Share

บทที่ 2 นับว่าเป็นโชคชะตา

Aвтор: วริษา
last update Последнее обновление: 2024-12-16 09:36:56

บทที่ 2 นับว่าเป็นโชคชะตา

เปรี้ยง เปรี้ยง! ซ่า ซ่า….

เสียงฟ้าร้องแข่งกับสายฝนเป็นระลอก ๆ แม้จะเป็นยามค่ำคืนแต่เมื่อแสงสายฟ้าฟาดลงมาเผยให้เห็นว่าตอนนี้บ่าวรับใช้ในเรือนกำลังจับร่างของสตรีมาโยนทิ้งที่หน้าผาเพื่อจัดการตามที่นายท่านบอก เมื่อเสร็จสิ้นรีบพากันเดินทางกลับ ร่างของหนิงเซียนตกลงมาโชคดีที่ด้านล่างเป็นพุ่มหญ้าปกคลุมทำให้ร่างกายของนางไม่ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม

ในยามนั้นมีนักพรตกับลูกศิษย์ที่ออกเดินทางไปเรื่อย ๆ โดยไร้จุดหมายเมื่อที่นอนหลับค่ำคืนนี้เกิดฟ้าฝนกระหน่ำลงมาทำให้นอนไม่ได้ จึงพากันเดินออกมาจากที่เดิมเพื่อหาที่หลบฝน บัดนั้นนั่นเองทั้งสองเดินผ่านมาพบเห็นร่างคนที่นอนแน่นิ่ง ลูกศิษย์จึงได้เอ่ยถามนักพรต

"ท่านอาจารย์นั่นไม่ใช่คนหรือขอรับ? "

"นั่นสิว่าแต่เป็นผู้ใดกันสภาพถึงเป็นเช่นนี้หล่นลงมาอย่างตั้งใจหรือว่าถูกกระทำเจ้าลองเข้าไปแตะชีพจรดูสิว่ายังมีชีพจรอยู่หรือไม่? "นักพรตบอกแก่ศิษย์ เขารีบเดินเข้าไปใกล้จับกายของนางพลิกหงายขึ้นเมื่อเห็นยามแรกเขาสะดุ้งอย่างตกใจเพราะสายฟ้าฟาดลงมาพอดีเผยให้เห็นใบหน้าเละของหนิงเซียน

เปี้ยง!

"เฮือก! "

"เกิดอะไรขึ้นหรือว่าร่างไร้วิญญาณเสียแล้ว"

"มิใช่ขอรับข้าเพียงตกใจเท่านั้น ใบหน้าของคนผู้นี้ดูไม่ได้เลยขอรับ อีกอย่างนางเป็นสตรีข้าคิดว่านางมิได้กระโดดลงมาเองแน่นอนเท่าที่ดูร่างกายของนางถูกทำร้ายชีพจรของนางยังคงมีอยู่แต่เหลือเพียงน้อยนิด เราจะทำอย่างไรดีขอรับท่านอาจารย์" ลูกศิษย์เอ่ยถามท่านอาจารย์อีกครั้ง หากปล่อยเอาไว้นางคงไม่รอดพ้นความตายแน่ หากช่วยเหลือก็ช่วยได้ทัน

"อย่างนั้นเจ้าแบกนางขึ้นมาเถอะในเมื่อนางบาดเจ็บขนาดนี้อยู่แต่ยังพยายามจะมีชีวิตอยู่นับว่านางมีจิตใจที่แข็งแกร่ง ข้าจะช่วยเหลือนางเอง "

"ขอรับท่านอาจารย์" เมื่อสิ้นเสียงเขาได้แบกร่างของนางขึ้นหลังพากันเดินผ่าฝนจนกระทั่งถึงกระท่อมร้างแห้งหนึ่ง

