"ทีหลังไม่ต้องมากินถึงที่นี่ ถ้าโรงอาหารที่คณะเต็ม ก็ออกไปกินข้างนอก เข้าใจหรือเปล่า"
มิลลิยังคงถูกคนเป็นพี่ชายบ่นไม่หยุด ขนาดว่ากินข้าวจะเสร็จแล้ว ก็ยังทำหน้าไม่พอใจ "หรือว่าแอบชอบใครที่คณะนี้"สายตาคมของโซลหรี่มองน้องสาวอย่างจับผิด "แค่ก! แค่ก!" มิลลิสำลักออกมาทันที เมื่อคนเป็นพี่พูดแทงใจดำ พูดราวกับมานั่งอยู่ในใจเธอ หันหาเพื่อนสองคนเพื่อขอความช่วยเหลือ ถึงพี่ชายของเพื่อนจะหวงน้องสาวเหมือนกัน แต่คงไม่เท่าพี่ชายเธอทั้งสองคน "เอ่อ...คือ ไม่มีหรอกค่ะพี่โซล ทีหลังเราจะไม่มาอีกแล้วนะคะ จะไปกินคณะนิติฯ แทน" ปลายฝนแกล้งบอกออกไปแบบนั้น เพื่อให้โซลเห็นว่า ไม่ว่าจะคณะไหนก็มีผู้ชายทั้งนั้น "ไม่ต้อง บอกว่าให้ออกไปกินข้างนอก" "กินข้างนอกอะไร บางวันพักแค่ชั่วโมงเดียวมันไม่ทัน ไม่รู้แหละต่อไปมิลจะมากินที่นี่แหละ ใกล้กว่าคณะอื่นด้วย" "อย่าดื้อได้ไหมมิล เดี๋ยวฟ้องพ่อนะ หรือพี่ฟรินท์ดี หรือแม่" เมื่อถูกเอ่ยขู่ ด้วยคนที่เธอกลัวทั้งนั้น ก็ทำให้ร่างเล็กหุบปากลงไปได้ทันที "เราก็เหมือนกันเทียร์ ไหนบอกไม่ชอบผู้ชายคณะนี้ เถื่อนอย่างนั้น เถื่อนอย่างนี้ ทำไมไม่ห้ามเพื่อน" "แล้วทำไมเทียร์ต้องห้าม เราโตกันแล้วนะ อายุ20แล้วด้วย มีสิทธิ์มีแฟนแล้วด้วยซ้ำ" มิลลิกับปลายฝนอมยิ้มชอบใจ แอบยกนิ้วโป้งให้ ที่คาเทียร์พูดแบบนั้นกับคนเป็นพี่ชาย "ใครอนุญาติ?" "ทำไมต้องรอให้ใครอนุญาติ ทีพวกพี่ยังควงสาวไม่เว้นแต่ละวัน พอพวกเราทำมาเป็นห้าม แบบนี้ไม่ยุติธรรมนะคะ เดี๋ยวนี้ผู้ชายหรือผู้หญิงก็เท่าเทียมกันทั้งนั้น"เรื่องเถียงไว้ใจคาเทียร์ได้เลย "มันไม่เหมือนกัน ถ้าจะมีก็ต้องผ่านพวกพี่ไปก่อนเข้าใจไหม ผู้ชายเดี๋ยวนี้ไว้ใจได้ที่ไหนกัน" คราวนี้เป็นสกายพี่ชายของปลายฝนที่บ่นออกมาเหมือนกัน หลังจากนั่งเงียบอยู่นาน "พี่ก็อย่าเอานิสัยของพวกพี่มาวัดสิคะ ถ้าพี่เอานิสัยตัวเองมาวัด เชื่อเถอะว่าไม่มีผู้ชายคนไหนในโลกนี้ดีสักคนแน่นอน" "หยุดได้แล้วเทียร์ เถียงคำไม่ตกฟาก" สามสาวตัดสินใจลุกขึ้นทันที ขืนให้นั่งต่อ ต้องโดนบ่นอีกพักใหญ่แน่ "ไปนะคะ" เมื่อเอ่ยลาพี่ชายทั้งสามคน ก็เดินจะออกจากโรงอาหาร โดยมิลลิจูงมือเพื่อนทั้งสองให้เดินผ่านโต๊ะของพวกยีนส์ ตอนที่เธอเดินผ่านสายตาคมก็ยังคงมองสบตาเธอ เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เห็นจากเขา คือรอยยิ้มมุมปากที่ยกขึ้นมาเบา ๆ แต่ก็เป็นเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น เขายิ้มให้เธอใช่ไหม? แบบนี้เขารู้แล้วหรือเปล่าว่าเธอชอบเขา แต่ถึงยังไงเธอก็ได้เห็นรอยยิ้มของเขาแล้ว แม้ว่าจะเป็นเพียงเสี้ยววินาทีก็ตาม "มึงเห็นเหมือนกูเห็นไหม ปลายฝน" "รุ่นพี่คนนั้นเขาเหมือนจะยิ้มให้มึง" แสดงว่าเธอไม่ได้คิดไปเองคนเดียว เพื่อนสองคนของเธอก็เห็นเหมือนกับเธอ "กูอยากจะกรี๊ดให้ดัง ๆ พี่เขาหล่อมาก ขนาดไม่ได้ยิ้มกว้างอะไร ยังหล่อขนาดนี้ ถ้าได้เห็นรอยยิ้มกว้าง ๆ ของเขา มันจะขนาดไหนว่ะ" "ขนาดโดนพี่ชายด่า มึงยังไม่สะทกสะท้านเลย กูเชื่อจริง ๆ แล้ว ว่ามึงชอบพี่เขามาก แบบนี้ต้องไปสารภาพรักแล้วล่ะมั้ง" "กูไม่กล้า รอให้ชัวร์กว่านี้ก่อนดีกว่า" "ค่อยคิดเหอะ ตอนนี้กูอยากกินน้ำปั่นที่คาเฟ่มหาลัย พากูไปหน่อย" คาเทียร์ผู้คลั่งไคล้น้ำปั่นเป็นชีวิตจิตใจ หากวันไหนไม่ได้กิน เพื่อนจะบอกว่าเหมือนมาไม่ถึงมหาลัย สามสาวเดินมาคาเฟ่ของมหาลัย มีเวลาพักอีกเกือบชั่วโมง เลยตัดสินใจนั่งตากแอร์ที่นี่ดีกว่า "เดี๋ยวกูไปจองโต๊ะ กูเอานมสดปั่นนะ" มิลลิอาสาไปจองโต๊ะ เดินไปเลือกมุมที่ไม่ค่อยมีคนมากนัก