มนิษาตื่นมาอีกครั้งในเวลาเกือบจะเที่ยงวัน หญิงสาวมองไปรอบๆ ห้องมันดูไม่คุ้นเลยสักนิด
“คุณราฟ” เธอเรียกชื่อเขาเป็นคนแรกเพราะจำได้ว่าครั้งสุดท้ายเขาอยู่กับเธอที่นี่ แต่เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับ
หญิงสาวก้าวขาลงจากเตียงแล้วความรู้สึกเจ็บแปลบก็เล่นงานจนทรุดลงกับพื้น พอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก เธอกับเขามีอะไรกันแล้ว เธอจำได้ว่าเป็นคนร้องขอให้เขาทำเรื่องแบบนั้นเอง แทบไม่ต้องเดาเลยว่านแก้วที่เธอดื่มแก้วสุดท้ายในบาร์นั้นต้องมีใครใส่อะไรลงไปในนั้นและคิดว่ามันคงเป็นยาอะไรสักอย่างที่ทำให้ร่างกายเธอร้อนรุ่มแบบนั้น
เธอก้มมองตัวเอง ใบหน้าสวยร้อนผ่าวเมื่อเห็นว่าตอนนี้ผิวขาวนั้นมีแต่ร่องรอยสีแดงกระจายอยู่ทั่วไปหมด เธอดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเองไว้ ความรู้สึกตอนนี้มันสับสนไปหมด ผู้ชายที่ชื่อราฟ หรือราฟาเอลนั้นเป็นใครกันแน่ทำไมเขาพาเธอไปในที่แบบนั้น ทำไม่คนที่เขาคุยด้วยถึงทำแบบนั้นกับเธอ ตอนนี้คำถามอยู่เต็มหัวไปหมด
ถ้าหากเป็นแผนของเขาที่จะพาเธอไปให้เสี่ยคนนั้นแล้วเขาจะตามไปช่วยทำไม หรือเป็นแผนที่เขาทำเพื่อที่จะให้ตัวเองดูเป็นพระเอกในสายตาเธอ แต่มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เขาจะทำแบบนั้นเพราะเธอไม่ใช่คนรวยหรือคนที่มีชื่อเสียง
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวจนแทบระเบิด มนิษาฟุบใบหน้าลงกับที่นอนแล้วร้องไห้อย่างหนักอีกครั้ง เธอร้องจนแทบไม่เหลือน้ำตาอีกแล้ว
ราฟาเอลกลับเข้ามาในคอนโดหลังจากที่ไปจัดการเรื่องเสี่ยอดุลย์ตั้งแต่เช้า จากนั้นก็แวะไปซื้อเสื้อผ้ามาให้มนิษาอีกหลายชุด เขาฝากให้แม่บ้านของคอนโดเอาไปซักก่อนจะขึ้นมาหาหญิงสาว
“นาว” ชายหนุ่มนั่งลงข้างเธอซึ่งตอนนี้ยังฟุบอยู่ข้างเตียง
“คุณราฟ” เธอเงยหน้ามองเขาคราบน้ำตายังไม่แห้งเหือด
ราฟาเอลดึงเธอเข้ากอด กดจมูกลงบนเรือนผมสีดำอย่างห่วงแหน
“คุณเป็นยังไงบ้าง ผมเป็นห่วงคุณนะ เรื่องไอ้เสี่ยนั้นผมจัดการเรียบร้อยแล้ว มันจะไม่มายุ่งกับคุณอีก”
“เมื่อคืน ฉัน..” เมื่อคิดว่าตัวเองเกือบจะตกเป็นของตาแก่ตัณหากลับเธอก็พูดไม่ออก
“ผมขอโทษที่พาคุณไปด้วยผมไม่รู้ว่ามันจะมันจะทำแบบนั้นกับคุณ”
“แต่เขาบอกว่าคุณให้ฉันตามขึ้นไป”
“เปล่าเลย ตอนนั้นผมตามลูกน้องของมันไปที่รถ พอกลับมาคุณก็ไม่อยู่ที่นั่นแล้ว”
“คุณไม่ได้ร่วมมือกับมันใช่ไหมคะ” มนิษาถามด้วยเสียงสั่นเครือ
“ผมจะทำอย่างนั้นทำไม คุณเป็นแฟนผมนะ เป็นคนที่ผมรัก”
“ขอบคุณนะคะที่เข้าไปช่วย ฉันนึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าคุณไปช้ากว่านั้น ฉันจะเป็นยังไง”
“อย่าคิดถึงมันอีกเลย มันผ่านมาแล้ว”
“คุณราฟคะ ฉันขอร้องอะไรสักอย่างได้ไหม”
“ครับ”
“เรื่องเมื่อคืน เรื่องที่ฉัน เอ่อ..”
