“พวกเจ้าสองตัวคงไม่ได้หลอกข้าให้หลงป่าตายไปใช่มั้ย ห้ะ!!!” เยว่เล่อที่กำลังขี่คอของเป่าตงอยู่ดึงหูของมันพร้อมโวยวาย
“โอ้ย เจ็บๆ เจ้าคิดว่าป่าอสูรมันเล็กนักรึไงเล่า ไม่เดินเองแล้วยังมาบ่นอีก”
“แฮ่กๆ นายหญิงอีก 21 วันก็จะออกจากป่าได้แล้วขอรับ” เส้นเลือดของเป่าตงกระตุกยิกๆ เพราะเสวี่ยปิงกำลังเอาหัวถูไถขาของเยว่เล่อ ตอนนี้ไอ้หมาป่าโง่นั้นกลายเป็นหมาบ้านขี้ประจบไปแล้ว ลืมสิ้นศักดิ์ศรีของอสูรระดับ 8
“ไม่มีทางลัดเลยรึอาปิง”
“มีขอรับหากใช้ทางนั้นเพียงแค่10วันก็ถึงเขตชั้นนอกของป่าโดยไม่ต้องผ่านเขตชั้นกลาง และเดินทางต่ออีก 3 วันก็ออกจากป่าอสูรได้ แต่มันอันตรายมากมันเป็นเขตของอสรพิษระดับ 9 ขอรับ อสรพิษเป็นอสูรน่ารังเกียจมันมิสนสัจจะดังนั้นมันอาจทำร้ายคนของตำหนักเช่นนายหญิงขอรับ”
“ข้ามีเกราะแก้วคุ้มกายมันจะทำร้ายข้าได้ยังไง พวกเจ้านั่นแหละแม้แต่ไส้เดือนยังกลัว!!! อาเป่าเปลี่ยนไปใช้ทางลัดซะ” ร่างบางเอนหลังนอนลงบนขนนุ่มๆ มือเรียวเล็กลูบจี้หยกกลมใสไปมา ความจริงแล้วเกราะแก้วคุ้มกาย สามารถปกป้องนางจากอสูรได้ถึงระดับ 8 เท่านั้น แต่ถ้ามันทำให้ได้ออกจากป่าเร็วขึ้นใครจะสนล่ะ คิกคิกบรรยกาศรอบด้านเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเข้ามาในอาณาเขตของอสรพิษ มันอบอวลไปด้วยไอพิษจางๆปกคลุมรอบบริเวณ หนึ่งคนกับอีกสองตัวสัญชาตญาณตื่นตัวถึงขีดสุดเตรียมพร้อมรับมือ
เยว่เล่อหยิบขวดหยกสีขาวคุณภาพดีมาจากกำไลมิติ ในนั้นมียาหยาดอรุณ9สรรพคุณบรรจุอยู่ มันเป็นยาระดับสูงถูกทำโดยหมอโอสถระดับ9เท่านั้น หนึ่งใน9สรรพคุณของมันคือต้านพิษทุกชนิดนางจึงหยิบออกมา3เม็ด ให้นาง เป่าตงและเสวี่ยปิงกินเพื่อต้านพิษโดยรอบ
“นี่มัน...ไม่จริงน่า หยาดอรุณ9สรรพคุณ!!!! โอสถวิเศษเยี่ยงนี้เจ้าให้ข้าจริงหรือ” เป่าตงมองมือของนางยื่นเม็ดยาสีขาวไข่มุกสะท้อนแสงสีทองเหมือนพระอาทิตย์ออกมา ชั่วชีวิตหลายหมื่นปีของมันไม่เคยเห็นของล้ำค่าชิ้นนี้มาก่อน นอกจากต้านพิษได้ทุกชนิดแล้วมันยังช่วยทะลวงระดับได้! ความฝันที่จะทะลวงระดับขึ้นสู่ระดับ9ของมันคงสามารถเป็นจริงได้แล้ว