ท่านนักพรตผู้นี้เป็นผู้ที่บำเพ็ญเพียงมานานมีวิชาพลังที่สามารถช่วยเหลือคนเขาจึงเดินทางไปเรื่อย ๆ เพื่อช่วยเหลือคนที่ได้รับความเดือดร้อน แต่มิได้ช่วยเหลือทุกคนหากมีโชคชะตาร่วมกันให้เขาได้พบระหว่างทางเขาถึงจะช่วยเหลือ เช่นเดียวกับสตรีที่นอนแน่นิ่งอยู่บนฟางที่อยู่ในกระท่อมร้างยามนี้

"ข้านำร่างนางนอนลงตรงนี้แล้ว จะออกดูว่ามีไม้พอให้จุดไฟเพิ่มความอุ่นได้หรือไม่? แต่ว่าอาจารย์เท่าที่ข้าแบกนางมาร่างกายของนางแตกสลายทั้งแขนทั้งขา หากท่านอาจารย์ช่วยเหลือคงใช้พลังลมปราณมากน่าดูเลยขอรับ"

"เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงการช่วยเหลือคนเท่ากับเพิ่มพลังลมปราณตนเอง เจ้าไปหาดูไม้มาจุดให้ร่างกายของนางอบอุ่นเร็วเข้า นี่คงยามสี่แล้วอีกไม่นานฟ้าคงสว่างข้าจะช่วยเหลือนางตอนที่แสงตะวันขึ้นโผล่ขึ้นฟ้า” ผู้เป็นอาจารย์รีบบอกกล่าวศิษย์ของตนเพราะสตรีที่อยู่ตรงหน้าสำคัญที่สุดในตอนนี้

ลูกศิษย์เร่งรีบทำตามที่อาจารย์บอก จัดการหาฟืนที่อยู่ในกระท่อมร้างมาจุดไฟเพื่อให้ร่างกายของหนิงเซียนอบอุ่นขึ้นมา

ไม่นานนักแสงตะวันเริ่มโผล่ขึ้นท้องฟ้าบัดนี้ฝนหยุดตกลงมาท้องฟ้าเปิดแจ่มใสแสงแดดเริ่มสาดส่องมาเข้ามากระท่อมนักพรตนั่งสมาธิระหว่างที่รอท้องฟ้ามีแสง

“ท่านอาจารย์เช้าแล้วขอรับ ยามนี้ท้องฟ้าเปิดแล้ว ข้าจะออกไปหาอาหารเช้าละแวกนี้มาให้นะขอรับ” นักพรตลืมตาขึ้นกวาดตาจ้องมองออกไปด้านนอก ก่อนจะจ้องร่างกายของหนิงเซียน

“เจ้าลองเดินดูแถวนี้หากมีตลาดช่วยซื้ออาภรณ์มาเปลี่ยนให้นางใหม่พร้อมกับยาบรรเทาอาการปวดให้นางด้วย เมื่อเจ้ากลับมาข้าค่อยทำการรักษานาง”

“ขอรับท่านอาจารย์” ไป๋ฉีลูกศิษย์ของนักพรตรับเงินจากอาจารย์หลังจากนั้นเขาได้เดินสำรวจหาตลาดไม่นานก็มาถึง เขาเลือกซื้อทุกอย่างตามที่อาจารย์สั่งมา อีกทั่งยังหาซื้ออาหารที่โรงเตี๊ยมกลับไปด้วย

เมื่อกลับมาถึงกระท่อมท่านอาจารย์สั่งการให้เขาเปลี่ยนอาภรณ์ให้แก่หนิงเซียนแม้เขาจะเป็นบุรุษแต่เขาช่วยเหลือผู้คนมามากมายอีกอย่างร่างกายของหนิงเซียนแตกหักจนแทบไม่น่าดูเขารีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางจนเสร็จ อาจารย์ของเขาทำการตรวจลมปราณของหนิงเซียนก็พบว่าร่างกายได้รับบาดเจ็บจนแทบไม่สามารถรักษาได้เลยด้วยซ้ำ หากเป็นคนทั่วไปไม่แน่อาจจะตายไปแล้วเพราะมิอาจจะทนบาดแผลไม่ไหว แต่ทว่าร่างกายนี้มีจิตที่แข็งแกร่งอยากมีชีวิตอยู่ นักพรตมิอาจจะปล่อยไปได้หากนางต้องการมีชีวิตอยู่เขาจะช่วยเหลือนางเอง

