เข้าสู่ระบบเช้าวันใหม่
“พี่มึงวันนี้เราไม่ต้องเข้าเรียนหรอกเนอะ”
ธีต์ที่เพิ่งจะปิดประตูรถเลิกคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินคำชวนแบบนั้น เพราะคนอย่างมหาสมุทรที่ขึ้นชื่อว่าต้องเข้าเรียนทุกคาบ แต่เช้าวันนี้มันกลับเดินหน้าตั้งออกมาหาเขาถึงลานจอดรถแล้วเอ่ยในสิ่งที่ร้อยวันพันปีคนอย่างมันไม่คิดจะทำ
“มีไรหมุด ผีเข้ามึงหรือไง มาชวนกูโดดเรียน”
“ปะ เปล้า คือว่า-”
เจ้าของเรือนผมสีแดงในชุดแบรนด์แฟชั่นหรู ทว่ายังคงคอนเซ็ปต์ขาดหน้าเว้าหลังเป็นรูโหว่ พยายามหลบสายตาขณะพูด เนื่องจากเจ้าตัวไม่เก่งในเรื่องการโกหกเอาเสียเลย แต่เสียงสูง ๆ นั้น ไม่สามารถรอดพ้นสายตาคมของธีต์ไปได้
“มีเรื่องอะไรก็พูดมา อย่ามาทำท่าทางมีลับลมคมใน กูไม่ชอบ”
“วันนี้น้องเนเน่คนสวยที่กูชอบ เค้ามาเปิดบูธขายเค้กที่สยาม พี่มึงพากูไปกินหน่อยสิ”
“ไว้เลิกเรียนก่อน มึงจะโดดเรียนตั้งแต่คาบแรกเลยหรือไง”
“เค้กน้องเนเน่ไม่ได้จะกินกันง่าย ๆ นะพี่มึง คนไปต่อคิวรอตั้งแต่ห้างยังไม่เปิด”
“เออ ๆ เลิกเรียนค่อยไป สอบตกมาน้องเนเน่ไม่รักนะกูจะบอกให้”
ดูเหมือนแผนการของมหาสมุทรจะเปล่าประโยชน์ เมื่อถูกเพื่อนชักสีหน้าและน้ำเสียงใส่ แต่ถึงอย่างนั้น ภารกิจพาไอ้พี่ธีต์ออกไปจากรั้วมหาลัยในเช้าวันนี้ของเขาจะยังคงต้องดำเนินต่อ เพราะหากเขาพลาด แน่นอนว่าผลเสียตกไปอยู่ที่พี่มันทั้งหมดแน่นอน
“ไปเถอะพี่มึง กินเค้กน้องเนเน่แล้วชีวิตราบรื่น มีความสุขแน่นอน”
“ไร้สาระวะหมุด”
ฝ่ามือหนายกขึ้นไปดันไหล่ของเพื่อนให้พ้นทางเดินของตน ธีต์ส่ายหน้าอย่างเอือมระอาในความเห็นแก่กินของเพื่อน เรียวขายาวก้าวตรงเข้าไปยังคณะโดยไม่สนใจว่าอีกคนจะเดินตามเขาเข้ามาหรือไม่ ‘ป่วยการจะคุยกับคนไร้สาระแบบนั้น ทีเขาทำผิดเล็กน้อย ไอ้เวรนั่นโวยวายไปสามวันเจ็ดวัน นี่อะไรมาบอกให้โดดเรียนตั้งแต่คาบแรก’
คนหล่อพ่อรวยพ่วงด้วยตำแหน่งผู้อาวุโสประจำคณะ ดึงแว่นกันแดดสีชาที่สวมอยู่ขึ้นไปคาดไว้บนผม เนื่องจากเขาลืมหยิบหนังยางประจำตัวลงมาจากรถ ครั้นจะให้เดินกลับไปเอาก็รำคาญว่าไอ้หมุดจะเซ้าซี้ไม่เลิก จึงเลือกใช้แว่นเป็นที่คาดผมแทน แต่ยังไม่ทันที่เขาจะก้าวขาไปได้ไกล เสียงเรียกชื่อตัวเองจากคนที่คุ้นเคยกลับดังเข้ามาในโสตประสาทจนทำให้ขาที่กำลังก้าวไปข้างหน้าชะงักกึก
น้ำเสียงคุ้นหูจากคนที่เขาไม่อยากได้ยิน และภาวนาอยู่ในใจลึก ๆ ขอให้ไม่เป็นคนที่คิด ตอนนี้ขนตามแขนของเขาเริ่มลุกชัน ราวกับว่ากำลังอยู่ในรายการล่า ท้า ผี ก็มิปาน
“พี่ธีต์ขา”
ร่างอรชรในชุดนักศึกษาพอดีตัว ใบหน้าจิ้มลิ้มออกไปทางสาวหมวยรับกับผมดำขลับยาวถึงกลางหลัง และผิวพรรณขาวนวลเนียน หญิงสาวกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาเจ้าของชื่อด้วยสีหน้าดีอกดีใจ ซึ่งมันสวนทางกลับคนฟังยิ่งนัก
“น้องแพรรอพี่ธีต์ตั้งนานเลยค่ะ”
เธอพูดออกไปด้วยรอยยิ้มหวานหยดย้อย พลางยกฝ่ามือขึ้นไปเกาะแขนคนพี่แน่น ธีต์ยืนตัวแข็งทื่อไปหลายวินาที ก่อนจะดึงสติตัวเองกลับมาแล้วเอ่ยถามในสิ่งที่ตนเองสงสัยเป็นอย่างแรก
“แพรกลับมาจากปรากตั้งแต่ตอนไหน”
“สองสามวันก่อนค่ะ แต่คุณพ่อให้น้องแพรจัดการเรื่องเอกสารย้ายมาเรียนที่นี่ก่อน น้องแพรเพิ่งจะยื่นทุกอย่างเสร็จเมื่อเช้าแล้วรีบมาหาพี่ธีต์เลยค่ะ”
“.....”