“สมแล้วที่เป็นนายหญิง เพียงต้านไอพิษธรรมดายังใจกว้างถึงขั้นมอบโอสถหายากอย่างหยาดอรุณ9สรรพคุณให้พวกเรา” เสวี่ยปิงมองด้วยสายตาเปล่งประกาย สมแล้วที่มันยอมทำตัวเป็นหมาขี้ประจบ การติดตามลูกหลานคนบนตำหนักไม่ผิดหวังเลยจริงๆ
“อื้อ พวกเจ้าเอาไป” คิ้วของเยว่เล่อขมวดมุ่น พวกมันสองตัวจะดีใจอะไรนักหนาโอสถหยาดอรุณหายากตรงไหน นางยังมีอีกหลายร้อยเม็ด! จากการไปปล้นคลังยาของตาเฒ่าไต้คงน่ะ คิก คิก
หลังจากเดินทางในอาณาเขตของอสรพิษมาได้4วัน แต่ยังไม่พบเจออันตรายใดๆพวกเยว่เล่อจึงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นจากวันแรก เวลาผ่านสักพักเลยหยุดนั่งพักกินอาหารเที่ยงกันอย่างสบายใจเฉิบ
“แฮกๆๆ นายหญิงขอรับวันนี้ข้าก็ขอหินปราณอีกได้หรือไม่ขอรับ” ภาพหมาตัวโตเอาหัวหมอบกับพื้นโก่งตูดส่ายหางไปมากลายเป็นภาพที่ชินตาของเป่าตงไปแล้ว
“ต้องดูพฤติกรรมเจ้า เอาล่ะ นั่งดีๆ” หมาตัวโตลุกนั่งเก็บอาการนิ่งจนตัวเกร็ง
ฟุบ
“อุบ ฮ่าๆฮ่า ไปคาบไม้มา” เมื่อเห็นอสูรอย่างมันทำตัวได้เหมือนหมายิ่งกว่าหมาจึงอดหัวเราะไม่ไหว
เป่าตงใช้สองเท้าหน้าปิดหูปิดตาไม่อยากรับรู้ความน่าอับอายของอสูรระดับเดียวกันอีกต่อไป นี่มันอนาจใจเกินไปแล้ว“ข้ามาแล้วนายหญิง!” ร่างกายใหญ่โตของเสวี่ยปิงคาบไม้มาวางตรงหน้าของเยว่เล่อ
“ฮ่าๆๆๆๆ โอ้ยยย ฮ่าๆๆๆ เอ้านี่หินปราณของเจ้า อาเป่าเจ้าไม่เอาหินปราณด้วยหรอ” เป่าตงทำหน้าตายมองเยว่เล่อที่หัวเราะจนน้ำตาไหล
กึก กึกก
เสียงของแข็งกระทบกันทำให้ทั้ง 3 หยุดชะงัก พวกเขาหันไปมองที่ต้นเสียงอย่างช้าๆแล้วพบว่าที่ด้านหลังมีอรสพิษที่ตัวใหญ่กว่าพยัคฆ์นิลกาฬและหมาป่าเหมันต์ถึงสองเท่ากำลังเอาหางฟาดพื้นอย่างฉุนเฉียว ร่างกายของเยว่เล่อชาวาบนางรีบขึ้นขี่หลังดึงหูอาเป่าให้วิ่งหนี
“วิ่งงงง อาเป่า อาปิง ทำไมพวกเจ้าไม่บอกข้าว่ามันไม่ใช่ไส่เดือนแต่เป็นราชาไส้เดือน!!!”
