!” เธอตะโกนลั่นสุดเสียงด้วยความดีใจระคนโล่งอก เมื่อเห็นลูกขนไก่สีขาวลอยละลิ่วข้ามตาข่ายไปตกในฝั่งตรงข้ามอย่างพอดิบพอดี แต้มนี้เป็นของเธอ! ชัยชนะเป็นของทีมเธอ! ทว่าด้วยแรงส่งจากการพุ่งตัวสุดเหยียด ทำให้ร่างบางเสียหลักล้มลงไปบนพื้นคอร์ตอย่างแรง น้ำตาและเหงื่อไหลปะปนกันอาบสองแก้ม“หลบหน่อย จื่อหาน!” เสียงทุ้มของฉู่เฮ่าหรานดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงของเขาที่พุ่งเข้ามาหมายจะรับลูกแต่ไม่ทันการณ์ ทำให้เขาก็เสียหลักถลาเข้ามาปะทะร่างเธอที่นอนอยู่บนพื้น“อะไรนะ?” ร่างกายของซ่งจื่อหานแข็งทื่อด้วยความตกใจระคนเจ็บปวด เมื่อร่างหนักอึ้งของฉู่เฮ่าหรานล้มทับลงมาบนตัวเธอเต็ม ๆ “โอ๊ย!” เธอร้องออกมาอย่างสุดกลั้น สรรพางค์กายที่เมื่อยล้าอยู่แล้วจากการแข่งขันอันดุเดือด บัดนี้ยิ่งปวดระบมไปทุกส่วน โดยเฉพาะหัวเข่าที่กระแทกพื้นอย่างแรง แถมหน้าท้องยังโดนเข่าของเขากระแทกซ้ำเข้ามาอีก! “โอ๊ยยย!” เธอครางออกมาอย่างเจ็บปวด ขณะที่เขา
ความรู้สึกใดเล่าจะดีงามเท่าการที่ใครคนนั้น คนที่แอบมีใจให้ เขาตอบรับความรู้สึกดี ๆ นั้นกลับมาทว่าความสุขนั้นอาจเป็นรองลงมาเสียหน่อย เมื่อมีชายอีกคนหนึ่งมอบหัวใจให้คุณ และนั่นก็ดันไปกระตุ้นต่อมความหึงหวงของชายคนแรกที่หมายปองแต่ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานั้น อาจพลิกผันกลายเป็นความรู้สึกที่เลวร้ายที่สุดในบัดดล หากดันเผลอใจไปชอบผู้ชายคนที่สองด้วยเหมือนกันไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่าการตกหลุมรักผู้ชายสองคนพร้อมกัน แล้วทั้งคู่ก็ดันมาชอบคุณตอบเสียด้วย!ซ่งจื่อหานรู้ซึ้งถึงสัจธรรมข้อนี้ดี แม้ในใจจะค้านว่าเรื่องราวมันอาจจะไม่ได้ซับซ้อนยืดเยื้อขนาดนั้น เธอเองก็ไม่แน่ใจนักหรอกว่าทั้งฉู่เฮ่าชวนและฉู่เฮ่าหรานจะชอบเธอจริง ๆ หรือเปล่า หรือแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่ได้ชอบทั้งสองคนอย่างแท้จริงเสียหน่อยคนหนึ่งนั้นใช่ เธอรักเขาจริง ๆ ส่วนอีกคน ก็แค่ทำให้รู้สึกดี ซึ่งนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะชอบเธอเสมอไปเสียเมื่อไหร่ เอาเข้าจริงแล้ว เธอก็ไม่รู้อะไรเลยสิ่งที่พอจะจับความได้ก็คือ ท่าทีของชายทั้งสองที่คอร์ตแบดมินตันวันนั้น มันเหมือนกับว่าพวกเขากำลังสนใจเธออยู่ไม่น้อย
ซ่งจื่อหานสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือที่สั่นเตือนอยู่ข้างหมอน เธอครางออกมาอย่างหัวเสีย ไม่ได้ตั้งใจจะเผลอหลับไปอีกรอบเลยสักนิด แค่อยากจะนอนพักเอาแรงแล้วก็คิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นสักครู่หนึ่งเท่านั้นเอง เธอคว้าโทรศัพท์ขึ้นมามองที่หน้าจอ แล้วหัวใจก็พลันกระตุกหยุดเต้นไปชั่วขณะฉู่เฮ่าชวนส่งข้อความมาหาเธอ!ฉู่เฮ่าชวน: ไงจื่อหาน ฉันแค่จะโทรมาเช็กดูให้แน่ใจว่าเธอโอเคดีอยู่รึเปล่าน่ะซ่งจื่อหาน: ฉันสบายดีค่ะ ขอบคุณมากนะคะเธอรีบพิมพ์ข้อความตอบกลับไปในทันที ขณะที่ลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง ใจหนึ่งก็อยากจะเอ่ยปากถามออกไปเหลือเกินว่าแล้วแม่สาวสวยเจิ้งลี่ซาของเขาไปไหนเสียล่ะ แต่ก็ไม่กล้าพอฉู่เฮ่าชวน: เมื่อคืนนี้พวกเรายังคุยกันไม่จบเลยนะ จำได้ไหมซ่งจื่อหาน: อ้อ...อย่างนั้นเหรอคะฉู่เฮ่าชวน: ใช่สิ แล้วพวกเราจะคุยกันต่อได้ไหมล่ะซ่งจื่อหาน: แล้วพี่ไม่ยุ่งเหรอคะช่วงนี้
