บรรยากาศตอนตีสี่ ที่ทางรุ่นพี่จัดค่ายอาสานัดให้มาขึ้นรถที่ลานเกียร์ของคณะวิศวะ ทำเอาสามสาวหาวแล้วหาวอีก อย่าว่าแต่ตื่นตอนนี้เลย พวกเธอสามคนยังไม่เคยสัมผัสอากาศยามเช้าหกโมงด้วยซ้ำ โชคดีที่พี่ชายพวกเธอเป็นคนไปรับ
มิลลิเองก็เพิ่งรู้ก่อนหน้านี้แค่วันเดียวว่าพี่ชายเธอไปด้วย มันก็ดีอยู่หรอกเพราะอย่างน้อยเธอก็ยังมีพี่ชายคอยแบ่งเบาความลำบากของการเดินทาง “เห้ยย!! อีมิล มึงมองทางขวามือที ว่ากูตาฝาดหรือเปล่า” “พี่ยีนส์กับเพื่อนเขานี่”เป็นคาเทียร์ที่หันไปเห็นก่อนและเอ่ยออกมา ก่อนที่มิลลิจะหันไปมองบ้าง เห็นเป็นกลุ่มพี่ยีนส์กับเพื่อนจริง ๆ พลันหัวคิ้วก็ขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย “เขาไม่บอกมึงเหรอว่าจะมา”ปลายฝนมองหน้าเพื่อนที่ทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ก็พอจะเดาเรื่องราวได้ “เขาไม่ได้บอกกู”อันที่ีจริงเมื่อวานนี้เธอกับยีนส์ก็ไม่ค่อยได้คุยกัน เธอโทรไปหาเขาเมื่อวานเขาบอกไม่ว่างจะโทรกลับมา เธอก็เพิ่งเห็นโทรศัพท์ตอนตื่นตีสองว่าเขาโทรมาหาตอนห้าทุ่มกว่า แต่เธอนอนไปแล้วเพราะต้องตื่นเช้าเลยไม่ได้รับ “เขาอาจอยากจะเซอร์ไพรส์มึงก็ได้ อย่าคิดมากนะ” มิลลิหยิบโทรศัพท์มากดส่งข้อความหาเขา เธอมองดูจากตรงนี้ เห็นเขาหยิบมันขึ้นมาอ่าน แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับข้อความของเธอ มันหมายความว่าอย่างไรกัน เธอทำอะไรให้เขาโกรธหรือเปล่า “นั่นมันดาวคณะวิศวะนี่ ที่อยู่กับกลุ่มพี่ยีนส์อ่ะ”คาเทียร์กระซิบบอก แต่มิลลิไม่ได้หันไปมองอีกแล้ว เพราะโซลเดินกลับมาหาเธอพอดี “เดี๋ยวไปคันเดียวกับพี่นะ จะได้นั่งด้วยกัน” สามสาวพยักหน้าให้คนเป็นพี่ชายทั้งสามคน แต่ใจของมิลลิตอนนี้ไม่ได้โฟกัสเรื่องนั้น เธอยังคงงงในการกระทำของยีนส์อยู่ ปกติเขาไม่เคยเมินเฉยต่อข้อความเธอเลย มันแปลก ๆ ไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว “มึงทะเลาะกันเหรอ หรือว่าไง”ปลายฝนยังคงสงสัย และกระซิบถามเพื่อนโดยคาเทียร์เองก็ยื่นหน้ามามองเธอเหมือนกัน “ไม่ได้ทะเลาะ เขาคงเหนื่อย ๆ ล่ะมั้ง”ถอนหายใจเสียงดังแล้วตัดจบบทสนทนาไปทันที จนรุ่นพี่ประธานของค่ายอาสา เข้ามาแนะนำตัวเอง และแจ้งจำนวนสมาชิกที่จะไปค่าย พร้อมทั้งบอกกำหนดการเดินทาง เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็แบ่งนักศึกษาเพื่อขึ้นรถบัสจำนวนสี่คัน มิลลิเดินเคียงคู่มากับพี่ชาย ตอนกำลังจะขึ้นรถ เธอทันได้สบตากับยีนส์แวบหนึ่ง เขามองมาที่เธอ แต่ทำเหมือนไม่รู้จักกับเธอ ยิ่งทำให้เธอสงสัยขึ้นไปอีก ถึงเขาจะเห็นว่าเธอเดินมากับพี่ชาย แต่แววตาของเขาทำไมถึงเฉยเมยได้ขนาดนั้น ควรเป็นเธอหรือเปล่าที่โกรธเขาที่ไม่ได้บอกว่าจะมาค่ายอาสานี้ด้วย ทั้ง ๆ ที่เธอบอกเขาไปตั้งแต่วันจันทร์แล้ว “มึงเห็นพวกไอ้ยีนส์ไหมว่ะ ไหนบอกมันไม่มา”เมื่อขึ้นมานั่งบนรถ จัดที่นั่งกันเรียบร้อย สกายก็จุดประเด็นทันที “เออ กูดูรายชื่อเอง ตอนแรกไม่มีพวกมันนี่หว่า ทำไมมาโผล่ได้ก็ไม่รู้”คาเตอร์ยืนยันเสียงแข็ง เขาเองก็ไม่ค่อยอยากให้โซลอยู่ใกล้อดีตเพื่อนรักเหมือนกัน “คงไม่ใช่ตามใครมาค่ายนะ”โซลเอ่ยลอย ๆ แต่ทำเอาน้องสาวตัวเองสะดุ้งแรง แอบคิดดีใจว่าหรือเขาจะตามเธอมา ก่อนที่คาเตอร์จะเบรคความคิดเธออย่างแรง “สองสามวันมานี้ กูเห็นมันอยู่กับนาเดียร์ดาวคณะเราอ่ะ คงไม่ใช่คั่วกันอยู่นะ” “เออก็ไม่แน่ มันห่างผู้หญิงมานาน คงอยากมีแฟนแล้วล่ะมั้ง” ฟังถึงตรงนี้ นอกจากความคิดของมิลลิจะตีกันยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว ยังสงสัยอีกว่าพวกพี่ชายเธอ พูดเหมือนกับไม่ถูกกับกลุ่มยีนส์ เหมือนเคยมีเรื่องกันมาก่อนแบบนั้นหมายถึงอะไร “พวกพี่ไม่ถูกกันเหรอคะ”และก็เป็นคาเทียร์คนเดิม ที่เก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ได้ “มันเคยอยู่กลุ่มเดียวกับพวกพี่ แต่เรื่องมันผ่านมาแล้วช่างเถอะ” “โห…อะไรอ่ะพี่กาย พูดมาแล้วก็ควรพูดให้หมดค่ะ แบบนี้คนฟังนอนไม่หลับ” สกายเอามือเขกหัวน้องสาวแรง ๆ ไปหนึ่งที“เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กไม่เกี่ยว” เมื่อรถเคลื่อนตัวออกจากมหาลัย มิลลิที่นั่งริมหน้าต่าง ก็เอนตัวพิงหน้าต่างรถ ปลดปล่อยความฟุ้งซ่านของตัวเอง อันที่จริงก่อนหน้าเธอง่วงนอนมาก แต่เหมือนกับตอนนี้ ในหัวเธอวนเวียนอยู่แต่เรื่องของยีนส์ ทั้งเรื่องที่เขามาค่ายไม่บอกเธอ หรือเรื่องที่พวกพี่ชายเธอพูดกันว่าเขากำลังควงดาวคณะ หยิบโทรศัพท์มาเปิดเพลงฟัง เพราะต้องการจะหลับ แต่ก็ยังไปเผลอดูข้อความของตัวเองที่ส่งไปหายีนส์แล้วเขาอ่านไม่ตอบ มิลลิ:พี่มาค่ายทำไมไม่บอกอ่ะ คำถามแค่นี้มันตอบยากขนาดนั้นเลยเหรอ มันไม่ได้เหมือนกับเธอโกรธเขา แต่แค่สงสัยและอยากได้คำตอบแค่นั้นเอง เธอเป็นแฟนไม่มีสิทธิ์จะรู้เรื่องส่วนตัวของเขาเลยหรือไงกัน “มึงเทน้องเขาแล้วเหรอว่ะ”คีรินยิงคำถามตรง ๆ ออกมาทันที เมื่อเห็นอาการเพื่อนสนิท สองวันมานี้ไม่เห็นมันจับโทรศัพท์หรือไปรับไปส่งมิลลิ “เปล่า” “แล้วทำไม ไม่เห็นคุยกับน้องเขา”ตะวันเองก็สงสัยไม่ต่างกัน ก่อนขึ้นรถเขายังเห็นมิลลิมองเพื่อนเขาตาละห้อย แต่เจ้าตัวกลับทำเหมือนไม่เห็นซะงั้น “ก็เขามากับไอ้โซลมึงก็เห็น”ถึงเหตุผลของเพื่อนจะเหมือนฟังขึ้น แต่ทั้งคีรินและตะวันไม่คิดแบบนั้น เป็นเพื่อนกันมานาน ทำไมจะไม่รู้ว่ามันกำลังตีตัวออกห่างน้องเขาแล้ว และไอ้เหตุผลที่มาค่ายก็ยิ่งน่าสงสัย ไหนจะไปชวนนาเดียร์เพื่อนในคณะมาด้วย แค่นี้ก็แปลกมากแล้ว รถบัสขับยาวสามชั่วโมง ก่อนจะแวะพักจุดพักรถ เพื่อให้นักศึกษาได้ลงไปทำธุระส่วนตัวกัน เพื่อเดินทางยาวอีกสามชั่วโมงจนถึงที่หมาย “มึงไปห้องน้ำไหม”ปลายฝนเรียกเพื่อนสองคน “ไป ๆ” สามสาวลงจากรถบัสเพื่อไปเข้าห้องน้ำ ส่วนพวกพี่ชายจะไปซื้อเสบียงมากินบนรถ เพราะเริ่มหิวกันแล้ว ที่พักรถมีร้านอาหารหลายร้าน แต่ส่วนใหญ่ไม่มีใครกินกัน เพียงแค่ซื้อพวกของง่าย ๆ กินระหว่างทาง ระหว่างที่กำลังยืนรอเพื่อนสองคนเข้าห้องน้ำที่คิวยาวมาก มิลลิที่ได้เข้าก่อนเพราะเธอเดินถึงห้องน้ำก่อน ก็เหลือบไปเห็นแฟนหนุ่มเดินมาทางห้องน้ำพร้อมกับผู้หญิงที่คาเทียร์บอกว่าเป็นดาวคณะวิศวะ นัยน์ตาคมหันมามองเธอที่ยืนจ้องเขาอยู่ ก่อนที่เธอจะส่งยิ้มให้ แต่กลับได้รับเป็นใบหน้าเรียบเฉยของเขา แล้วปากเธอมันก็ไวกว่าความคิดเสมอ เมื่อเผลอเรียกชื่อเขาออกไป “พี่ยีนส์”เห็นเพื่อนเขากับผู้หญิงคนนั้นเดินแยกออกไป มิลลิเลยเดินเข้าไปหาเขาใกล้ ๆ “ทำไมอ่านแล้วไม่ตอบคะ” “ไม่รู้จะตอบอะไร” “พี่โกรธอะไรมิลเหรอคะ หรือมิลทำอะไรให้พี่ไม่พอใจหรือเปล่า” “เปล่า ตอนนี้เธออยู่กับพี่ชาย ไว้ค่อยคุยกันนะ”แล้วเขาก็เดินแยกไปทันที อะไรกัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เธอไม่ได้กลัวพี่ชายเธอแล้วด้วยซ้ำ อยากรู้มากกว่าว่าเขาเป็นอะไร ถึงทำแบบนี้ ตอนนี้เธอค่อนข้างมั่นใจแล้วว่า ระหว่างเราต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน แล้วมันอะไรกันล่ะ ในเมื่อก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ของเรามันก็ดี ๆ กันอยู่ ทำไมตอนนี้ถึงรู้สึกเหมือนกำลังจะอกหักยังไงก็ไม่รู้ “มึงเป็นอะไร ทำไมตาแดง ๆ” “ปะ เปล่า ไปกันเถอะ”มิลลิรีบเดินเร็ว ๆ ผ่านตรงที่เห็นยีนส์ยืนอยู่ เธอเองก็โกรธเป็นเหมือนกันนะ นึกจะทำอะไรกับเธอก็ได้หรือไง “ถ้ามึงจะเทก็ควรเทให้สุดนะ ไม่ใช่มายืนแอบมองเขาอยู่ตรงนี้” “เทเหี้ยไร กูบอกว่าไม่ได้เท”พูดจบก็เดินหนีเพื่อนสองคนขึ้นรถไปทันที ก็เขายังไม่ได้เทเธอจริง ๆ แค่กำลังเว้นระยะห่างตัวเองออกมาก่อน พักหลังเขารู้สึกว่ากำลังใช้ความรู้สึกกับเธอมากเกินไปจนหลงลืมความแค้นของตัวเองไปชั่วขณะ “รุ่นน้องคนนั้นเป็นอะไรกับยีนส์เหรอ” “ถามทำไม?”