เมื่อเขาเดินกลับเข้ามาในบ้านผัดกะเพราหอมกรุ่นก็วางอยู่บนโต๊ะทานข้าวเรียบร้อยพร้อมกับน้ำพริกชามเล็กและไข่เจียวอีกหนึ่งจาน
“ทำไมเธอทำเร็วจัง”
“ก็เตาแก๊สในห้องครัวมีสองเตานี่คะ ผัดกะเพราเตาหนึ่งอีกเตาหนึ่งก็ทำไข่เจียว”
“ดูท่าทางเธอจะทำอาหารเก่งพอใช้ได้นะ”
“ไม่เก่งหรอกค่ะแค่พอทำอาหารง่ายๆ ได้แค่นั้นเอง”
“แล้วทำไมต้องปลูกพืชผักสวนครัวไว้เยอะขนาดนั้นล่ะ”
“ก็เอาไว้ทำกินเองไงคะ ถ้าอยากจะกินผัดกะเพราขึ้นมาก็ต้องไปซื้อที่ตลาดมัดหนึ่งก็สิบบาทแต่ใช้แค่นิดเดียวสู้ปลูกไว้แบบนี้ดีกว่าประหยัดและสะดวกด้วยค่ะ”
“เธอปลูกหอมไว้เยอะมากเลยนะ ชอบกินหอมแดงเหรอ”
“หอมแดงเป็นวัตถุดิบหลักในการทำน้ำพริกของณิรินค่ะ ก็เลยต้องปลูกไว้เพราะมีบางช่วงที่หอมแดงในตลาดแพงมาก การปลูกวัตถุดิบไว้หลังบ้านแบบนี้มันก็ทำให้ประหยัดต้นทุนได้เยอะ”
“เธอทำน้ำพริกขายมานานแค่ไหนแล้ว”
“ถ้าทำขายเองจริงๆ ก็ตั้งแต่แม่ตายแต่ก่อนหน้านั้นก็ช่วยแม่มาหลายปีแล้วเหมือนกันค่ะ”
“เธอเก่งเหมือนกันนะทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง”
“ไม่เก่งหรอกค่ะน้ำพริกผัดหมูมันเป็นอะไรที่ทำง่ายมากๆ”
“แต่ฉันว่ามันอร่อยเลยทีเดียวล่ะ” เขาพูดขณะตักน้ำพริกวางไว้บนไข่เจียวแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
“นายหัวคิดดีๆ นะคะที่มันอร่อยเพราะหิวหรือเปล่า”
“อร่อยจริงๆ ฉันไม่ได้หิวมากเท่าไหร่”
“จริงเหรอคะ”
“จริงสิผัดกะเพรานี่ก็รสชาติกลมกล่อมใช้ได้เลย ปกติชอบทำเมนูนี้เหรอ”
“ไม่หรอกค่ะ แต่มันเป็นเมนูที่ทำง่ายและไวมากจริงๆ แล้วณิรินชอบกินอาหารใต้มากกว่าค่ะ แต่เคยซื้อน้ำพริกแกงใต้มาทำเองแล้วมันก็อร่อยไม่ถึงใจไม่เหมือนกับทานที่ร้านป้าต้อย สุดท้ายเวลาอยากจะทานกินอาหารใต้ก็เลยเลือกไปกินที่ร้านมากกว่า”
“มันอาจจะอยู่ที่น้ำพริกด้วยนะครั้งหน้าถ้าฉันขึ้นมากรุงเทพฉันจะซื้อน้ำพริกมาให้เธอ อยากกินเมนูอะไรล่ะ”
“อยากกินคั่วกลิ้งกับแกงไตปลานายหัวมีสูตรเด็ดๆ ไหม”
“ฉันก็ไม่เคยทำเองหรอกนะ แต่ถ้าเธออยากรู้สูตรเด็ดจริงๆเดี๋ยวฉันจะถามป้าแดงให้นะ” เขาหมายถึงแม่บ้านของเขาที่ทำอาหารให้ทานอยู่ที่สุราษฎร์ธานี
“ขอบคุณค่ะ”
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว ณิรินทร์ญาก็ตักน้ำพริกใส่กระปุกส่วนนายหัวปาริธก็หน้าที่ติดสติกเกอร์ชื่อร้านบนฝากระปุกใช้เวลาไม่นานน้ำพริกร้อยกระปุกก็เสร็จและมาเรียงกันอยู่ในกล่อง
“กระปุกแบบนี้เธอส่งราคาเท่าไหร่”
