LOGINอีกด้าน
วันนี้ทิวเขาถูกเพื่อน ๆ รบเร้าให้มาทานข้าวที่โรงอาหารคณะแพทย์ และเหตุผลที่ไอ้สามตัวนี้มันอยากมาก็ไม่มีอะไรมากนอกจากมาส่องสาว เมื่อเช้ามีเพื่อนในสาขามาป่าวประกาศว่านักศึกษาแพทย์ปีนี้มีแต่คนแจ่ม ๆ การันตีจากคนที่ไปแอบส่องมาหมดแล้วทุกคณะ
นอกจากมาดูสาวก็ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ไอ้สามตัวมันอยากมา นั่นก็คืออยากเห็นหน้าน้ำหวานโดยเฉพาะวายุ ดูเขาจะอยากรู้อยากเห็นกว่าคนอื่น
แม้ทิวเขาจะไม่ค่อยอยากมาสักเท่าไหร่ แต่พอขัดใจพวกมันก็หาว่าเขามีพิรุธ สุดท้ายเลยต้องยอมมา
ร่างสูงของสี่หนุ่มต่างคณะเป็นที่ต้องตาต้องใจบรรดาสาว ๆ เสียงพูดคุยเกรียวกราวดังขึ้นตามหลังเวลาพวกเขาเดินผ่าน ในมหาวิทยาลัยนี้ไม่มีใครไม่รู้จักตำนานคิงวิศวะ หนุ่มหล่องานดีดีกรีแต่ละคนไม่ธรรมดา คนหนึ่งก็ลูกนักธุรกิจ คนหนึ่งก็ลูกผู้มีอิทธิพล คนหนึ่งก็ลูกเจ้าของรีสอร์ตหลายพันไร่ที่เขาใหญ่ ส่วนอีกคนมีเสียงเล่าลือกันว่าเขาเป็นทายาทมาเฟีย
“อย่างที่ไอ้เต้พูดไม่มีผิดเลย เด็กแพทย์ปีนี้มีแต่คนแจ่ม ๆ เห็นแล้วอยากป่วยเลยว่ะ”
คนเจ้าชู้ประตูดินพูดขึ้นหลังจากเหยียบย่างเข้ามาในโรงอาหารต่างคณะ นัยน์ตาสีน้ำตาลของหนุ่มลูกครึ่งไทยนอร์เวย์หันซ้ายหันขวาอย่างตื่นตาตื่นใจ นักศึกษาแพทย์ปีนี้มีแต่เด็ด ๆ ทั้งนั้น
เห็นแล้วรู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจชะมัด
เจ้าขุนเดินตามหลังถึงกับกุมขมับ ก่อนจะสะกิดคนเก็บอาการไม่อยู่ให้นิ่งเข้าไว้เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าจะหาว่าพวกเขาเป็นพวกหื่นกาม
“เบา ๆ ดิวะไอ้ห่า”
“มึงก็ดูดิแม่งมีแต่ขาว ๆ สวย ๆ ทั้งนั้น ทำไมวิด-วะไม่มีแบบนี้บ้างวะ”
ในขณะพวกเพื่อนเอาแต่สนใจสาว ๆ ที่เดินสวนไปสวนมา นัยน์ตาคมก็กวาดมองไปจนทั่วโรงอาหารเพื่อมองหาร้านข้าวที่อยากกิน ตอนนี้ทิวเขารู้สึกหิวข้าวจนแสบท้องไปหมดไม่มีอารมณ์มาเหล่สาวเหมือนพวกมันหรอก
เมื่อเจอร้านที่ถูกใจเขาก็เดินมุ่งไปไม่รอเพื่อน ก่อนสองเท้าจะหยุดชะงักอัตโนมัติราวกับถูกสาปให้หยุดอยู่กับที่ เมื่อดวงตาคู่คมสะดุดเข้ากับใครบางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าร้าน
ยัยน้ำหวานกำลังยืนต่อแถวซื้อข้าวโดยมีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลัง เหมือนว่าทั้งคู่จะรู้จักกันเพราะเห็นไอ้นั่นมันชวนเธอคุยไม่หยุด
มาเรียนวันแรกก็มีผู้ชายเดินตามต้อย ๆ ซะแล้ว เสน่ห์แรงเหลือเกินนะแม่คุณ