นัยน์ตาคมกริบหันไปมองหน้าคนถาม ตอนนี้เขายิ่งหงุดหงิดอยู่ด้วย นึกแล้วก็อยากเอามือทุบหัวตัวเองที่ชวนผู้หญิงน่ารำคาญคนนี้มา เขาไม่ได้พิศวาสอะไรเธอสักนิด เพียงแต่ชวนมาเป็นไม้กันหมาก็แค่นั้น และเหตุผลที่เขามาค่าย ก็เพื่อตามหญิงสาวคนที่เขาบอกว่าเริ่มมีผลกับความรู้สึกเขาต่างหาก ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอเลย “ก็แค่ถาม ทำไมต้องโมโห” “ถ้าฉันไม่ตอบ ก็แปลว่าเธอไม่ควรยุ่ง”การเดินทางยาวนานกว่าหกชั่วโมงจบลงเมื่อถึงปลายทาง มิลลิและเพื่อนสองคนแทบจะลุกขึ้นจากที่นั่งไม่ได้เพราะปวดเมื่อยตามร่างกาย พวกเธอเป็นประเภทไม่ค่อยออกกำลังกาย ใช้ชีวิตแค่กินกับนอน ร่างกายเลยไม่ทนทานกับการนั่งรถนานขนาดนี้ โชคยังดีที่นั่งรถแบบรวดเดียวจบ ไม่ต้องต่อรถเข้ามา เพราะโรงเรียนที่ทางค่ายอาสาเลือก ค่อนข้างมีความทุรกันดานพอสมควร “กูจะตายอยู่แล้ว”เสียงคาเทียร์บ่นในขณะที่ยังคงยืนซบมิลลิที่ยืนทำหน้าตาบูดบึ้ง ส่วนพี่ชายทั้งสามคนเดินหายไปสูบบุหรี่ ตอนนี้ที่พวกเธอยืนกันอยู่คือบริเวณลานกว้างของโรงเรียน เพื่อรอประธานค่ายเข้ามาพูดคุยและบอกกล่าวกำหนดการต่าง ๆ “แล้วพวกมึงดูดิ๊ พวกเราต้องนอนที่นี่จริง ๆ เหรอ” “กูว่าน่าสนุกดีนะ”ปลายฝนกลับเห็นต่าง เพราะการที่จะได้มาที่แบบนี้ เธอมองว่ายากมากหรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย หากไม่ได้มาค่ายอาสา “นอนไม่ได้แล้วจะมาทำไม”คาเทียร์ตวัดสายตามองเสียงปริศนาที่เหมือนกำลังต่อว่าเธอ “แล้วพี่มาเกี่ยวอะไรด้วย”เมื่อเห็นต้นตอของเสียงที่ว่า ที่ยืนห่างออกไปประมาณสองเมตร คาเทียร์ก็แยกเขี้ยวใส่ทันที “ก็น้องบอกนอนไม่ได้นี่ครับ พี่ก็แค่สงสัย” ตะวันยังคงพูดกวนประสาทเจ้าของ
“ฉันไม่บอกเรื่องค่ายก็เพราะอยากมาเซอร์ไพรส์เธอ ไม่ตอบข้อความก็เพราะอยากบอกเธอเอง” ดวงตากลมจ้องมองนัยน์ตาคมของเขา เธออยากรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดจริงหรือเปล่า แต่ก็เหมือนเดิมคือเธอไม่สามารถอ่านแววตาเขาได้เลย “พูดจริงแน่นะคะ“ คนตัวสูงไม่ตอบแต่ฉวยโอกาสจูบเธอแทน ตอนแรกเธอก็ไม่ได้จูบตอบเขา แต่เพราะความช่ำชองทำให้เธอคล้อยตามเขาได้ไม่ยาก แขนเล็กก็ยกขึ้นเกี่ยวคอแกร่งของเขาทันที เป็นการจูบกันนอกสถานที่ครั้งแรก ท่ามกลางบรรยากาศป่าเขา ที่มีลมยามเย็น พัดมากระทบผิวกาย สร้างความรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ “อืม”เสียงครางทุ้มในลำคอเมื่อได้สอดลิ้นร้อนเข้าไปกวาดชิมความหวานในโพลงปากนุ่ม จากจูบแสนหวานก็เริ่มทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมือหนายกขึ้นมาบีบเค้นเต้าอวบผ่านเสื้อยืดตัวบาง มิลลิที่กลัวจะเลยเถิดไปไกล ก็รีบผละริมฝีปากออกทันที“พอแล้วค่ะ” ก่อนจะสวมกอดร่างหนาของยีนส์ ความรู้สึกตอนนี้คือดีขึ้นกว่าเมื่อตอนเช้ามาก ๆ ดูเหมือนว่าเขาจะมีอิทธิพลกับหัวใจเธอมากจริง ๆ อยากจะโกรธเขานานกว่านี้ แต่แค่เขาแก้ตัวนิด ๆ หน่อย ๆ เธอก็พร้อมจะเชื่อใจเขาหมดทุกอย่าง “คืนนี้มาเจอกันได้ไหม” “เจอที่ไหนคะ เราก็อยู่ที่เดียวกัน
มิลลิยืนรอยีนส์ไม่นาน ก็เห็นเขาเดินตรงมาหา ใบหน้าดูเหนื่อยกว่าปกติ“เหนื่อยเหรอคะ” “อืม เมื่อวานพี่เธอสงสัยหรือเปล่า” “ค่ะ ตามติดมิลแจเลย กว่าจะกลับไปนอนก็เกือบสามทุ่มนู่นค่ะ” เมื่อวานตอนที่เขายืนหลังต้นไม้ เขามั่นใจว่าอดีตเพื่อนรักของเขาหันมาเห็นเขาแน่ แต่ทำไมมันถึงยังทำเฉยกับเขา เมื่อเช้าตอนเดินสวนกัน โซลยังทำเป็นไม่เห็นเขาด้วยซ้ำ นับว่าเป็นเรื่องแปลกมาก “ทำไม่พี่ทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ”คนตัวเล็กมองใบหน้าเขา ที่เหมือนไม่เชื่อที่เธอพูด “ฉันอยากกอดเธอ แต่ตรงนี้กอดไม่ได้” เมื่อเขาพูดแบบนี้ เธอก็เดินเข้าไปสวมกอดเขาทันที ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าเขาเป็นอะไรเสียอีก ทำไมถึงดูเหนื่อย ๆ เธอเองก็อยากให้กำลังใจเขาเหมือนกัน “ดีขึ้นไหมคะ” “นิดหน่อย แต่ถ้าได้จูบด้วยจะดีมาก”มิลลิระบายยิ้มออกมากับคำพูดของเขา วันนี้เธอว่าเขาอ้อนเธอมากผิดปกติ แต่เธอกลับชอบให้เขาเป็นแบบนี้ เพราะมันเหมือนว่าเขารักเธอมาก “ไว้คืนนี้นะคะ มิลจะหาทางมาหาพี่ กลางคืนไม่ค่อยมีคนเห็นเท่าไหร่” เราสองคนยังคงกอดกันอยู่อย่างนั้น ไม่ได้รีบผละออกจากกันทันที ถึงตรงนี้จะเป็นทางเข้าหมู่บ้าน แต่ตรงที่เธอยืนอยู่กับเขาเป็นต้นไม้ใหญ่ข้างทาง
มิลลิไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหน เพราะจำได้ว่าเธอแค่ต้องการแกล้งหลับเพื่อหนีสายตาเพื่อนสองคนเท่านั้น แต่น่าจะเป็นเพราะความเหนื่อยเลยทำให้เธอหลับไปจริง ๆ จนตื่นมาอีกทีก็คือตอนตีสี่กว่า มือเรียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอ เห็นข้อความจากยีนส์ที่ส่งมามากกว่าสิบข้อความ และมีสายไม่ได้รับอีกกว่าสิบสาย ยีนส์ไม่ได้รับสายสิบสี่สาย ยีนส์:เธออยู่ไหน ยีนส์:ไหนบอกจะมาหา ยีนส์:มิลลิ ยีนส์:หลับหรือไง ยีนส์:ทำไมไม่รับ ยีนส์:อะไรของเธอว่ะ!!! ยีนส์:เป็นอะไรอีกมิลลิ ยีนส์:เธอแม่ง!!! ยีนส์:เป็นอะไรทำไม่บอก และอีกสามสี่ข้อความ ก็เป็นข้อความประมาณนี้ทั้งหมด มิลลิได้แต่ถอนหายใจออกมา เธอเอามือกุมหัวตัวเองอย่างคิดหนัก ยังคงนั่งจ้องข้อความเหล่านั้นอยู่ ก่อนที่จะตัดสินใจพิมพ์ข้อความตอบกลับไปหาเขา มิลลิ:มิลเผลอหลับไป ติ้ง นอกจากจะแปลกใจที่ข้อความถูกเปิดอ่านทันทีแล้ว กลับมีข้อความตอบกลับมาอีกด้วย ยีนส์:ออกมาที่ห้องน้ำ เธอหันไปมองทุกคนในห้องที่หลับสนิทกันหมด ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนเธอสองคน ก็แน่สิเวลานี้ใครจะตื่น อากาศก็เย็นขนาดนี้ มันควรเป็นเวลาที่นอนหลับสบายที่สุด เขายังจะให้เธอออกไปหาเขา แต่ก็ไม่
ในเมื่อยีนส์เลือกที่จะไม่ตอบคำถามของเธอ มิลลิเองก็ไม่หน้าด้านพอที่จะถามซ้ำหรือเซ้าซี่เขาอีก หลังจากแต่งตัวเรียบร้อย เขาก็เดินมาส่งเธอที่อาคารอำนวยการ โดยไม่ได้พูดอะไรกันแม้แต่คำเดียว มีเพียงความเงียบตลอดทาง ก่อนจะเดินกลับไปทันที ตอนนี้เป็นเวลาตีห้าครึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครตื่น ก็เป็นโอกาสให้เธอได้ปลดปล่อยความรู้สึกอัดอั้นที่มันแน่นอยู่ในอกออกมา เป็นการร้องไห้ในรอบปีเลยก็ว่าได้ ล่าสุดจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าร้องไห้ทำไม ปกติเธอไม่ใช่คนอ่อนแอขนาดนี้ แต่พอเป็นเรื่องของยีนส์เธอจะควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้ทันที เธอรักเขามาก ข้อนี้เธอรู้ตัวเองดี แต่เธอผิดเหรอที่รักแฟนตัวเองมาก มันเป็นเรื่องที่คนคบกันต้องรู้สึกแบบนี้ แล้วทำไมเหมือนเธอรู้สึกอยู่ฝ่ายเดียว และเหมือนเขาจะรู้ด้วยว่าเธอรักเขามากขนาดไหน ถึงได้ชอบเอาเรื่องนี้มาทำให้เธอยอมเขาทุกเรื่อง ระยะเวลาเดือนกว่าที่เราคบกันมา หากมาคิดดูแล้ว เขาไม่เคยบอกว่าชอบเธอด้วยซ้ำ แล้วเรื่องของเรามันเกิดมาจากอะไร ทำไมเธอถึงปล่อยใจตัวเองไปได้ขนาดนี้ เหมือนเธอจะเพิ่งมาคิดได้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายแสดงความรู้สึกมากเกินไป มากจนเขามองไม่เห็นค่าความรู้สึกเธอ ทั้งยัง