“พี่ธีต์คิดถึงน้องแพรบ้างไหมคะ”
ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางแนบซบลงไปที่ท่อนแขนของคนที่เธอเกาะเอาไว้ ที่จริงเธอถึงไทยตั้งแต่อาทิตย์ก่อน หากแต่ยุ่งวุ่นวายอยู่กับเรื่องการเตรียมเอกสารเข้ามาเรียนที่นี่ จึงทำให้ไม่มีเวลาเข้ามาเจอกับอดีตคนรักอย่างพี่ธีต์ ที่แม้ว่าเขาและเธอจะจบกันไปไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เมื่อปลายปีก่อน แต่ถึงอย่างไร คนที่เธอยังรักสุดหัวใจก็ยังคงเป็นคนข้างกายอยู่เสมอ
“.....”
“พี่ธีต์อย่าบอกนะคะ ว่ายังโกรธน้องแพรเรื่องนั้นอยู่”
คำว่าเรื่องนั้นหล่อนจงใจกดเน้นเสียงให้อีกคนได้ยิน ที่จริงเขาและเธอรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก จนเมื่อ 3 ปีก่อน พี่ธีต์ขอเธอเป็นแฟน ขณะนั้นเธอยังเรียนอยู่มัธยมปลายจึงตอบตกลงไป เพราะคิดว่าตัวเองจะได้เรียนที่มหาวิทยาลัยอยู่ไทยจนจบ เนื่องจากพ่อเป็นทูต ตั้งแต่เล็กจนโตเธอจึงถูกย้ายไปเรียนในสถานที่ต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับประเทศที่พ่อไปประจำการ
การคบกันระหว่างเธอกับพี่ธีต์ผ่านพ้นมาได้อย่างดี จนกระทั่งพ่อของเธอได้รับคำสั่งถูกย้ายให้ไปประจำการที่กรุงปรากในปีเดียวกันกับที่ถูกขอเป็นแฟน นั่นทำให้เธอต้องย้ายไปเรียนต่อที่นู่นด้วย ช่วงแรกทีย้ายไปอยู่นั่นเธอและพี่ธีต์ก็ยังคุยกันผ่านวิดีโอคอลทุกวัน จนจู่ ๆ เธอก็มีความคิดว่าเหงา เธอยอมรับเลยว่าตัวเองเห็นแก่ตัวและไม่รู้จักความรักมากพอ ยังคงห่วงเรื่องความสนุกไปตามวัย และต้องการคุยกับใครสักคนที่สามารถมาเจอกันในชีวิตจริงได้
นั่นเป็นเหตุผลให้เธอหาใครสักคนมาแทนที่พี่ธีต์ ใช่! เธอนอกใจพี่ธีต์แม้ว่าจะไม่มีเรื่องนอกกาย และเป็นเพียงแค่การพูดคุยกัน นัดออกไปกินข้าว แต่มันก็คือการนอกใจ จนในที่สุดพี่ธีต์ก็จับได้เพราะมีภาพที่เพื่อนของเธอถ่ายตอนที่เธอและมาร์คัสไปสังสรรค์ด้วยกันลงสตอรี่ไอจี โดยใส่ข้อความทำนองว่าฉลองให้กับคู่รักใหม่ ซึ่งเธอไม่ได้เช็กดี ๆ จึงแชร์มาที่หน้าไอจีของตัวเอง พอพี่ธีต์เห็นเข้า เขาจึงได้บล็อกเธอทุกช่องทาง แม้ว่าเธอจะพยายามติดต่ออีกคนผ่านพี่หมุด หรือพี่วาโย แต่ก็ไม่เป็นผล
สุดท้ายความสัมพันธ์ของเขาและเธอก็จบลง แม้แต่คำว่าขอโทษจากปากของเธอ พี่ธีต์ยังไม่เปิดโอกาสได้เธอได้พูดเลย เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่หักหลังคนรัก แต่หากการกลับมาอยู่ไทยครั้งนี้มันทำให้เธอสามารถง้อให้อีกฝ่ายให้กลับมาคืนดีด้วยได้ แม้ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร…เธอก็ยอม
“กูบอกพี่มึงแล้วว่าไปกินเค้กน้องเนเน่กับกู ชีวิตพี่มึงจะได้ราบรื่น”