หยิบโทรศัพท์ออกมาไถโซเชี่ยลไปเรื่อย ๆ สักพักเพื่อนสองคนก็เดินตามมานั่งด้วย "เย็นนี้ไปร้านเหล้าข้างมหาลัยกันไหม เป็นบาร์เล็ก ๆ มาเปิดใหม่ ชั้นสองโคตรน่านั่ง กูเห็นนักศึกษาแชร์กันเต็มฟีดไปหมด" ปลายฝนนักดื่ม ต้องบอกว่าแอบดื่มมากกว่า พวกเธอสามคน อยู่คอนโดเดียวกันแต่คนละห้อง พ่อแม่ พี่ชายเลยไว้ใจ แต่ขนาดว่าไว้ใจ ยังโผล่มาเซอร์ไพรส์บ่อย ๆ เรื่องการเที่ยวผับเลยเป็นไปไม่ได้ ยิ่งเป็นที่สิงสถิตของบรรดาพี่ชายทั้งหลาย พวกเธอยิ่งยากที่จะไปนั่งดื่มที่นั่น ขนาดว่าลุงพายุพ่อของปลายฝนเป็นเจ้าของผับใหญ่โต เราสามคนยังไม่เคยได้เข้าไปนั่งดื่มที่นั่นเลย "น่าสนใจ" กริ๊ง! กริ๊ง! เสียงกริ่งเปิดประตูของคาเฟ่ เรียกความสนใจของเราสามคนให้หันไปมองบุคคลมาใหม่พร้อมกัน ก่อนที่มิลลิจะต้องตาเบิกโพลง ที่เห็นเป็นรุ่นพี่หนุ่มที่เธอแอบชอบกับเพื่อนสองคน เดินตรงมานั่งโต๊ะใกล้กับพวกเธอ "บังเอิญหรือจงใจว่ะ" คาเทียร์พูดเสียงเบาลอดไรฟัน พร้อมสายตาที่หันมามองเธออย่างจงใจ แต่ทว่าตอนนี้เธอไม่ได้สนใจเพื่อนนัก เพราะตากลมโตถูกสายตาคมสะกดไว้จนไม่สามารถละสายตาไปได้ "มิลลิ"นิ้วเรียวของปลายฝนสะกิดเธอยิก ๆ จนต้องละสายตาหันมามองเพื่อนสองคน "อะไรของพวกมึง" "ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ พี่เขาตามเรามาแน่" เธอเองก็อยากจะคิดเข้าข้างตัวเอง เหมือนที่ปลายฝนบอก แต่ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ คาเฟ่มหาลัยไม่ใช่สถานที่ต้องห้ามเสียหน่อย นักศึกษาคณะไหน ๆ ก็สามารถมาใช้บริการได้ทั้งนั้น "มึงสนใจเหรอว่ะ" ตะวันที่ถูกเพื่อนลากให้มาคาเฟ่ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เต็มใจมา เรียนมาสามปี เป็นสถานที่ที่เขากับเพื่อนไม่เคยมาเลยด้วยซ้ำ แต่พอเห็นสามสาวเดินตรงมาทางนี้ ยีนส์ก็จงใจเดินตามมาห่าง ๆ ทำทีเป็นว่าบังเอิญ "กูไม่รู้มึงกำลังคิดทำอะไรนะ แต่กูอยากให้คิดเยอะ ๆ" "สามคนนี้น่าจะมีคนใดคนหนึ่ง เป็นแฟนกับพวกไอ้โซลแน่ หรือไม่ก็น้องผมลอนของมึงน่าจะเป็นแฟนมัน กูเห็นยืนคุยกันอยู่ตั้งนาน แถมยังเอามือลูบหัวกันด้วย" "ไม่ใช่แค่ลูบหัว กูไม่เคยเห็นมันมองผู้หญิงคนไหนด้วยสายตาแบบนั้นมาก่อนเลย น้องคนนั้นคงสำคัญกับมันมาก" ยิ่งเพื่อนสองคนพูดเท่าไหร่ ยีนส์ยิ่งคิดแผนร้ายมากเท่านั้น เป็นเพื่อนกันมาหลายปี เขาเองก็ไม่เคยเห็นอดีตเพื่อนรัก จะดูหวงใครมากเท่าผู้หญิงคนนี้เลย ขนาดจูเน่ผู้หญิงที่มันแย่งเขาไป เขายังไม่เคยเห็นความจริงใจของมันเลย "น้องเขาดูชอบมึงจริง ๆ นะไอ้ยีนส์ แต่ก่อนหน้านี้มึงไม่เห็นเคยสนใจ คงไม่ใช่เพราะว่าเป็นเด็กไอ้โซลหรอกใช่ไหม มึงถึงสนใจขึ้นมา" ยีนส์ไม่สนใจคำพูดของเพื่อนสองคน เขาเอาแต่มองตากับผู้หญิงที่พวกมันว่า และคิดเหมือนเพื่อนสองคนว่าผู้หญิงคนนั้นสนใจเขาจริง ๆ "กูเพิ่งเห็นว่าสวยขนาดนี้ ไม่ทันสังเกตุ" คีรินหันไปมองตามสายตาเพื่อน ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ถ้าเตือนแล้วไม่ฟัง ก็คงต้องปล่อยเลยตามเลยหลังจากเล่นเกมส์จ้องตาอยู่นาน เป็นมิลลิเองที่ทนสายตาคมที่ส่งมาไม่ไหว ใบหน้าเธอร้อนผ่าวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน "หน้ามึงแดงมากเลย เก็บอาการหน่อย" "กูทำไม่ได้ ทำไงดีอ่ะ พี่เขาต้องรู้แล้วแน่เลยว่ากูชอบ"มิลลิลนลาน พยายามหันใบหน้าหนีเขา แต่เธอก็ยังรู้สึกถึงสายตาคมอยู่ตลอด แบบนี้หัวใจเธอก็ทำงานหนัก เพราะตอนนี้มันเต้นรัวอย่างควบคุมไม่ได้ "อยากรู้ไหม? พี่เขาชื่ออะไร" "มึงจะไปถามเหรอ" "เปล่า แต่กูคิดว่าผู้หญิงในคาเฟ่รู้จักพี่เขาหลายคน