“เจ้ามนุษย์สามหาวนอกจากมารุกรานเขตของข้าแล้วเจ้ายังกล้าเรียกจักรพรรดิ์หมื่นอสรพิษเช่นข้าว่าไส้เดือนเลยรึ พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะเหลือแม้แต่กระดูกเลย”
“นายหญิง ท่านอย่าเอาชื่อสัตว์ที่บ้านท่านมาเรียกอสูรได้หรือไม่ข้าขอร้อง!” เสวี่ยปิงน้ำตาซึมร้องโหยหวน มันพึ่งจะเลื่อนเป็นอสูรระดับ 8 ไม่นานนี้ เมียก็ยังไม่มีมันยังไม่อยากตาย
ฟู่ จักรพรรดิ์หมื่นอสรพิษพ่นพิษมาใส่เยว่เล่อที่ขี่คอพยัคฆ์นิลกาฬอยู่ แม้ว่ายาหยาดอรุณ9สรรพคุณจะป้องกันพิษได้ แต่เมือกที่ถุกพ่นออกมาก็โดนตัวนางอยู่ดี
“อี๋ น้ำลายเน่าเหนียวเหนอะ” นางสลัดมืออย่างรังเกียจ เมื่อกินโอสถหยาดอรุณ9สรรพคุณพิษเหล่านี้เป็นอะไรไม่ได้เลยนอกจากเมือกสีเขียวเหนียวเหนอะน่าขยะแขยงสำหรับเยว่เล่อ
“แหวะ” พยัคฆ์นิลกาฬกลัวเมือกเหม็นๆนั่นมาโดนขนอันเงางามของมันจึงสะบัดตัวให้เยว่เล่อลงไปจากคอของมัน นางจึงหล่นลงแล้วต้องวิ่งต่อด้วยตัวเอง
“ไอ้แมวอ้วนไร้ประโยชน์เอ้ย เจ้าด้วยเจ้าหมาโง่ พวกเจ้าเป็นอสูรระดับ 8 มิใช่หรือไปสู้กับมันสิ”
“นี่เจ้าบ้ารึเปล่า จักรพรรดิ์หมื่นอสรพิษตัวนี้มันอยู่ระดับ 9 ขั้นสูงใกล้ทะลุระดับเทพแล้ว พวกข้าระดับ 8 ขั้นต่ำจะเอาอะไรไปสู้”
“งั้นก็วิ่งงงง”
“เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก นังมนุษย์ตัวดี”
ความเกรี้วกลาดของจักรพรรดิ์หมื่นอสรพิษยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเห็นว่าเหยื่อของมันทั้งสามโดนพิษของมันแล้วไม่เป็นอะไรเลย แถมท่าทางรังเกียจพิษของมันเหลือคณายิ่งทำให้หงุดหงิดจนอยากฆ่าให้ตายเสียเดี๋ยวนี้
“อ้ากกก อย่าตามข้ามาน้า!!!”
. .บนตำหนักลอยฟ้าเทียนฝูดูอึมครึมเป็นพิเศษเมื่อวันนี้เป็นวันที่ 6 แล้วที่คุณหนูใหญ่แห่งสำนักมังกรฟ้ายังไม่กลับบ้านเสียที เดือดร้อนเจ้าสำนักที่ต้องมาปลอบเมียรักให้หายกังวล
“เมียรักเจ้ากินหมูตุ๋นน้ำพิสุทธิ์ของโปรดของเจ้าหน่อยเถอะ ข้าสั่งให้คนครัวทำเป็นพิเศษให้เจ้าเชียวนะ” นายท่านหวางคีบหมูตุ๋นชิ้นโตลงบนถ้วยข้าวของฮูหยิน ประจบประแจงนางเต็มที่เพื่อให้ลูกรักได้ท่องเที่ยวอย่างมีความสุข และเพื่อความสงบสุขของบ้านตระกูลหวาง
“นางไม่กลับบ้านมา 6 วันแล้ว ปกติไปไหนนานๆนางมาขอข้าก่อนเสมอ”
“โถ่เมียจ๋า เจ้าก็รู้วันนั้นนางกลัวความผิดจึงแอบหนีเที่ยวไม่กลับบ้าน เจ้าจำได้มั้ยนางเคยหนีเที่ยวไม่บอกเจ้ามากสุดตั้งสองเดือนครึ่งแต่ก็กลับบ้านมาปลอดภัยดี อีกอย่างเยว่เอ๋อร์นางเที่ยวเล่นในตำหนักก็ดีแล้วมิใช่หรือ หากนางมาตื๊อขอไปโลกเบื้องล่างสิน่าหนักใจ ปล่อยให้นางเที่ยวอย่างสำราญใจไปเถอะ เดี๋ยวอีกอาทิตย์สองอาทิตย์นางก็กลับจวนแล้วกระมัง มาเถอะๆกินข้าวแล้วรีบเข้านอนกันดีกว่านะจ้ะ” มือของนายท่านหวางโอบกอดเมียรัก นัยตาหวานเยิ้มอย่างมีความแฝง
เพี๊ยะ ฮูหยินไม่หลงคารมสามีจึงตีมือปลาหมึกของเขา
“ลูกยังเล็ก แถมนางชอบหนีเที่ยวจนละเลยการฝึกยังดีที่มีสายเลือดของท่าน นางยังได้ไปถึงระดับ 4 แต่มันก็ยังน้อยไปมากสำหรับการอยู่ในตำหนักเทียนฝู”
“เจ้าจะกังวลไปทำไมกันเมียรัก อย่าว่าแต่ในตำหนักเทียนฝูเลยใต้หล้านี้ใครหน้าไหนจะกล้าแตะต้องนางจริงมั้ย...มา คืนนี้ข้าจะปลอบขวัญเจ้าทั้งคืนเลย” นายท่านหวางเดินอ้อมไปด้านหลังโอบกอดเมียเต็มรัก ก่อนจะอุ้มพากันไปกกนอน ไหนเลยนายท่านหวางจะรู้ว่าลูกรักของเขาจะเอาตัวไปเข้าปากอสูรถึงโลกเบื้องล่างด้วยตัวเอง
. . .“กรี้ดดด อย่ากินข้าเลยเนื้อข้าไม่อร่อยหรอก ข้ายกเนื้ออสูรอ้วนสองตัวนั้นให้เจ้าเลยเอ้า” เยว่เล่อกระโดดหนีคมเขี้ยวยาวของจักรพรรดิ์หมื่นอสรพิษได้ฉิวเฉียด อาเป่าและอาปิงหันมามองนางตาเขม็ง มิใช่ว่าหลายวันก่อนนางพึ่งโอ้อวดว่าเนื้อตนเองอร่อยเลิศล้ำอยู่เลยมิใช่หรือ ทั้งสามวิ่งตั้งแต่ตะวันตั้งตรงยันตอนนี้จะตกดินอยู่แล้วยังต้องวิ่งหนีไม่คิดชีวิต ด้วยความเหนื่อยล้าจนทนไม่ไหวเยว่เล่อจึงสบถด่า
“เจ้าจะวิ่งไล่พวกข้าไปถึงเมื่อไรเนี่ยไอ้ไส้เดือนปากเหม็น”
“จะตายแล้วยังปากดีอีกนะ”
“เจ้าสิต้องตาย ให้ข้ากลับตำหนักก่อนเถอะคอยดูข้าจะจับเจ้าไปทำเหยื่อตกปลา!!!”
“ข้างหน้าเป็นหุบเหวลึกเอาไงดี” อาเป่าวิ่งนำไปก่อนเยว่เล่อตะโกนกลับมา ลำพังมันกระโดดลงไปคงไม่ตาย แต่ยัยหนูนี่มันไม่แน่ใจจึงต้องถามเพื่อความแน่ใจ
“โดดเลย”
สามร่างกระโดดลงหุบเหวลึกที่มองไม่เห็นแม่แต่ก้นเหว จักรพรรดิ์หมื่นอสรพิษยืนมองจนร่างทั้งสามหายไปจึงตัดใจยอมกลับรังของตัวเอ