“กระปุกละสามสิบบาทค่ะแม่ค้าเขาเอาไปขายสามสิบห้า แต่ถ้าสั่งไม่ถึงร้อยก็ขายอีกราคาหนึ่งค่ะ”
“เขาได้กำไรจากเธอกระปุกละตั้งห้าบาทเลยนะมันไม่เอาเปรียบเกินไปเหรอ”
“ไม่หรอกค่ะเราส่งราคานี้มาตั้งนานแล้ว เขารับไปเขาก็ต้องรับผิดชอบว่ามันจะขายได้หรือเปล่าเพราะการขายของณิรินไม่ใช่การฝากขาย แต่เป็นการที่เขาซื้อไปขายเองค่ะ ถ้าเกิดอาทิตย์หนึ่งเขาขายไม่ได้แล้วน้ำพริกมันเสียเขาก็ต้องรับผิดชอบตรงนั้นไป”
“เธอขายแค่น้ำพริกผัดหมูอย่างเดียวเหรอ”
“มีน้ำพริกแคบหมูด้วยค่ะ”
“แล้วจะทำหรือเปล่าล่ะ”
“วันนี้ไม่ทำหรอกค่ะน้ำพริกแคบหมูต้องไปสั่งแคบหมูในตลาดมาก่อนจากนั้นก็ค่อยทำส่วนใหญ่ณิรินทำเฉพาะมีออเดอร์ค่ะเพราะถ้าทำทิ้งไว้นานๆ แคบหมูมันจะไม่กรอบแล้วมันจะเหม็นหืนค่ะ”
“เธอจะเอาไปส่งเขาเลยหรือเปล่า”
“ไม่หรอกค่ะณิรินนัดเขาไว้ที่บ้านประมาณหกโมงเย็น ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วนายหัวก็กลับได้เลยนะคะ”
“ฉันช่วยทำงานเสร็จแล้วจะไล่ฉันกลับเลยเหรอ”
“ก็นี่มันเย็นแล้วนายหัวไม่มีธุระจะไปทำอะไรอย่างอื่นเลยเหรอ”
“ไม่หรอกแล้วเธอล่ะมีอะไรต้องไปทำไม”
“ไม่หรอกค่ะ”
“แล้วคืนนี้ต้องไปทำงานที่ผับหรือเปล่า”
“ไปสิคะคืนวันศุกร์กับคืนวันเสาร์เป็นคืนที่คนเข้ามาใช้บริการมากณิรินก็เลยไม่อยากจะพลาด”
“เธอบอกว่าพรุ่งนี้จะต้องตื่นมาทำแซนด์วิชตั้งแต่เช้าแล้วจะไหวเหรอ”
“ไหวค่ะทำแซนด์วิชเสร็จณิรินก็ยังมีเวลานอนอีกตั้งหลายชั่วโมง”
“วันหยุดทั้งทีเธอไม่ออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ เหรอ”
“ไม่รู้จะไปเที่ยวไหนคะ เพื่อนบางคนก็กลับบ้านที่ต่างจังหวัดบางคนก็ไปเที่ยวกับแฟน”
“เธอคงยังไม่มีแฟนสินะถึงไม่ได้ออกไปเที่ยวแบบนี้”
“ค่ะ”
“ทำไมล่ะเธอก็หน้าตาดีนี่”
“การมีแฟนคือการมีภาระค่ะ”
“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ”
“ก็มันจริงนี่คะเวลาออกไปเจอแฟนต้องแต่งตัวสวย ต้องคุยโทรศัพท์ด้วยกันทุกวัน มันเสียเวลามากๆ เลย”
“พูดเหมือนเคยมีแฟน”
“ใช่ค่ะณิรินเคยมีแฟนมาก่อน วันหยุดเขาก็ชวนออกไปเที่ยวบางครั้งก็โทรมาคุยนานเป็นชั่วโมงณิรินว่ามันเสียเวลาค่ะ ไม่ใช่ไม่อยากจะคุยกับแฟนนะคะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะคุยนาน นายหัวลองคิดดูสิเวลาที่ณิรินโทรศัพท์กับเขาชั่วโมงหนึ่งณิรินทำอะไรได้ตั้งเยอะ ทำน้ำพริกได้ตั้งหลายกระปุกณิรินก็เลยคิดว่ายังไม่มีแฟนตอนนี้จะดีกว่า”
“แล้วทำไมไม่ชวนให้แฟนมาช่วยทำล่ะ ช่วยกันทำสองคนมันน่าจะเสร็จไวขึ้นน่ะ”