มหาสมุทรที่เพิ่งเดินตามมาถึงตัวเพื่อนทักท้วงขึ้นมาทันที โดยไม่สนใจหญิงสาวข้างกายที่กำลังทำตัวเป็นปลาหมึกติดหนึบอยู่ที่แขนไอ้พี่ธีต์ ‘เชื่อคำไอ้หมุดตั้งแต่แรกชีวิตก็เจริญแล้ว’
“พี่หมุดค่ะ พูดแบบนี้น้องแพรเสียใจนะคะ”
“จ้า”
เป็นครั้งแรกที่คนอย่างมหาสมุทร ซึ่งดูเป็นบุคคลเดียวในกลุ่มแก๊งหัวสีที่เข้าถึงตัวง่ายและเป็นมิตรกับทุกคนแสดงท่าทีไม่น่ารักออกมา จะอะไรเสียอีก เขามันพวกไม่ชอบคนประพฤติผิดในกาม แม้ว่าเจ้าตัวจะยืนกรานว่ายังไม่เลยเถิดไปถึงขั้นนั้น แต่แค่หญิงสาวไปคุยกับผู้ชายอีกคน ทั้งที่ตัวเองมีแฟนอยู่แล้ว จะให้เขาเห็นดีเห็นงามแล้วชอบหล่อนหรือยังไง ผิดศีลธรรมขนาดนั้น
ส่วนเจ้าของแขนที่ถูกหญิงสาวเกาะแน่นอยู่นั้น ทำได้เพียงถอนหายใจด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย แต่มีอยู่ความรู้สึกหนึ่งที่เขาพูดได้เต็มปากนั่นคือ ‘เขาไม่ได้รัก หรือชอบหญิงสาวแล้ว เพราะหัวใจของเขามันมีใครบางคนเข้ามาแทนที่แล้ว’ แต่ด้วยความที่พ่อเขาและพ่อของอีกฝ่ายสนิทคุ้นเคยกัน ดังนั้นจะให้ผลักไสไล่ส่งหญิงสาวไปไกล ๆ อย่างที่อยากทำจึงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก สุดท้ายจึงจำใจถามออกไปตามมารยาทเท่านั้น
“น้องแพรกลับมาเรียนที่นี่เหรอ”
“ใช่ค่ะ น้องแพรกลับเข้ามาเรียนบริหารปี 3 ที่นี้ ตอนแรกน้องแพรคิดว่าพี่ธีต์คงจบออกไปแล้ว ตอนนี้ดีใจจังเลยค่ะที่จะได้เจอพี่ธีต์ทุกวัน”
“ตึกบริหารกับตึกนิติมันอยู่กันคนละฟากของมหาวิทยาลัยเลยนะ”
“แค่ได้อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับพี่ธีต์ ก็เหมือนน้องแพรได้เจอหน้าพี่ธีต์ทุกวันเลยค่ะ เย็นนี้พี่ธีต์ว่างไหมคะ คุณพ่อท่านอยากเจอ ไปกินข้าวที่บ้านน้องแพรกันนะคะ”
“.....”
“นะคะ น้าา”
หญิงสาวพยายามงัดจริตออดอ้อนออกมาทุกทางเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าจะต้องเอาชื่อบิดามาอ้างเพื่อชวนให้คนข้าง ๆ ไปที่บ้านก็ตาม เพราะเธอรู้ดีว่าทุกครั้งที่เอ่ยถึงผู้เป็นพ่อ พี่ธีต์มักจะตกลงเสมอ
แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างที่ใจคิด เมื่อสถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่หญิงสาวและธีต์ แต่มันยังมีเจ้าของโรงงานไฟฟ้าอย่างมหาสมุทร ผู้ที่สามารถช๊อตฟิวทุกคนได้ด้วยถ้อยคำที่รุนแรงไม่ต่างจากพลังงานไฟฟ้าแรงสูง
“พี่ธีต์เขาไม่ว่างหรอกครับ ช่วงนี้ยิ่งเห็นว่าเบื่อ ๆ ของคาว นี่พี่กำลังจะพาไปกินเค้กน้องเนเน่เป็นเพื่อนพี่”
“เค้ก? น้องเนเน่? คืออะไรเหรอคะพี่หมุด”