“ผมขอโทษที่ล่วงเกินคุณ”
“ฉันรู้คุณไม่ได้ตั้งใจ ฉันแค่อยากขอร้องให้ลืมมันไปได้ไหม”
“จะให้ลืมได้ยังไง”
“มันน่าอายที่ฉันเป็นแบบนั้น มันดูไม่ดีเลย”
“ผมรู้ว่าที่เป็นแบบนั้นเป็นเพราะยาที่คุณกินเข้าไป ผมขอโทษที่ไม่ห้ามใจตัวเอง แต่ผมยินดีจะรับผิดชอบคุณ”
“คุณไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น ฉันไม่มีค่าพอหรอกค่ะ”
“ใครบอก คุณมีค่ามากที่สุดสำหรับผมเลยนะ เรารู้จักกันไม่นานแต่ผมอยากใช้ชีวิตกับคุณจริง ๆ นะ คุณไม่อยากใช่ชีวิตกับผมเหรอ ผมเป็นคนแรกของคุณเลยนะ”
“เอาอะไรมาพูด ฉันน่ะ เหลวแหลกมานักต่อนักแล้ว”
“แล้วบนที่นอนนั่นคืออะไร”
มนิษามองบนที่นอนเห็นรอยสีแดงคล้ำ เธออ่านนิยายมามากส่วนใหญ่ก็จะมีเลือดประมาณหนึ่งแต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง เมื่อคืนเธอจำได้ว่ารู้สึกเจ็บแค่ช่วงแรก แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอีกเลย รู้แต่ว่าตัวเองเรียกร้องมากแค่ไหน เธออายจนต้องก้มหน้าลงกับที่นอนอีกครั้ง
“ทำไม เสียใจเหรอที่ผมเป็นคนแรก” เขาถามเสียงเบาเหมือนกำลังน้อยใจ
“คุณกำลังทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองหน้าไม่อาย”
“ผมขอโทษผมก็แค่ดีใจ ตอนนี้เราไม่ใช่แค่แฟนแล้ว เราเป็นมากกว่านั้น”
“ที่คุณจะรับผิดชอบก็เพราะเรื่องนี้หรือเปล่า”
“มะนาว มองหน้ามองก่อน สิ” ฝ่ามือหนาเชยคางเรียวให้ขึ้นมามองหน้า
มนิษามองเขาผ่านม่านน้ำตา เห็นถึงความจริงใจในแววตานั้น ความรู้สึกของเธอตอนนี้ทั้งดีใจและเสียใจ มันปะปนกันไปหมด ดีใจที่ผู้ชายคนแรกคือเขา เสียใจที่มีเวลาอีกไม่มากที่จะได้อยู่กับเขา
“เวลาของเรามันเหลืออีกไม่กี่วันแล้ว คุณไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น”
“ผมจะเป็นคนต่อเวลานั้นเอง คุณสบายใจได้เลย ส่วนเรื่องที่ผมรับผิดชอบ ไม่ใช่เพราะรู้สึกผิดที่เป็นคนทำลายคุณ แต่เพราะผมรักคุณจริงๆ ตอนที่เข้ามาจีบก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย ผมไม่สนใจด้วยซ้ำว่าอดีตของคุณจะเป็นยังไง แต่พอรู้ว่าตัวเองเป็นคนแรก มันก็ทั้งรักทั้งห่วง ไม่อยากให้คุณเป็นของคนอื่น”