“ได้ยินที่มิลถามพี่หรือเปล่าคะ”มิลลิถามย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นยีนส์ยืนเงียบเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เธอถาม “…..” คนตัวสูงยังคงจ้องมองเธออยู่แบบนั้น จะให้เขาตอบเธอได้ยังไงในเมื่อเธอยังคงร้องไห้อยู่แบบนี้ เขายืนเงียบอยู่นานจนคนตัวเล็กทนไม่ไหว เดินขยับเข้ามาตรงหน้าเขา ระยะห่างระหว่างเราเหลือเพียงคืบเดียว คนอื่นที่ยืนเห็นเหตุการณ์อยู่ไม่ได้มีใครเข้ามาห้ามอะไร มีเพียงแค่โซลที่ดิ้นตัวจะเข้าไปหาน้องสาว แต่คาเตอร์ก็จับตัวไว้“ให้น้องมึงจัดการมันเอง” เพี๊ยะ!!! เสียงฝ่ามือกระทบลงบนแก้มสากอย่างแรง น้ำตายังคงไหลออกมาไม่หยุด“พี่มันเลว มิลผิดเองค่ะ ที่เป็นคนชอบพี่ก่อนเลยเปิดโอกาสให้พี่หลอกมิลได้ หลังจากนี้ความแค้นระหว่างพี่กับพี่ชายมิล ขอให้มันจบลงตรงนี้นะคะ” “…..” “และเราสองคน ขอให้จบกันแค่นี้ ถือว่าที่พี่ได้จากมิลไป คงพอสำหรับความแค้นของพี่แล้ว ลาก่อนค่ะ” มิลลิพูดจบก็วิ่งออกไปทันที โดยมีเพื่อนสองคนวิ่งตามมาด้วย ภายในใจเธอแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี เพิ่งรู้ว่าความรักมันเจ็บปวดเจียนตายขนาดนี้ “มึงจะไปไหนไอ้ยีนส์”ยีนส์เมื่อได้สติจากคำพูดของมิลลิ เขาก็กำลังจะเดินตามเธอไปโดยไม่รู้ตัว แต่คีรินกับตะวันม
“กูบอกอะไรให้นะ สภาพมึงตอนนี้หนักกว่าตอนมึงเลิกกับจูเน่อีก ตกลงมึงสะใจแน่ใช่ไหวว่ะ” “มึงก็จะถามให้มันได้อะไรขึ้นมาไอ้ตะวัน คนปากแข็งแบบมันไม่ยอมรับง่าย ๆ หรอก” “กูอยากอยู่คนเดียว”เสียงทุ้มราบเรียบเอ่ยบอกอีกครั้ง แค่ความคิดในหัวเขา ก็มากพออยู่แล้ว แต่เพื่อนสองคนกลับมาทำให้สมองเขาทำงานหนักขึ้นไปอีก ร่างกายไร้เรี่ยวแรงเพราะไม่ได้กินข้าวมาสองวัน และที่อยู่รอดจนได้เห็นพวกมัน แค่นี้ก็นับว่าบุญมากแล้ว “ตกลงเรื่องเรียนว่าไง งานเพียบเหมือนไอ้ตะวันบอกจริง ๆ” “พรุ่งนี้กูไป”ยีนส์บอกไปอย่างตัดความรำคาญ ตอนนี้เขาอยากให้เพื่อนสองคนกลับไปได้แล้ว และเหมือนการสื่อสารของยีนส์จะได้ผล เมื่อทั้งตะวันและคีริน กลับไปในอีกสิบนาทีต่อมา ส่วนเขาก็ดื่มเบียร์ที่เหลืออยู่ครึ่งกระป๋องหมด แล้วก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องไปทิ้งตัวนอนลงบนเตียง และหลับไปในที่สุด เช้าต่อมา มิลลิมาเรียนตามปกติ แม้ว่าขอบตายังคงบวมช้ำเล็กน้อย แต่ถ้าเทียบกับวันแรก นับว่าดีขึ้นมาก ส่วนสภาพจิตใจไม่ต้องพูดถึง ยังห่างไกลจากคำว่าทำใจได้ แต่สัญญากับตัวเองแล้วว่าจะกลับมาเป็นปกติให้เร็วที่สุด “นี่งานทั้งหมด กูเก็บเอาไว้ให้ มีงานกลุ่มหกคนด้วยนะ อยู่
เพราะคำว่าสมควรโดนทิ้งที่เธอพลั้งปากพูดออกมาด้วยความโมโห มันทำให้สติของเขาขาดผึงขึ้นมาทันที มือหนาออกแรงบีบแขนเล็กแรงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว จนมิลลินิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด แต่เธอก็ยังอดทนไม่ร้องออกมา “คนเหี้ย ๆ ที่เธอพูดคนนี้ไม่ใช่เหรอ ที่เx็ดเธออยู่ทุกวัน ไอ้เหี้ยนี่ไม่ใช่เหรอที่เธออมคxยให้ ตอนนั้นทำไมไม่ขยะแขยงบ้างว่ะ ตอนที่ฉันแยงมันเข้าไปในรูเธอ” เพี๊ยะ!!! มือเล็กสะบัดออกจากการเกาะกุม ก่อนจะตบเข้าที่ใบหน้าหล่อเหลาอย่างจัง ด้วยแรงทั้งหมดที่มี จนขึ้นรอยนิ้วมือบนแก้มสากอย่างชัดเจน “อย่ามาพูดจาทุเรศ ๆ แบบนี้นะ ฉันไม่ใช่คนประเภทเดียวกับพี่ อีกอย่างถ้าตอนนั้นฉันรู้ว่าพี่เหี้ย คงไม่เอาตัวลงไปเกลือกกลั้วด้วยหรอก แค่คิดก็ขนลุกไม่ไหว” “เธอจะหยุดได้หรือยังมิลลิ!!!” มิลลิสะดุ้งเพราะเสียงทุ้มที่ตะโกนออกมา ใบหน้าเขาแดงก่ำเพราะความโมโหสุดขีด ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนด่าเขาเจ็บแสบแบบเธอมาก่อน มันเจ็บจนเข้าไปถึงกระดูกดำ ยิ่งเธอเน้นย้ำคำว่ารังเกียจ คำว่าขยะแขยง ความโมโหเขายิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก “ออกไปจากรถฉันได้ ละ อื้อ~” เสียงหวานหายเข้าไปในลำคอทันที เมื่อใบหน้าหล่อขยับเข้ามาประกบจูบรุนแรงกับเธอทันที
