เสียงหวีดหวิวของอากาศดังจนแสบแก้วหูไปหมด ร่างกายของเยว่เล่อพุ่งลงสู้พื้นดินอย่างรวดเร็วตามแรงโน้มถ่วง แต่ก่อนที่ร่างกายจะกระแทกลงสู่พื้นดินนางรวบรวมลมปราณไว้ที่เท้าแล้วค่อยๆเหยียบย่ำบนอากาศเดินลงมาสู่พื้นดินอย่างสวยงาม ดีจริงๆที่ก่อนหน้านี้นางฝึกวิชาเหินเวหาไว้ใช้หนีคนของสำนัก
เมื่อลงพื้นได้อย่างปลอดภัยแล้วเยว่เล่อก็เดินตามหาน้องสาวอยู่สักพักพอใกล้ค่ำแล้วจึงตัดใจ อย่างไรเสียซูเจียวก็โตพอจะปกป้องตัวเองแล้ว ทั้งยังมีของวิเศษมากมายไว้ป้องกันตัว นางเดินหาที่นอนไปตามธารน้ำสักพักจนได้ยินเสียงครึกโครมด้านหน้า ด้วยความใคร่รู้จึงพุ่งตรงไปดูอย่างรวดเร็ว ตู้มมม โฮรก เสียงคำรามของพยัคฆ์ตัวใหญ่มหึมากึกก้องไปทั่วบริเวณเพื่อข่มคู่ต่อสู้ของมัน “อ่อ หมากับแมวกำลังกัดกัน” โฮรกกก แค่ก ด้วยประสาทสัมผัสที่ดีเยื่ยมของพวกมันทำให้พวกมันทั้งสองรับรู้ถึงผู้บุกรุกได้ตั้งนานแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าเป็นแค่มนุษย์ตัวเล็กที่มีพลังแค่น้อยนิดจึงไม่สนใจ แต่พอได้ยินนางมนุษย์พูดแล้วก็สะอึกจนคำรามไม่ออก หมากับแมวกำลังกัดกัน? พวกมันเป็นถึงพยัคฆ์นิลกาฬกับหมาป่าเงินเหมันต์เชียวนะ สัตว์อสูรระดับ 8 ผู้น่าเกรงขามเหตุใดมนุษย์เด็กฟันน้ำนมที่มีพลังปราณแค่ระดับ 4 ถึงกล้ามาหยามพวกมันได้ เมื่อหมดความสนใจในพวกมันแล้วเยว่เล่อจึงเดินกลับไปที่ลำธารเพื่อหาปลาและจุดพักต่อ แต่เสียงฝีเท้าหนักๆที่เหมือนวิ่งตรงมาหานางทำให้นางหันกลับไปมองแล้วพบกับความจริงอันน่าโหดร้ายว่าพวกมันทั้งสองเลิกกัดกันแล้วมาวิ่งไล่นางแทน นางจึงรีบใช้ลมปราณพุ่งทะยานหนีอย่างไม่คิดชีวิต “พวกเจ้าจะมาตามข้าทำไมเล่า พวกเจ้าก็กัดกันไปสิไม่ต้องมาสนใจข้า ว้ากกกก” นางมองชายชุดของนางที่แหว่งหายไปเป็นรูปฟันก่อนจะเพิ่มแรงวิ่งเพื่อหนีเอาชีวิตรอด “มานี่นะ เจ้าต้องชดใช้ที่มาเรียกร่างกายอันสง่างามของข้าว่าหมา ข้าคือหมาป่าเงินเหมันต์จำไว้ในหัวของเจ้าซะ” “ก็เป็นหมาไม่ใช่หรือไงเล่า ที่บ้านข้าเขาก็เรียกกันเช่นนี้ทั้งนั้น โอ้ย” เยว่เล่อวิ่งหนีจนไม่ลืมหูลืมตาไม่มองทางข้างหน้าเลยว่ามันคือทางตันจนหน้าผากนางชนเข้ากับหินก้อนใหญ่จนถอยหลังเซล้มไป “หึ คราวนี้เจ้าไม่รอดแน่ โทษบ้านเจ้าเสียเถอะที่สั่งสอนลูกหลานได้ไม่ดี” ปากของพยัคฆ์นิลกาฬอ้าออกกว้าง