“เคยชนมาแล้วค่ะแต่เขาบ่นว่ากลิ่นมันเหม็นและติดตัว เขาก็เลยไม่มาช่วย”
“เธอเลิกกันเพราะเรื่องที่เขาไม่มาช่วยทำน้ำพริกเหรอ”
“ไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียวหรอกค่ะ มันมีหลายๆ เรื่องสะสมณิรินเป็นคนค่อนข้างประหยัดหรือจะเรียกง่ายๆ ว่างก็ได้เลยค่ะ แต่เขาเป็นคนใช้จ่ายฟุ่มเฟือยชอบกินอาหารหรูๆ บ่อยมาก”
“เขาให้เธอจ่ายเหรอ”
“เปล่าค่ะ แต่ถึงแม้เขาจะไม่ให้ณิรินเป็นคนจ่าย แต่ณิรินก็ไม่ค่อยชอบไลฟ์สไตล์แบบนั้นเลยเรายังเป็นนักศึกษาด้วยกันทั้งคู่ ถ้าหากในอนาคตคบกันไปเรื่อยๆ ถึงขั้นสร้างครอบครัวแล้วเขายังใช้ชีวิตติดหรูแบบนั้นมันไม่ค่อยโอเคสำหรับณิรินเลยค่ะ เงินทุกบาททุกสตางค์มันหามาด้วยความยากลำบากการจะใช้จ่ายอะไรมันต้องมีเหตุผล ไม่ใช่ว่าณิรินไม่อยากจะไปกินอาหารหรูหรือใช้จ่ายหาความสุขให้ตัวเองแบบนั้น แต่มันก็ต้องมีลิมิตไม่ใช่กินหรูทุกมื้อ เที่ยวทุกอาทิตย์แบบนั้นมันก็ไม่ไหวหรอกค่ะ การให้รางวัลตัวเองที่ทำงานหนักก็แค่เดือนละครั้งก็น่าจะพอแล้ว”
“ทำไมจะต้องทำงานมากมายขนาดนี้ด้วยล่ะ เธอเป็นหนี้เขาอยู่เหรอ”
“ไม่ได้เป็นหนี้หรอกค่ะแต่ตอนนี้ณิรินยังพอมีแรงก็อยากจะทำงานเก็บเงินไว้ก่อนอนาคตมันเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนพอขึ้นปีสี่ก็อาจจะไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่เพราะต้องไปฝึกงาน”
“เธอเรียนอะไรเหรอ”
“เรียนบัญชีค่ะ”
“แล้วต้องไปฝึกงานที่ไหนล่ะ”
“ก็ตามบริษัทต่างๆเดี๋ยวอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเขาจะติดต่อและประสานงานให้เอง”
“ฉันมีบริษัทส่งออกอยู่แถวสมุทรสาครถ้าเรียนจบแล้วมีตำแหน่งว่างฉันจะบอกเธอแล้วกันนะ”
“ขอบคุณนายหัวมากๆ นะคะแต่สมุทรสาครมันไกลไปค่ะ ณิรินหางานทำใกล้ๆ แถวนี้ดีกว่าเพราะนอกจากจะได้ทำงานประจำแล้วก็ยังมีน้ำพริกที่จะต้องทำส่ง ถึงแม้กำไรครั้งหนึ่งมันจะได้ไม่กี่ร้อยแต่พอรวมกันมันก็เป็นเงินที่เยอะอยู่”
“เธอขยันแบบนี้มาตั้งแต่เด็กเลยหรือเปล่า”
“ก็ประมาณนั้นค่ะ ณิรินเห็นแม่ทำงานโรงงานแล้วตอนเย็นก็กลับมาทำน้ำพริกด้วยมันก็เลยเป็นภาพที่ชินตา”
นายหัวปาริธอดชมหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้เขานั่งคุยกับเธออยู่อีกพักใหญ่ก่อนจะขอตัวกลับเพราะคิดว่าเธอน่าจะมีเวลาได้พักผ่อนบ้าง