หลังจากบทรักตอนเที่ยงจบลง ท้องของมิลลิก็ส่งเสียงประท้วงเสียงดัง ตอนแรกคนตัวสูงอยากจะต่อรอบกับเธอด้วยซ้ำ เพราะบรรยากาศที่เป็นใจ ถึงจะร้อนไปหน่อย แต่มีความตื่นเต้นจากการทำรักเอาท์ดอร์ครั้งแรก แต่ทว่าคนตัวเล็กขอพักกินข้าวก่อน "ประจำเดือนมิลมาอยู่หรือเปล่า” ยีนส์ต้องถามภรรยาเรื่องนี้ เพราะหลังจากเธอเรียนจบก็ไม่ได้กินยาคุมอีก แต่ผ่านมาเกือบสามเดือน ทำไมเธอถึงยังไม่ท้องสักที ทั้งที่เขาขยันทำการบ้านกับเธอแทบตาย งัดกลเม็ดทุกอย่างมาใช้หมดแล้ว แต่ทว่ายังไร้วี่แวว “ที่จริงประจำเดือนมิลก็มาไม่ปกติอยู่แล้ว แต่เพื่อความสบายใจของพี่ มิลจะตรวจหลังจากเรากลับนะคะ” “เมื่อวานพ่อตาบอกว่าพี่ไม่มีน้ำยา”มิลลิหัวเราะออกมา เมื่อนึกถึงคำพูดของพ่อที่บ่นเธออยู่ทุกวันว่าเมื่อไหร่จะมีหลานให้ท่านสักที “หรือพี่จะไม่มีน้ำยาอย่างพ่อตาว่าจริง ๆ”เขายังคงคิดมากเรื่องนี้อยู่ ก็เขาอยากมีลูก พ่อกับแม่ของเขาก็อยากมีหลานหลาย ๆ คน “พี่อย่าคิดมากสิคะ มิลเพิ่งปล่อยได้แค่สองเดือนกว่า ๆ เอง ใครจะไปรู้ตอนนี้มิลอาจจะท้องแล้วก็ได้” “งั้นเราไปซื้อที่ตรวจมาตรวจเลยได้ไหม พี่อยากรู้ตอนนี้เลย มิลก็รู้ว่าพี่อยากมีลูกขนาดไหน” สุดท้าย
หลังจากงานแต่งจบลง ยีนส์และมิลลิก็รีบไปสนามบินทันที ทั้งคู่จะไปฮันนีมูนกันที่มัลดิฟส์ เป็นเจ้าสาวที่จองตั๋วเครื่องบินและที่พักเองหมดทุกอย่าง กำหนดการเที่ยวทุกอย่างใช้เวลา4วัน3คืน “มิลตื่นเต้นอยากเห็นทะเลใจจะขาดแล้วค่ะ”มิลลิเดินควงแขนสามีหนุ่มหล่อ เพื่อไปยังรถตู้ของโรงแรมที่เธอจองเอาไว้ แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาตีสี่กว่าแล้ว อีกทั้งยังเหนื่อยกับงานแต่ง แต่เธอกลับไม่รู้สึกง่วงสักนิด เพราะทะเลที่นี่ เธอใฝ่ฝันจะมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว “พี่อยากให้มิลพักหน่อยนะ”ยีนส์พูดไปตามที่คิด เพราะตั้งแต่ขึ้นเครื่องจนถึงตอนนี้ เขายังไม่เห็นเธอหลับเลย ทั้งที่ต้องตื่นตั้งแต่ตีสามเพื่อแต่งหน้า ทำผม ไหนจะยุ่งกับงานแต่งทั้งวัน เสร็จจากงานก็เที่ยงคืน ก็รีบมาสนามบินทันที เป็นเขาเสียอีกที่รู้สึกอ่อนเพลียมาก “ถึงที่พักแล้วค่อยนอนก็ได้ค่ะ สามีของมิลเหนื่อยแล้วเหรอคะ” “พี่ยอมแพ้มิล” รถตู้ของที่พักเข้ามาจอดตรงส่วนของโรงแรม แต่มิลลิจองเป็นที่พักติดทะเลไว้ เลยต้องใช้เวลาเดินไปอีก ขนาดว่าตอนนี้ตีห้า แต่ก็ยังมองเห็นความสวยงามของทะเล พนักงานของโรงแรมพาเดินไปตามสะพานไม้ที่พาไปยังที่พักเป็นหลังที่สร้างอยู่ในทะเล ก่อนที่จะหย
ยีนส์ขับรถหรูเข้ามาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่ เพื่อส่งมิลลิลงก่อน ส่วนเขาก็ขับไปจอดในลานจอดรถ ก่อนจะเดินลงมาหาเธอที่ยืนรออยู่ พร้อมกับว่าที่พ่อตา ว่าที่แม่ยาย และพี่ชายสองคนของเธอ คนตัวสูงยอมรับว่าประหม่ามาก แต่ก็ไม่ได้ถึงกับว่ากลัวอะไรขนาดนั้น เขาเองก็เป็นลูกผู้ชายมากพอ ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเคยทำไว้อยู่แล้ว เพราะงั้นไม่ว่าจะโดนอะไรเขาก็พร้อมจะยอมรับ ขอแค่อย่างเดียวอย่าให้เขาเลิกคบกับมิลลิ เพราะเป็นเรื่องเดียวที่เขาจะไม่ยอม “สวัสดีครับ”ยีนส์ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง และพี่ชายคนโตของมิลลิด้วยท่าทางปกติ ผิดกับสายตาของว่าที่พ่อตา ที่ดูเหมือนจะไม่พอใจเขามาก ๆ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร เพียงแต่สบัดหน้าหนีเขา ไม่รับไหว้เขาเหมือนอย่างแม่ของเธอ “เข้าบ้านกันดีกว่า มิลพาพี่เขาเข้ามาเร็วลูก” มิลลิจับมือของเขา เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกัน ตรงที่พ่อกับแม่นั่งรออยู่คือห้องรับแขกของบ้าน ยีนส์ทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกับพ่อแม่ของมิลลิทันที ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขาเป็นตาเดียว จากตอนแรกที่ไม่รู้สึกอะไร เจอแบบนี้เขาเองก็ต้องกุมมือเข้าหากันเพื่อลดอาการประหม่าของตัวเองตอนนี้ “เรื่องที่ผ่านมา แม่จะไม่พูดถึงมันนะ แต่หลังจากนี้
