บทที่ 11 จะไม่ให้เป็นเช่นเดิมอีก
"เท้าของเจ้าบวมแดงเล็กน้อยคงจะต้องใส่ยาหากจะให้เจ้าเดินน่าจะระบมแดงยิ่งกว่าเดิม ข้าอุ้มเจ้ากลับที่ห้องเจ้าจะว่ากระไรหรือไม่"
"ข้าจะว่าอะไรได้เจ้าคะ ต้องขอบคุณน้ำใจท่านใต้เท้าเสียอีกที่ช่วยเหลือข้า" เอ่ยจบเขาลุกขึ้นอุ้มร่างบางอย่างง่ายดายก่อนจะเดินพาเจียวเหมยกลับที่ห้อง
ยามนั้นยูร์เหยากำลังเช็ดถูห้องให้เจียวเหมยอยู่หน้าห้องเห็นนายท่านกำลังอุ้มร่างของเจียวเหมยมานางรีบเปิดประตูห้องให้อย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรถึงหรือเจ้าคะ”
“ระหว่างที่ข้าพานางเดินสำรวจนางได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าช่วยไปหยิบยามาให้ข้าทีข้าจะทายาให้นาง”
“เอ่อ…ท่านใต้เท้าในเมื่อยามนี้ท่านพาข้ามาส่งถึงที่ห้องแล้วข้าไม่ขอรบกวนท่านจะดีกว่าเจ้าค่ะ ข้าจะให้ยูร์เหยาช่วยทายาให้ข้าเองเจ้าค่ะ”
“เอาอย่างนั้นหรือ? ยูร์เหยาข้าฝากเจ้าดูแลนางด้วย”
“เจ้าค่ะท่านใต้เท้า” ยูร์เหยาโน้มกายน้อมรับคำสั่งเดินออกไปด้านนอกเพื่อนำยามาทาให้แก่เจียวเหมย เขาอุ้มร่างนางมาวางลงบนเตียงอย่างทะนุถนอม
“เท้าของเจ้าคงอีกสองวันถึงจะหายดีระหว่างนี้เจ้ามิต้องเดินไปที่ใดหากอยากได้อะไรให้เรียกใช้ยูร์เหยาได้เต็มที่ ส่วนอาหารข้าจะให้พ่อครัวจัดสำรับมาให้เจ้าที่ห้องนี่แล้วกัน”
“ท่านช่างมีเมตตากับข้าเหลือเกิน จนข้ารู้สึกอายเหลือเกินที่ไม่รู้จะตอบแทนไมตรีท่านอย่างไร ไว้ข้าหายดีเมื่อไหร่ข้าจะตอบแทนท่านใต้เท้าทั้งชีวิตเลยเจ้าค่ะ” เจียวเหมยเอ่ยคำหวานพลางใช้มือลูบไล้อกแกร่งของเขาสายตาหวานหยาดเยิ้มจนหยางตงฉวนตกอยู่ในภวังค์รีบหันหน้าหนีนางทันที
“ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าเจ้าจะตอบแทนข้าอย่างไร ข้าจะต้องตารอส่วนยามนี้เจ้าพักผ่อนเถิด” เขาลุกขึ้นพรวดรีบเดินออกไปทันที เจียวเหมยสังเกตเห็นใบหน้าของเขาแดงระเรื่อนัยน์ตาเต็มไปด้วยความหื่นกระหายในร่างกายนี้
“ข้าจะทำให้ท่านลุ่มหลงจนโง่หัวไม่ขึ้นเลย” เจียวเหมยเอ่ยตามหลังเขา เมื่อเห็นแผ่นหลังของเขาเดินไปไกลจนลับสายตา
ไม่นานยูร์เหยาได้เดินเข้ามาก็ต้องแปลกใจที่เห็นเจียวเหมยเดินอย่างไม่เจ็บปวด
“นี่ท่านมิได้รับบาดเจ็บหนักจนเดินไม่ได้หรอกหรือ?”