รอยยิ้มหวานที่มหาสมุทรมองปราดเดียวก็รับรู้ได้เลยว่ามันเคลือบไปด้วยยาพิษ นอกจากผู้หญิงตรงหน้าของเขาในตอนนี้จะแสร้งทำเป็นแอ๊บแอ๊ใสซื่อแล้ว หล่อนยังทำเป็นไม่รู้จักน้องเนเน่สุดที่รักของเขาอีกด้วย
“เค้กที่เจ้าของสวย น่ารัก แถมยังเก่งรอบด้านจ๊ะ”
“อ้ออออ ขอบคุณที่บอกให้รู้นะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ พี่ยินดีเสียอีกที่ได้ช่วยเพิ่มความรู้ให้น้องแพร”
รอยยิ้มกว้างถูกส่งกลับไปให้หญิงสาว มหาสมุทรฉีกยิ้มจนมุมปากแทบถึงติ่งหู ใครว่าตัวอิจฉามีแค่ในละคร พ่อแก้วแม่แก้วมาดูผู้หญิงตรงหน้าของเขาตอนนี้ แต่ขอโทษเถอะนะ เขาและหล่อนกระดูกคนละเบอร์กัน ถ้าคิดจะมากวนประสาทด้วยคำพูดพล่อยๆ บอกเลยว่า เขากวนประสาทกลับได้หนักกว่า ไม่พูดเปล่า เขายังกระทำในสิ่งที่ขัดใจของหญิงสาวอีกด้วย
“ไปกันพี่มึง”
แขนข้างที่ว่างถูกมหาสมุทรกระชากจนคนที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกลับปลิวไปตามแรง ธีต์ทำเป็นเสียหลักจากแรงดึงแล้วใช้จังหวะนั้นสะบัดแขนออกจากหญิงสาว ความคิดไม่อยากโดดเรียนเมื่อครู่ รวมถึงการไม่อยากไปต่อคิวกินเค้กน้องเนเน่กับไอ้หมุดถูกทลายลงจนสิ้น ร่างสูงละล่ำละลักบอกเพื่อนด้วยความแข็งขัน
“ไปกันเถอะมึง เดี๋ยวเค้กน้องเนเน่หมดก่อน”
ชายหนุ่มทั้งสองรีบเดินจ้ำอ้าวออกไปจากหน้าอาคารเรียนอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีใครหันหลังกลับมามองหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียว ที่ตอนนี้กำลังยืนกระทืบเท้าเร่า ๆ อยู่กับที่
นี่คือครั้งแรกที่เธอเอาชื่อพ่อมาอ้างแล้วถูกพี่ธีต์ปฏิเสธแบบไร้เยื่อใย ใบหน้าสวยเฉี่ยวบูดบึ้งเนื่องจากอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่น ฝ่ามือเล็กทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่นด้วยแรงโทสะ
“น้องแพรไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอก”
ทุกถ้อยคำที่เปล่งออกมาบ่งบอกได้เลยว่าเจ้าของร่างแน่งน้อยนั้นจริงจังและมุ่งมั่นแค่ไหน พี่ธีต์เป็นของเธอ และจะเป็นของเธอตลอดไป ใครหน้าไหนก็อย่าได้เข้ามาขวางทาง
ตกเย็น…บาร์ลับ
“ไอ้โยมึงมาช่วยกูสมน้ำหน้าพี่มันหน่อยเร็ว เมื่อเช้าตามกูไปตั้งแต่แรกก็จบแล้ว พี่มันดันคึกอยากเรียนเลยไปเจอแจ็กพอตเข้าให้”
“.....” ร่างสูงนั่งอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้ามเพื่อน ทำเพียงยกแก้วเหล้าขึ้นจิบเบา ๆ
“กูนี่นะ พยายามรั้งเอาไว้ เอาตัวเองเข้าไปช่วยสุดชีวิต”
“.....”
“แต่แม่งไม่เชื่อกูไง เดินดุ่ม ๆ จะเข้าไปเรียน เป็นไงเจอฤทธิ์น้องแพรเข้าไป เปลี่ยนใจไปแดกเค้กน้องเนเน่กับกูอย่างไว”
“.....”