หลังจากเดินซื้อของจนหมดเรี่ยวแรงร่างกายของเยว่เล่อก็ล้มตัวนอนบนฟูกนุ่มๆทันทีเมื่อกลับถึงห้อง เป่าตงและเสวี่ยปิงที่นอนรออยู่ในห้องเงยหัวขึ้นมามอง “ไปอาบน้ำก่อนค่อยนอน” เสียงเรียบๆของเป่าตงดังขึ้นมา ตอนนี้มันเหมือนกลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กเต็มตัว “ขอนอนพักสักพักค่อยไปอาบ” เยว่เล่อนอนหงายกางแขนกางขาจนเต็มเตียง สายตามองเพดานเตียงอย่างเลื่อนลอย ส่วนหนึ่งในใจตื่นเต้นที่จะได้ออกเดินทางจากทวีปหยางจื่อตี้แล้ว แต่อีกใจหนึ่งก็กังวลอยู่เรื่องหนึ่ง ฟึบ เยว่เล่อตะแคงข้างหันไปมองเป่าตงและเสวี่ยปิงที่นอนอยู่บนเบาะของตัวเอง ตอนแรกนางตกลงกับพวกมันว่าหากข้ามทวีปได้สำเร็จจะปล่อยพวกมันให้เป็นอิสระ…แต่ในใจเยว่เล่อดันเกิดความเห็นแก่ตัวขึ้นมา นางไม่อยากปล่อยพวกมันไปเลย แม้เป่าตงจะขี้บ่น ขี้เหวี่ยง ขี้วีนแค่ไหน แต่มันก็คอยช่วยนางอยู่ข้างๆเสมอ เสวี่ยปิงเองถึงแม้จะเป็นหมาขี้ประจบ แต่มันก็เป็นเหมือนเพื่อนที่ดีของนาง การมีทั้งสองตัวอยู่ด้วยทำให้การเดินทางของนางไม่เหงาเลยสักวัน ทุกวันมีแต่เรื่องสนุกเต็มไปหมด ถ้าจะต้องจากกันในวันพรุ่งนี้… แค่คิดถึงเรื่องน่าเศร้าดวงตาของเยว่เล่อก็เริ่มแดงก่ำ
พอเช้าวันต่อมา เยว่เล่อ ฮุ่ยหมินและเหล่าสหายโจรก็นั่งเรือซ่อมซ่อลำเดิมพร้อมปลาหมึกกลับมายังท่าเรือ สภาพของเหล่าสหายโจรดูย่ำแย่เกินกว่าจะบรรยายได้ เพราะพวกเขาไม่ได้เจอเหล่าสหายพี่น้องกองโจรมาหลายอาทิตย์จึงกินดื่มกันจนเมาหัวราน้ำ ส่วนเยว่เล่อมิได้ร่วมดื่มแต่สภาพกลับไม่ต่างกันเท่าไรนักเมื่อนางเมากลิ่นซากปลาหมึก! เยว่เล่อไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าจะเอาพวกมันไปด้วยทำไม แต่พอนางบอกให้เอาโยนทิ้งไปฮุ่ยหมินก็รีบมาห้ามไว้เพราะบอกว่ากลับไปมือเปล่ามันน่าสงสัย “แหวะ อ้วก” เพียงแค่ขึ้นมาถึงฝั่งเยว่เล่อและเหล่าสหายโจรก็ประจำพุ่มไม้แยกกันอ้วกจนหมดพุง หลังลากสังขารกลับโรงเตี๊ยมได้ หลงจู๊ของโรงเตี๊ยมรีบวิ่งมารายงานคนที่สภาพดีที่สุดเช่นฮุ่ยหมินว่ามีคนฝากจดหมายเอาไว้ให้ เมื่อเขาคลี่จดหมายออกจึงพบว่าเป็นนัดหมายตกลงราคาสินค้า เขามิค่อยพอใจนักที่นางจะขายสิ่งล้ำค่าหายากเช่นไข่ของหงส์เพลิง แต่ในเมื่อตกลงกันแล้วว่าเขาได้เงินนางได้หินนั่นจึงทำอะไรไม่ได้ อีกอย่างคนที่คว้าชัยชนะมาได้ก็คือนาง “น้องสาวเจ้าไหวมั้ยเนี่ย” ฮุ่ยหมินพยุงหิ้วปีกร่างของเยว่เล่อขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ดีๆ “เอ้า จดหมายของเจ