“ข้าเพียงแค่ถลาล้มเล็กน้อยโชคดีที่ท่านใต้เท้าช่วยเหลือเอาไว้ได้ก่อน ดูเหมือนท่านใต้เท้าจะเป็นห่วงข้าจนเกินไปคิดว่าข้าเดินไม่ไหวนะ”
“นี่! ข้ามองดูก็รู้ว่าท่านคิดเช่นไร ท่านมิใช่สตรีใสซื่อบริสุทธิ์อย่างที่ผู้อื่นคิดใช่หรือไม่? แม้ท่านจะปิดบังผู้อื่นได้แต่ท่านปิดบังข้ามิได้ บอกข้ามาว่าท่านต้องการอันใดกันแน่” ยูร์เหยาฉลาดพอเมื่อนางต้องพบเจอเหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้นางมองคนออกไม่มากก็น้อยและดูเหมืนอว่าเจียวเหมยเข้ามาที่นี่ต้องมีจุดประสงค์อันใดซ่อนอยู่ เจียวเหมยจ้องมองใบหน้าของยูร์เหยาหากนางต้องอยู่ที่นี่ต้องมีสาวใช้ที่คอยเคียงข้างและสามารถไว้ใจได้ นางจึงคิดจะใช้ใจแลกใจเพื่อจะได้สาวใช้ไว้ใช้งานและช่วยเหลือนางในการแก้แค้นครั้งนี้
“เจ้าหูตาไว้จริง ๆ เรื่องที่เจ้าถามข้าจะบอกทุกอย่างแต่ทว่ายามนี้ประตูได้เปิดทิ้งไว้หน้าต่างไม่ได้ปิดแน่นหนา หากผู้อื่นมาได้ยินอาจจะเกิดเรื่องขึ้นได้ “ยูร์เหยาวางยาไว้ที่โต๊ะก่อนจะเดินไปปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา และเดินไปปิดหน้าต่างทุกบานให้สนิท ก่อนจะเดินมายืนต่อหน้าเจียวเหมยเพื่อฟังความจริงจากปากของนาง
“ยามนี้ฮูหยินไม่อยู่ที่เรือน อีกอย่างท่านใต้เท้าได้กลับห้องอ่านตำราแล้วบ่าวรับใช้ในเรือนต่างพากันพักยามบ่าย รีบบอกข้ามาให้หมดว่าท่านต้องการจะทำอะไร”
“ใจเย็น ๆ สิ นั่งพูดคุยกันจะดีกว่า”
“อย่าชักช้ารีบเอ่ยมาเดี๋ยวนี้”
“ก็ได้ ก็ได้ ข้าต้องการเป็นอนุของท่านใต้เท้าหยางตงฉวน มีเพียงเท่านี้ไม่มีเรื่องอื่นใดเลย” เจียวเหมยลองใจดูว่าสีหน้าของยูร์เหยาจะเป็นอย่างไร แต่ที่น่าตกใจนางกลับเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของยูร์เหยาแทน
“เฮอะ! ท่านไม่ใช่คนละแวกนี้เป็นสตรีมาจากที่อื่น คิดดีแล้วหรือว่าจะมาเป็นอนุของท่านใต้เท้าหยางตงฉวน ท่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแท้ที่จริงแล้วท่านใต้เท้าเป็นคนเช่นไร! ขนาดฮูหยินคนเก่านางทั้งรักและประเคนทุกอย่างให้แก่ท่านใต้เท้า เขายังหมดรักนางและมอบความตายให้นางแทน ที่ข้าเอ่ยเรื่องนี้กับท่านเพราะสงสารไม่อยากให้พบเจอเรื่องโชคร้ายอย่างคุณหนูของข้า ไม่ว่าจะเป็นท่านใต้เท้าหรือฮูหยินต่างน่ากลัว เพียงอำนาจทั้งสองกล้าทำเรื่องไร้ความยุติธรรม ทำร้ายแม้กระทั่งผู้มีพระคุณหากท่านไม่อยากตายอยู่ที่นี่หายดีเมื่อไหร่ออกจากที่นี่ไปซ่ะ ข้าไม่อยากเห็นท่านมีจุดจบเดียวเช่นกับคุณหนูของข้า” เจียวเหมยจ้องมองใบหน้าของยูร์เหยาที่มองนางด้วยดวงตาสั่นเครือ นางนึกถึงเดหตุการณ์คืนที่หนิงเซียนถูกหยางตงฉวนทำร้าย เจียวเหมยเดินเข้ามาใกล้ใช้มือแตะลงที่บ่าของยูร์เหยาเพื่อปลอบใจและกระซิบข้างหูของนางจนยูร์เหยาเบิกตาโพลงโต