“มึงตลกเหมือนกูไหมวะโย คิคิ”
คนพูดอ้าปากกว้างหัวเราะโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ เพราะตอนนี้เขาและเพื่อนกำลังนั่งอยู่ในห้อง VIP ของบาร์ลับที่มากันวันก่อน โดยตัวต้นเรื่องอย่างไอ้พี่ธีต์กำลังนั่งใบ้รับประทาน สีหน้าหน้าบูดบึ้งเหมือนไปแดกรังแตนมา เขาเลยสบโอกาสได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเมื่อเช้าให้ไอ้โยฟัง เพราะมันเป็นคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์จริง
“อืม”
วาโยรำคำสั้น ๆ ตามสไตล์ ตามหลังมาด้วยเสียงเข้ม ๆ ของพี่ใหญ่ประจำกลุ่ม
“อย่าให้ถึงคราวของมึงนะไอ้หมุด กูสัญญาเลยว่าจะล้อยันลูกบวช ไอ้เวร แทนที่จะรีบบอกกูว่าน้องแพรมา เสือกมาชวนไปแดกเค้กตอนเช้า ใครมันจะไปทันมุกวะ”
บ่นออกไปเสียงขึ้นจมูก เมื่อเช้าหลังจากที่เขาปลีกตัวออกมาจากน้องแพรได้ ไอ้หมุดก็เอาแต่พูดกรอกหูว่าเราต้องทำให้เนียน บอกว่ามากินเค้กก็ต้องมาจริง ๆ แถมยังต้องมาถ่ายรูปเค้กลงอินสตาแกรม ผลสุดท้ายเขาเลยได้ไปยืนต่อคิวรอซื้อเค้กน้องเนเน่ของมันร่วมชั่วโมง เพื่อบรรลุเป้าหมายของไอ้หมุด
“แต่เค้กน้องเนเน่กูอร่อยใช่ไหมล่ะ”
“น้องเนเน่เขามีแฟนแล้ว เขาไม่มาชายตามองผู้ชายธรรมะแต่ปากหมาใจกากอย่างมึงหรอก”
“เอ้า พี่มึงพูดงี้ได้ไง กูเพื่อนมึงนะ มึงจะมาบูจี้กูไม่ได้”
“เดี๋ยวกูจะทำมากกว่าบูลลี่มึงไอ้หมุด ไอ้เพื่อนเวร”
ธีต์สะบัดหน้าไปอีกทาง เพราะไม่อยากสนทนากับไอ้เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดอย่างไอ้หมุด ที่ไม่ว่าเขาจะคุยกับมันทีไรมักจบด้วยเรื่องประสาทแดก ไม่ก็พูดจาไม่รู้เรื่องทุกที แววตาคมเปลี่ยนไปมองยังตำแหน่งของบาร์ชงเครื่องดื่มประจำร้าน ซึ่งอยู่บริเวณชั้น 1 ด้วยใจอันจดจ่อ
เขาจดจ้องไปที่ร่างของไอ้เด็กเปรตที่กำลังขะมักเขม้นกับหน้าที่ตรงหน้า จนไม่ทันสังเกตเห็นว่าวันนี้เขาและเพื่อนพากันมานั่งดื่มที่ร้านของมัน อาจจะเป็นเพราะไอ้กานมันมีหน้าที่อยู่ประจำหน้าบาร์เสียส่วนใหญ่ ไม่ได้เดินเตร็ดเตร่คอยรับออเดอร์จากลูกค้า จึงง่วนอยู่กับแค่โซนเดียว อันนี้จากที่เขานั่งมองมาสักพักและคิดเอาเอง
“แล้วนี่ยังไง นึกอะไรถึงชวนกูกับไอ้โยมาร้านนี้ ปกติพี่มึงไม่แดกซ้ำร้านเดิมนี่หว่า”
มหาสมุทรยังกัดไม่ปล่อย เพราะหลังจากกินเค้กน้องเนเน่ และเดินช้อปปิ้งกันจนมืดค่ำ ไอ้พี่ธีต์ก็ให้เขาโทรชวนไอ้โยให้มานั่งซดเหล้าย้อมใจที่บาร์แห่งนี้ ซึ่งมีเจ้าเด็กปีสองคู่กัดพี่มันทำงานอยู่ แต่เนื่องจากปกติไอ้พี่ธีต์เป็นพวกไม่ชอบนั่งร้านเดิมซ้ำสอง นอกจากจะเป็นร้านประจำ ดังนั้นการที่มันชวนเขามานั่งที่นี่อีกครั้งจึงถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกมาก
“กูแค่อยากแดกเหล้าไม่ได้หรือไง” คนชวนทำเฉไฉ
“แดกได้ครับ แต่มึงไม่นิยมแดกร้านเดิมไม่ใช่เรอะ”
“ร้านไหน ๆ มันก็เหมือนกันแหละ มึงก็พูดเวอร์ไปไอ้หมุด”
“จริงอ่ะเปล่า ไม่ใช่มานั่งเฝ้าคนหรอกนะ”
“เปล่าโว้ย กูแค่อยากมานั่งแดกเหล้าจริง ๆ”
น้ำสีอำพันในแก้วใสดีไซน์สวยถูกยกขึ้นจรดริมฝีปากได้รูปทันทีที่พูดจบ เจ้าตัวกระดกเครื่องดื่มรสร้อนแรงลงคอรวดเดียวจนหมด ดีกรีของแอลกอฮอล์ที่สัมผัสไปตามลำคอทำเอาใบหน้าหล่อเหยเก
“กูละเบื่อนักไอ้พวกปากไม่ตรงกับใจ ใช่ไหมโย”
ท้ายประโยคมหาสมุทรหันไปสบตาเพื่อนรักอีกคน เพื่อขอความคิดเห็น ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากวาโยเป็นอย่างดี
“อืม”
“โย กูถามจริง ถ้าวันหนึ่งมึงมีเมียขึ้นมา มึงไม่กลัวเมียมึงทิ้งหรือไง”
“.....”
“แต่กูว่าไม่น่าจะมีวันนั้น เพราะแค่ขั้นตอนจีบ กูว่าไม่น่ารอดแล้ววะ คิคิ”
น้ำเสียงทะเล้นพูดเย้าแหย่เพื่อหวังให้คนฟังแสดงอาการ หรือคำพูดอื่น ๆ ออกมานอกจากคำว่า ‘อืม’ แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะคนอย่างวาโยนั้นต่อให้ไปด่าพ่อมัน ไอ้เวรนี่ถ้ามันไม่อยากตอบ มันก็ไม่ตอบอยู่ดี
“กูสงสารว่าที่เมียในอนาคตของมึงจริง ๆ”
“.....”