“ถ้าพ่อรู้เรื่องของเรา พ่อจะเปลี่ยนใจไหมคะ”
“ผมตอบคำถามนี้ของคุณไม่ได้เพราะผมไม่รู้ว่าพ่อของคุณเป็นคนยังไง”
“พ่อรักโรงแรมมากกว่าฉัน พ่อกลัวเสียโรงแรมให้กับคนอื่น เงื่อนไขที่เสนอให้หุ้นส่วนก็คือต้องให้ฉันแต่งงานกับเขาแลกกับหุ้นอีกจำนวนหนึ่งหลังแต่งงาน”
“ผมจะพยายามให้เต็มที่กับเรื่องของเรา”
“ราฟค่ะ ถ้าฉันหนีไปตอนนี้จะเป็นอะไรไหมคะ”
“ดีสี เราหนีไปด้วยกัน ส่วนเรื่องโรงแรมนั้นก็ปล่อยให้พ่อคุณจัดการเอง ถ้าเขาหาคุณไม่เจอ คนที่ต้องแต่งงานก็เป็นพี่สาวของคุณ”
“ฉันเห็นแก่ตัวมากไปไหม ฉันจะเป็นลูกอกตัญญูใช่ไหมคะ”
“การทดแทนบุญคุณมีตั้งหลายวิธีนะ คุณลองคิดดูชีวิตทั้งชีวิตของคุณจะไปอยู่กับใครก็ไม่รู้ ถึงเขาจะรวยล้นฟ้า แต่คุณคิดว่าจะมีความสุขไหม”
“คุณจะโกรธไหมฉันตัดสินใจแต่งงานกับเขา”
“ยังไม่ถึงวันนั้นเลยเหลืออีกตั้งหลายวัน” ราฟาเอลเลี่ยงที่จะตอบ
“แต่มันก็ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วนะคะ”
“คุณตอบผมมาก่อนว่าคุณยินดีจะใช่ชีวิตกับผมไหม ผมอาจไม่รวยเท่าเขา แต่ผมสัญญาจะทำให้คุณลำบากเลย”
“ถึงจะรู้จักกันได้ไม่นานแต่ฉันคิดฉันเชื่อใจคุณได้”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้ว ไปอาบน้ำดีไหม เสร็จแล้วจะได้หาอะไรรองท้อง แล้วค่อยคุยกันต่อ”
“คุณออกไปก่อนได้ไหม”
“แน่ใจนะว่าลุกไปห้องน้ำคนเดียวได้”
“ค่ะ ออกไปก่อนนะคะ”
“ผมช่วยคุณได้นะ ไม่ต้องอายหรอกครับ ผมน่ะ เห็นมาหมดทั้งตัวแล้วนะครับ”
“คุณราฟ” มนิษาทำเสียงดุใส่คนตัวโตที่กำลังจะอุ้มเธอขึ้นจากพื้น
“โอ๊ะ เมียใครดุจัง” ราฟาเอลหัวเราะแล้วรีบวิ่งออกจากห้องไปทันที
มนิษาไม่อยากหัวเราะได้อย่างเขาบ้าง แต่ความรู้สึกของเธอตอนนี้มันหนักอึ้ง จนไม่สามารถหัวเราะออกมาแบบนั้นได้เลย ยอมรับว่าดีใจที่ราฟาเอลไม่คิดจะทอดทิ้ง แต่มันเหมือนกับเธอเป็นคนเห็นแก่ตัว เพราะรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะเขาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความทรมาน
แล้วถ้าบิดารู้เรื่องนี้ เขาจะยังให้เธอไปแต่งงานกับคนอื่น มันก็เหมือนกับการย้อมแมวหรือเปล่า หรือคนที่จะมาเป็นหุ้นส่วนไม่ได้สนใจเรื่องนี้