ฟันแหลมคมงับร่างของเยว่เล่อเข้าไปเต็มคำ เลือดสดๆไหลซึมจนได้กลิ่นสนิมออกจากปาก อ่ก อ้วก พยัคฆ์นิลกาฬพ่นร่างของเยว่เล่อออกมา “เป่าตงเจ้าจะคายนางออกมาทำไม นางไม่อร่อยขนาดนั้นเชียวรึ” “เสียมารยาท เจ้ากล้าว่าเนื้อข้าไม่อร่อยได้เช่นไรเนื้อข้าต้องอร่อยเลิศล้ำสิถึงจะถูก” เยว่เล่อลุกขึ้นมาปัดเศษดินออกจากเสื้อผ้าแล้วเท้าเอวชี้หน้าของหมาป่าปากเสียตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง “นี่เจ้าทำไมถึงไม่ตาย แล้วเลือดเป็นของ...” เสวี่ยปิงหันไปมองคู่แค้นคู่กัดอย่างเป่าตงจึงเห็นว่าเลือดที่ไหลไม่ใช่ของนังเด็กฟันน้ำนมนี่แต่เป็นของพยัคฆ์นิลกาฬ “เหอะ เจ้านี่มันอ่อนแอจริงๆเป่าตง ต้องถึงมือข้าจนได้ โฮรกก กึก อ้ากก” เขี้ยวอันใหญ่โตขอหมาป่าเหมันต์ถูกหยุดไว้ด้วยโดมแก้วสีใสที่โอบล้อมร่างกายของเยว่เล่อ “เป็นไปได้เช่นไรกัน ข้ามั่นใจว่าลมปราณเจ้าแค่ระดับ 4 ขั้นต่ำเท่านั้น” หมาตัวหนึ่งกำลังแสดงความโง่เขลา เยว่เล่อจึงสั่งสอนให้มันฉลาดขึ้น “ก็เพราะนี่ไงล่ะเจ้าหมาโง่” นางนำจี้หยกกลมใสดั่งลูกแก้วมาแสดงให้หมากับแมวโง่ดู “นี่มันสมบัติเทพกราะแก้วคุ้มกาย เจ้าเป็นคนของตำหนักเทียนฝูรึ” พยัคฆ์นิลกาฬเดินวนรอบตัวเยว่เล่ออย่างพิจารณา “ใช่ พวกเจ้าเป็นอสูรระดับ 8 คงรู้นะว่ามีกฎห้ามทำร้ายคนจากตำหนักเทียนฝูน่ะ” “หึ นังหนูฟันน้ำนม เจ้าคงไม่รู้ว่าในกฏนั้นยังระบุไว้ว่าคนผู้นั้นต้องเป็นสายเลือดผู้ครอบครองตำหนักเทียนฝูด้วย” พวกมันทั้งสองตัวกลั้วหัวเราะอย่างเย้ยยันในคำพูดไร้เดียงสาของเด็กน้อย ในสายตาของพวกมัน ก่อนที่พวกมันทั้งสองจะต้องลมหายใจสะดุดเมื่อนังหนูฟันน้ำนมคนนั้นนำป้ายหยกบัญชาเมฆามาโยนเล่นต่อหน้าพวกมัน “เป็นเช่นนั้นๆ ไอพลังของพวกเจ้าก็ติดม่านคุ้มกายข้าเสียแล้ว ถ้าท่านปู่รู้ว่าพวกเจ้าสองตัวหวังทำร้ายจะกินข้าให้ตาย ต่อให้ใช้พลังตระบะที่พวกเจ้าบำเพ็ญนับหมื่นปีก็คงชดใช้ไม่ไหว มีเพียงกลับไปเป็นเดรัจฉาจอีกครั้งเท่านั้นกระมัง หวังว่าคงพอจะชดใช้ได้บ้าง” “อะ เอ่อเจ้าคือ” เสียงของหมาป่าเหมันต์ขาดๆหายๆเหมือนไร้สิ้นสติ “นั่นสิข้าลืมแนะนำตัวไป ข้าคือหวาง เยว่เล่อคุณหนูใหญ่แห่งสำนักมังกรฟ้า อ่อ แล้วตอนนี้ก็เป็นเจ้าของตำหนักเทียนฝูด้วย