“ไปดิ มึงหยุดทำไมเนี่ย”
ออสตินชะงักตามคนด้านหน้าที่จู่ ๆ ก็หยุดเดินแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ก่อนที่สามหนุ่มจะจ้องหน้าทิวเขาด้วยความสงสัยเพื่อนของเขากำลังมองใครถึงได้หยุดนิ่งอย่างนั้น
จากนั้นดวงตาสามคู่ก็หันไปมองตามเพื่อน
“ว้าว ตาถึงนะมึงเนี่ย”
ออสตินพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าทิวเขาเอาแต่มองหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งกำลังต่อแถวซื้อข้าว
“แต่เหมือนจะมีเจ้าของแล้วว่ะ”
สิ้นเสียงวายุเจ้าของใบหน้าถมึงทึงก็ก้าวฉับ ๆ มุ่งหน้าไปยังร้านข้าว ร่างสูงหยุดอยู่ด้านหลังหญิงสาวขณะที่เธอกำลังยืนรอจ่ายตังค์ สบโอกาสตอนน้ำหวานหันกลับมายืนดักหน้าเธอเอาไว้
ใบหน้าสวยแหงนมองสบตาแล้วพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ เท้าเล็กขยับหนีไปอีกทางแต่เขาก็ยังตามไปยืนขวางเธออีกครั้ง
เขาจงใจแกล้งเธอชัด ๆ
“มีอะไรรึเปล่า”
มิวสิคมองหน้ารุ่นพี่ต่างคณะแล้วเอ่ยถามเพื่อนสาว เขาเป็นนักศึกษาใหม่จึงไม่รู้จักกลุ่มของทิวเขาแม้แต่คนเดียว
“ไม่มีอะไรหรอก ไปกันเถอะ”
ว่าจบน้ำหวานก็เดินเลี่ยงออกไปไม่สนใจคนที่กำลังมองตามหลังอย่างหาเรื่อง ทิวเขารู้สึกโกรธเคืองที่เธอทำเป็นไม่สนใจแถมยังเดินหนีทั้งที่เมื่อเช้ายังติดรถเขามามหาวิทยาลัยแท้ ๆ
ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ
“ทำเชี่ยอะไรของมึงเนี่ย”
ออสตินถามพลางดันไหล่เพื่อนเบา ๆ เขาไม่เข้าใจการกระทำของทิวเขาเลยสักนิด ตอนแรกคิดว่าเพื่อนสนิทถูกใจรุ่นน้องต่างคณะเสียอีก ที่ไหนได้กลับกลายเป็นว่าจะหาเรื่องรุ่นน้องซะงั้น
นอกจากไม่ตอบเขายังเดินไปสั่งข้าวหน้าตาเฉย
“ผมเอาอันนี้แล้วก็อันนี้ครับ”
ชี้นิ้วสั่งกับข้าวหน้าตาน่าทานสองอย่าง หลังจากได้ข้าวทิวเขาก็เดินไปจ่ายเงิน ก่อนจะเดินถือจานข้าวไปนั่งตรงโต๊ะซึ่งไม่ไกลจากโต๊ะของน้ำหวานมากนัก
เขาตักข้าวเข้าปากพลางมองสองคนตรงหน้าที่กำลังพูดคุยกันอย่างถูกคอ มองรอยยิ้มหวาน ๆ ที่ส่งให้ไอ้หน้าอ่อนนั่นด้วยความหมั่นไส้
ทีตอนอยู่กับเขาเธอไม่เห็นจะยิ้มอย่างนี้เลย
วายุถือจานเข้ามานั่งลงด้านข้าง โดยมีออสตินและเจ้าขุนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม สามหนุ่มมองตามเพื่อนสนิทด้วยความสงสัย
“ถ้ากูเดาไม่ผิดผู้หญิงคนนั้นก็คือน้ำหวานใช่ป้ะ”
เมื่อเห็นท่าทางแปลก ๆ ของเพื่อนวายุจึงลองเดา และเขาก็มั่นใจว่าไม่ผิดไปจากที่คิดไว้
“น้ำหวาน?”