ครั้นใช้พลังตนเองช่วยเหลือให้กระดูกของนางสมานเข้ากันได้ แต่ทว่าข้างในของนางต้องใช้เวลาอีกนานในการรักษา ใบหน้าของนางไม่ดูไม่ได้แม้แต่น้อย นักพรตใช้พลังของตนเองจัดการเปลี่ยนแปลงใบหน้าของนางราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน

เวลาล่วงเลยไปเกือบสองชั่วยาม ไป๋ฉีใจจดใจจ่อเฝ้ารออาจารย์อยู่ด้านนอกระหว่างที่รักษาเขาไม่อาจจะอยู่ด้านในได้ เขาเดินไปเดินมาอย่างร้อนใจสักพักเสียงฝีเท้าของอาจารย์ได้เดินออกมา

“อาจารย์เป็นอย่างไรบ้างขอรับ” ไป๋ฉีรีบเขาไปพยุงเมื่อเห็นใบหน้าของอาจารย์ที่ซีดเซียวเนื่องจากใช้พลังช่วยเหลือหนิงเซียนเป็นเวลานาน

“ข้าเคียงแค่พักสักครู่เดี๋ยวจะดีขึ้น ยามนี้สตรีนางนั้นร่างกายของนางอาจจะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ทว่าภายในของนางต้องใช้เวลาอีกสักพักถึงจะฟื้นฟูกลับมาเป็นเช่นเดิมได้ ช่วยพยุงข้าไปใกล้ ๆ สายธารด้านหน้านั้นที ข้าต้องการอยู่ในที่ ๆ เงียบสงบเพื่อทำสมาธิระหว่างนั้นเจ้าช่วยดูแลนางที ไม่แน่นางอาจจะฟื้นขึ้นมาในวันนี้ ที่นี่คงไม่มีผู้ใดอยู่ระหว่างที่นางจะกลับมาแข็งแรงข้ายังต้องช่วยเหลือนางอีกมาก เราจะพักอยู่ที่นี่กันก่อนจนกว่านางจะหายดีถึงจะเดินทางต่อไป ฝากเจ้าจัดการด้วย” ไป๋ฉีไม่เข้าใจอาจารย์เลยแม้แต่น้อย หากปล่อยให้คนใกล้ตายได้ตายสู้ไม่ดีกว่าต้องใช้พลังของตนเองช่วยเหลือเช่นนี้หรอกหรือ เขาไม่เห็นด้วยที่อาจารย์ต้องลงแรงช่วยเหลือสตรีที่ไม่รู้จักนี้ด้วยซ้ำ

“ท่านอาจารย์ข้าไม่เข้าใจสักนิดเหตุใดท่านต้องช่วยเหลือสตรีนางนั้นมากถึงเพียงนี้กัน เพียงแค่ข้าดูด้วยตาเปล่ายังมองออกว่าอีกไม่นานนางคงต้องตาย สู้อาจารย์เก็บพลังลมปราณของตนเอาไว้ปล่อยให้นางหายใจโรยรินจนหมดลมไปเองจะดีกว่านะขอรับ” นักพรตส่งสายตาเขม็งจ้องมองลูกศิษย์ก่อนจะเอ่ยเสียงแข็ง

“เจ้าเป็นลูกศิษย์ของข้าจริงหรือไม่? นี่มิใช่ครั้งแรกที่ข้าช่วยเหลือผู้คน ข้าสั่งสอนเจ้าอย่างไร”