มึงดูสิ แต่ละคนจ้องพี่เขาตาเป็นมัน" มิลลิหันมองรอบ ๆ ก็พบว่าที่ปลายฝนพูดเป็นเรื่องจริง แสดงว่าพี่เขาน่าจะฮอตมาก แต่เธอก็ไม่สงสัย เพราะจากรูปร่าง หน้าตาแล้ว จะเป็นคนดังของคณะวิศวะ ก็ไม่น่าแปลกใจ "คู่แข่งมึงเพียบเลย แต่มั่น ๆ เข้าไว้นะ" "...." "เพราะกูว่าเขาตามมึงมาชัวร์ ไม่งั้นไม่มานั่งส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มหามึงแบบนี้หรอก" พนักงานกำลังเดินเอาเครื่องดื่มที่สั่งมาเสิร์ฟ ก่อนจะถูกพวกรุ่นพี่สามคนเรียกตัวไว้ก่อน มิลลิสังเกตุเห็นว่าพวกพี่สามคนนั้น หันมามองกลุ่มเธอเป็นตาเดียว ก่อนที่พนักงานเสิร์ฟจะเดินตรงมาโต๊ะเธอ "เอ่อ...คือว่าน้องกลุ่มนั้น เขาจ่ายค่
ยีนส์กลับมาถึงคอนโดสุดหรูของเขา ห้องพักที่มีขนาดใหญ่ สมกับฐานะลูกชายเจ้าของโรงแรมหรูชื่อดัง อันที่จริงคนเป็นแม่อยากให้เขาไปอยู่ที่โรงแรมมากกว่า แต่ทว่าเขาไม่ชอบให้ตัวเองอยู่ในสายตาครอบครัวมากเกินไป หากไม่ได้ไปมหาลัย หรือเพื่อนสองคนชวนไปผับ เขาก็ไม่เคยออกไปไหน นิสัยจริง ๆ คือค่อนข้างเป็นคนเก็บตัว นอกจากคีรินกับตะวัน เขาก็ไม่มีเพื่อนสนิทที่ไหนอีก ยกเว้นเมื่อก่อน ที่เพื่อนที่เขาสนิทที่สุดคือโซล เราสองคนคบกันตั้งแต่มัธยมต้น เรียนห้องเดียวกันมาตลอด เข้ามาเรียนมหาลัยก็ยังเรียนคณะเดียวกัน ถึงจะคนละสาขา แต่ก็ตัวติดกันเหมือนปาท่องโก๋ ไม่เคยมีความลับต่อกัน จนกระทั่งเกิดเรื่องเกือบสองปีก่อน ตอนเข้าเรียนปีหนึ่งใหม่ ๆ เขาชอบผู้หญิงคนหนึ่ง เรียนคณะนิเทศศาสตร์ปีเดียวกัน ตามจีบอยู่สักพัก ยอมรับว่าเธอคือรักแรกของเขา เป็นผู้หญิงที่ตรงสเปกทุกอย่าง จนกระทั่งได้คบกันเป็นแฟน เพื่อนทุกคนต่างรู้จักเธอ เพราะเขาพาไปไหนมาไหนด้วยกัน ในมหาลัยก็นั่งกินข้าวด้วยกันตลอด เราสองคนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันหลังจากตกลงเป็นแฟนกันทันที บางครั้งเธอก็มานอนกับเขาที่คอนโด แต่ไม่เคยให้เขาไปนอนที่คอนโดของเธอ เราคบกันได้ประมาณห
มิลลิ คาเทียร์และปลายฝน มาถึงร้านเหล้าในเวลากว่าสองทุ่ม พวกเธอเลือกนั่งชั้นสอง ที่เป็นแบบเปิดโล่ง มีนักศึกษาจากมหาลัยเธอมาที่นี่กันมากกว่าที่คิด "อร้าย...มิลลิมึงหันมองโต๊ะห่างจากเราไปสามโต๊ะที เผื่อกูจะตาฝาด" "พี่ยีนส์"เสียงหวานของมิลลิพูดออกมาราวกับละเมอ ไม่คิดว่าเขาจะมาถึงก่อนเธอ และก็มาจริง ๆ ตามที่บอกเธอไว้ อีกอย่างตอนนี้เขาเองก็นั่งมองเธออยู่เหมือนกัน ก่อนจะได้ยินเสียงโทรศัพท์ฺในกระเป๋าสั่น ยีนส์: แต่งตัวแบบนี้น่ารักดี "อะไรยังไง มึงบอกพวกกูมา กูสองคนพลาดอะไรไปหรือเปล่า" เธอยังไม่ได้เล่าเรื่องยีนส์มาขอเบอร์เธอ หรือที่เขาโทรมาให้เพื่อนสองคนฟัง ที่จริงก็กะว่าจะมาเล่าตอนอยู่ที่นี่แหละ แต่ก็เจอกับยีนส์เสียก่อน มิลลิ: พี่ใส่ชุดแบบนี้ก็หล่อเหมือนกันค่ะ "คงไม่ใช่ว่าเขามาที่นี่เพราะมึงอีกนะ" ปลายฝนตั้งข้อสังเกตุที่เพื่อนสาวยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่จ้องโทรศัพท์ แบบนี้สองคนนี้คงคืบหน้าไปมากแล้ว "เขาขอเบอร์กูที่ลานจอดรถ" "นั่นไง แสดงว่าเขามีใจให้มึง" "ยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก เพิ่งเริ่มคุยกันเอง" "ตอบเป็นดาราเลย"คาเทียร์เย้าแหย่ พร้อมยิ้มแซว ดีใจด้วยจริง ๆ หากรุ่นพี่คนนั้นจะชอบเพื่อนเธอ