“แล้วนั่นก็อีกคน ชวนพวกกูมาแดกเหล้า แต่ไม่คุยกับกูเอาแต่มองเด็กอยู่ได้”
เมื่อการคุยกับวาโยไม่สำเร็จผล การหันกลับมากัดไอ้พี่ธีต์จึงเป็นทางออกของมหาสมุทร คนหล่อปรายตามองไปยังไอ้พี่ธีต์ด้วยสายตาเอือมระอา กับพฤติกรรมทำตัวเป็นตุ๊กแกเกาะติดอยู่กับกระจกแล้วเพ่งมองลงไปที่เด็กนั่น
“กูเปล่าเสี-”
ธีตเอี้ยวหน้ากลับมาตั้งใจที่จะสวนเพื่อนสักหน่อย แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ไอ้หมุดมันก็ดันพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“กูว่านะ จากศัตรูได้เลื่อนขั้นเป็นคนรักเร็ว ๆ นี้แน่นอน เชื่อหมอหมุดได้เลย”
“เลอะเทอะไอ้หมุด หมอเหมออะไรของมึง พูดไปเรื่อย”
“จู่ ๆ ก็ลากกูกับไอ้โยมาร้านเดิม ทั้งที่ปกติไปแค่ครั้งเดียวไม่มีซ้ำสอง แถมมาถึงเอาแต่นั่งจ้องเขาผ่านกระจก ให้กูขึ้นไปอยู่บนดวงจันทร์แล้วมองลงมายังรู้เลยว่าพี่มึงตอแหล”
“ไอ้หมุด!”
“หรือมึงจะเถียงล่ะ”
แววตาเจ้าเล่ห์มองมายังพี่ใหญ่ของกลุ่ม มุมปากยกยิ้มอย่างที่ชอบทำอยู่เป็นประจำในยามที่ตนเองสามารถต้อนบางสิ่งบางอย่างได้แบบจนมุม ไหล่หนายกขึ้นเชิงหยอกล้อกับความปากอย่างใจอย่างของไอ้พี่ธีต์โดยไม่แคร์สายตาฟาดฟันที่อีกฝ่ายส่งกลับมาให้เขา
“.....”
“ทำไม ยังไง พูดไม่ออก เถียงไม่ได้ ทีหลังอย่ามาปากเก่ง อ่อนวะ โถ่!
“ธีต์เสาร์นี้ว่างไหม”กานถามขณะนั่งอยู่บนที่นั่งฝั่งคนขับ แววตาใสมองไปยังคนข้าง ๆ ที่กำลังง่วนอยู่กับการเปิดแผนที่ร้านอาหารที่จะไปกินอยู่ในโทรศัพท์“แป๊บนะ ขอดูตารางงานก่อน”เรียวนิ้วเลื่อน ๆ อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์อยู่ชั่วครู่ เนื่องจากช่วงนี้ธีต์งานเยอะเป็นพิเศษ เพราะเจ้าตัวกับเพื่อนกำลังจะก่อสร้างโชว์รูมรถ แววตาคมเพ่งมองหน้าจอก่อนจะหันหน้ามาบอกแฟน“ช่วงเช้าติดงานนิดหน่อย ว่างตั้งแต่บ่ายสองเป็นต้นไป มีอะไรหรือเปล่า”“งั้นเราไปกินข้าวที่บ้านพ่อกับแม่มึงได้ใช่ไหม”เนื่องจากสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาและธีต์ไม่ได้เข้าไปกินข้าวในเย็นวันเสาร์อย่างที่ตกลงไว้ เนื่องจากงานที่รัดตัว ซึ่งพ่อกับแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ออกจะเห็นอกเห็นใจลูกชายและเป็นห่วงเรื่องสุขภาพมากกว่า“อืม ดีเหมือนกัน พ่อโทรมาบ่นจนหูชาแล้ว”“ท่านคงคิดถึง”“ทำไงได้อะเนอะ ดันมีลูกชายฉลาด งานการรัดตัว”“มึงนี่ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ไม่ลดลงเลยนะ”“อะไรลดลงเหรอ”“ความมั่นหน้า”กานว่าออกมายิ้ม ๆ แต่คนฟังไม่ได้มีท่าทีโกรธอะไร ออกจะถูกใจธีต์เสียด้วยซ้ำ เพราะเรื่องมั่นหน้า และมั่นใจ เจ้าของเรือนผมสีส้มไม่เคยแพ้ใครอยู่แล้ว “ถ้าไม่มั่นหน้าจะได้มึงมาเ