“แบบวันนี้ คือแม่พี่ชอบมิลหรือเปล่าคะ”มิลลิถามขึ้นตอนที่กลับมาถึงคอนโดของยีนส์แล้ว “ใช้คำว่าถูกใจเลยดีกว่า” เขาไม่ได้อวยเธอเกินจริง แต่การที่แม่เอ่ยปากชวนเธอไปชิมขนมที่ร้าน มันเป็นสัญญาณว่าแม่เขาถูกใจเธอมาก “แต่มิลก็อยากจะตีพี่เหลือเกิน รู้ว่ามิลชอบกินขนม ยังไม่บอกมิลอีกว่าแม่พี่เปิดร้านขนม” เธอทำหน้างอนเขาและทิ้งตัวนั่งลงตรงโซฟา โดยยีนส์ก็เดินเข้ามากอดเธอ ยกตัวเธอขึ้นนั่งบนตักของเขา ก่อนที่จะกดริมฝีปากลงไปบนกลีบปากนุ่มของเธอเบา ๆ “พี่กลัวมิลจะไม่อยากเจอแม่พี่ต่างหาก อีกอย่างตอนนั้นพี่ก็ยังไม่รู้ใจตัวเองด้วย หลังจากนี้พี่จะพาไปจนมิลเบื่อเลยดีไหมครับ” “ดีค่ะ มิลอยากเปิดร้านขนมมาตั้งนานแล้ว” “เรียนบริหารแต่ไปเปิดร้านขนมเหรอ” “ความชอบกับความฝันมันต่างกันค่ะ มิลเรียนบริหารเพราะเห็นพี่ชายคนโตเรียนค่ะ อีกอย่างเรียนจบมิลก็ต้องไปทำงานกับบริษัทของพ่อ” “แล้วไอ้โซลล่ะ มันเรียนวิศวะเครื่องยนต์นะ” “พ่อมีบริษัทผลิตยานยนต์ค่ะ พี่โซลตามพ่อไปทำงานตั้งแต่เด็ก ๆ เลยอยากเป็นอย่างพ่อ” “นี่พี่ตกถังข้าวสารเหรอเนี๊ยะ ต่อไปมิลต้องเลี้ยงพี่ด้วยนะ” “พี่รวยกว่ามิลอีกนะคะ เป็นลูกคนเดียวด้วย พี่นั่น
“พี่ไม่แปลกใจเลย ทำไมพี่ชายมิลถึงหวงมิลนัก” “ใช่ค่ะ เราห่างกันคนละปีกว่า ๆ เอง คลอดปุ๊บ แม่ก็ท้องปั๊บเลย” “อาทิตย์หน้าไปกินข้าวบ้านพี่บ้างสิ พี่อยากให้แม่กับพ่อพี่ได้รู้จักว่าที่ลูกสะใภ้” “พี่เคยพาแฟนเก่าเข้าบ้านหรือเปล่าคะ” ที่ถามไม่ใช่ว่าเพราะเธอโกรธหรอก เธอเองก็ทำใจเรื่องใจอดีตเขาได้แล้ว เพียงแต่ถามเพื่อจะได้ทำตัวถูกเวลาเจอหน้าพ่อกับแม่ของเขา “ไม่เคย ตอนนั้นพี่เพิ่งเรียนปีหนึ่งเองนะ ยังไม่คิดเรื่องนี้เลย” “….” “แต่ตอนนี้พี่คิดแล้วนะ พี่เป็นคนรักคนยากนะมิล ถ้าพี่รักแล้ว พี่ก็อยากจะคบกับเขาให้นานที่สุด” ยิ่งเขาพูด เธอก็ยิ่งเขินหน้าแดงจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ก็ไม่อยากจะคิดหรอกว่าเธอโชคดีแค่ไหน ที่ได้เป็นคนนั้นในใจเขา เรื่องของความรัก มันไม่ใช่อีกฝ่ายต้องเป็นฝ่ายโชคดีอย่างเดียว แต่มันคือการที่คนสองคนโชคดีทั้งคู่ต่างหากที่ได้มาเจอกัน ตอนนี้อยากจะบอกแฟนเก่าของเขาเหลือเกินว่าขอบคุณนะคะ ที่ทิ้งเขามาจนเจอกับเธอ 21.30 น. บรรยากาศในผับสุดหรูของพายุ ที่มีศักดิ์เป็นลุงของมิลลิ เธอไม่ค่อยได้มาที่นี่ นอกจากว่าจะมาพี่ชายหรือคนเป็นพ่อ เวลามีงานฉลองอะไร ครอบครัวของเธอมักจะเลือกมาฉลองกันที่นี่
“กว่าครอบครัวมิลจะยอมรับพี่ กระดูกพี่ไม่หักไปก่อนเหรอ” “หักไม่ได้คะ มิลไม่ยอมหรอก ว่าแต่….” “แต่อะไร?” “ว่าแต่มีตรงไหนให้พ่อมิลทำพี่ได้อีกบ้างค่ะ หน้าโดนแล้ว ขาโดนแล้ว งั้นหลังได้ไหมคะ” “มิลลิ”เสียงทุ้มเรียกชื่อเธออย่างไม่เชื่อ ตอนแรกเขาก็คิดว่าเธอพูดเล่น แต่ทำไมท่าทางเธอตอนนี้ถึงดูจริงจังขนาดนี้ “คิก คิก มิลพูดเล่นค่ะ เหลือด่านสุดท้ายแล้วนะคะ” มิลลิเข้าไปออดอ้อนแฟนหนุ่ม ตอนนี้ที่พวกเธอนั่งอยู่ท่ามกลางสายตาของเพื่อนสนิทมิลลิสองคน ตรงใต้ตึกคณะบริหาร ทำให้เพื่อนสองคนนั่งมองเธอด้วยสายตาหมั่นไส้ “งั้นมิลก็ต้องปลอบใจพี่ด้วยนะ ดูสิ”เขาเอียงหน้าให้เธอดูรอยแผลตรงมุมปาก คนตัวเล็กหันซ้าย หันขวา ก่อนจะกดริมฝีปากลงไปเบา ๆ อย่างเอาใจ “แหวะ!!! อีมิล กูจะอ้วก” คาเทียร์มองบนทนความคลั่งรักของคู่นี้ไม่ไหว ต้องทำท่าอ้วกออกมา โดยมีปลายฝนนั่งหัวเราะอยู่ข้าง ๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทั้งคู่สนใจพวกเธอสักนิด ยังคงนั่งออดอ้อนกันอยู่แบบนั้น ราวกับว่าโลกนี้มีเพียงสองเรา “ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ยีนส์จะเป็นคนคลั่งรักขนาดนี้”ปลายฝนพูดขึ้นขณะเดินไปเรียนวิชาช่วงเช้า “ไม่ใช่แค่พี่ยีนส์หรอก อีเพื่อนตัวดีของเราก็น้อยห