ระหว่างที่มนิษาอาบน้ำราฟาเอลก็เอาชุดที่ซื้อมาแขวนในตู้เสื้อผ้าที่อยู่ในห้องแต่งตัวติดกับห้องน้ำ เขาตะโกนบอกเธอจากข้างนอก แล้วกลับออกมานั่งรอในห้องรับแขก
ราฟาเอลนั่งมองข้อมูลของโรงแรมที่เขาตัดสินใจจะเข้าไปมีส่วนร่วม ครั้งแรกที่ติดต่อไปคือจะซื้อขาดแล้วทุบทิ้งสร้างเป็นโรงแรมแรมแห่งใหม่เพราะเขาไม่ชอบตัวโรงแรม แต่อยากได้ที่ดินผืนนั้นมากกว่า
ถ้าไม่ได้เจอมนิษาเขาก็คงยอมปล่อยโรงแรมนี้ไปแล้วหาซื้อที่อื่น แต่เพราะข้อเสนอของคุณโชติที่ยอมขายในราคาที่ต่ำกว่าเดิมแต่ต้องแต่งงานและมอบหุ้นให้เขาอีกจำนวนหนึ่ง ราฟาเอลคิดว่าเรื่องนี้เขายอมรับได้ เพราะในวันแต่งงานเขาจะใส่ชื่อมนิษาแทนชื่อพ่อของเธอ คุณโชติคงไม่กล้าโวยวายต่อหน้าคนอื่น
เขาเองยังไม่เคยเจอกับคุณโชติเลย เพราะที่ผ่านมาเจโรมเป็นคนติดต่อทางนั้นตลอด
ราฟาเอลคิดว่าคงจะเข้าพบคุณโชติสักครั้ง เพื่อตกลงเรื่องรายละเอียดกันอีกที เรื่องนี้เขายังไม่ได้บอกมนิษาแต่มั่นใจว่าบอกไปแล้วเธอคงจะไม่โกรธเขา เพราะทุกอย่างที่ทำก็เพื่อจะได้ใช้ชีวิตร่วมกัน
เรือสำราญลำใหญ่ออกจากท่าเรือ Mariner of the sea ในเวลา 17.00 น. คู่ฮันนีมูนเดินจูงมือกันมายังชั้นบนสุดของเรือ สายตามองไปยังผืนแผ่นดินใหญ่ ดึกสูงระฟ้ากำลังเล็กลงทีละนิดตามระยะทางที่เรือเคลื่อนออกจากฝั่ง“พี่ราฟ คิดไหมว่าเราจะได้แต่งงานกัน”“คิดสิครับ แล้วนาวล่ะ”“ไม่เลยค่ะ เพราะตอนนั้นที่อยู่บนเรือครั้งก่อนนาวไม่รู้ว่าคนที่จะแต่งงานด้วยคือพี่”“แล้วถ้าพี่บอกนาวตอนนั้นล่ะครับ มันจะเป็นยังไง”“นางก็คงขอร้องให้พี่เปลี่ยนใจ”“คิดเหรอครับว่าคนอย่างพี่จะยอมเปลี่ยนใจอะไรง่าย ๆ”“นาวไม่รู้หรอกค่ะ ว่าพี่จะเป็นคนแบบไหนรู้แค่ตอนนั้นไม่อยากแต่ง ไม่อยากโดนบังคับ”“แต่ตอนนี้เราก็แต่งแล้วและกำลังอยู่บนเรือลำเดิมที่พวกเราได้คุยกันครั้งแรก”“ขอบคุณนะคะที่พานาวที่นี่อีกครั้ง”“นาวจำได้ไหม วันนั้นตอนที่เรากำลังนั่งดูเด็กเล่นต่อแถวเล่น Sky pad นาวบอกว่าถ้านาวมีลูกนาวจะพาพวกเขามาล่องเรือ”“จำได้ค่ะ วันนั้นมีแต่เด็ก ๆ น่ารักทั้งนั้นเลย”“แล้วนาวไม่อยากมีลูกกับพี่บ้างเหรอครับ” เพราะที่ผ่านมาทั้งสองคนไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้กันมาก่อนเลย ราฟาเอลไม่แน่ใจว่ามนิษาอยากมีลูกกับเขาหรือเปล่า ถ้าเธอไม่อยากมีเขาก็ไม่บังคั