“ข้าขอโทษขอรับท่านอาจารย์ จากนี้ศิษย์จะไม่สงสัยและห้ามท่านอาจารย์อีกแล้ว หากจะอยู่ที่นี่จนกว่านางจะแข็งแรงข้าจะเก็บกวาดกระท่อมหลังนี้ให้น่าอยู่เสียก่อนขอรับ” เขาก้มหน้าลงต่ำพลางสำนึกผิด ก่อนจะพาอาจารย์ ไปที่โขกหินนั่งทำสมาธิ ส่วนตัวของเขากลับไปที่กระท่อมจ้องมองร่างสตรีที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง จึงเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ทันทีที่เห็นใบหน้าใจของเขาเต้นตึกตักเมื่อตอนที่เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเหตุใดใบหน้าของนางไม่ได้ดูเป็นเช่นนี้ เมื่อครู่ใบหน้าของนางเละจนมองไม่ออกว่าเป็นสตรีหรือบุรุษแต่ทว่ายามนี้เพียงแค่เห็นครู่เดียวน่าดึงดูดน่าสนใจยิ่งนัก

“นี่คงเป็นเพราะอาจารย์ช่วยเหลือเอาไว้สินะ! นี่แม้เจ้าจะมีใบหน้างดงามแล้วแต่ข้าก็ยังไม่ชอบเจ้าอยู่ดี เพราะเจ้าทำให้ข้ากับท่านอาจารย์ต้องหยุดเดินทางอยู่ที่นี่และท่านอาจารย์ยังช่วยเหลือเจ้าจนร่างกายของตนเองเสียพลังไปมาก เฮอะ! นี่ข้าจะมาพูดกับนางที่ไร้สติทำไมรีบไปจัดการกระท่อมหลังนี้ให้น่าอยู่ดีกว่า” ไป๋ฉีพูดจบได้เดินไปสำรวจในตัวเรือนจัดการปัดกวาดเช็ดถู โชคดีที่กระท่อมร้างนี้มีของใช้มากมายที่ถูกทิ้งไว้อีกทั่งยังอยู่ใกล้แม่น้ำอีกด้วย หากอยู่ที่นี่คงไม่ยากลำบากอันใด

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • กลับมาครั้งนี้ข้าขอทวงแค้น   บทที่ 30 หวนคืนที่เดิม

    บทที่ 30 หวนคืนที่เดิมหลายวันต่อมาร่างกายของทั้งคู่เริ่มอ่อนล้าความเจ็บปวดที่ถาโถมทุกวัน บาดแผลเริ่มเน่าเปื่อยกลิ่นในห้องเหม็นเน่าของเนื้อ แมลงที่บินมาตอมจนแผลเกิดหนอนซอนไซ ทั้งสองเจ็บร้าวไปจนถึงกระดูกจนกระทั่งเยว่เผิงนางไม่สามารถทนความเจ็บปวดในครั้งนี้ได้หมดลมหายใจในที่สุด ส่วนเจียวเหมยนางได้กลับไปพักอยู่ที่ห้องเดิมของนาง เมื่อเข้ามาด้านในเห็นว่าเยว่เผิงหมดลมไปแล้วนางไม่ได้รู้สึกเสียใจแม้แต่น้อย ในที่สุดนางก็ได้แก้แค้นอย่างสาสมเหลือเพียงหยางตงฉวนที่ยังนอนพะงาบ พะงาบเน่าเปื่อยอยู่บนเตียง เจียวเหมยสั่งการให้ยูร์เหยาเรียกบ่าวรับใช้มานำร่างของเยว่เผิงนำออกไปทิ้งใช้ผ้าคุมร่างและบอกให้แพร่งพรายออกด้านนอกว่าฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลจางติดเชื้อโรคตายอย่างฮูหยินคนก่อน ทุกคนไม่แปลกใจเพราะเคยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นครั้งเมื่อท่านใต้เท้าจางกับจางหนิงเซียนส่วนหยางตงฉวนที่นอนพะงาบ ๆ เจียวเหมยได้ให้บ่าวรับใช้จัดเตรียมรถม้าเพื่อจะพาเขาออกไปที่หน้าผาตรงจุดที่นางเคยโดนนำร่างเอาไปทิ้ง ยามนี้หิมะเริ่มตกโปรยปรายเมื่อออกเดินไปทางด้านนอกจึงไม่ค่อยมีใครสังเกตบ่าวรับใช้ที่นางสั่งการให้ปิดปากทุกคนหากผู้ใดไม่ทำตามนา