“ข้าไม่มีทางให้มันเป็นเช่นเดิม ข้าไม่กลัวตายและข้าก็รู้ดีว่าหยางตงฉวนกับเยว่เผิงสหายของข้าเป็นคนเช่นไร ข้าจดจำได้ดีว่าวันนั้นข้าเจ็บปวดเจียนตายเพียงใด ความทุกข์ทรมานใจที่ข้าต้องพบเจอข้าจะทำให้ทั้งสองพบเจอเช่นเดียวกับข้า หรือมากกว่าข้าด้วยซ้ำไป เพราะข้าคือจางหนิงเซียนคุณหนูของเจ้าข้ากลับมาครั้งนี้เพื่อแก้แค้นทั้งสองและยึดทุกอย่างที่เคยเป็นของตระกูลจางกลับมาเป็นของข้าเช่นเดิม” เจียวเหมยเดินถอยหลังยิ้มให้แก่ยูร์เหยา ยามนี้แข้งขาของนางไร้เรี่ยวแรงล้มลงกับพื้นด้วยความตกใจไม่คิดว่า คุณหนูของนางที่ตายไปแล้วจะกลับมาได้ยามนี้ร่างกายของนางสั่นเทาไปหมดก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างขบขัน
“ฮ่า ฮ่า เจ้าจะเป็นคุณหนูของข้าได้อย่างไรในเมื่อข้าเห็นกับตาว่านางถูกทำร้ายจนหมดลมหายใจ อีกอย่างเรื่องนี้เจ้ารู้ได้อย่างไรท่านใต้เท้าปิดบังเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับคุณหนู” เจียวเหมยคิดไว้แล้วว่าอย่างไรยูร์เหยาคงยากที่จะเชื่อสิ่งที่นางเอ่ยออกมา เจียวเหมยหันหลังให้แก่นางก่อนจะปลดเสื้อด้านนอกออกเผยให้เห็นตู้โตว ยูร์เหยาคิ้วขมวดเข้าหากันสตรีนางนี้ต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ นางเอ่ยถามอยู่แท้ ๆ เหตุใดถึงได้ปลดอาภรณ์ออกเช่นนี้
“เจ้าเคยอาบน้ำขัดกายให้ข้าอยู่บ่อยครั้งเห็นร่างกายของข้าจนหมดแล้ว ดูตรงเอวด้านซ้ายของข้าสิปานที่ข้ามีตั้งแต่เกิดมีเพียงไม่กี่คนหรอกที่รู้” ทันทีที่สายตาของยูร์เหยาเห็นนางตกตะลึงมากกว่าเดิม รีบคลานขาเข้ามาโอบกอดคุณหนูด้วยความคิดถึง
“อึก อึก สวรรค์นี่คงเป็นสวรรค์เมตตาคุณหนูของข้าให้มีชีวิตอยู่รอด ข้าดีใจเหลือเกินเจ้าค่ะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ฮื้อ ฮื้อ” นางสะอื้นไห้ออกมาด้วยความดีใจและโล่งใจ เจียวเหมยดึงอาภรณ์มาสวมใส่ก่อนจะบอกให้นางสงบสติอารมณ์
“เจ้าสงบสติอารมณ์เถิดผู้อื่นมาเห็นเข้าจะเคลือบแคลงใจ”
“เจ้าค่ะ” นางปล่อยแขนออกจากขาของเจียวเหมยพลางเช็ดน้ำตาตัวเอง