"ว่าไง อยากไปไหนต่อหรือเปล่า" "เอ่อ...คือ มิลไม่รู้ว่าป่านนี้เขาไปไหนกัน ปกตินอกจากอยู่กับเพื่อนสองคน ก็ไม่เคยไปไหน" ยีนส์ยกยิ้มมุมปากและแสดงสีหน้าว่าเขาตลกขบขันในคำพูดของเธอ นี่เธอกำลังทำตัวเป็นสาวไร้เดียงสาอยู่หรือเปล่า คงอยากกำลังทำให้เขาประทับใจสินะ "ไปดูหนังไหม ตอนนี้ก็เพิ่งสี่ทุ่ม" "ดูหนังที่ไหนคะ ห้างมันปิดแล้วนี่นา" "คอนโดฉัน ดูเสร็จฉันจะไปส่งที่ห้อง" แบบนี้มันเหมาะสมหรือเปล่านะ ถึงสมัยนี้เรื่องแบบนี้จะธรรมดามาก แต่เธอไม่รู้ว่าที่เขาชวนดูหนัง มันหมายถึงเรื่องแบบนั้นด้วยหรือเปล่า "เอ่อ.." "ถ้าไม่อยากไปก็ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้บังคับ" "มิลไปได้ค่ะ ตะ แต่ว่ามิลมีเรื่องอยากขอร้องพี่หน่อยได้ไหมคะ" "เรื่องอะไร?" "พี่รู้จักพี่โซลหรือเปล่าคะ" มือหนาของยีนส์เริ่มสั่นเทาเล็กน้อย เมื่อได้ยินเธอเอ่ยชื่ออดีตเพื่อนสนิทของเขา "ที่เธอไปนั่งกินข้าวด้วยใช่หรือเปล่า" "ใช่ค่ะ คนนั้นแหละ เขาเป็นพี่ชายของมิล" ยีนส์ที่ได้ยินชะงักไปทันที เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าโซลมีน้องสาว คบกันมาตั้งหลายปี เธอคงไม่ได้โกหกเขาอยู่ใช่ไหม "เธอนามสกุลอะไร" "บวรกิจวัฒนาค่ะ" ตอนนี้เขาเริ่มสับสน พอได้รู้ว่าเธอเ
“พี่ไม่ได้อยู่กับมิลตลอดเสียหน่อย บอกแล้วว่ากลัว เปลี่ยนเรื่องได้ไหมคะ ไว้ค่อยดูตอนกลางวัน” ใบหน้าสวยเว้าวอนเขาอย่างน่ารัก เธอไม่รู้หรอกว่ายิ่งทำแบบนี้ เขายิ่งอยากจะครอบครองเธอเร็ว ๆ จุดประสงค์การแก้แค้นของเขาไม่มีอะไรมาก แค่อยากให้อดีตเพื่อนสนิทดิ้นตายหรือทุกข์ทรมานใจก็แค่นั้น ถ้ารู้ว่าเขากับน้องสาวตัวเองได้กัน “ก็ได้ ฉันให้เธอเลือก อยากดูเรื่องอะไรเธอกดเลือกเองเลย แต่หลังจากนี้ไม่เปลี่ยนแล้วนะ” มิลลิรับรีโมตมากดเลือกแนวหนัง บอกตรง ๆ นอกจากซีรีย์เกาหลีหรือจีน เธอก็ไม่ใช่สายดูหนังเท่าไหร่ เลยกดสุ่ม เลือกตรงหนังรักโรแมนติกมาหนึ่งเรื่อง โดยไม่ได้อ่านตัวอย่างหนังเลยสักนิด ยีนส์ที่เห็นชื่อหนังที่เธอกดก็ยิ้มย่องในใจ เขาเคยเห็นตัวอย่างก่อนหน้านี้แล้ว มันไม่ใช่หนังรักโรแมนติกอย่างที่เธอเข้าใจ มันคือหนังอิโรติกต่างหาก เมื่อหนังเริ่มฉายไปได้ประมาณสิบนาที ก็เริ่มเข้าสู่หมวดหนังที่แท้จริง เขาได้ยินเสียงมิลลิเริ่มขยับตัวอย่างอึดอัด เมื่อถึงฉากจูบกันอย่างนัวเนียของพระนาง ก่อนจะพาเข้าสู่ฉากสิบแปดบวกอย่างเป็นทางการ “เอ่อ…มิลไม่อยากดูแล้วอ่ะ”เสียงเล็กเริ่มบ่นพึมพำ แต่ทว่าเขาทำเป็นไม่ได้ยิน ยังค
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นไปทั่วห้อง แข่งกับเสียงครางของคนสองคน ใบหน้าหล่อเหลาชื้นเหงื่อ แต่ช่วงล่างยังคงสาดซัดความปรารถนาอย่างดิบเถื่อน ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจแล้วว่าเธอจะเจ็บปวดแค่ไหน เขาสนใจแค่อารมณ์ของตัวเองเท่านั้น มิลลิที่เพิ่งเคยเจอกับเรื่องแบบนี้ ได้แต่นอนอ้าขาให้เขาจ้วงแทงเข้ามาอย่างหนักหน่วง ลำตัวสั่นคลอนไปตามแรงกระแทก โดยที่เธอทำได้เพียงส่งเสียงครางออกมาเท่านั้น จวบจนจังหวะตอกอัดสุดท้าย ร่างหนาก็เกร็งกระตุกปลดปล่อยน้ำอุ่นร้อนเต็มเครื่องป้องกัน พร้อมกับคนตัวเล็กที่ครางออกมาอย่างเสร็จสม ยีนส์ถอดถอนแก่นกายออก ก่อนจะใส่ถุงยางชิ้นใหม่ เขายังไม่อิ่ม ได้กินของอร่อยทั้งที เขาขอกินให้เต็มที่ “อีกรอบนะ”เอ็นร้อนกระแทกเข้าไปทันทีสุดลำ มิลลิที่นอนตาเหลือกอย่างไม่ทันตั้งตัว รู้อีกทีก็โดนตอกอัดรุนแรงรัว ๆ อีกแล้ว คำว่าอีกรอบของเขา ไม่รู้เหมือนกันว่าไปสิ้นสุดตรงไหน เพราะก่อนที่เธอจะสลบไป คนตัวสูงยังคงรัวเอวสอบกระแทกเธอไม่หยุด กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง! เสียงโทรศัพท์ของมิลลิปลุกให้ยีนส์ที่อยู่ใกล้ตื่นขึ้นมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะกดรับสายอย่างถือวิสาสะ“ฮัลโหล” (อะ เอ่อ พี่ยีนส์เหรอ มิลลิล่ะคะ) “นอ
