ตอนที่
3
คนนี้เป็นใคร
เมฆาเลื่อนหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปที่หน้าฟีดข่าวสาร เขาเลื่อนดูผลงานศิลปะต่างๆ ที่มีคนอัปโหลดขึ้นมาอย่างเฉื่อยชา ก่อนที่สายตาอันคมกริมของเขาจะไปสะดุดเข้ากับภาพผลงานของปริมลดา ภาพวาดที่เต็มไปด้วยความมืดมนแต่กลับแฝงไปด้วยความงดงามที่น่าหลงใหล มันคือภาพสะท้อนความรู้สึกที่ซับซ้อนที่เมฆาเองก็เคยมีอยู่ในใจ
“คนนี้เป็นใคร” เมฆาถามคีรินทร์ด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งจนน่าขนลุก สายตาของเขาไม่ได้จ้องมองที่ภาพวาดเพียงอย่างเดียว แต่เขากำลังอ่านใจของหญิงสาวที่อยู่เบื้องหลังภาพนั้น
คีรินทร์รีบหาข้อมูลทันทีก่อนจะและอ่านข้อมูลของปริมลดาให้เมฆาฟัง “ปริมลดา อายุ 25 ปี เพิ่งเรียนจบจากต่างประเทศ เป็นนักออกแบบอิสระ”
“ฉันอยากรู้เรื่องราวของเธอให้มากกว่านี้” เมฆาเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยเลศนัย “ตรวจสอบประวัติของเธอให้ละเอียดที่สุด”
“ครับนาย” คีรินทร์ตอบรับอย่างเคร่งเครียด เขารู้ดีว่าเมื่อเมฆาให้ความสนใจกับใครแล้ว คนๆ นั้นจะต้องมีอะไรบางอย่างที่พิเศษอย่างแน่นอน
เมฆาเลื่อนภาพผลงานของปริมดูอีกครั้ง ริมฝีปากของเขาเหยียดยิ้มบางๆ ที่มุมปาก เขารับรู้ถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในภาพนั้น มันไม่ใช่แค่ภาพวาด แต่มันคือเสียงสะท้อนของความเจ็บปวดที่บาดลึกในใจของใครบางคน เขาอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีอะไรอยู่ในใจกันแน่ และที่สำคัญกว่านั้นคือเขาต้องการที่จะเป็นเจ้าของผลงานชิ้นนี้ และเจ้าของหัวใจที่ซ่อนอยู่ข้างในภาพนั้นด้วยเช่นกัน
การได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการคือเป้าหมายสูงสุดของเมฆาเสมอ และครั้งนี้ก็เช่นกัน เขาจะทำทำวิถีทางเพื่อให้ได้เธอมาอยู่ในกำมือ
สองวันหลังจากที่ปริมลดาโพสต์ผลงานลงบนโซเชียล จดหมายสีดำสนิทพร้อมโลโก้ที่ดูเรียบหรูแต่แฝงด้วยอำนาจถูกส่งมาถึงบ้านของเธอโดยตรง
เมื่อเธอเปิดออกก็พบกับการ์ดเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงใหญ่ที่จัดขึ้นโดยเมฆา ชื่อของเขาปรากฏหราบนการ์ดอย่างชัดเจน ทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความประหลาดใจและรู้สึกว่าการแก้แค้นของเธอกำลังใกล้เข้ามาแล้ว
“ทำไมเกมของเรามันเดินไปเร็วกว่าที่คิดนะ” ปริมลดาพึมพำกับตัวเองเธอเดินเข้าไปในห้องนอนของแม่ และจับมือแม่ไว้แน่น “แม่คะ ถึงเวลาแล้วที่ปริมจะต้องทำในสิ่งที่พ่อทำไม่สำเร็จ”
วันก่อนงานเลี้ยง
ค่ำคืนนั้น ปริมลดานั่งอยู่บนพื้นไม้ในห้องทำงานของพ่อ ปริมลดาก้มลงมองซองจดหมายสีดำที่วางอยู่บนโต๊ะ มันคือการ์ดเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงจากเมฆา ชื่อของเขาปรากฏ
กริ่ง...กริ่ง...