“นาวพี่ขอโทษ” นี่คือประโยคแรกที่ราฟาเอลพูดกับภรรยาหลังจากทั้งสองตื่นนอนในเวลาเที่ยง“ขอโทษเรื่องอะไรคะ”“ก็เรื่องที่พี่กับเพื่อนนาวรวมถึงคุณเดซี่ ช่วยกันเตรียมงานแต่ง”“นาวไม่โกรธพี่หรอกค่ะ นาวรู้ว่าพี่หวังดี” ตอนแรกที่รู้ว่าโดนหลอกมนิษาทั้งโกรธและอาย แต่เอริญาและลดากาญจน์ก็ช่วยพูดจนเธอเข้าใจถึงเหตุผลที่เขาทำไปทั้งหมด“แน่นะครับ”“ค่ะ หรืออยากให้โกรธล่ะคะ”“ไม่ดีกว่า บอกได้ไหมว่าทำไมถึงไม่โกรธ”“นาวจะโกรธลงได้ยังไงในเมื่อพี่ทำทุกอย่างก็เพื่อให้เราได้แต่งงานกันอย่างถูกต้อง นาวดีใจมากกว่าที่คุณตากับคุณยายได้ร่วมแสดงความยินดีกับนาวด้วย”“พี่ดีใจที่นาวเข้าใจ”“อันที่จริงพี่ก็น่าจะบอกนาวสักนิด นาวจะได้เตรียมตัว ดีนะคะที่ไม่ตากแดดจนหน้าดำ”“พี่ถึงให้แอนนิต้าส่งครีมมาให้นาวไงล่ะ”“วางแผนกันเก่งนะคะ”“ก็อยากให้นาวเซอร์ไพรส์ไงครับ ถ้าบอกนาวก่อนว่า จะจัดงานแล้วไปชวนคุณตาคุณยายมาไม่ได้ พี่กลัวนาวจะเสียใจ”“แล้วที่บอกว่างานหนักนั่นจริงไหมคะ”“นั่นเรื่องจริงครับ เพราะหลังจากวันแต่งงานพี่ว่าจะพานาวไปเที่ยวสักเดือน”“ลืมไปหรือเปล่าคะ ว่านาวยังต้องทำงาน”“พี่ลางานให้แล้ว คุณเดซี่อนุญาตแล้วด้วยครับ”“
“วันนี้คุณสวยมากสวยเหมือนเจ้าหญิง” ราฟาเอลเอ่ยชมและมองคนรักด้วยสายตาหวานเชื่อมหลังจากญาติผู้ใหญ่ออกไปจากห้องหอแล้ว“คุณก็หล่อมาก”“ผมสัญญานะครับว่าจะเป็นสามีที่ดีของคุณจะทำให้คุณเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก ผมรักคุณนะครับ”“นาวก็รักคุณค่ะ และก็ขอบคุณที่คุณจัดงานแต่งงานในแบบที่นาวฝันไว้”“ผมดีใจที่นาวชอบนะครับ เราไม่เจอกันนานแค่ไหนแล้ว นาวของผมผอมไปหรือเปล่า”“ไม่หรอกค่ะ นาวก็ตัวเท่าเดิม เวลาที่ไม่เจอกันคุณคิดถึงนาวไหมคะ”“คิดถึงสิครับ คิดถึงมากที่สุด”“คิดถึงนาวหรือคิดถึงอะไรกันแน่คะ”“นาวก็รู้”“ไม่เหนื่อยเหรอคะ เอาไว้วันหลังก็ได้”“ไม่เหนื่อยเลย คืนนี้เป็นคืนเข้าหอ ถ้าเจ้าบ่าวไม่ทำหน้าที่รู้ไปถึงไหนอายถึงนั้น”“แค่ทำตามหน้าที่เหรอคะ”“ทำตามหัวใจต่างหากล่ะ หันหลังมาครับผมจะช่วยถอดชุดให้”“นาวถอดเองได้ค่ะ”“ผมถอดให้นาวแล้วนาวถอดให้ผมนะดีไหม”มนิษาเอื้อมมือมาคลายปมเนกไทออกจากนั้นมือเล็กแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ด ฝ่ามือลูบไล้กล้ามท้องอย่างแผ่วเบา“นาวชอบกล้ามท้องของคุณนะคะ มันเซ็กซี่มาก ต่อไปนี้ห้ามถอดเสื้อให้ใครเห็นอีกเด็ดขาดนอกจากนาวคนเดียว”“ผมไม่มีทางทำแบบนั้น ผมมีนาวคนเดี
มนิษาเดินสำรวจความเรียบร้อยของสถานที่จัดงานอีกครั้ง ตอนนี้รีสอร์ตตกแต่งด้วยดอกไม้นานาชนิดในโทนสีชมพูและสีขาวเหมาะกับบรรยากาศแต่งงานริมทะเลที่เธอเคยใฝ่ฝัน“พี่เดซี่คะ งานแต่งมีวันนี้แน่ใช่ไหมคะทำไมยังไม่มีใครมาเลย”“ใจร้อนจริงนะ เดี๋ยวก็คงมากันแล้วรถของรีสอร์ตไปรับแล้วล่ะ เดี๋ยวก็คงมาถึง”“นาวตื่นเต้นจังเลยค่ะ ไม่รู้ว่าเขาจะชอบไหม”“แล้วนาวชอบไหมล่ะ”“ชอบมากค่ะ ถ้านาวแต่งงานก็อยากได้แบบนี้”“แต่แขกที่มาร่วมงานมีแค่ยี่สิบกว่าคนเอง นาวว่ามันไม่เล็กไปเหรอ”“ไม่หรอกค่ะ งานเล็ก แต่แขกทุกคนเป็นคนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทแค่นี้ก็พอแล้วค่ะ แล้วพี่เดซี่ล่ะคะ”“ของพี่ของแค่มีเจ้าบ่าวมาคนเดียวก็พอค่ะ”“นั่นสิคะ ขอแค่มีเจ้าบ่าวงานแต่งก็สมบูรณ์แล้ว”“มากันแล้ว” เดซี่มองไปยังทางเข้ารีสอร์ตที่รถตู้กำลังขับเข้ามาแขกชุดแรกที่ลงจากรถเป็นแขกทางฝั่งเจ้าบ่าวมีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ มนิษารีบเข้าไปต้อนรับ ก่อนจะพาแขกทั้งหมดไปยังห้องพักที่เตรียมไว้ เพราะอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาจัดงาน“พักผ่อนตามสบายนะคะ ถ้ามีอะไรจะเรียกใช้พนักงานก็โทรไปตามที่ล็อบบีได้เลยค่ะ ส่วนอาหารกลางวันถ้าไม่สะดวกไปทานที่ห้องอาหารก็สา
มนิษากลับทำงานบนเกาะสมุยได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว ช่วงนี้มีแขกเข้าพักเป็นจำนวนมาก เธอสนุกกับงานทุกวันจนเหนื่อย พอกลับไปที่บ้านพักก็แทบหมดแรงแต่เธอก็ไม่เลยลืมโทรหาคนรัก มนิษากับราฟาเอลคุยกันก่อนนอนทุกคืนมันเป็นเหมือนการเติมพลังให้แก่กันและกัน“ช่วงนี้นาวยุ่งมาก