“อื้อ~ พอก่อนค่ะ”มิลลิผลักตัวยีนส์ออกห่าง ใบหน้าหล่อที่เอาแต่คลอเคลียเธอไม่หยุด ทั้งจูบ ทั้งหอม ทั้งบีบเค้นเต้าอวบเธอผ่านชุดนักศึกษา เมื่อรถมาจอดตรงลานจอดรถคณะบริหาร เขาเลือกตรงที่มีรถจอดน้อย เมื่อคืนเขานอนไม่หลับเพราะเอาแต่คิดถึงร่างกายเธอ “ตอนเย็นไปคอนโดฉันนะ” มือเล็กจัดชุดนักศึกษาที่หลุดลุ่ยออกมา ก่อนจะช้อนตามองเขาอย่างงอน ๆ ก็ชุดมันยับหมดแล้ว“ไปทำไมคะ หรือว่าอยากกินอาหารฝีมือมิลแล้ว” “อยากกินเธอมากกว่า”นัยน์ตาคมเข้มที่ส่งมาให้เธอรู้ว่า เขาไม่ได้ล้อเล่นกับประโยคนั้น “ไม่คิดเลยว่าพี่จะหื่นขนาดนี้ วันนี้ไม่ได้ค่ะ พี่โซลจะมานอนด้วย”ใบหน้าหล่อขบกรามเข้าหากันแน่นอย่างไม่พอใจ ขนาดนี้มันยังเป็นมารขวางความสุขเขา “พี่เธอจะมานอนด้วยทำไม เขาไม่มีคอนโดอยู่หรือไง” “มีค่ะ...แต่ทุกวันพฤหัสจะมานอนด้วย พี่ฟรินท์ทุกวันอังคาร เป็นแบบนี้มานานแล้วค่ะ” เป็นสิ่งที่มิลลิชินและเข้าใจได้ว่าความเป็นห่วงของพ่อกับแม่เป็นยังไง เป็นเงื่อนไขที่ทำให้เธอได้มาอยู่คอนโดเอง ไม่งั้นพ่อกับแม่คงไม่ยอม“ไว้พรุ่งนี้นะคะ” “แล้วแบบนี้เขาไม่ต้องเฝ้าเธอไปจนแต่งงานหรือไง มันไม่ยุติธรรมกับแฟนแบบฉันนะ ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่
มือหนาจับเอวเล็กไว้มั่น เป็นฝ่ายกระแทกเข้าหาเธออย่างรุนแรง นอกจากอารมณ์กระสันที่พุ่งสูงแล้ว เขาต้องการให้รถโยกแรงที่สุด จนคนที่ยืนมองอยู่ด้านนอกสงสัย หรือให้รู้ไปเลยว่ามีสงครามสวาทเกิดขึ้นในรถคันนี้ ซึ่งมองจากตรงนี้เขาคิดว่าได้ผล เพราะเห็นโซลยืนมองรถเขาไม่วางตา อีกทั้งหัวคิ้วก็เลิกขึ้นอย่างสงสัย รถคันนี้โซลจำได้ดี มันคือรถของเพื่อนสนิทเขา ที่เลิกคบกันไปแล้ว การโยกขยับของรถ คนประสบการณ์ช่ำชองแบบเขารู้ดี มันต้องมีกิจกรรมอะไรเกิดขึ้นในรถแน่นอน แต่ทว่าที่เขาสงสัยคือเจ้าของรถคันนี้ ตั้งแต่เลิกกับแฟนมันไป เขาไม่เคยเห็นมันเอาผู้หญิงคนไหน แถมตอนนี้ยังมาเอากันในรถอีกต่างหาก อะไรจะอดใจไม่ไหวขนาดนั้น “มองอะไรไอ้โซล” เป็นคาเตอร์ที่เดินมาเอารถตรงนี้ เดินมาหาโซลที่ยืนมองรถหรูสีดำคันหนึ่งที่จอดอยู่ แต่เมื่อเพ่งมองดี ๆ กลับพบว่ามันขยับขึ้นลง“รถไอ้ยีนส์นิ” “เออ มันเอากับใครว่ะ” “ก็ช่างแม่งมันดิ เงี่ยนจัด” มิลลิที่ตอนนี้ความเสียวซ่านเข้าครอบงำ ได้แต่ร้องครางลั่นรถ เมื่อโดนกระแทกรุนแรง เธอฟุบลงบนอกแกร่ง สะบัดใบหน้าสวยไปมาอย่างสุดกลั้น “พี่เธออยู่หน้ารถ ซี้ดด"เอวสอบเร่งกระแทกแรงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยก
หลังจากบทรักตอนเที่ยงจบลง ท้องของมิลลิก็ส่งเสียงประท้วงเสียงดัง ตอนแรกคนตัวสูงอยากจะต่อรอบกับเธอด้วยซ้ำ เพราะบรรยากาศที่เป็นใจ ถึงจะร้อนไปหน่อย แต่มีความตื่นเต้นจากการทำรักเอาท์ดอร์ครั้งแรก แต่ทว่าคนตัวเล็กขอพักกินข้าวก่อน "ประจำเดือนมิลมาอยู่หรือเปล่า” ยีนส์ต้องถามภรรยาเรื่องนี้ เพราะหลังจากเธอเรียนจบก็ไม่ได้กินยาคุมอีก แต่ผ่านมาเกือบสามเดือน ทำไมเธอถึงยังไม่ท้องสักที ทั้งที่เขาขยันทำการบ้านกับเธอแทบตาย งัดกลเม็ดทุกอย่างมาใช้หมดแล้ว แต่ทว่ายังไร้วี่แวว “ที่จริงประจำเดือนมิลก็มาไม่ปกติอยู่แล้ว แต่เพื่อความสบายใจของพี่ มิลจะตรวจหลังจากเรากลับนะคะ” “เมื่อวานพ่อตาบอกว่าพี่ไม่มีน้ำยา”มิลลิหัวเราะออกมา เมื่อนึกถึงคำพูดของพ่อที่บ่นเธออยู่ทุกวันว่าเมื่อไหร่จะมีหลานให้ท่านสักที “หรือพี่จะไม่มีน้ำยาอย่างพ่อตาว่าจริง ๆ”เขายังคงคิดมากเรื่องนี้อยู่ ก็เขาอยากมีลูก พ่อกับแม่ของเขาก็อยากมีหลานหลาย ๆ คน “พี่อย่าคิดมากสิคะ มิลเพิ่งปล่อยได้แค่สองเดือนกว่า ๆ เอง ใครจะไปรู้ตอนนี้มิลอาจจะท้องแล้วก็ได้” “งั้นเราไปซื้อที่ตรวจมาตรวจเลยได้ไหม พี่อยากรู้ตอนนี้เลย มิลก็รู้ว่าพี่อยากมีลูกขนาดไหน” สุดท้าย