ออสตินและเจ้าขุนอุทานขึ้นมาพร้อมกัน สองหนุ่มหันขวับไปมองหน้าคนที่เพื่อนพร่ำพูดว่าเกลียดนักเกลียดหนาด้วยความแปลกใจ ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงหน้าตาน่ารักขนาดนี้ทิวเขายังเกลียดได้ลงคอ
“เออ”
คนหน้านิ่งเอ่ยตอบห้วน ๆ พลางกระแทกช้อนส้อมลงบนจานข้าวอย่างไม่สบอารมณ์ ไม่รู้ว่าโมโหที่เห็นหน้าเธอหรือโมโหอะไรอยู่ แต่ที่รู้ ๆ คือพอเห็นหน้ายัยน้ำหวานทีไรก็รู้สึกคลื่นไส้ กินอะไรไม่ลงทุกที
“น่ารักขนาดนี้มึงเกลียดลงได้ไงวะ”
ออสตินหันไปมองหญิงสาวอีกครั้งแล้วเอ่ยชมไม่หยุดปาก ก่อนจะหันมามองหน้าคนที่พูดปาว ๆ ว่าเกลียดเธอแต่อาการตอนนี้เหมือนคนกำลังโมโหหึงมากกว่า
“เอาดี ๆ มึงเกลียดหรือมึงชอบกันแน่ กูเห็นมึงจ้องตาไม่กะพริบเลย”
“กูก็ว่างั้นแหละ” เจ้าขุนเห็นด้วยกับออสติน
“เกลียดหรือชอบก็คงไม่สำคัญหรอก ดูท่าเหมือนว่าน้องมันจะไม่ได้สนใจมึงสักเท่าไหร่”
วายุว่าพลางไหวไหล่ทำทีเป็นไม่สนใจ ก่อนจะบอกให้เพื่อนอีกสองคนตั้งใจทานข้าว แล้วปล่อยให้ทิวเขาหงุดหงิดงุ่นง่านไปคนเดียว
ตอนเย็น
ช่วงแรก ๆ ของการเป็นนักศึกษาใหม่นอกจากการเรียนยังต้องทำกิจกรรมรับน้อง หลังเลิกเรียนน้ำหวานจึงต้องไปเข้าประชุมกับพวกรุ่นพี่ที่ลานกิจกรรมหน้าตึกคณะ
ดีหน่อยตรงที่กิจกรรมรับน้องของคณะแพทยศาสตร์ไม่ได้มีอะไรมากนักนอกจากแนะนำตัวกับร้องเล่นเต้นรำเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำกิจกรรมนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่นานรุ่นพี่ก็ปล่อยให้รุ่นน้องกลับบ้าน
ร่างเล็กเดินเข้าซอยบ้านเพียงลำพังหลังลงจากรถเมล์ แม้จะเป็นช่วงเวลาใกล้ค่ำซึ่งตะวันยังไม่ทันพ้นขอบฟ้าทว่าถนนหนทางกลับเงียบสงัด เดินคนเดียวทำให้รู้สึกเสียวสันหลังวูบวาบวังเวง
แล้วในซอยนี้ก็มีแต่บ้านคนรวย บ้านแต่ละหลังปลูกสร้างเว้นห่าง กว่าจะเดินผ่านพ้นเขตบ้านแต่ละหลังได้ก็เล่นเอาหอบแฮ่ก ๆ
ทว่าระหว่างที่เท้าเล็กกำลังเดินจ้ำอ้าวอย่างเร่งรีบ เสียงบีบแตรจากรถคันหนึ่งก็ดังสนั่นลั่นขึ้น หญิงสาวตกใจสะดุ้งโหยงจนเซถลาลงไปข้างทาง
รถคันหรูแล่นผ่านไปอย่างฉิวเฉียดดูก็รู้ว่าเขาจงใจแกล้งเธอ
“ฮ่ะ ฮ่า”
ทิวเขาชะลอรถเล็กน้อยเพื่อชื่นชมผลงานของตัวเอง ก่อนจะหัวเราะร่าอย่างถูกอกถูกใจนักหนาเมื่อเห็นใบหน้าเหลอหลาของน้ำหวาน จากนั้นก็เร่งเครื่องขับหนีโดยไม่ได้สนใจจะรับเธอขึ้นรถไปด้วย
หลังจอดรถนิ่งสนิท ร่างสูงก็เดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีเข้าบ้าน ทว่าต้องหยุดชะงักทันทีเมื่อสบตากับคนที่นั่งกอดอกอยู่ตรงโซฟารับแขก
“สวัสดีครับ...แม่”
เขากลืนน้ำลายก้อนหนืดขณะทักทายผู้เป็นแม่ ก่อนจะยิ้มแหยแล้วเดินเข้าไปนั่งด้านข้าง โอบกอดร่างบอบบางที่กำลังมองเขาราวกับกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“แม่โทรไปทำไมไม่รับ”