อันที่จริงแล้วนะ ถ้าหากว่าเธอได้คบกับฉู่เฮ่าชวนอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ แล้วเขายังกล้าที่จะไปดูหนังกับยัยเจิ้งลี่ซาอีกคนล่ะก็ เธอจะอาละวาดให้บ้านแตกไปเลย เธอไม่ใช่คนที่จะมาเล่น ๆ กับเรื่องของความรัก และเธอก็ไม่มีวันที่จะยอมให้แฟนของตัวเองไปออกเดตกับผู้หญิงคนอื่นอย่างเด็ดขาด และใช่ เธอรู้ดีอยู่แล้วว่าเมื่อคืนนี้มันไม่ใช่เดตจริง ๆ จัง ๆ แต่เธอกับเขาก็จูบกันไปแล้ว และเธอก็ยังได้ไปนั่งอยู่บนตักของเขาอีกด้วย แถมเขาก็ยังแข็งตัวสู้มือเธอเสียด้วย เธอรู้สึกได้ถึงความปรารถนาของเขาที่กำลังดันดุนอยู่กับบั้นท้ายของเธอ และใช่ เธอพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะปลุกเร้าเขา แต่เธอก็ไม่ได้ทำให้เขาตื่นตัวสู้มือเธอเองทั้งหมดเสียหน่อยนะ เขามีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาด้วยตัวของเขาเองต่างหาก เธอรู้ดีอยู่แล้วว่าถ้าหากว่าฉู่เฮ่าชวนเกิดไปมีอารมณ์กับผู้หญิงคนอื่นในขณะที่คบกับเธออยู่ล่ะก็ ความสัมพันธ์ของพวกเธอมันก็คงจะจบเห่ลงตรงนั้นอย่างแน่นอน“ฉัน...ฉันก็จำไม่ค่อยได้แล้วล่ะค่ะ” เธอตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อยลง แล้วก็ก้มหน้าลงงุด รู้สึกผิดขึ้นมาจับใจอย่างไม่มีสาเหตุทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ดูดีและก
“อยู่นี่เองหรือคะที่รัก” เสียงหวานใสดุจระฆังแก้วดังขึ้นขัดจังหวะที่ข้างกายของทั้งสองคน ซ่งจื่อหานเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยความตกใจสุดขีด และภาพที่เธอได้เห็นก็คือ...ยัยเจิ้งลี่ซานั่นเอง! ที่กำลังยืนส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มอยู่ตรงนั้น ตัวเป็น ๆหล่อนมาทำอะไรที่นี่กันเนี่ย!“ลี่ซา!” ฉู่เฮ่าชวนอุทานออกมาด้วยความดีใจ เขารีบลุกพรวดขึ้นยืนในทันที ใบหน้าที่เคยเคร่งขรึมเมื่อครู่พลันเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่สดใสเปี่ยมสุขอย่างแท้จริง“ขอโทษด้วยนะคะที่ฉันมาช้าไปหน่อยน่ะค่ะ” หล่อนทำจมูกย่นใส่เขาอย่างน่ารัก และแม้แต่ซ่งจื่อหานเองก็อดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้ที่ต้องยอมรับว่าท่าทางนั้นของหล่อนมันช่างดูน่าเอ็นดูจริง ๆ“คุณไม่ได้มาสายเลยสักนิดครับ คุณมาตรงเวลาพอดีเป๊ะต่างหากล่ะ” เขาพูดพลางสวมกอดหล่อนอย่างรวดเร็ว แล้วก็ประทับจูบเบา ๆ ที่ข้างแก้มอย่างสนิทสนม ซ่งจื่อหานอยากจะปล่อยโฮออกมาดัง ๆ เมื่อได้เห็นภาพที่บาดตาบาดใจของคนทั้งคู่ ที่ดูเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก “ลี่ซาครับ ผมอยากจะให้คุณได้รู้จักกับจื่อหาน เธอเป็นเพื่อนสนิทของลี่เหยียนน้องสาวของผม” เขาพยักหน้ามาทางเธอเป็นเชิงแนะนำ