บทที่ 30 หวนคืนที่เดิมหลายวันต่อมาร่างกายของทั้งคู่เริ่มอ่อนล้าความเจ็บปวดที่ถาโถมทุกวัน บาดแผลเริ่มเน่าเปื่อยกลิ่นในห้องเหม็นเน่าของเนื้อ แมลงที่บินมาตอมจนแผลเกิดหนอนซอนไซ ทั้งสองเจ็บร้าวไปจนถึงกระดูกจนกระทั่งเยว่เผิงนางไม่สามารถทนความเจ็บปวดในครั้งนี้ได้หมดลมหายใจในที่สุด ส่วนเจียวเหมยนางได้กลับไปพักอยู่ที่ห้องเดิมของนาง เมื่อเข้ามาด้านในเห็นว่าเยว่เผิงหมดลมไปแล้วนางไม่ได้รู้สึกเสียใจแม้แต่น้อย ในที่สุดนางก็ได้แก้แค้นอย่างสาสมเหลือเพียงหยางตงฉวนที่ยังนอนพะงาบ พะงาบเน่าเปื่อยอยู่บนเตียง เจียวเหมยสั่งการให้ยูร์เหยาเรียกบ่าวรับใช้มานำร่างของเยว่เผิงนำออกไปทิ้งใช้ผ้าคุมร่างและบอกให้แพร่งพรายออกด้านนอกว่าฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลจางติดเชื้อโรคตายอย่างฮูหยินคนก่อน ทุกคนไม่แปลกใจเพราะเคยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นครั้งเมื่อท่านใต้เท้าจางกับจางหนิงเซียนส่วนหยางตงฉวนที่นอนพะงาบ ๆ เจียวเหมยได้ให้บ่าวรับใช้จัดเตรียมรถม้าเพื่อจะพาเขาออกไปที่หน้าผาตรงจุดที่นางเคยโดนนำร่างเอาไปทิ้ง ยามนี้หิมะเริ่มตกโปรยปรายเมื่อออกเดินไปทางด้านนอกจึงไม่ค่อยมีใครสังเกตบ่าวรับใช้ที่นางสั่งการให้ปิดปากทุกคนหากผู้ใดไม่ทำตามนา
บทที่ 29 สะสางแค้นภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้ง ร่างของซูหยวนนอนจมกองเลือดอยู่หน้าประตู กายของหยางตงฉวนนอนอยู่บนเตียงกับเยว่เผิงเมื่อนางเห็นใบหน้าของเยว่เผิงยิ่งสยดสยองไม่คิดว่าฮูหยินจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ก่อนที่นางจะตั้งสติรีบเข้ามาถามด้วยเป็นห่วง"ฮูหยินได้รับบาดเจ็บตรงไปไหนหรือไม่เจ้าคะ""นางซูหยวนใช้ไม้ตีหัวของข้าได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยส่วนเลือดที่เจ้าเห็นมากมายมิใช่เลือดข้า ไปเรียกบ่าวรับใช้มาลากศพของซูหยวนออกไปห่อเอาไว้ก่อนเมื่อฟ้ามืดเมื่อไหร่ค่อยเอาร่างนางไปทิ้ง เจ้าช่วยเก็บกวาดห้องให้ข้าด้วยอย่าให้สาวใช้เข้ามาในนี้ ส่วนหน้าต่างไม่ต้องปิดข้าจะให้แมลงมาตอมแผลของทั้งสอง แต่ก่อนจะทำอันใดเตรียมน้ำให้ข้าล้างกายเสียก่อน ข้าเหนียวไปทั้งตัวใช้แรงไปมากต้องให้พ่อครัวทำอาหารอร่อย ๆ ให้กินเสียแล้ว อ้อ..จริงสิ เจ้าเห็นเนื้อบนโต๊ะหรือไม่ช่วยเอาไปให้พ่อครัวย่างให้ข้าที ข้าจะนำมาป้อนเป็นอาหารกลางวันให้ทั้งสองได้กิน" นางชี้ไปที่ชิ้นเนื้อใบหน้าของเยว่เผิงที่นำมาวางไว้ เยว่เผิงได้ยินส่งเสียงร้องออกมาจากลำคอเพื่อคัดค้าน"อื้อ อื้อ " เจียวเหมยยิ้มกว้างหันไปหาเยว่เผิงพร้อมเอ่ยบอกแก่นาง