“ก็ตอนนั้นกำลังเรียนอยู่จะรับได้ยังไงล่ะครับ”
“แล้วทำไมไม่โทรกลับ ส่งข้อความไปก็ไม่อ่าน”
“วันนี้มันยุ่งจริง ๆ ครับ”
“ยุ่งหรือไม่อยากรับโทรศัพท์แม่กันแน่”
“ยุ่งสิครับ ใครจะกล้าไม่รับโทรศัพท์ของคุณแม่คนสวยล่ะ”
คนเจ้าเล่ห์มักสรรหาคำโกหกมาแก้ตัวอยู่เสมอ ไม่ว่าจะทำผิดแค่ไหนคนอย่างทิวเขาก็หาทางเอาตัวรอดจนได้ สุดท้ายผู้เป็นแม่ก็แพ้ลูกอ้อนของลูกชายตัวดี
อีกด้านหลังรถซูเปอร์คาร์คันงามจอดนิ่งที่ลานจอดรถของคอนโด ร่างสูงก็อุ้มแฟนสาวลงจากรถแล้วพาเข้าไปในลิฟต์ เมื่อประตูลิฟต์ปิดสนิทริมฝีปากจิ้มลิ้มก็ถูกประกบทันที ทำราวกับว่าอยู่ในห้องส่วนตัวทั้งที่ยังอยู่ในลิฟต์“อื้อ~”มือบางตีลงที่หัวไหล่ของเขาพร้อมกับครางท้วง ทิวเขาผละริมฝีปากออกมาแล้วยิ้มขำน้ำหวานทำตาเขียวปั้ดใส่คนที่ชอบทำอะไรตามใจตัวเองประตูห้องยังไม่ทันปิดสนิทริมฝีปากหนาก็ประทับลงบนริมฝีปากบาง ลิ้นร้อนผ่าวสอดแยงเข้าไปในโพรงปากนุ่มแล้วดูดเม้มปลายลิ้นเล็ก ส่งเรียวลิ้นไปเซาะซอนจนทั่วทุกมุม จูบแลกลิ้นเกี่ยวกระหวัดจนชุ่มฉ่ำไปทั่วปาก จากนั้นเขาก็วางร่างเล็กให้ยืนบนพื้นมือหนาลูบไล้ไปตามเรือนร่างบางพลางถอดเสื้อผ้าที่หญิงสาวสวมใส่ น้ำหวานเองก็ไม่น้อยหน้าจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ของชายหนุ่มออกเช่นกันนัยน์ตาคมจ้องมองเรือนร่างงดงามที่อยู่เบื้องหน้าด้วยอารมณ์ปรารถนา มือหนาเคลื่อนไล้ไปตามผิวกายขาวผ่องอย่างผะแผ่วขณะดันร่างเล็กไปจนชิดกับฝาผนังจากนั้นก็พรมจูบไปตามซอกคอระหง ขณะที่มือข้างหนึ่งเคล้นคลึงตรงสะโพกมน ส่วนมืออีกข้างทำหน้าที่ปลุกเร้าตรงสองเต้าเต่งตึงลมหายใจผ่าวร้อนเป่ารดลงบนลำคอขา
“จะพากันไปไหนเหรอลูก”เสียงผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกชายซึ่งกำลังถือกระเป๋าสะพายเดินตามแฟนสาวลงมาจากชั้นสองของบ้านน้ำหวานนั่งลงบนโซฟาแล้วเป็นคนตอบคำถามแทนชายหนุ่ม“หวานก็ไม่รู้ค่ะ พี่ทิวเขาไม่ยอมบอกเลยค่ะว่าจะพาไปไหน”“อ้าว! จะพาน้องไปไหนทำไมไม่บอกน้องล่ะ”หันไปถามลูกชายตัวดีที่นั่งอยู่ด้านข้างหญิงสาวซึ่งตอนนี้กำลังทำท่าทางออเซาะเธอราวกับเป็นเด็กน้อยจนน่าหมั่นไส้ลูกชายสุดที่รักหันมาทางผู้เป็นแม่แล้วเอ่ยตอบ“บอกไม่ได้ครับมันเป็นความลับ”ผู้เป็นแม่ถอนหายใจเหนื่อยอกเหนื่อยใจก่อนจะตวัดมือไล่ไม่อยากสนใจ ปล่อยให้ทั้งคู่พากันไปเที่ยวตามประสาคนหนุ่มคนสาวหลังไหว้ลาทั้งคู่ก็เดินจูงมือกันไปที่รถ ทิวเขาเป็นคนคอยบริการเปิดประตูพร้อมทั้งคาดเข็มขัดนิรภัยให้น้ำหวาน จากนั้นเขาก็เดินอ้อมไปขึ้นทางฝั่งคนขับ ก่อนที่รถคันหรูจะเคลื่อนออกจากบ้านพาเธอไปยังสถานที่ที่เขานัดแนะเอาไว้กับเพื่อน ๆ@สนามแข่งรถวันนี้ที่สนามแข่งรถดูคึกคักเป็นพิเศษเพราะมีการจัดงาน รถหลายคันวิ่งวอร์มอยู่ในสนามโดยมีผู้ชมมากมายยืนรายล้อมอยู่บริเวณรอบ ๆหลังจอดรถทิวเขาก็เดินไปเปิดประตูให้น้ำหวาน หญิงสาวมีความวิตกกังวลอย่างบอกไม่ถูก ภาพความทร