แขกพักเต็มทุกวันเลยค่ะ คุณราฟล่ะคะ”“ผมก็ค่อนข้างยุ่งครับ คงไปหาคุณเร็วๆ นี้ไม่ได้ สัปดาห์หน้าอาจจะยุ่งหน่อย ถ้าวันไหนผมไม่โทรไปนาวอย่างโกรธนะครับ”“ไม่หรอกค่ะนาวเข้าใจดี คุณคงเหนื่อยมาก”“เหนื่อยแค่ไหนได้ยินเสียงคุณเห็นหน้าคุณผมก็หายเหนื่อย คุณดูผอมไปหรือเปล่าครับ” ราฟาเอลมองคนรักผ่านกล้องจากโปรแกรมสนทนาก็ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง”“นิดหน่อยค่ะ พี่เดซี่รับจัดงานแต่งเป็นครั้งแรก พวกเราเลยวุ่นกันนิดหน่อย อยากให้งานออกมาดีและประทับใจแขก”“ยุ่งแค่ไหนก็ควรหาเวลาดูแลตัวเองนะครับ แอนนิต้าบอกว่าส่งครีมบำรุงกับพวกครีมกันแดดให้คุณแล้ว”“ค่ะส่งมาแล้ว นาวเพิ่งเริ่มใช้ค่ะ”“ครับ ถ้าหมดก็บอกนะครับ ผมจะให้เธอจัดการให้”“ไม่เป็นไรค่ะ นาวเกรงใจเธอ”“จะเกรงใจทำไม เธอเป็นแม่สามีคุณนะ คุณมีอะไรหรืออยากได้อะไรก็บอกเธอได้ เรื่องผู้หญิงผมก็ไม่ค่อยถนัด”“อย่
ประตูห้องสวีทปิดลงราฟาเอลก็กระโจนเข้าหาคนรักราวกับสัตว์ป่า เพียงแค่คิดว่าจะต้องจากกันอีกนานหลายวันเขาก็แทบไม่อยากเสียเวลาเลยแม้แต่วินาทีเดียวปากหยักได้รูปกดจูบลงมาอย่างหนักหน่วง สองแขนช้อนใต้สะโพกคนตัวเล็กก็ยกขาเรียวเกี่ยวสะโพกสอบอย่างรู้งานราฟาเอลอุ้มคนรักเข้ามาในห้องนอนกว้าง ปากยังคงไม่ยอมผละออกจากความหวาน ที่ผสมกลิ่นแอลกอฮอล์ในโพรงปากนุ่ม สองลิ้นตวัดหยอกล้อพันเกี่ยวกันอย่างเร่าร้อนเดรสสีสวยถูกกระชากออกโยนไปตกทุ่มห้องจากนั้นชั้นในราคาแพงก็ถูกโยนตามลงมาราฟาเอลไล้มือไปตามร่างกายเปลือยเปล่าอย่างหลงใหลฝ่ามือร้อนกอบกุมทรวงอกอวบ คลึงเคล้นหนักเบา ปลายนิ้วหยอกเย้าบนปลายถันสีสวยร่างกายของมนิษาเริ่มบิดเร่าไปมา ความเสียวซ่านลุกลามไปทั่ว ทุกจุดที่ฝ่ามือร้อนเลื่อนผ่านจมูกโด่งสูดดมความหอมไปตามพวงแก้มและซอกคอขาว ปากร้อนขบเม้มติ่งหูแผ่วเบา แล้วเรื่อยมาจนถึงลำคอระหง ก่อนจะถอยเลื่อนตัวต่ำลงไปถึงเนินอก สูดดมความหอมจากเนินอกคู่อวบจน เรียวปากร้อนกลืนกินปลายถันเข้าโพรงปากอย่างเมามัน ปลายลิ้นดุนดันเร่งเร้าหญิงสาวดิ้นพล่าน เสียวไปทั่วบริเวณท้องน้อย ร่างกายเบียดเข้าหาคนรักอย่างเชื้อเชิญเสียงหวานคราง