คิกคิก” รอยยิ้มธุรกิจหวานหยดดูงดงามและน่าขนลุกไปพร้อมๆกัน ตอนนี้พวกมันสองตัวรู้แล้วว่ากำลังถูกคุณหนูแห่งสำนักมังกรฟ้าหลอกใช้!!! “แล้วท่านต้องการอะไรจากพวกเรา” เมื่อต่อกรไม่ได้จึงต้องยอมรับ พยัคฆ์นิลกาฬถอยหนึ่งก้าวเพื่อฟังข้อเสนอของนาง หมาป่าเงินเหมันต์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ง่ายๆ เพียงแค่พวกเจ้าพาข้าออกจากทวีปหยางจื่อตี้เพื่อไปทวีปหลงจื่อซางอย่างปลอดภัยได้ก็พอ แล้วข้าจะถือว่าเรื่องโหดร้ายที่เจ้าเกือบขย่ำคุณหนูใหญ่แห่งสำนักมังกรฟ้าไม่เคยเกิดขึ้นแล้วกัน ขอบใจความเมตตาของข้าซะสิ” เป่าตงและเสวี่ยปิงมองหน้ากัน พวกมันอดสูเหลือเกินที่โดนสิ่งที่ตนคิดว่าเป็นแค่เหยื่อกลายเป็นเจ้านายของพวกมัน โชคร้ายของพวกมันจริงๆ “ตกลง ถ้าพวกข้าสามารถพาเจ้าไปได้แล้วเจ้าจะปล่อยพวกเรา 2 ตัวไปใช่มั้ย” “ชาวยุทธไม่ผิดคำพูด” ใช่แล้วชาวยุทธไม่ผิดคำพูดแต่หวางเยว่เล่อหาใช่ชาวยุทธ หากแต่เป็นคุณหนูแห่งสำนักอันดับหนึ่ง นางยิ้มหวานละมุนให้หมากับแมวแสนโง่เขลาสองตัว ทางฝั่งเป่าตงและเสวี่ยปิงมองหน้ากัน แม้รอยยิ้มของนางจะไม่ค่อยน่าไว้วางใจแต่พวกมันสองตัวก็ยอมพยักหน้าตกลงในที่สุด “ดีล่ะ อาเป่า อาปิง พวกเจ้าไปหาปลามาให้ข้าปิ้งกินสิ ข้าเริ่มหิวแล้ว” “หะ ข้าเป็นถึงอสูรระดับ 8 จะให้ข้าไปจับปลาในลำธารเนี่ยนะ” พยัคฆ์หยิ่งในศักดิ์ศรีเช่นมันเหตุใดต้องลดตัวไปจับปลาเพื่อให้มนุษย์กินด้วย “ท่านปู่คงเศร้าใจหากเห็นหลานสาวอันเป็นที่รักผายผอมจนเหลือแต่กระดูก” สีหน้าเศร้าหมองเหลือจะกล่าวของนางทำให้เป่าตงและเสวี่ยปิงต้องจำยอมในที่สุด ชีวิตของพวกเขาช่างบัดซบเหลือเกินถึงได้โดนนังหนูฟันน้ำนมระดับต่ำขั้น4นี่หลอกใช้!หลังจากเดินซื้อของจนหมดเรี่ยวแรงร่างกายของเยว่เล่อก็ล้มตัวนอนบนฟูกนุ่มๆทันทีเมื่อกลับถึงห้อง เป่าตงและเสวี่ยปิงที่นอนรออยู่ในห้องเงยหัวขึ้นมามอง “ไปอาบน้ำก่อนค่อยนอน” เสียงเรียบๆของเป่าตงดังขึ้นมา ตอนนี้มันเหมือนกลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กเต็มตัว “ขอนอนพักสักพักค่อยไปอาบ” เยว่เล่อนอนหงายกางแขนกางขาจนเต็มเตียง สายตามองเพดานเตียงอย่างเลื่อนลอย ส่วนหนึ่งในใจตื่นเต้นที่จะได้ออกเดินทางจากทวีปหยางจื่อตี้แล้ว แต่อีกใจหนึ่งก็กังวลอยู่เรื่องหนึ่ง