นายหัวปาริธกลับมาถึงบ้านของณิรินทร์ญาในเวลาเกือบจะหก โมงเย็นเมื่อมาถึงเขาก็ทานราดหน้าด้วยความหิวเพราะเมื่อตอนกลางวันทานข้าวไปนิดเดียวเนื่องจากจัดต้องรีบทำงานต่อให้เสร็จ เมื่อทานราดหน้าอิ่มแล้วเขาก็มานั่งในห้องรับแขกโดยมีณิรินทร์ญาเดินตามมาด้วย“เหนื่อยมากไหม ณิรินนวดให้มั้ย”“นวดคอให้ฉันนิดหน่อยได้ไหมล่ะ”“ได้ค่ะ”“ไม่น่าเชื่อนะว่ามือเล็กๆ แบบนี้จะนวดดีกับเขาเหมือนกัน”“แต่ก่อนณิรินเคยนวดให้แม่บ่อยค่ะ ถ้าวันไหนนายหัวเมื่อยอยากให้ณิรินนวดก็บอกได้เลย”“ขอบใจนะ”“ยินดีค่ะ”“แล้ววันนี้เป็นยังไงบ้างปวดหัวหายแล้วใช่ไหม”“หายแล้วค่ะ”“ฉันไม่อยากให้เธอทำน้ำพริกเยอะแบบนั้นเลย”“ณิรินใครก็คิดว่าจะไม่ทำแล้ว”“จริงเหรอ”“จริงค่ะ ครั้งสุดท้ายที่ณิรินไปส่งน้ำพริกให้กับแม่ค้าณิรินก็บอกพวกเขาแล้วว่าจะหยุดทำน้ำพริกไปก่อน”“แล้วแม่ค้าเขาว่ายังไงบ้าง”“เขาก็บ่นนิดหน่อย เขายังบอกอีกว่าถ้าหากจะกลับมาทำก็ให้บอกพวกเขาด้วย นายหัวคงไม่คิดว่าณิรินเป็นคนขี้เกียจหรอกใช่ไหมคะ ทั้งที่ปิดเทอมแต่ไม่ยอมทำงาน” ณิรินทร์ญากลัวเขาจะเข้าใจผิดว่าที่ผ่านมาเธอทำเพื่อสร้างภาพว่าเป็นคนขยัน“ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลย ฉันรู้ว่าที่ผ
“วันนี้ฉันจะไปดูโรงงานที่สมุทรสาครเธอจะไม่ไปกับฉันจริงเหรอณิริน” นายหัวปาริธถามคนรักในเช้าวันหนึ่ง“วันนี้ณิรินปวดหัวนิดหน่อยค่ะ ขอนอนพักอยู่ที่บ้านได้ไหมคะ”“แล้วจะอยู่คนเดียวได้เหรอ ไปหาหมอไหมเดี๋ยวฉันพาไป” เขาถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่เป็นไรหรอกค่ะณิรินอยู่คนเดียวได้ นอนพักสักนิดก็น่าจะดีขึ้น ช่วงนี้ณิรินทำน้ำพริกเยอะไปหน่อยน่าจะมึนกลิ่นน้ำพริก”“ฉันเป็นห่วงเธอจัง ฉันเลื่อนนัดที่สมุทรสาครออกไปดีไหมวันนี้จะได้อยู่กับเธอ”“อย่าเลยค่ะนายหัวณิรินไม่อยากทำให้ตารางงานของนายหัวรวนค่ะ”“ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็โทรบอกนะ ฉันจะรีบกลับมา”“ค่ะนายหัว”“แล้วตอนเย็นอยากจะกินอะไรเดี๋ยวฉันจะซื้อมา”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เย็นนี้ณิรินว่าจะทำราดหน้าทะเลนายหัวอยากกินไหมคะ”“อยากกินสิ จะให้ฉันซื้ออาหารทะเลมาไหม”“ในตู้ยังมีเหลืออยู่เลยที่เราซื้อมาเมื่ออาทิตย์ก่อน นายหัวไม่ต้องซื้อมาเพิ่มนะคะ”“ทำไมล่ะ”“ณิรินเบื่อค่ะ”“เบื่อหรือเกรงใจ”“เบื่อจริงๆ ค่ะทุกครั้งที่นายหัวไปสมุทรสาครก็ซื้ออาหารทะเลมาฝากตลอด”“ในตู้เหลือเยอะไหม”“ไม่เยอะวันนี้ก็เลยจะเคลียร์ทุกอย่างในตู้ออก”“งั้นฉันไปก่อนนะ ถ้าทำงานเสร็จแล้วจะรีบกลับมา”“