“ลูกกาน ลองชิมแกงรัญจวนดูนะลูก เมนูโปรดแม่เลย”คุณหญิงของบ้านตักแกงสุดโปรดไปวางลงบนจานข้าวของว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม อาหารบนโต๊ะวันนี้สีสันแสบสะท้านทรวงมาก เมนูแต่ละอย่างรสชาติจัดจ้านซึ่งดูแปลกตาไปจากทุก ๆ วัน เนื่องจากสายธารเป็นคนชอบอาหารรสจัด ยามใดที่คุณแม่ยังสวยอยู่บ้าน ป้านวลจึงมักจัดอาหารทั้งรสชาติเผ็ดและจืดขึ้นพร้อมกัน“ขอบคุณครับคุณแม่”“กินเยอะ ๆ นะลูก ตาธีต์เลี้ยงเราดีไหม ทำไมหนูตัวบางแบบนี้ ไม่ได้ ๆ หลังจากนี้ต้องกินข้าวเยอะ ๆ นะ”“ได้ครับผม”กานส่งยิ้มกลับไปพร้อมด้วยคำตอบแสนสุภาพ ร่างสูงโปร่งขณะนี้นั่งอยู่ข้าง ๆ แม่ของธีต์ โดยมีคุณลุงนั่งอยู่หัวโต๊ะเช่นเคย ส่วนไอ้ผมส้มของเขานั้นตอนนี้นั่งหน้ายับอยู่ฝั่งตรงข้ามผู้เป็นแม่ เนื่องจากถูกสั่งไม่ให้นั่งข้างเขา“แม่ ผมเลี้ยงกานดีมากนะครับ อาหารมีให้ไม่เคยขาด”“ธีต์ลูก แม่บอกแล้วว่าให้จ้างครูมาสอนภาษาไทย ดูพูดเข้า นึกว่าให้อาหารหมา”“แม่ครับ”ใบหน้าหล่อเหลายิ่งยับย่นเข้าไปอีกเมื่อถูกแม่ตัวเองแซวต่อหน้าแฟน เห็นทีหลังจากนี้เขาต้องไปลงเรียนภาษาไทยให้มากขึ้นเสียแล้ว เพราะเขาเองไม่ได้อยู่กับกานตลอดเวลา ดังนั้นเวลาห่างกับแฟนเขาจึ
ไม่นานหลังจากที่ธีต์วิ่งออกไป ร่างสูงก็กลับมาพร้อมกับลุงหมอเจ้าของไข้ และพยาบาลอีกหนึ่งคน ธีต์ถอยออกมายืนอยู่ข้าง ๆ พ่อของเขา เพราะไม่อยากรบกวนการทำงานของลุงหมอ เขาปล่อยให้กานถูกซักถามและตรวจเช็กอาการอยู่บนเตียง“กานฟื้นแล้วครับพ่อ”ธีต์หันไปฟ้องพ่อราวกับเด็ก ๆ ที่กำลังดีใจกับเรื่องบางอย่างจนออกนอกหน้า ธรณ์พยักหน้ารับ พลางมองไปยังแววตาของลูกชายที่เขาไม่ได้เห็นมันทอแสงประกายระยิบระยับมาร่วมอาทิตย์ด้วยความเอ็นดู“ผมดีใจมาก ๆ เลยครับ”“พ่อก็ดีใจ หมดเคราะห์สักทีนะเรา”“เดี๋ยวถ้ากานหายดี ผมจะพาน้องไปอาบน้ำมนต์กับหลวงตาครับ”“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ นู่น ลุงหมอตรวจเสร็จแล้ว”ธรณ์เบนสายตาไปยังหมอประจำตระกูล ซึ่งขณะนี้ตรวจอาการของคนป่วยเสร็จเรียบร้อยแล้ว ธีต์ได้ยินดังนั้นจึงไม่รอช้า เขาสืบเท้าเข้าไปหาลุงหมอทันควัน“น้องเป็นยังไงบ้างครับลุงหมอ”“อาการโดยรวมตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วนะ ให้พักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลอีกสองสามวัน น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”“กานจะได้กลับบ้านแล้วเหรอครับ”“ใช่ ลุงดีใจด้วยนะ”“ขอบคุณมากครับลุงหมอ”คนฟังแทบจะก้มลงกราบลุงหมอที่พื้น เพราะเขาถือว่าลุงหมอคือคนสำคัญที่
“กินเยอะ ๆ”ธรณ์ตักไก่กระเทียมไปวางลงบนจานข้าวของลูกชาย พร้อมกำชับด้วยโทนเสียงหนักแน่น เนื่องจากเจ้าธีต์เอาแต่เขี่ยข้าวในจานไปมา“ผมไม่หิวเลยครับพ่อ”“ไม่หิวก็ต้องฝืนกินเข้าไป แกจะได้มีแรง”“ครับ”รับปากออกไปแต่มือยังเขี่ยข้าวในจานไม่หยุดจนผู้เป็นพ่อต้องยกมือขึ้นไปตบบนหลังมือของลูกชายเพื่อเรียกสติ “ธีต์ กินข้าวหน่อยนะลูก”“ครับ”ข้าวไก่กระเทียมคำแรกถูกส่งเข้าปากด้วยความฝืดคอ แต่ทว่าธีต์ก็พยายามเคี้ยวข้าวแล้วกลืนลงท้องไปด้วยความจำใจ เนื่องจากมีสายตาของพ่อมองกดดันเขาอยู่ กระทั่งเขากินข้าวไปอีกสองสามคำ จู่ ๆ พ่อก็โพล่งเรื่องงานหมั้นขึ้นมา“พ่อไปยกเลิกงานหมั้นให้แล้วนะ”“พ่อว่ายังไงนะครับ ยกเลิกงานหมั้น?”