ใช้แรงไปไม่น้อยเมื่อต้องปีนบันไดเชือกมาถึงสามสิบชั้น แต่เพียงแค่ขึ้นมาถึงดาดฟ้าเรือใจของเยว่เล่อก็เต้นระส่ำไปหมด มีเรื่องน่าสนใจให้จ้องมองเต็มไปหมด ทั้งหอคอยปราการที่ตั้งสูงบนนั้นแล้วยังติดตั้งปืนใหญ่เอาไว้ ทั้งยังมีบ่อปลาเสริมมงคล ไหนจะห้องดูหรูหราตกแต่งด้วยทองบนอีกชั้นของดาดฟ้านั่นอีก แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเยว่เล่อที่สุดคงจะเป็นบัลลังก์สีดำสลักลวดลายอสูรตัวใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ นางรีบวิ่งไปดูบัลลังก์สุดอลังการนั่นด้วยความตื่นเต้นในทันที นี่แหละความอลังการที่นางหวังถึง! เยว่เล่อลูบลายสลักด้วยความประณีตอย่างแผ่วเบา พอมาใกล้ๆแล้วบัลลังก์ดูใหญ่กว่าเดิมอีก “ข้าลองนั่งดูได้หรือไม่” เยว่เล่อหันไปถามฮุ่ยหมินกับสหายโจรที่กำลังเดินมาหา “ได้สิ ถ้าเจ้ายอมมาเป็นเมียข้าย่อมมีสิทธินั่งบนบัลลังก์อยู่แล้ว” เยว่เล่อชะงักตูดของตัวเองที่กำลังจะนั่งลงเมื่อยินคำว่า ‘ได้สิ’ แต่เมื่อได้ยินเงื่อนไขข้างหลังจึงรีบยกตูดตัวเองขึ้นมายืน มองบัลลังก์ด้วยสายตาดุจรังเกียจมาก “ชิ แค่รองเท้าข้ายังไม่อยากเอาไปวางเลย” เยว่เล่อสะบัดหน้าหนี กำลังมองหาสิ่งสนุกใหม่ก็ได้ยินเสียงชาย
เยว่เล่อออกมากับพวกอันหรานและหยู่เซินโดยที่ไม่มีเป่าตงและเสวี่ยปิงตามมาด้วย ท่าเรือในยามค่ำคืนยังคงคึกคักมิต่างจากตอนกลางวัน ตลอดถนนเส้นทางมีโคมไฟจุดจนสว่าง เยว่เล่อสังเกตเห็นว่ามีเรือเข้าออกตลอดเวลา ทั้งยังมีคนของทางการเดินตรวจตราเข้มงวด นางเดินตามอันหรานกับหยู่เซินจนมาพบกับฮุ่ยหมินและฮันสุ่ยยืนพิงกำแพงรออยู่ “ไหนล่ะเรื่องสนุกที่เจ้าว่า” เยว่เล่อถามฮุ่ยหมิน นางไม่เห็นทีท่าว่าท่าเรือที่มีคนเยอะแยะเช่นนี้จะสามารถมีรังโจรซุกซ่อนเอาไว้ได้ “ตามมาสิ” ฮุ่ยหมินตอบ เขาใช้พลังปราณใช่แหวนมิตินำถุงผ้าและเบ็ดตกปลาหลายคันมาถือและแบ่งให้กับลูกน้องของตัวเองเยวเล่อเดินตามเขาไปเรื่อยๆ แม้พวกเขาจะเดินตรงไปที่ท่าเรือแต่นางก็ยังไม่ถามอะไรออกมา พวกเขาเดินตรงไปที่ซุ่มโต๊ะที่มีการตรวจตาคนเข้าออกท่าเรือ “พวกเจ้าจะออกเรือไปทำอะไร” นายตรวจถามเสียงเข้มเมื่อมีชายหนุ่มหน้าตาเจ้าสำอางกับผู้ชายอีกสามคนและมีผู้หญิงอีกหนึ่งคนยืนอยู่ด้านหลัง ดูน่าสงสัยไม่น้อย “ข้ากับคนในครอบครัวจะออกออกไปตกหมึกน่ะ ท่านเป็นนายตรวจแห่งท่าเรือนี้คงรู้สิน่ะว่าหมึกต้องตกตอนกลางคืนน่ะ” “พวกเจ้าไปได้แ