นายหัวปาริธพาณิรินท์ญามายังผับที่หญิงสาวเคยทำงานอยู่ เขาพาเธอขึ้นไปนั่งรอบนชั้นสอง เจ้าของผับก็เดินตามขึ้นไปบนนั้นด้วยเจ้าของผับคุยอยู่ทั้งสองคนพักใหญ่ก่อนจะขอตัวลงไปดูแลแค่ทางด้านล่างตอนนี้บริเวณชั้นสองจึงเหลือแค่ณิรินท์ญากับนายหัวปาริธนั่งคุยกันตามลำพัง“อยากดื่มอะไรไหมณิริน”“ไม่ดีกว่าค่ะ”“ดื่มหน่อยเถอะถือว่าเป็นการฉลองที่เราคบกันดีไหม”“ก็ได้ค่ะ ถ้าณิรินเมานายหัวต้องรีบพากลับนะคะ”เมื่อดื่มไปหลายแก้วณิรินทร์ญาก็เริ่มจะเมาหญิงสาวจึงขอให้เขาพากลับเพราะไม่อยากจะเมาจนคอพับอยู่ที่นี่“เดินไหวไหมหรือจะให้ฉันอุ้ม”“คงไม่ต้องซื้ออุ้มหรอกค่ะ แค่ประคองก็พอ”นายหัวหนุ่มประคองหญิงสาว มาที่รถจากนั้นก็ขับออกมาจากผับเขาเลี้ยวเข้าไปที่คอนโดมิเนียมเพราะคุยกับณิรินท์ญาไว้แล้วว่าคืนนี้หลังจากออกจากผับจะพากินหญิงสาวมาค้างที่นี่เมื่อมาถึงคอนโดก็พาหญิงสาวมานั่งบนโซฟาก่อนจะเดินไปเอาน้ำในตู้เย็นมาให้เธอดื่มเพราะดูแล้วณินิทร์ญาน่าจะเมามาก“ดื่มน้ำหน่อยนะ”“ขอบคุณค่ะนายหัว นายหัวของณิรินน่ารักที่สุดเลย” หญิงสาวหยิบน้ำไปดื่มเพียงนิดจากนั้นก็นั่งพิงไปบนโซฟาดวงตาเธอฉ่ำปรือเพราะความเมา“ไปอาบน้ำหน่อยดีไหมหร
วันนี้เป็นเวลาเป็นวันที่ณิรินทร์ญาจะต้องเดินทางกลับกรุงเทพ แม้จะยังไม่ถึงเวลาเปิดเทอม แต่หญิงสาวก็รู้สึกเป็นห่วงบ้านและเจ๊สุนีย์กับแม่ค้าคนอื่นก็โทรศัพท์ตามให้เธอมาทำน้ำพริกส่งณิรินทร์ญาบอกกับทุกคนแล้วว่าเธอจะทำน้ำพริกอีกแค่ประมาณสองเดือนพอเริ่มเรียนชั้นปีที่สี่ซึ่งจะต้องไปฝึกงานหญิงสาวก็จะเลิกทำเพราะกลัวว่าไม่มีเวลาแล้วอยากจะตั้งใจฝึกงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างเต็มที่นายหัวปาริธเดินทางขึ้นมาส่งหญิงสาวที่บ้านด้วยเขาเคลียร์งานทุกอย่างเรียบร้อยแล้วและคิดว่าจะมาใช้เวลากับเธอที่นี่อีกซักหนึ่งสัปดาห์ก่อนจะเดินทางกลับณิรินทร์ญาทำความสะอาดด้านในบริเวณบ้านส่วนนายหัวปาริธก็อาสาเป็นคนตัดหญ้าและรดน้ำต้นไม้ต้นอื่นๆ บริเวณรอบๆ บ้านที่ไม่ได้ติดตั้งระบบรดน้ำอัตโนมัติไว้เพราะเป็นต้นไม้ใหญ่กว่างานทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยก็เกือบจะห้าโมงเย็น“เหนื่อยไหมณิริน”“เหนื่อยมากๆ เลยค่ะ ไม่คิดเลยว่าแค่สองสัปดาห์ฝุ่นมันจะเยอะขนาดนี้แล้วนายหัวล่ะเหนื่อยไหม”“ไม่หรอกงานพวกนั้นฉันทำจนชินแล้ว ว่าแต่เย็นนี้เราออกไปหาข้าวกินข้างนอกดีกว่านะฉันคิดว่าเธอคงไม่มีแรงทำอาหารหรอกส่วนอาหารที่ป้าแดงทำมาก็ใส่ตู้เย็นไว้ก่อนด