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ปริมลดารีบไปเปิดประตูและพบกับฟ้าใสที่ยืนอยู่หน้าบ้านพร้อมกระเป๋าเดินทางเล็กๆ
“แกบอกให้ฉันมาค้างที่บ้านแกมีเรื่องด่วนอะไรไม่ทราบคะคุณเพื่อน” ฟ้าใสเอ่ยขึ้นมาแล้วก็ทำหน้าสงสัยในตัวเพื่อน
ปริมลดาไม่ตอบ แต่ดึงฟ้าใสเข้ามาในบ้านทันที “ฉันมีเรื่องอยากคุยกับแก” เธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนฟ้าใสสัมผัสได้
“เข้ามาในบ้านก่อน เดี๋ยวเล่าให้ฟัง”
ตอนที่4การ์ดเชิญสีดำ ฟ้าใสยอมทำตามแต่โดยดี พวกเธอเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงัด ปริมลดาหยิบการ์ดเชิญสีดำที่หรูหรานั้นขึ้นมา แล้วยื่อนให้เพื่อนดูอย่างไม่ลังเล เมื่อฟ้าใสเห็นชื่อของเมฆา ปรากฏบนการ์ดดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความตกใจและมีแววตาหวาดกลัว “นี่มันอะไรกันปริม” ฟ้าใสขึ้นเสียงอย่างตกใจ “แกจะไปทำไมที่นั่น”“นี่คือโอกาสที่ฉันจะได้เข้าไปในโลกของเขา” ปริมลดาอธิบาด้วยน้ำเสียงที่นิ่งและหนักแน่น “และฉันต้องการให้แกไปกับฉัน”“ไม่!!! ฉันไม่ไป” ฟ้าใสปฏิเสธเสียงแข็ง “ฉันบอกแกแล้วไงว่าอย่าไปยุ่งกับคนพวกนี้ มันอันตรายนะปริม”“ฉันรู้ว่ามันอันตราย แต่ฉันต้องการจะไป” ปริมลดาพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ “ถ้าแกไม่ไป ฉันก็จะไปคนเดียว”ฟ้าใสนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เธอรู้ดีว่าปริมลดาไม่ใช่คนที่จะเปลี่ยนใจง่ายๆ เมื่อคิดจะทำอะไรแล้วก็จะทำจนสำเร็จ และการปล่อยให้เพื่อนไปคนเดียวอาจจะอันตรายกว่า “ก็ได้ฉันจะไปเป็นเพื่อนแก” ฟ้าใสถอนหายใจยาว “แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น แกต้องสัญญาว่าจะหนีมากับฉันทันที”“สัญญา” ปริมลดาตอบรับด้วยรอยยิ้มที่ไม่ได้มีความสุขเลยแม้แต่น้อย แต่เธอรู้ดีว่าการมีเพื่อนไปด้วยทำให้เธอ
ตอนที่3คนนี้เป็นใครเมฆาเลื่อนหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปที่หน้าฟีดข่าวสาร เขาเลื่อนดูผลงานศิลปะต่างๆ ที่มีคนอัปโหลดขึ้นมาอย่างเฉื่อยชา ก่อนที่สายตาอันคมกริมของเขาจะไปสะดุดเข้ากับภาพผลงานของปริมลดา ภาพวาดที่เต็มไปด้วยความมืดมนแต่กลับแฝงไปด้วยความงดงามที่น่าหลงใหล มันคือภาพสะท้อนความรู้สึกที่ซับซ้อนที่เมฆาเองก็เคยมีอยู่ในใจ “คนนี้เป็นใคร” เมฆาถามคีรินทร์ด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งจนน่าขนลุก สายตาของเขาไม่ได้จ้องมองที่ภาพวาดเพียงอย่างเดียว แต่เขากำลังอ่านใจของหญิงสาวที่อยู่เบื้องหลังภาพนั้น คีรินทร์รีบหาข้อมูลทันทีก่อนจะและอ่านข้อมูลของปริมลดาให้เมฆาฟัง “ปริมลดา อายุ 25 ปี เพิ่งเรียนจบจากต่างประเทศ เป็นนักออกแบบอิสระ” “ฉันอยากรู้เรื่องราวของเธอให้มากกว่านี้” เมฆาเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยเลศนัย “ตรวจสอบประวัติของเธอให้ละเอียดที่สุด” “ครับนาย” คีรินทร์ตอบรับอย่างเคร่งเครียด เขารู้ดีว่าเมื่อเมฆาให้ความสนใจกับใครแล้ว คนๆ นั้นจะต้องมีอะไรบางอย่างที่พิเศษอย่างแน่นอน เมฆาเลื่อนภาพผลงานของปริมดูอีกครั้ง ริมฝีปากของเขาเหยียดยิ้มบางๆ ที่มุมปาก เขารับรู้ถึงความร