  • กลับมาครั้งนี้ข้าขอทวงแค้น   บทที่ 29 สะสางแค้น

    บทที่ 29 สะสางแค้นภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้ง ร่างของซูหยวนนอนจมกองเลือดอยู่หน้าประตู กายของหยางตงฉวนนอนอยู่บนเตียงกับเยว่เผิงเมื่อนางเห็นใบหน้าของเยว่เผิงยิ่งสยดสยองไม่คิดว่าฮูหยินจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ก่อนที่นางจะตั้งสติรีบเข้ามาถามด้วยเป็นห่วง"ฮูหยินได้รับบาดเจ็บตรงไปไหนหรือไม่เจ้าคะ""นางซูหยวนใช้ไม้ตีหัวของข้าได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยส่วนเลือดที่เจ้าเห็นมากมายมิใช่เลือดข้า ไปเรียกบ่าวรับใช้มาลากศพของซูหยวนออกไปห่อเอาไว้ก่อนเมื่อฟ้ามืดเมื่อไหร่ค่อยเอาร่างนางไปทิ้ง เจ้าช่วยเก็บกวาดห้องให้ข้าด้วยอย่าให้สาวใช้เข้ามาในนี้ ส่วนหน้าต่างไม่ต้องปิดข้าจะให้แมลงมาตอมแผลของทั้งสอง แต่ก่อนจะทำอันใดเตรียมน้ำให้ข้าล้างกายเสียก่อน ข้าเหนียวไปทั้งตัวใช้แรงไปมากต้องให้พ่อครัวทำอาหารอร่อย ๆ ให้กินเสียแล้ว อ้อ..จริงสิ เจ้าเห็นเนื้อบนโต๊ะหรือไม่ช่วยเอาไปให้พ่อครัวย่างให้ข้าที ข้าจะนำมาป้อนเป็นอาหารกลางวันให้ทั้งสองได้กิน" นางชี้ไปที่ชิ้นเนื้อใบหน้าของเยว่เผิงที่นำมาวางไว้ เยว่เผิงได้ยินส่งเสียงร้องออกมาจากลำคอเพื่อคัดค้าน"อื้อ อื้อ " เจียวเหมยยิ้มกว้างหันไปหาเยว่เผิงพร้อมเอ่ยบอกแก่นาง

  • กลับมาครั้งนี้ข้าขอทวงแค้น   บทที่ 28 ตัวตนที่แท้จริง

    บทที่ 28 ตัวตนที่แท้จริงเจียวเหมยยืนขึ้นหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง"ฮ่า ฮ่า ต่อให้พวกเจ้าตะโกนขอความช่วยเหลือไม่มีผู้ใดสามารถช่วยพวกเจาได้หรอก! เมื่อครู่ข้าได้ยินว่าเจ้าต้องการฆ่าข้ามิใช่หรือ? ข้าพร้อมรอรับความตายแล้วแต่ถ้าเจ้าฆ่าข้ามิได้ จะเป็นข้าเองที่ฆ่าพวกเจ้า" น้ำเสียงเย็นยะเยือกผู้ที่ได้ยินถึงกับสั่นสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ เยว่เผิงหวาดกลัวจนตัวสั่นจะหนีก็หนีมิได้ยิ่งคิดถึงเรื่องชายฉกรรจ์สองคนที่นางส่งมาจัดการยังถูกเจียวเหมยจัดการได้อย่างง่ายดายแล้วนางเป็นเพียงสตรีจะสู้นางได้อย่างไรกัน"ท่านพี่ช่วยข้าด้วยท่านเห็นหรือยังเจ้าคะสตรีที่ท่านรักนางมิได้เป็นอย่างที่ท่านเห็น ท่านเห็นหรือยังว่าผู้ใดกันแน่ที่รักท่านจริง ๆ ช่วยข้าด้วยนางบ้าไปแล้วนางจะฆ่าข้าเจ้าค่ะ ""ฮ่า ฮ่า ต่อให้เจ้าเรียกหยางตงฉวนอย่างไรเขาก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้ ขนาดตัวของเขาเองยังช่วยตนเองไม่ได้ด้วยซ้ำ" เจียวเหมยค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ทั้งสองอย่างช้า ๆส่วนหยางตงฉวนทำได้เพียงนอนฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นเขาอยากจะช่วยเหลือเยว่เผิงแต่ทว่าแค่ขยับแขนเขายังทำไม่ได้ซูหยวนเห็นท่าไม่ดีนางยืนบังหน้าเยว่เผิงเอาไว้หวังปกป้องนายหญิงของตนมิ