ฟึบ เยว่เล่อตะแคงข้างหันไปมองเป่าตงและเสวี่ยปิงที่นอนอยู่บนเบาะของตัวเอง ตอนแรกนางตกลงกับพวกมันว่าหากข้ามทวีปได้สำเร็จจะปล่อยพวกมันให้เป็นอิสระ…แต่ในใจเยว่เล่อดันเกิดความเห็นแก่ตัวขึ้นมา นางไม่อยากปล่อยพวกมันไปเลย แม้เป่าตงจะขี้บ่น ขี้เหวี่ยง ขี้วีนแค่ไหน แต่มันก็คอยช่วยนางอยู่ข้างๆเสมอ เสวี่ยปิงเองถึงแม้จะเป็นหมาขี้ประจบ แต่มันก็เป็นเหมือนเพื่อนที่ดีของนาง การมีทั้งสองตัวอยู่ด้วยทำให้การเดินทางของนางไม่เหงาเลยสักวัน ทุกวันมีแต่เรื่องสนุกเต็มไปหมด ถ้าจะต้องจากกันในวันพรุ่งนี้… แค่คิดถึงเรื่องน่าเศร้าดวงตาของเยว่เล่อก็เริ่มแดงก่ำ
พอเช้าวันต่อมา เยว่เล่อ ฮุ่ยหมินและเหล่าสหายโจรก็นั่งเรือซ่อมซ่อลำเดิมพร้อมปลาหมึกกลับมายังท่าเรือ สภาพของเหล่าสหายโจรดูย่ำแย่เกินกว่าจะบรรยายได้ เพราะพวกเขาไม่ได้เจอเหล่าสหายพี่น้องกองโจรมาหลายอาทิตย์จึงกินดื่มกันจนเมาหัวราน้ำ ส่วนเยว่เล่อมิได้ร่วมดื่มแต่สภาพกลับไม่ต่างกันเท่าไรนักเมื่อนางเมากลิ่นซากปลาหมึก! เยว่เล่อไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าจะเอาพวกมันไปด้วยทำไม แต่พอนางบอกให้เอาโยนทิ้งไปฮุ่ยหมินก็รีบมาห้ามไว้เพราะบอกว่ากลับไปมือเปล่ามันน่าสงสัย “แหวะ อ้วก” เพียงแค่ขึ้นมาถึงฝั่งเยว่เล่อและเหล่าสหายโจรก็ประจำพุ่มไม้แยกกันอ้วกจนหมดพุง หลังลากสังขารกลับโรงเตี๊ยมได้ หลงจู๊ของโรงเตี๊ยมรีบวิ่งมารายงานคนที่สภาพดีที่สุดเช่นฮุ่ยหมินว่ามีคนฝากจดหมายเอาไว้ให้ เมื่อเขาคลี่จดหมายออกจึงพบว่าเป็นนัดหมายตกลงราคาสินค้า เขามิค่อยพอใจนักที่นางจะขายสิ่งล้ำค่าหายากเช่นไข่ของหงส์เพลิง แต่ในเมื่อตกลงกันแล้วว่าเขาได้เงินนางได้หินนั่นจึงทำอะไรไม่ได้ อีกอย่างคนที่คว้าชัยชนะมาได้ก็คือนาง “น้องสาวเจ้าไหวมั้ยเนี่ย” ฮุ่ยหมินพยุงหิ้วปีกร่างของเยว่เล่อขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ดีๆ “เอ้า จดหมายของเจ
ใช้แรงไปไม่น้อยเมื่อต้องปีนบันไดเชือกมาถึงสามสิบชั้น แต่เพียงแค่ขึ้นมาถึงดาดฟ้าเรือใจของเยว่เล่อก็เต้นระส่ำไปหมด มีเรื่องน่าสนใจให้จ้องมองเต็มไปหมด ทั้งหอคอยปราการที่ตั้งสูงบนนั้นแล้วยังติดตั้งปืนใหญ่เอาไว้ ทั้งยังมีบ่อปลาเสริมมงคล ไหนจะห้องดูหรูหราตกแต่งด้วยทองบนอีกชั้นของดาดฟ้านั่นอีก แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเยว่เล่อที่สุดคงจะเป็นบัลลังก์สีดำสลักลวดลายอสูรตัวใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ นางรีบวิ่งไปดูบัลลังก์สุดอลังการนั่นด้วยความตื่นเต้นในทันที นี่แหละความอลังการที่นางหวังถึง! เยว่เล่อลูบลายสลักด้วยความประณีตอย่างแผ่วเบา พอมาใกล้ๆแล้วบัลลังก์ดูใหญ่กว่าเดิมอีก “ข้าลองนั่งดูได้หรือไม่” เยว่เล่อหันไปถามฮุ่ยหมินกับสหายโจรที่กำลังเดินมาหา “ได้สิ ถ้าเจ้ายอมมาเป็นเมียข้าย่อมมีสิทธินั่งบนบัลลังก์อยู่แล้ว” เยว่เล่อชะงักตูดของตัวเองที่กำลังจะนั่งลงเมื่อยินคำว่า ‘ได้สิ’ แต่เมื่อได้ยินเงื่อนไขข้างหลังจึงรีบยกตูดตัวเองขึ้นมายืน มองบัลลังก์ด้วยสายตาดุจรังเกียจมาก “ชิ แค่รองเท้าข้ายังไม่อยากเอาไปวางเลย” เยว่เล่อสะบัดหน้าหนี กำลังมองหาสิ่งสนุกใหม่ก็ได้ยินเสียงชาย
เยว่เล่อออกมากับพวกอันหรานและหยู่เซินโดยที่ไม่มีเป่าตงและเสวี่ยปิงตามมาด้วย ท่าเรือในยามค่ำคืนยังคงคึกคักมิต่างจากตอนกลางวัน ตลอดถนนเส้นทางมีโคมไฟจุดจนสว่าง เยว่เล่อสังเกตเห็นว่ามีเรือเข้าออกตลอดเวลา ทั้งยังมีคนของทางการเดินตรวจตราเข้มงวด นางเดินตามอันหรานกับหยู่เซินจนมาพบกับฮุ่ยหมินและฮันสุ่ยยืนพิงกำแพงรออยู่ “ไหนล่ะเรื่องสนุกที่เจ้าว่า” เยว่เล่อถามฮุ่ยหมิน นางไม่เห็นทีท่าว่าท่าเรือที่มีคนเยอะแยะเช่นนี้จะสามารถมีรังโจรซุกซ่อนเอาไว้ได้ “ตามมาสิ” ฮุ่ยหมินตอบ เขาใช้พลังปราณใช่แหวนมิตินำถุงผ้าและเบ็ดตกปลาหลายคันมาถือและแบ่งให้กับลูกน้องของตัวเองเยวเล่อเดินตามเขาไปเรื่อยๆ แม้พวกเขาจะเดินตรงไปที่ท่าเรือแต่นางก็ยังไม่ถามอะไรออกมา พวกเขาเดินตรงไปที่ซุ่มโต๊ะที่มีการตรวจตาคนเข้าออกท่าเรือ “พวกเจ้าจะออกเรือไปทำอะไร” นายตรวจถามเสียงเข้มเมื่อมีชายหนุ่มหน้าตาเจ้าสำอางกับผู้ชายอีกสามคนและมีผู้หญิงอีกหนึ่งคนยืนอยู่ด้านหลัง ดูน่าสงสัยไม่น้อย “ข้ากับคนในครอบครัวจะออกออกไปตกหมึกน่ะ ท่านเป็นนายตรวจแห่งท่าเรือนี้คงรู้สิน่ะว่าหมึกต้องตกตอนกลางคืนน่ะ” “พวกเจ้าไปได้แ