“อ๊ะ~” ร่างเล็กสั่นสะท้านร้องเสียงครวญครางอย่างได้อารมณ์ สองมือที่บีบขยำเนินนมออกแรงหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆแม้จะรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ ทว่าความเสียวกลับมีมากกว่า น้ำหวานดิ้นพล่านขณะถูกดูดดึงสองเต้าอย่างหนักหน่วง ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนไซ้ขึ้นไปตรงซอกคอ ใช้ฟันขบเบา ๆ ตรงลำคอระหงด้วยความมันเขี้ยว น้ำหวานเสียดเสียวจนแทบจะขาดใจ มือสองข้างเลื่อนไล้ไปตามเรือนร่างบางจนมาถึงตรงกลางกายสาว ปลายนิ้วบดคลึงตรงจุดกระสันเสียวผ่านกางเกงชั้นในตัวบางจนน้ำรสหวานไหลเยิ้มออกมาเลอะเป้าเปียกแฉะ ร่างสูงหยัดกายคุกเข่าตรงกลางระหว่างขาเนียน มือหนาจับเรียวขาสวยอ้าออกขึ้นเป็นรูปตัวเอ็ม ปลายนิ้วเขี่ยตรงจุดกระสันเสียวจนแน่ใจว่าเปียกเยิ้มเต็มที่เขาก็แหวกเป้ากางเกงชั้นในไปไว้ด้านข้าง ดวงตาคู่คมจดจ้องไปยังร่องกลีบสีชมพู ก่อนจะยกมือขึ้นมาปาดเอาน้ำลายไปถูชโลมบนแท่งเนื้อลำเขื่องของตัวเอง มือหนาชัดรูดแกนกายลำใหญ่สองสามครั้ง จ่อส่วนปลายไว้ตรงปากร่อง จับปลายหยักถูไถตรงเม็ดติ่งเสียวเพื่อเพิ่มอารมณ์ซาบซ่านให้หญิงสาว “อ๊ะ~พี่ทิวเขา หวานไม่ไหวแล้ว ใส่เข้ามาเลยได้ไหมคะ
หลังพูดคุยและทานข้าวเที่ยงร่วมกันกับแม่ครูและน้อง ๆ ในบ้านเด็กกำพร้าน้ำหวานก็เอ่ยลาทุกคนเนื่องจากทิวเขาบอกเธอว่าจะพาไปยังที่ที่หนึ่ง ซึ่งเขาไม่ได้บอกว่าเป็นที่ไหนรถคันหรูวิ่งไปตามเส้นทางที่น้ำหวานค่อนข้างคุ้นเคย เธอรู้สึกสงสัยอยู่ในใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามจนในที่สุดรถคันงามก็มาจอดนิ่งที่หน้าบ้านไม้ทรงล้านนา“พี่ทิวเขาพาหวานมาที่นี่ทำไมคะ”“เดี๋ยวก็รู้ครับ”ชายหนุ่มลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูให้หญิงสาว เธอทำท่าเก้ ๆ กัง ๆ เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า“ลงมาเถอะน่า”หญิงสาวลงจากรถตามคำชวน ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบ ๆ อาณาบริเวณบ้านหลังใหญ่ที่เธอเคยอยู่อาศัยตั้งแต่เด็กจนโตแล้วหันมามองหน้าชายหนุ่มด้วยความสงสัยทิวเขายิ้มให้หญิงสาว“เข้าไปข้างในกันเถอะ”“เดี๋ยวค่ะ เราเข้าไปข้างในไม่ได้นะคะ บ้านหลังนี้ถูกขายเป็นของคนอื่นไปแล้ว”มุมปากหนากระตุกยิ้มบางเบา เขายกกุญแจบ้านหลังใหญ่ขึ้นมาโชว์ให้หญิงสาวดู“หมายความว่าไงคะ”“บ้านหลังนี้เป็นของน้ำหวานแล้วนะ”น้ำหวานยืนนิ่งแววตาเต็มไปด้วยฉงนสงสัย ไม่นานความสงสัยทุกอย่างก็คลี่คลายด้วยคำอธิบายของคนตรงหน้า“พี่รู้ว่าน้ำหวานรักบ้านหลังนี้มาก พี่ก็เลยซื้อบ้านหลังนี้ไว้”