  • กลับมาครั้งนี้ข้าขอทวงแค้น   บทที่ 27 เจ้าของเรือนผู้ใหม่

    บทที่ 27 เจ้าของเรือนผู้ใหม่ยามเหม่า (06.00)เสียงบ่าวรับใช้ในเรือนพากันเอ่ยซุบซิบกันกระฉ่อน เมื่อจู่ ๆ ถูกเรียกให้มารวมตัวกันที่หน้าของนายท่านแต่มิใช่นายท่านเป็นคนเรียกแต่กลับเป็นฮูหยินรอง เมื่อทุกคนมาครบยูร์เหยาได้เข้ามาเรียกเจียวเหมยออกไปพบทุกคน"ฮูหยินยามนี้ทุกคนมาพร้อมหน้าแล้วเจ้าค่ะ ""ดีอย่างนั้นออกไปข้างนอกกันเถอะ" เจียวเหมยเดินออกไปข้างนอกอย่างสง่าผ่าเผยทุกสายตาจ้องมองมาที่นาง"ทุกคนในเรือนจงฟังข้าให้ดีข้ามีเรื่องที่จะต้องแจ้งพวกเจ้าให้ได้รับรู้ ต่อจากนี้ท่านใต้เท้าหยางตงฉวนเจ็บป่วยร่างกายทรุดตัวไม่สามารถดูแลงานในเรือนรวมทั้งงานราชการ ท่านใต้เท้าจึงมอบหมายให้ข้าเจียวเหมยสตรีที่เขารักดูแลทุกอย่างในเรือนแห่งนี้ ต่อจากวันนี้ข้าคือผู้ดูแลเรือนตระกูลจาง ต่อจากนี้พวกเจ้าต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้า เพราะข้าคือเจ้าของเรือนหากผู้ใดไม่เชื่อและขัดคำสั่งข้าจะลงโทษอย่างไม่ปราณี" เอ่ยจบนางได้ชูหนังสือประจำตระกูลให้ทุกคนได้ดูแม้บางคนจะอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้แต่ก็พอรู้ว่าหนังสือเช่นนี้เป็นหนังสืออะไร เมื่อทุกคนเห็นต่างพากันแปลกใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอันใดเพราะกลัวว่าจะถูกลงโทษ หลังจากที่ทุกคนรับรู้นาง