หลังจากงานแต่งจบลง ยีนส์และมิลลิก็รีบไปสนามบินทันที ทั้งคู่จะไปฮันนีมูนกันที่มัลดิฟส์ เป็นเจ้าสาวที่จองตั๋วเครื่องบินและที่พักเองหมดทุกอย่าง กำหนดการเที่ยวทุกอย่างใช้เวลา4วัน3คืน “มิลตื่นเต้นอยากเห็นทะเลใจจะขาดแล้วค่ะ”มิลลิเดินควงแขนสามีหนุ่มหล่อ เพื่อไปยังรถตู้ของโรงแรมที่เธอจองเอาไว้ แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาตีสี่กว่าแล้ว อีกทั้งยังเหนื่อยกับงานแต่ง แต่เธอกลับไม่รู้สึกง่วงสักนิด เพราะทะเลที่นี่ เธอใฝ่ฝันจะมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว “พี่อยากให้มิลพักหน่อยนะ”ยีนส์พูดไปตามที่คิด เพราะตั้งแต่ขึ้นเครื่องจนถึงตอนนี้ เขายังไม่เห็นเธอหลับเลย ทั้งที่ต้องตื่นตั้งแต่ตีสามเพื่อแต่งหน้า ทำผม ไหนจะยุ่งกับงานแต่งทั้งวัน เสร็จจากงานก็เที่ยงคืน ก็รีบมาสนามบินทันที เป็นเขาเสียอีกที่รู้สึกอ่อนเพลียมาก “ถึงที่พักแล้วค่อยนอนก็ได้ค่ะ สามีของมิลเหนื่อยแล้วเหรอคะ” “พี่ยอมแพ้มิล” รถตู้ของที่พักเข้ามาจอดตรงส่วนของโรงแรม แต่มิลลิจองเป็นที่พักติดทะเลไว้ เลยต้องใช้เวลาเดินไปอีก ขนาดว่าตอนนี้ตีห้า แต่ก็ยังมองเห็นความสวยงามของทะเล พนักงานของโรงแรมพาเดินไปตามสะพานไม้ที่พาไปยังที่พักเป็นหลังที่สร้างอยู่ในทะเล ก่อนที่จะหย
ยีนส์ขับรถหรูเข้ามาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่ เพื่อส่งมิลลิลงก่อน ส่วนเขาก็ขับไปจอดในลานจอดรถ ก่อนจะเดินลงมาหาเธอที่ยืนรออยู่ พร้อมกับว่าที่พ่อตา ว่าที่แม่ยาย และพี่ชายสองคนของเธอ คนตัวสูงยอมรับว่าประหม่ามาก แต่ก็ไม่ได้ถึงกับว่ากลัวอะไรขนาดนั้น เขาเองก็เป็นลูกผู้ชายมากพอ ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเคยทำไว้อยู่แล้ว เพราะงั้นไม่ว่าจะโดนอะไรเขาก็พร้อมจะยอมรับ ขอแค่อย่างเดียวอย่าให้เขาเลิกคบกับมิลลิ เพราะเป็นเรื่องเดียวที่เขาจะไม่ยอม “สวัสดีครับ”ยีนส์ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง และพี่ชายคนโตของมิลลิด้วยท่าทางปกติ ผิดกับสายตาของว่าที่พ่อตา ที่ดูเหมือนจะไม่พอใจเขามาก ๆ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร เพียงแต่สบัดหน้าหนีเขา ไม่รับไหว้เขาเหมือนอย่างแม่ของเธอ “เข้าบ้านกันดีกว่า มิลพาพี่เขาเข้ามาเร็วลูก” มิลลิจับมือของเขา เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกัน ตรงที่พ่อกับแม่นั่งรออยู่คือห้องรับแขกของบ้าน ยีนส์ทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกับพ่อแม่ของมิลลิทันที ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขาเป็นตาเดียว จากตอนแรกที่ไม่รู้สึกอะไร เจอแบบนี้เขาเองก็ต้องกุมมือเข้าหากันเพื่อลดอาการประหม่าของตัวเองตอนนี้ “เรื่องที่ผ่านมา แม่จะไม่พูดถึงมันนะ แต่หลังจากนี้