บทที่ 28 ตัวตนที่แท้จริงเจียวเหมยยืนขึ้นหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง"ฮ่า ฮ่า ต่อให้พวกเจ้าตะโกนขอความช่วยเหลือไม่มีผู้ใดสามารถช่วยพวกเจาได้หรอก! เมื่อครู่ข้าได้ยินว่าเจ้าต้องการฆ่าข้ามิใช่หรือ? ข้าพร้อมรอรับความตายแล้วแต่ถ้าเจ้าฆ่าข้ามิได้ จะเป็นข้าเองที่ฆ่าพวกเจ้า" น้ำเสียงเย็นยะเยือกผู้ที่ได้ยินถึงกับสั่นสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ เยว่เผิงหวาดกลัวจนตัวสั่นจะหนีก็หนีมิได้ยิ่งคิดถึงเรื่องชายฉกรรจ์สองคนที่นางส่งมาจัดการยังถูกเจียวเหมยจัดการได้อย่างง่ายดายแล้วนางเป็นเพียงสตรีจะสู้นางได้อย่างไรกัน"ท่านพี่ช่วยข้าด้วยท่านเห็นหรือยังเจ้าคะสตรีที่ท่านรักนางมิได้เป็นอย่างที่ท่านเห็น ท่านเห็นหรือยังว่าผู้ใดกันแน่ที่รักท่านจริง ๆ ช่วยข้าด้วยนางบ้าไปแล้วนางจะฆ่าข้าเจ้าค่ะ ""ฮ่า ฮ่า ต่อให้เจ้าเรียกหยางตงฉวนอย่างไรเขาก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้ ขนาดตัวของเขาเองยังช่วยตนเองไม่ได้ด้วยซ้ำ" เจียวเหมยค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ทั้งสองอย่างช้า ๆส่วนหยางตงฉวนทำได้เพียงนอนฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นเขาอยากจะช่วยเหลือเยว่เผิงแต่ทว่าแค่ขยับแขนเขายังทำไม่ได้ซูหยวนเห็นท่าไม่ดีนางยืนบังหน้าเยว่เผิงเอาไว้หวังปกป้องนายหญิงของตนมิ
บทที่ 27 เจ้าของเรือนผู้ใหม่ยามเหม่า (06.00)เสียงบ่าวรับใช้ในเรือนพากันเอ่ยซุบซิบกันกระฉ่อน เมื่อจู่ ๆ ถูกเรียกให้มารวมตัวกันที่หน้าของนายท่านแต่มิใช่นายท่านเป็นคนเรียกแต่กลับเป็นฮูหยินรอง เมื่อทุกคนมาครบยูร์เหยาได้เข้ามาเรียกเจียวเหมยออกไปพบทุกคน"ฮูหยินยามนี้ทุกคนมาพร้อมหน้าแล้วเจ้าค่ะ ""ดีอย่างนั้นออกไปข้างนอกกันเถอะ" เจียวเหมยเดินออกไปข้างนอกอย่างสง่าผ่าเผยทุกสายตาจ้องมองมาที่นาง"ทุกคนในเรือนจงฟังข้าให้ดีข้ามีเรื่องที่จะต้องแจ้งพวกเจ้าให้ได้รับรู้ ต่อจากนี้ท่านใต้เท้าหยางตงฉวนเจ็บป่วยร่างกายทรุดตัวไม่สามารถดูแลงานในเรือนรวมทั้งงานราชการ ท่านใต้เท้าจึงมอบหมายให้ข้าเจียวเหมยสตรีที่เขารักดูแลทุกอย่างในเรือนแห่งนี้ ต่อจากวันนี้ข้าคือผู้ดูแลเรือนตระกูลจาง ต่อจากนี้พวกเจ้าต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้า เพราะข้าคือเจ้าของเรือนหากผู้ใดไม่เชื่อและขัดคำสั่งข้าจะลงโทษอย่างไม่ปราณี" เอ่ยจบนางได้ชูหนังสือประจำตระกูลให้ทุกคนได้ดูแม้บางคนจะอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้แต่ก็พอรู้ว่าหนังสือเช่นนี้เป็นหนังสืออะไร เมื่อทุกคนเห็นต่างพากันแปลกใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอันใดเพราะกลัวว่าจะถูกลงโทษ หลังจากที่ทุกคนรับรู้นาง