ตอนที่2แผนร้ายบนปลายพู่กัน ในขณะเดียวกัน ที่สำนักงานใหญ่ของมาเฟีย เมฆากำลังนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยและน่าเกรงขาม คีรินทร์บอดี้การ์ดและคนสนิทของเขากำลังรายงานเรื่องการเคลื่อนไหวของธุรกิจของศัตรูอย่างเคร่งเครียด “นายครับ ผมว่าเรื่องนี้มันมีอะไรไม่ชอบมาพากล” คีรินทร์เอ่ยขึ้นอย่างไม่สบายใจ เมฆายกมือขึ้นห้าม “ฉันรู้” น้ำเสียงของเขานิ่งและหนักแน่น “นายไม่ต้องรายงานเรื่องนี้แล้ว” “แต่ว่า...” คีรินทร์พยายามจะแย้ง “ผมว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับเรื่องในอดีต” “ฉันบอกแล้วว่าฉันรู้” เมฆาย้ำเสียงเข้ม ทำให้คีรินทร์ต้องเงียบไปในที่สุด เขารู้ดีว่าเมื่อเมฆาพูดคำนี้แล้วก็ไม่มีใครที่จะกล้าขัดคำสั่งของเขาอีกต่อไป เมฆาเงียบไปครู่หนึ่ง เขายกมือขึ้นลูบที่รอยแผลเป็นเล็กๆ ใต้แขนเสื้อ ซึ่งเป็นร่องรอยเดียวที่หลงเหลือจากเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อน ความทรงจำในวันนั้นยังคงสดใหม่ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เสียงกรีดร้องของ นภัสสร ผู้เป็นแม่ยังคงก้องกังวานอยู่ในหูของเขา และใบหน้าของชายที่ยิ้มเยาะเย้ยหยันยังคงติดตา ไม่ใช่ใครทีไหนแต่เป็น ธีรุตม์ ผู้ที่เคยเป็นเพื่อนสนิทของพ่
ตอนที่1แผนการของปีศาจตัวน้อยแสงไฟสลัวจากโคมไฟหัวเตียงส่องกระทบใบหน้าซูบผอมของ ปวริศา เปลือกตาที่เคยสดใสกลับปิดสนิทราวกับไม่อยากตื่นขึ้นมาพบกับโลกที่แสนโหดร้าย ปริมลดา นั่งกุมมือแม่ไว้แน่น พยายามส่งความอบอุ่นให้แต่กลับพบเพียงความเย็นเฉียบที่น่าใจหาย ลมหายใจที่แผ่วเบาของแม่ดังเป็นจังหวะที่ซ้ำซากอยู่ในห้องเงียบงัน ยิ่งตอกย้ำความจริงที่ว่าชีวิตของแม่เธอกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย 6 เดือนที่ผ่านมา บ้านของปริมลดาหลังนี้ยังเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของ วรวิทย์ พ่อของเธอ ชายผู้เปรียบเสมือนเสาหลักของครอบครัว แต่แล้วทุกอย่างก็พังทลายลงในพริบตา เมื่อข่าวการล้มละลายของธุรกิจครอบครัวกระหน่ำซ้ำเติมหัวใจของทุกคนและข่าวที่พ่อ “ฆ่าตัวตาย” ก็กลายเป็นเพียงคำพูดสวยหรูที่สื่อใช้ปิดบังความจริงที่น่ากลัว ปริมลดาจำได้ขึ้นใจ วันที่พ่อนั่งกุมขมับอยู่บนโต๊ะอาหาร ก่อนจะเอ่ยชื่อหนึ่งออกมาอย่างเจ็บปวด “เมฆาเป็นคนไม่ดีเลยนะปริม” คำพูดสุดท้ายของพ่อในวันนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหัวเธอ ราวกับเป็นคำเตือนสุดท้ายก่อนที่ความมืดมิดจะกลืนกินทุกอย่างที่เธอรัก ตอนนั้นเธอยังไม่เข้าใจความหมายท
บทนำกับดักร้ายพ่ายรัก นิ้วเรียวยาวของหญิงสาวแตะลงบนหน้าจอมือถืออย่างแผ่วเบา ภาพถ่ายในอดีตฉายชัดตรงหน้า ภาพที่ครอบครัวของเธอเคยสมบูรณ์แบบ เสียงหัวเราะของพ่อดังคลออยู่ในความทรงจำ ขณะที่รอยยิ้มอบอุ่นของแม่ก็พร่าเลือนไปกับหยดน้ำตาที่เอ่อล้น แต่ภาพเหล่านั้นก็สลายไปเมื่อภาพของชายคนหนึ่งปรากฎขึ้น เมฆา... ชื่อนี้ไม่ได้มีความหมายว่าท้องฟ้าที่กว้างใหญ่และสดใสอีกต่อไปแต่มันคือเงามืดที่บดบังชีวิตของเธอจนแทบมองไม่เห็นแสงสว่าง เขาคือมาเฟียผู้ทรงอำนาจที่อยู่เบื้องหลังความพินาศของครอบครัวเธอ เธอเฝ้ามองชีวิตของตัวเองพังทลายลงต่อหน้าต่อตา พ่อที่เคยเป็นเสาหลักกลับจากไปอย่างปริศนา แม่ที่เคยแข็งแรงกลับนอนซมอยู่บนเตียง เธอเคยมีทุกอย่าง แต่ในชั่วพริบตาเดียวก็ไม่มีอะไรเหลือเลย “เกมนี้มันเพิ่งจะเริ่มต้น และฉันจะทำให้มันจบลงด้วยมือของฉันเอง ปริมลดาไม่ใช่นกน้อยที่ไร้รังอีกต่อไป แต่เธอกำลังจะกลายเป็นนักล่าที่เต็มไปด้วยคมมีดซ่อนไว้ภายใต้ความอ่อนหวาน เธอจะใช้ร่างกายและหัวใจเป็นเครื่องมือในการเข้าถึงเขา เพื่อทำลายเขาให้สิ้นซากในวันที่เขารักเธอมากที่สุด เพราะ