ก่อนที่เหตุการณ์เลวร้ายจะเกิดขึ้นเสวี่ยปิงจึงรีบลากคอเป่าตงจนตัวลอยมาวางไว้ข้างหลังผ้าคลุมโต๊ะแล้วกระซิบเสียงลอดไรฟันว่า ‘คอยดูสถานการณ์ไปก่อน’ เป่าตงที่กำลังมึนงงยิ่งงงเข้าไปอีกเมื่ออยู่ๆหมาโง่อย่างเสวี่ยปิงกับไม่ทำเรื่องงี่เง่าแต่กลายเป็นมันเสียเอง “พระเจ้า ข้าขอดูใกล้ๆสักหน่อย” เมื่อพ่อค้าทำท่าจะถลาตัวเข้ามาหยิบไข่ไป เยว่เล่อที่ไหวตัวทันจึงรีบไปหลบหลังฮุ่ยหมินที่ยืนหน้าบึ้งตึงอยู่ ความคิดแรกของพ่อค้าคือจะใช้กำลังแย่งชิงมาต้องตกไปเพราะเขาพึ่งจับได้กับสัมผัสไอปราณที่พึ่งออกมาจากรอบๆตัวของชายหน้าตาเจ้าสำอาง ถึงพ่อค้าจะมีระดับปราณต่ำกว่าจนมิสามารถล่วงรู้ได้ว่าเขาอยู่ระดับไหนแต่จากประสบการณ์ชายคนนี้ย่อมมีระดับไม่ต่ำกว่าระดับหกแน่ ขนของเขาลุกซู่รีบถอยหลังกลับไป “ข้าแค่จะขอตรวจดูเท่านั้นว่าใช่ของจริงหรือป่าว” “พี่ชาย อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเลย ชายสี่คนที่มากับข้าถึงจะดูไม่เอาไหนไปบ้าง ดูติ๊งต๊องไปสักหน่อย แต่พวกเขาเป็นถึงสมาชิกองโจรที่โหมเหี้ยมเช่นกองโจรเงาพรายอสูรเชียวนะ หากเกิดอะไรขึ้นมาร้านเล็กๆของท่านมิรู้ว่าจะมีสิ่งใดเหลือบ้าง…แต่หากคิด ว่าเบื้องหลังท่านยิ่ง
ณ เมืองท่าของแคว้นซูบรรยากาศอบอ้าวไปด้วยลมร้อนของทะเล กลิ่นเค็มจากสายลมทำให้สมองตื่นตัวแบบน่าประหลาด ทั้งผืนน้ำกว้างใหญ่ หาดทรายและต้นมะพร้าวสูงใหญ่ล้วนเป็นสิ่งที่เยว่เล่อไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต นางวิ่งเหยียบย่ำทรายนุ่มขาวกับเสวี่ยปิงโดยมีเป่าตงเดิมสง่างามตามมา มันมองเหยียดยัยเด็กฟันน้ำนมและหมาโง่ที่ทำตัวเป็นบ้านนอกไม่เคยเห็นทะเลมาก่อน ซ่า เมื่อคลื่นทะเลซัดพื้นทรายจนมาโดนเท้าของเป่าตง มันตกใจมากจนวิ่งหนีออกจากฝั่งไปไกล สะบัดเท้าเอาน้ำทะเลออกจากฝ่ามือแล้วดม พอได้กินเค็มๆจึงลองชิมอย่างกล้าๆกลัวๆ มันเบิกตาโตทันทีเมื่อพบว่าน้ำมันเค็ม อย่าบอกนะว่าผืนน้ำที่กว้างใหญ่ทั้งหมดนี้คือน้ำเค็มทั้งหมด! ฮุ่ยหมิน ฮันสุ่ย อันหรานและหยู่เซินทำหน้าตายมองภาพคนบ้านนอกตื่นทะเล พวกเขาอยากจะทำเป็นไม่รู้จักกับเยว่เล่อด้วยซ้ำเมื่อเห็นนางสะดุดขาตัวเองแล้วจมทะเลลึกแค่เข่า! เสวี่ยปิงใช้หัวดันหลังเจ้านายตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งก่อนจะจมน้ำตื้นตาย เป็นการตายที่น่าสมเพสมากมิใช่หรือ มันไม่อยากมีประวัติว่าเคยมีเจ้านายโง่ขนาดนี้มาก่อน มันยังไม่อยากถูกลูกหลานตัวเองล้อจนตาย! แค่กๆ เยว่เล่อลุกข