ก่อนที่เหตุการณ์เลวร้ายจะเกิดขึ้นเสวี่ยปิงจึงรีบลากคอเป่าตงจนตัวลอยมาวางไว้ข้างหลังผ้าคลุมโต๊ะแล้วกระซิบเสียงลอดไรฟันว่า ‘คอยดูสถานการณ์ไปก่อน’ เป่าตงที่กำลังมึนงงยิ่งงงเข้าไปอีกเมื่ออยู่ๆหมาโง่อย่างเสวี่ยปิงกับไม่ทำเรื่องงี่เง่าแต่กลายเป็นมันเสียเอง “พระเจ้า ข้าขอดูใกล้ๆสักหน่อย” เมื่อพ่อค้าทำท่าจะถลาตัวเข้ามาหยิบไข่ไป เยว่เล่อที่ไหวตัวทันจึงรีบไปหลบหลังฮุ่ยหมินที่ยืนหน้าบึ้งตึงอยู่ ความคิดแรกของพ่อค้าคือจะใช้กำลังแย่งชิงมาต้องตกไปเพราะเขาพึ่งจับได้กับสัมผัสไอปราณที่พึ่งออกมาจากรอบๆตัวของชายหน้าตาเจ้าสำอาง ถึงพ่อค้าจะมีระดับปราณต่ำกว่าจนมิสามารถล่วงรู้ได้ว่าเขาอยู่ระดับไหนแต่จากประสบการณ์ชายคนนี้ย่อมมีระดับไม่ต่ำกว่าระดับหกแน่ ขนของเขาลุกซู่รีบถอยหลังกลับไป “ข้าแค่จะขอตรวจดูเท่านั้นว่าใช่ของจริงหรือป่าว” “พี่ชาย อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเลย ชายสี่คนที่มากับข้าถึงจะดูไม่เอาไหนไปบ้าง ดูติ๊งต๊องไปสักหน่อย แต่พวกเขาเป็นถึงสมาชิกองโจรที่โหมเหี้ยมเช่นกองโจรเงาพรายอสูรเชียวนะ หากเกิดอะไรขึ้นมาร้านเล็กๆของท่านมิรู้ว่าจะมีสิ่งใดเหลือบ้าง…แต่หากคิด ว่าเบื้องหลังท่านยิ่ง
ณ เมืองท่าของแคว้นซูบรรยากาศอบอ้าวไปด้วยลมร้อนของทะเล กลิ่นเค็มจากสายลมทำให้สมองตื่นตัวแบบน่าประหลาด ทั้งผืนน้ำกว้างใหญ่ หาดทรายและต้นมะพร้าวสูงใหญ่ล้วนเป็นสิ่งที่เยว่เล่อไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต นางวิ่งเหยียบย่ำทรายนุ่มขาวกับเสวี่ยปิงโดยมีเป่าตงเดิมสง่างามตามมา มันมองเหยียดยัยเด็กฟันน้ำนมและหมาโง่ที่ทำตัวเป็นบ้านนอกไม่เคยเห็นทะเลมาก่อน ซ่า เมื่อคลื่นทะเลซัดพื้นทรายจนมาโดนเท้าของเป่าตง มันตกใจมากจนวิ่งหนีออกจากฝั่งไปไกล สะบัดเท้าเอาน้ำทะเลออกจากฝ่ามือแล้วดม พอได้กินเค็มๆจึงลองชิมอย่างกล้าๆกลัวๆ มันเบิกตาโตทันทีเมื่อพบว่าน้ำมันเค็ม อย่าบอกนะว่าผืนน้ำที่กว้างใหญ่ทั้งหมดนี้คือน้ำเค็มทั้งหมด! ฮุ่ยหมิน ฮันสุ่ย อันหรานและหยู่เซินทำหน้าตายมองภาพคนบ้านนอกตื่นทะเล พวกเขาอยากจะทำเป็นไม่รู้จักกับเยว่เล่อด้วยซ้ำเมื่อเห็นนางสะดุดขาตัวเองแล้วจมทะเลลึกแค่เข่า! เสวี่ยปิงใช้หัวดันหลังเจ้านายตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งก่อนจะจมน้ำตื้นตาย เป็นการตายที่น่าสมเพสมากมิใช่หรือ มันไม่อยากมีประวัติว่าเคยมีเจ้านายโง่ขนาดนี้มาก่อน มันยังไม่อยากถูกลูกหลานตัวเองล้อจนตาย! แค่กๆ เยว่เล่อลุกข