ตอนนี้ทั้งห้องตกอยู่ในบรรยากาศเงียบนายหัวปาริธกอดเอวคนรักไว้ หญิงสาวยังคงพิงศีรษะอยู่บนไหล่เขาฟังเสียงลมหายใจและเสียงหัวใจของเขาที่มันเต้นเป็นจังหวะประสานกับเสียงหัวใจของเธอณิรินทร์ญาไม่รู้หรอกว่าอนาคตเธอกับเขาจากนี้จะเป็นยังไง ในระยะเวลาหนึ่งปีนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างเธอกับนายหัวปาริธแต่เธอก็จะซื่อสัตย์กับเขาและจะมีเขาเพียงคนเดียวหญิงสาวเชื่ออย่างหนึ่งว่าถ้าหากเธอกับเขารักกันจริงๆ ระยะเวลาและระยะห่างระหว่างอายุมันจะไม่เป็นอุปสรรคอะไรเลยแต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังกวนใจณิรินทร์ญาอยู่ก็คือเรื่องอดีตภรรยาของเขาหญิงสาวลังเลว่าจะถามเรื่องนี้ต่อหรือจะปล่อยให้มันเป็นเรื่องในอดีต แต่เมื่อคิดทบทวนอยู่หลายรอบก็ตัดสินใจพูดเรื่องที่ตัวเองสงสัยออกไปเพราะไม่อยากจะให้มันค้างคาใจอยู่แบบนี้“นายหัวคะ”“มีอะไร” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาวดูเหมือนกำลังใช้ความคิดและกำลังเครียดอะไรสักอย่าง“ณิรินอยากจะถามนายหัวเพิ่มได้ไหมคะ”“จะถามเรื่องอะไรก็ถามมาได้เลย ฉันไม่มีความลับอะไรจะปิดบังเธออีกแล้ว”“เรื่องที่ณิรินทร์ญายากถามถ้านายหัวไม่สะดวกตอบหรือคิดว่าณิรินล้ำเส้นจนเกินไปนายหัวจะ
“เธอพร้อมที่จะฟังแล้วใช่ไหม”“ค่ะ นายหัวกำลังจะบอกอะไรณิรินคะ”“ฉันอยากจะเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับอดีตที่ผ่านมา และอยากให้เธอรู้จากปากของฉันมากกว่าจะไปรู้จากปากของคนอื่น”“มันคือเรื่องอะไรกันแน่ นายหัวรีบบอกมาเถอะค่ะอย่าอ้อมค้อมอยู่เลย”“ก็เธอยังไม่สัญญานี้ว่าจะไม่โกรธ”“ก็ณิรินไม่รู้ว่าเรื่องอะไรแล้วณิรินจะสัญญาได้ยังไง”“เอาน่าสัญญามาก่อนแล้วฉันจะเล่าให้ฟัง”“ถ้าณิรินไม่สัญญาล่ะ”“ถ้าเธอไม่สัญญาฉันก็ไม่เล่า”“นายหัวกำลังขี้โกงอยู่นะคะ มาบอกให้อยากรู้แล้วก็ไม่เล่าให้ฟัง ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ” ณิรินทร์ญามองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ“ก็ฉันกลัวเธอโกรธ ณิรินสัญญาก่อนว่าจะไม่โกรธ”“ณิรินสัญญาก็ได้ว่าจะไม่โกรธหรือถ้าจะโกรธก็จะโกรธนายหัวไม่นานตกลงไหมคะ”“คำว่าไม่นานของเธอคือเท่าไหร่แค่ห้านาทีได้ไหม”“นายหัวค่ะถ้ามันเป็นเรื่องใหญ่มากๆ เวลาแค่ห้านาทีณิรินคงจะปรับอารมณ์ไม่ทันแน่ๆ”“ถ้างั้นเท่าไหร่ล่ะ สิบนาทีดีไหม”“ก็ต้องแล้วแต่เรื่องว่ามันเรื่องร้ายแรงแค่ไหนแต่ ถ้าหากนายหัวยังลีลาไม่ยอมเล่าณิรินก็กำลังจะโกรธนายหัวแล้วนะคะ แล้วคนอย่างณิรินถ้าโกรธใครแล้วโกรธจริงด้วยไม่นะ”“ห้ามโกรธฉันนะ”“มันห้ามกัน