ยีนส์ทำสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด เขาเดินลงมาส่งเธออย่างไม่เต็มใจ เมื่อเห็นสีหน้ายียวนของไอ้เพื่อนเวร เขาก็ชักสีหน้าใส่มันทันที “ทำไมมึงทำหน้าบูดแบบนั้นล่ะว่ะ” โซลแซวด้วยรอยยิ้มขบขัน เขารู้ว่ามันไม่เต็มใจจะให้น้องสาวเขากลับ ยอมรับว่าที่มารับมิลลิ ก็เพราะเขาอยากแกล้งมันโดยตรง หมั่นไส้มันที่เคยทำกับน้องเขา แล้วมาดี๊ด๊าเมื่อน้องเขาให้อภัยมันง่าย ๆ “ไอ้เวร มึงเอาคืนกูที่น้องมึงให้อภัยกูใช่ไหม” “ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!”โซลหัวเราะเสียงดัง ไม่อยากเชื่อว่ามันจะอ่านใจเขาออกขนาดนี้ “สัด!!! กูขอแช่งให้มึงโดนบ้างเวลามึงมีความรัก มึงคอยดู” “แม่ง!!! แช่งเป็นเด็ก ๆ แต่กูคงไม่มีวันนั้นว่ะ ขอโทษด้วยนะ เพราะคนอย่างกูไม่รักใครง่าย ๆ เหมือนมึงหรอก” มิลลิยืนมองพี่ชายกับแฟนยืนเถียงกันแบบเด็ก ๆ แล้วก็ส่ายหัวออกมา ดูท่าว่าเธอจะต้องเจอแบบนี้ไปตลอด เพราะสองคนนี้ดูเป็นคนไม่ยอมใครทั้งคู่ “ไปได้แล้วค่ะ”เธอตัดบทก่อนจะขึ้นไปรอบนรถคนเป็นพี่ชาย มองเห็นสองคนยังยืนเถียงกันต่อ จนเธอต้องเปิดกระจกตะโกนเรียกพี่ชายให้ขึ้นรถได้แล้ว “เตรียมจะบอกพ่อกับแม่เมื่อไหร่” ระหว่างที่นั่งบนรถ พี่ชายก็ถามเธอถึงเรื่องนี้ แต่ก็เป็นเ
ปึก! ปึก! ปึก! ปึก! เสียงตอกอัดเข้าออกรุนแรงอย่างดิบเถื่อน จนร่างเล็กโยกโคลงตามแรงกระแทกนั้น เธอต้องเอามือขึ้นเกาะบ่าเขาไว้ เล็บจิกเกร็งตรงผิวเนื้อเขาจนเลือดซิบ ใบหน้าสวยเหยเก หลับตาคราญครางเสียงดังด้วยความเสียวซ่าน ทุกจังหวะการกระแทกที่เพิ่มระดับความแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตามความกระสันที่พุ่งสูงขึ้น เหงื่อเม็ดโตผุดพลายบนใบหน้าหล่อเหลา กรามหนาขบเข้าหากันแน่นทุกครั้งที่ร่องรักของเธอตอดรัดเอ็นร้อนของเขาแรง ๆ รัว ๆ “อ๊าสส ตอดแรง พี่เสียวหัวมากเลยครับ” เสียงทุ้มครางกระเส่า พร้อมคำพูดหวานหู ที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน ยิ่งมาพูดเวลานี้ ยิ่งเพิ่มความเสียวซ่านขึ้นถึงขีดสุด ร่างหนายังคงขยับโยกไปมาอย่างไม่ลดระดับความแรง มือหนาเอื้อมไปบีบเค้นอกอวบของเธอไปด้วย “มิลไม่ไหวแล้วค่ะ อื้อ~ อ๊าสส” มิลลิสะบัดหน้าไปมาด้วยความเสียวซ่าน ร้องครางเสียงดัง ก่อนที่เธอจะกระตุกตัวเกร็งปลดปล่อยออกมาทันที “อร้ายย”เมื่อเห็นเธอเสร็จแล้ว ยีนส์ก็เร่งความเร็วถึงขีดสุด กระแทกเข้าออกถี่ ๆ แรง ๆ ก่อนที่เขาจะแตกพร่า ฉีดอัดน้ำรักเข้าไปในร่องรักของมิลลิจนหมด “อึก อ๊าส”ครวญครางออกมาอย่างสุขสม ยีนส์แช่เอ็นร้อนเอาไว้ ไม่ได้ถอดอ
เมื่อประตูคอนโดเปิดออก ยีนส์ก็ผลักคนตัวเล็กติดผนังทันที แววตาคมเต็มไปด้วยเปลวเพลิง ร่างกายเครียดเกร็งไปหมดทุกส่วน บางอย่างที่แข็งขืนอยู่นาน ยิ่งทวีความต้องการมากขึ้น ริมฝีปากหนาก้มลงจูบดูดดื่มกับริมฝีปากอวบอิ่ม ส่งลิ้นร้อนเข้าไปกวาดต้อน เกี่ยวพันกับลิ้นเล็ก รสจูบแผดเผาร่างกายมิลลิจนร้อนรุ่มไปหมด ใจเต้นเสียงดังโครมคราม มันแตกต่างจากจูบทุกครั้งที่ผ่านมา นอกจากความเร่าร้อนแล้ว ยังเต็มไปด้วยความดุดัน ลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร มือเล็กยกขึ้นเกี่ยวคอแกร่ง เมื่อถูกความกระสันเสียวเล่นงานไม่หยุด จนร่างกายอ่อนปวกเปียกยืนทรงตัวแทบไม่ได้ มือหนาของคนตัวสูงยกขึ้นบีบสะโพกสวยอย่างจงใจ เขาค่อย ๆ ลูบไล้ไปตามส่วนเว้าส่วนโค้ง ของคนตัวเล็ก ก่อนจะมาเจอกับก้อนกลมด้านหน้าสองลูก ที่เขาออกแรงบีบเค้นมากกว่าปกติ ริมฝีปากก็ยังดูดดึงกันอยู่อย่างนั้น “อืม”เสียงทุ้มครางออกมาอย่างถูกใจ ก่อนจะผละริมฝีปากออกไป“พี่เจ็บจังเลยครับ” “ให้มิลทำยังไงคะ”รอยยิ้มกรุ่มกริ่มที่ส่งมา ทำให้เธอเขินอาย หน้าแดงก่ำ ช่วงริมฝีปากไม่สามารถหุบยิ้มได้ “มิลอยากทำยังไงกับพี่ครับ” “มิลอยากทำแผลให้พี่ค่ะ”ยีนส์กรอกตามอ