“แบบวันนี้ คือแม่พี่ชอบมิลหรือเปล่าคะ”มิลลิถามขึ้นตอนที่กลับมาถึงคอนโดของยีนส์แล้ว “ใช้คำว่าถูกใจเลยดีกว่า” เขาไม่ได้อวยเธอเกินจริง แต่การที่แม่เอ่ยปากชวนเธอไปชิมขนมที่ร้าน มันเป็นสัญญาณว่าแม่เขาถูกใจเธอมาก “แต่มิลก็อยากจะตีพี่เหลือเกิน รู้ว่ามิลชอบกินขนม ยังไม่บอกมิลอีกว่าแม่พี่เปิดร้านขนม” เธอทำหน้างอนเขาและทิ้งตัวนั่งลงตรงโซฟา โดยยีนส์ก็เดินเข้ามากอดเธอ ยกตัวเธอขึ้นนั่งบนตักของเขา ก่อนที่จะกดริมฝีปากลงไปบนกลีบปากนุ่มของเธอเบา ๆ “พี่กลัวมิลจะไม่อยากเจอแม่พี่ต่างหาก อีกอย่างตอนนั้นพี่ก็ยังไม่รู้ใจตัวเองด้วย หลังจากนี้พี่จะพาไปจนมิลเบื่อเลยดีไหมครับ” “ดีค่ะ มิลอยากเปิดร้านขนมมาตั้งนานแล้ว” “เรียนบริหารแต่ไปเปิดร้านขนมเหรอ” “ความชอบกับความฝันมันต่างกันค่ะ มิลเรียนบริหารเพราะเห็นพี่ชายคนโตเรียนค่ะ อีกอย่างเรียนจบมิลก็ต้องไปทำงานกับบริษัทของพ่อ” “แล้วไอ้โซลล่ะ มันเรียนวิศวะเครื่องยนต์นะ” “พ่อมีบริษัทผลิตยานยนต์ค่ะ พี่โซลตามพ่อไปทำงานตั้งแต่เด็ก ๆ เลยอยากเป็นอย่างพ่อ” “นี่พี่ตกถังข้าวสารเหรอเนี๊ยะ ต่อไปมิลต้องเลี้ยงพี่ด้วยนะ” “พี่รวยกว่ามิลอีกนะคะ เป็นลูกคนเดียวด้วย พี่นั่น
“พี่ไม่แปลกใจเลย ทำไมพี่ชายมิลถึงหวงมิลนัก” “ใช่ค่ะ เราห่างกันคนละปีกว่า ๆ เอง คลอดปุ๊บ แม่ก็ท้องปั๊บเลย” “อาทิตย์หน้าไปกินข้าวบ้านพี่บ้างสิ พี่อยากให้แม่กับพ่อพี่ได้รู้จักว่าที่ลูกสะใภ้” “พี่เคยพาแฟนเก่าเข้าบ้านหรือเปล่าคะ” ที่ถามไม่ใช่ว่าเพราะเธอโกรธหรอก เธอเองก็ทำใจเรื่องใจอดีตเขาได้แล้ว เพียงแต่ถามเพื่อจะได้ทำตัวถูกเวลาเจอหน้าพ่อกับแม่ของเขา “ไม่เคย ตอนนั้นพี่เพิ่งเรียนปีหนึ่งเองนะ ยังไม่คิดเรื่องนี้เลย” “….” “แต่ตอนนี้พี่คิดแล้วนะ พี่เป็นคนรักคนยากนะมิล ถ้าพี่รักแล้ว พี่ก็อยากจะคบกับเขาให้นานที่สุด” ยิ่งเขาพูด เธอก็ยิ่งเขินหน้าแดงจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ก็ไม่อยากจะคิดหรอกว่าเธอโชคดีแค่ไหน ที่ได้เป็นคนนั้นในใจเขา เรื่องของความรัก มันไม่ใช่อีกฝ่ายต้องเป็นฝ่ายโชคดีอย่างเดียว แต่มันคือการที่คนสองคนโชคดีทั้งคู่ต่างหากที่ได้มาเจอกัน ตอนนี้อยากจะบอกแฟนเก่าของเขาเหลือเกินว่าขอบคุณนะคะ ที่ทิ้งเขามาจนเจอกับเธอ 21.30 น. บรรยากาศในผับสุดหรูของพายุ ที่มีศักดิ์เป็นลุงของมิลลิ เธอไม่ค่อยได้มาที่นี่ นอกจากว่าจะมาพี่ชายหรือคนเป็นพ่อ เวลามีงานฉลองอะไร ครอบครัวของเธอมักจะเลือกมาฉลองกันที่นี่
“กว่าครอบครัวมิลจะยอมรับพี่ กระดูกพี่ไม่หักไปก่อนเหรอ” “หักไม่ได้คะ มิลไม่ยอมหรอก ว่าแต่….” “แต่อะไร?” “ว่าแต่มีตรงไหนให้พ่อมิลทำพี่ได้อีกบ้างค่ะ หน้าโดนแล้ว ขาโดนแล้ว งั้นหลังได้ไหมคะ” “มิลลิ”เสียงทุ้มเรียกชื่อเธออย่างไม่เชื่อ ตอนแรกเขาก็คิดว่าเธอพูดเล่น แต่ทำไมท่าทางเธอตอนนี้ถึงดูจริงจังขนาดนี้ “คิก คิก มิลพูดเล่นค่ะ เหลือด่านสุดท้ายแล้วนะคะ” มิลลิเข้าไปออดอ้อนแฟนหนุ่ม ตอนนี้ที่พวกเธอนั่งอยู่ท่ามกลางสายตาของเพื่อนสนิทมิลลิสองคน ตรงใต้ตึกคณะบริหาร ทำให้เพื่อนสองคนนั่งมองเธอด้วยสายตาหมั่นไส้ “งั้นมิลก็ต้องปลอบใจพี่ด้วยนะ ดูสิ”เขาเอียงหน้าให้เธอดูรอยแผลตรงมุมปาก คนตัวเล็กหันซ้าย หันขวา ก่อนจะกดริมฝีปากลงไปเบา ๆ อย่างเอาใจ “แหวะ!!! อีมิล กูจะอ้วก” คาเทียร์มองบนทนความคลั่งรักของคู่นี้ไม่ไหว ต้องทำท่าอ้วกออกมา โดยมีปลายฝนนั่งหัวเราะอยู่ข้าง ๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทั้งคู่สนใจพวกเธอสักนิด ยังคงนั่งออดอ้อนกันอยู่แบบนั้น ราวกับว่าโลกนี้มีเพียงสองเรา “ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ยีนส์จะเป็นคนคลั่งรักขนาดนี้”ปลายฝนพูดขึ้นขณะเดินไปเรียนวิชาช่วงเช้า “ไม่ใช่แค่พี่ยีนส์หรอก อีเพื่อนตัวดีของเราก็น้อยห