บทที่ 26 รักข้ามั้ยเจ้าคะหลายวันต่อมาร่างกายของหยางตงฉวนเริ่มไม่แข็งแรงเหมือนเดิม เขาไอหนักมากกว่าเดิมสติเริ่มฟั่นเฟือนเลอะเลือน แต่เขายังคงรักเจียวเหมยหนักมากกว่าเดิม นางเฝ้าคอยดูแลเขาเอาอกเอาใจ“เจียวเหมยช่วงนี้ข้ารู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน ข้าได้เห็นความรักที่เจ้ามีให้ข้า ข้าอยากหายกลับไปเป็นปกติทำไมท่านหมอมาตรวจข้าหลายต่อหลายคนต่างพากันบอกว่าข้ามิได้เป็นอะไรทำไมร่างกายของข้าถึงซูบผอมไร้เรี่ยวแรงอย่างนี้กันนะ”“ท่านพี่คิดมากไปเองเจ้าค่ะ ท่านพี่เป็นกังวลเกินไปเลยทำให้ร่างกายของท่านซูบผอม ข้ารักท่านพี่นะเจ้าคะข้าเคยสัญญาว่าจะอยู่กับท่านจนกว่าจะถึงวันตายข้าไม่มีทางหนีท่านไปไหนเจ้าคะ ดื่มนี่สักหน่อยนะเจ้าคะข้าให้ยูร์เหยาต้มยาสมุนไพรบำรุงร่างกายให้ท่าน อีกไม่กี่วันร่างกายท่านอาจจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ” เจียวเหมยประคองร่างไร้เรี่ยวแรงของหยางตงฉวนขึ้นมานั่งคว้าหมอนมาหนุนหลังของเขาเอาไว้ ยามนี้ร่างกายของเขาซูบผอมจริง ๆ งานราชการเจียวเหมยได้จัดการให้เขาเมื่อมีสารมาที่เรือนนางได้ตอบกลับพร้อมประทับตราของหยางตงฉวนให้บอกว่าช่วงนี้เขาไม่สบายไม่สามารถทำงานได้นางยกยาสมุนไพรเมื่อครู่ให้เขาดื่มจนหมดก่
บทที่ 25 เจ้ามันน่าเบื่อยามโหย่ว (17.00)ฝั่งด้านเยว่เผิงหลายวันมานี้นางเก็บตัวเงียบเสียใจที่หยางตงฉวนเมินเฉยต่อนางความเย็นชาที่นางไม่เคยพบเจอก็ได้เจอ นางเคยขอพบเขาที่ห้องแต่เขากลับให้บ่าวออกมาบอกว่าเขาไม่ต้องการพบนางทำให้นางเสียใจมากกว่าเดิม"ฮูหยินเจ้าคะถึงเวลากินอาหารเย็นแล้วเจ้าค่ะ ช่วงนี้อาหารไม่ถูกปากฮูหยินอยากกินอะไรหรือไม่เจ้าคะ ข้าน้อยจะให้พ่อครัวทำให้""ไม่ข้าไม่อยากอะไรทั้งนั้น " แววตาเหม่อลอยจ้องมองไปนอกหน้าต่างเอ่ยตอบสาวใช้ด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉยไร้ชีวิตชีวา ซูหยวนสงสารนายหยิงจับใจครั้นนั้นนางได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามานางรีบหันไปมองเห็นว่าเป็นนายท่านใบหน้าของนางเริ่มปรากฏรอยยิ้มรีบแจ้งนายหญิงทันที"ฮูหยินเจ้าคะนายท่านมาเจ้าค่ะ " เยว่เผิงคิดว่าตนเองหูแว่วจึงคิดจะหันกลับมาต่อว่าสาวใช้แต่เมื่อเห็นชายที่ตนรักและคิดถึงรีบเดินไปหาเขาด้วยความดีใจ"ท่านพี่มาหาข้าหรือเจ้าคะ" น้ำเสียงระรื่นเอ่ยถามเขาทันทีพลางเดินเข้าไปใกล้หวังโอบกอดแต่ก็ต้องถูกเขาผละกายนางออก"ข้ามิได้มาเพราะคิดถึงเจ้า แต่ว่าเจียวเหมยของข้าให้ข้ามาหาเจ้า นางทั้งเห็นใจเจ้าหวังดีต่อเจ้ากลัวเจ้าจะน้อยใจข้าจึงได้มาหา ซู