  • กลับมาครั้งนี้ข้าขอทวงแค้น   บทที่ 26 รักข้ามั้ยเจ้าคะ

    บทที่ 26 รักข้ามั้ยเจ้าคะหลายวันต่อมาร่างกายของหยางตงฉวนเริ่มไม่แข็งแรงเหมือนเดิม เขาไอหนักมากกว่าเดิมสติเริ่มฟั่นเฟือนเลอะเลือน แต่เขายังคงรักเจียวเหมยหนักมากกว่าเดิม นางเฝ้าคอยดูแลเขาเอาอกเอาใจ“เจียวเหมยช่วงนี้ข้ารู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน ข้าได้เห็นความรักที่เจ้ามีให้ข้า ข้าอยากหายกลับไปเป็นปกติทำไมท่านหมอมาตรวจข้าหลายต่อหลายคนต่างพากันบอกว่าข้ามิได้เป็นอะไรทำไมร่างกายของข้าถึงซูบผอมไร้เรี่ยวแรงอย่างนี้กันนะ”“ท่านพี่คิดมากไปเองเจ้าค่ะ ท่านพี่เป็นกังวลเกินไปเลยทำให้ร่างกายของท่านซูบผอม ข้ารักท่านพี่นะเจ้าคะข้าเคยสัญญาว่าจะอยู่กับท่านจนกว่าจะถึงวันตายข้าไม่มีทางหนีท่านไปไหนเจ้าคะ ดื่มนี่สักหน่อยนะเจ้าคะข้าให้ยูร์เหยาต้มยาสมุนไพรบำรุงร่างกายให้ท่าน อีกไม่กี่วันร่างกายท่านอาจจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ” เจียวเหมยประคองร่างไร้เรี่ยวแรงของหยางตงฉวนขึ้นมานั่งคว้าหมอนมาหนุนหลังของเขาเอาไว้ ยามนี้ร่างกายของเขาซูบผอมจริง ๆ งานราชการเจียวเหมยได้จัดการให้เขาเมื่อมีสารมาที่เรือนนางได้ตอบกลับพร้อมประทับตราของหยางตงฉวนให้บอกว่าช่วงนี้เขาไม่สบายไม่สามารถทำงานได้นางยกยาสมุนไพรเมื่อครู่ให้เขาดื่มจนหมดก่

  • กลับมาครั้งนี้ข้าขอทวงแค้น   บทที่ 25 เจ้ามันน่าเบื่อ

    บทที่ 25 เจ้ามันน่าเบื่อยามโหย่ว (17.00)ฝั่งด้านเยว่เผิงหลายวันมานี้นางเก็บตัวเงียบเสียใจที่หยางตงฉวนเมินเฉยต่อนางความเย็นชาที่นางไม่เคยพบเจอก็ได้เจอ นางเคยขอพบเขาที่ห้องแต่เขากลับให้บ่าวออกมาบอกว่าเขาไม่ต้องการพบนางทำให้นางเสียใจมากกว่าเดิม"ฮูหยินเจ้าคะถึงเวลากินอาหารเย็นแล้วเจ้าค่ะ ช่วงนี้อาหารไม่ถูกปากฮูหยินอยากกินอะไรหรือไม่เจ้าคะ ข้าน้อยจะให้พ่อครัวทำให้""ไม่ข้าไม่อยากอะไรทั้งนั้น " แววตาเหม่อลอยจ้องมองไปนอกหน้าต่างเอ่ยตอบสาวใช้ด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉยไร้ชีวิตชีวา ซูหยวนสงสารนายหยิงจับใจครั้นนั้นนางได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามานางรีบหันไปมองเห็นว่าเป็นนายท่านใบหน้าของนางเริ่มปรากฏรอยยิ้มรีบแจ้งนายหญิงทันที"ฮูหยินเจ้าคะนายท่านมาเจ้าค่ะ " เยว่เผิงคิดว่าตนเองหูแว่วจึงคิดจะหันกลับมาต่อว่าสาวใช้แต่เมื่อเห็นชายที่ตนรักและคิดถึงรีบเดินไปหาเขาด้วยความดีใจ"ท่านพี่มาหาข้าหรือเจ้าคะ" น้ำเสียงระรื่นเอ่ยถามเขาทันทีพลางเดินเข้าไปใกล้หวังโอบกอดแต่ก็ต้องถูกเขาผละกายนางออก"ข้ามิได้มาเพราะคิดถึงเจ้า แต่ว่าเจียวเหมยของข้าให้ข้ามาหาเจ้า นางทั้งเห็นใจเจ้าหวังดีต่อเจ้ากลัวเจ้าจะน้อยใจข้าจึงได้มาหา ซู

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status