ยีนส์ทำสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด เขาเดินลงมาส่งเธออย่างไม่เต็มใจ เมื่อเห็นสีหน้ายียวนของไอ้เพื่อนเวร เขาก็ชักสีหน้าใส่มันทันที “ทำไมมึงทำหน้าบูดแบบนั้นล่ะว่ะ” โซลแซวด้วยรอยยิ้มขบขัน เขารู้ว่ามันไม่เต็มใจจะให้น้องสาวเขากลับ ยอมรับว่าที่มารับมิลลิ ก็เพราะเขาอยากแกล้งมันโดยตรง หมั่นไส้มันที่เคยทำกับน้องเขา แล้วมาดี๊ด๊าเมื่อน้องเขาให้อภัยมันง่าย ๆ “ไอ้เวร มึงเอาคืนกูที่น้องมึงให้อภัยกูใช่ไหม” “ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!”โซลหัวเราะเสียงดัง ไม่อยากเชื่อว่ามันจะอ่านใจเขาออกขนาดนี้ “สัด!!! กูขอแช่งให้มึงโดนบ้างเวลามึงมีความรัก มึงคอยดู” “แม่ง!!! แช่งเป็นเด็ก ๆ แต่กูคงไม่มีวันนั้นว่ะ ขอโทษด้วยนะ เพราะคนอย่างกูไม่รักใครง่าย ๆ เหมือนมึงหรอก” มิลลิยืนมองพี่ชายกับแฟนยืนเถียงกันแบบเด็ก ๆ แล้วก็ส่ายหัวออกมา ดูท่าว่าเธอจะต้องเจอแบบนี้ไปตลอด เพราะสองคนนี้ดูเป็นคนไม่ยอมใครทั้งคู่ “ไปได้แล้วค่ะ”เธอตัดบทก่อนจะขึ้นไปรอบนรถคนเป็นพี่ชาย มองเห็นสองคนยังยืนเถียงกันต่อ จนเธอต้องเปิดกระจกตะโกนเรียกพี่ชายให้ขึ้นรถได้แล้ว “เตรียมจะบอกพ่อกับแม่เมื่อไหร่” ระหว่างที่นั่งบนรถ พี่ชายก็ถามเธอถึงเรื่องนี้ แต่ก็เป็นเ
ปึก! ปึก! ปึก! ปึก! เสียงตอกอัดเข้าออกรุนแรงอย่างดิบเถื่อน จนร่างเล็กโยกโคลงตามแรงกระแทกนั้น เธอต้องเอามือขึ้นเกาะบ่าเขาไว้ เล็บจิกเกร็งตรงผิวเนื้อเขาจนเลือดซิบ ใบหน้าสวยเหยเก หลับตาคราญครางเสียงดังด้วยความเสียวซ่าน ทุกจังหวะการกระแทกที่เพิ่มระดับความแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตามความกระสันที่พุ่งสูงขึ้น เหงื่อเม็ดโตผุดพลายบนใบหน้าหล่อเหลา กรามหนาขบเข้าหากันแน่นทุกครั้งที่ร่องรักของเธอตอดรัดเอ็นร้อนของเขาแรง ๆ รัว ๆ “อ๊าสส ตอดแรง พี่เสียวหัวมากเลยครับ” เสียงทุ้มครางกระเส่า พร้อมคำพูดหวานหู ที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน ยิ่งมาพูดเวลานี้ ยิ่งเพิ่มความเสียวซ่านขึ้นถึงขีดสุด ร่างหนายังคงขยับโยกไปมาอย่างไม่ลดระดับความแรง มือหนาเอื้อมไปบีบเค้นอกอวบของเธอไปด้วย “มิลไม่ไหวแล้วค่ะ อื้อ~ อ๊าสส” มิลลิสะบัดหน้าไปมาด้วยความเสียวซ่าน ร้องครางเสียงดัง ก่อนที่เธอจะกระตุกตัวเกร็งปลดปล่อยออกมาทันที “อร้ายย”เมื่อเห็นเธอเสร็จแล้ว ยีนส์ก็เร่งความเร็วถึงขีดสุด กระแทกเข้าออกถี่ ๆ แรง ๆ ก่อนที่เขาจะแตกพร่า ฉีดอัดน้ำรักเข้าไปในร่องรักของมิลลิจนหมด “อึก อ๊าส”ครวญครางออกมาอย่างสุขสม ยีนส์แช่เอ็นร้อนเอาไว้ ไม่ได้ถอดอ
เมื่อประตูคอนโดเปิดออก ยีนส์ก็ผลักคนตัวเล็กติดผนังทันที แววตาคมเต็มไปด้วยเปลวเพลิง ร่างกายเครียดเกร็งไปหมดทุกส่วน บางอย่างที่แข็งขืนอยู่นาน ยิ่งทวีความต้องการมากขึ้น ริมฝีปากหนาก้มลงจูบดูดดื่มกับริมฝีปากอวบอิ่ม ส่งลิ้นร้อนเข้าไปกวาดต้อน เกี่ยวพันกับลิ้นเล็ก รสจูบแผดเผาร่างกายมิลลิจนร้อนรุ่มไปหมด ใจเต้นเสียงดังโครมคราม มันแตกต่างจากจูบทุกครั้งที่ผ่านมา นอกจากความเร่าร้อนแล้ว ยังเต็มไปด้วยความดุดัน ลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร มือเล็กยกขึ้นเกี่ยวคอแกร่ง เมื่อถูกความกระสันเสียวเล่นงานไม่หยุด จนร่างกายอ่อนปวกเปียกยืนทรงตัวแทบไม่ได้ มือหนาของคนตัวสูงยกขึ้นบีบสะโพกสวยอย่างจงใจ เขาค่อย ๆ ลูบไล้ไปตามส่วนเว้าส่วนโค้ง ของคนตัวเล็ก ก่อนจะมาเจอกับก้อนกลมด้านหน้าสองลูก ที่เขาออกแรงบีบเค้นมากกว่าปกติ ริมฝีปากก็ยังดูดดึงกันอยู่อย่างนั้น “อืม”เสียงทุ้มครางออกมาอย่างถูกใจ ก่อนจะผละริมฝีปากออกไป“พี่เจ็บจังเลยครับ” “ให้มิลทำยังไงคะ”รอยยิ้มกรุ่มกริ่มที่ส่งมา ทำให้เธอเขินอาย หน้าแดงก่ำ ช่วงริมฝีปากไม่สามารถหุบยิ้มได้ “มิลอยากทำยังไงกับพี่ครับ” “มิลอยากทำแผลให้พี่ค่ะ”ยีนส์กรอกตามอ