หลังจากน้ำหวานโอนเงินค่าผ่าตัดไปให้แม่ครู ดินก็ได้เข้ารับการผ่าตัดในทันที การผ่าตัดเป็นไปด้วยดีเนื้อเยื่อของผู้บริจาคไตเข้ากันได้ดีกับดินเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นไม่นานดินก็ได้กลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า“หยุดยาวสามวันหวานจะขึ้นไปเยี่ยมนะคะ”เสียงน้ำหวานกำลังพูดคุยโทรศัพท์กับแม่ครูอยู่ตรงสนามหญ้าหน้าบ้านทิวเขาคอยเดินตามไม่ห่าง ความจริงเพราะอยากแอบฟังว่าเธอคุยกับใครมากกว่า[ดินต้องดีใจแน่ ๆ ที่รู้ว่าน้ำหวานจะมา]“แม่ครูอย่าเพิ่งบอกพี่ดินนะคะ หวานว่าจะไปเซอร์ไพรส์น่ะค่ะ”[จ้ะ แม่จะรูดซิปปากเอาไว้ให้แน่นเลยจ้ะ]“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้งคะ”[แม่ล้อเล่นจ้ะ เออ! น้ำหวานรู้เรื่องที่ทางญาติพ่อริวเขาประกาศขายบ้านแล้วใช่ไหม]คิ้วเรียวขมวดมุ่นหลังได้ยินแม่ครูพูด ความจริงก็พอรู้ว่าพวกญาติของพ่อริวอยากขายบ้านหลังนั้นจนเต็มแก่ น้ำหวานดูเศร้าลงทันทีจนคนที่ยืนอยู่ข้างกายสังเกตเห็น“หวานพอรู้ค่ะ” พูดเสียงสั่นน้ำเสียงของเธอทำให้คนปลายสายเป็นห่วง[โธ่! น้ำหวานไม่ต้องคิดมากนะลูก สิ่งของพวกนั้นมันเป็นของนอกกายไม่นานมันก็สูญสลาย ความทรงจำดี ๆ ต่างหากที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต]แม่คร
“น้ำหวานเดี๋ยวก่อน น้ำหวาน” ร่างสูงวิ่งกระหืดกระหอบตามร่างเล็กไปจนถึงหน้าลิฟต์ มือหนาเอื้อมจับข้อมือเล็กแล้วดึงรั้งเอาไว้ ใบหน้าสวยหันมามองหน้าเขาอย่างไม่พอใจ เรื่องความเป็นความตายใครให้เอามาล้อเล่น “ฟังฉันอธิบายก่อน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเธอน่ะ” “ทุกทีคุณก็พูดแบบนี้ สรุปคือไม่เคยมีเรื่องไหนที่คุณตั้งใจสักเรื่อง” เธอสาวพยายามสะบัดแขนออกจากคนเจ้าเล่ห์ ตั้งท่าจะเดินไปกดลิฟต์ทว่ากลับถูกคนตัวสูงดึงรั้งเอาไว้อีกครั้ง วงแขนแกร่งสวมเข้าที่เอวคอดแล้วกอดรัดร่างเล็กแนบกับลำตัว “ขอโทษ ยกโทษให้ความโง่ของฉันเถอะนะ ฉันโง่เองที่คิดอะไรตื้น ๆ แต่ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ฉันก็ไม่รู้สักทีว่าเธอรักฉันรึเปล่า” “คุณมันชอบเล่นกับใจคนอื่น เห็นความรู้สึกของหวานเป็นเรื่องล้อเล่นรึไง” “ฉันไม่ได้เห็นความรู้สึกของเธอเป็นเรื่องล้อเล่นนะน้ำหวาน ฉันรักเธอมากวันทั้งวันฉันอาการหนักเอาแต่เพ้อถึงเธอ คุณแม่ก็เลยโทรให้เธอมาดูใจฉันไง” จับร่างเล็กให้หันมาสบตากันหลังจากอธิบายเรื่องทั้งหมด “คุณมันเจ้าเล่ห์ที่สุดเลย” เธอทุบมือ