“อืม เมื่อเช้าพ่อไปบ้านลุงภูมา”“เกิดอะไรขึ้นครับ ก่อนหน้านี้พ่อยังบังคับผมอยู่เลย” ธีต์ถามออกไปตามตรง พลางมองใบหน้าของพ่อด้วยความสงสัย“ที่กานตกสระว่ายน้ำเมื่อวาน พ่อให้ช่างเขามาดูกล้องวงจรปิดมุมนั้น ปรากฏว่าหนูแพรเป็นคนผลักกานตกสระว่ายน้ำ”ธีต์วางช้อนในมือกระแทกลงบนจานจนเกิดเสียงดังเมื่อสิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้เป็นเรื่องจริง แม้ว่าในใจจะแอบให้ความคิดด้านลบที่ว่าแพรเป็นคนผลักกานตกน้ำไม่
“คุณธรณ์ค่ะ ช่างเข้ามาดูเรื่องกล้องวงจรปิดแล้วค่ะ”หลังจากที่ธรณ์ปล่อยให้ลูกชายได้อยู่เฝ้ากานที่โรงพยาบาล แม้ว่าจะไม่สามารถเข้าไปเฝ้าใกล้ ๆ ได้ แต่สภาพจิตใจของลูกชายในตอนนี้ หากให้กลับมาพักที่บ้านคงได้ระเบิดบ้านทิ้งแน่ ๆ เขากับนวลจึงอาสามาเก็บข้าวของ พร้อมเตรียมอาหารเย็นแล้วค่อยนำกลับไปให้เจ้าธีต์ที่โรงพยาบาลอีกครั้ง เห็นว่าคืนนี้หมอเขาไม่ให้อยู่เฝ้าตลอดทั้งคืน ธีต์เลยจะไปนอนโรงแรมใกล้ ๆ แทนโดยสิ่งแรกที่ทำเมื่อกลับมาถึงบ้าน คือการโทรตามช่างที่รับผิดชอบดูแลเรื่องกล้องวงจรปิดในบ้านมาพบ เพราะเขาต้องการหาสาเหตุว่ากานตกลงไปสระน้ำได้อย่างไร“อืม นวลให้ช่างเข้ามาได้เลย”“สักครู่นะคะ”ไม่นานช่างผู้ชายสองคนได้พากันเดินเข้ามาภายในห้องทำงานของธรณ์ โดยช่างประจำมาพร้อมกล่องเครื่องมือครบครัน ส่วนอีกคนดูท่าแล้วน่าจะเป็นผู้ช่วยช่าง เพราะธรณ์ไม่เคยเห็นหน้าคร่าตามาก่อน เนื่องจากปกติช่างประจำรายนี้มักจะมาทำงานด้วยตัวคนเดียวมากกว่า“ผมอยากเห็นภาพเหตุการณ์บ่ายสามไปจนถึงสี่โมงเย็นของวันนี้ ช่างพอจะเช็กให้ได้ไหม”“ได้ครับคุณธรณ์”“ฝากด้วยนะช่าง”“ครับ”ช่างลงมือทำหน้าที่ของตนต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ
โรงพยาบาล XX“คุณลุงค่ะ คุณลุงต้องเชื่อน้องแพรนะคะ น้องแพรไม่รู้เลยค่ะ ว่ากานเค้าตกลงไปในสระว่ายน้ำได้ยังไง”“คงเป็นอุบัติเหตุ ไม่เป็นไร เรารอคุณหมอออกมาก่อนเถอะ”ธรณ์พูดปลอบใจหญิงสาวรุ่นลูก เพราะคนที่เข้าไปเห็นกานจมอยู่ก้นสระว่ายน้ำคนแรกคือเด็กสาวตรงหน้า หลังจากที่เขานั่งรอดอกกรรณิการ์อยู่พักใหญ่ กานก็ไม่กลับเข้ามาสักที ครั้นจะเดินออกไปตามกลับพบหญิงสาววิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาภายในบ้าน พร้อมกับละล่ำละลักบอกว่ากานจมน้ำอยู่ในสระโชคยังดีที่คนขับรถอยู่บริเวณนั้น จึงได้กระโดดลงไปในสระแล้วนำร่างกานขึ้นมา ก่อนจะนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยตอนนี้เขา นวล และแพร ต่างพากันยืนรออยู่ด้านหน้าห้องฉุกเฉิน“คุณธรณ์ไปนั่งเก้าอี้ก่อนไหม เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลเอง”“ไม่ล่ะนวล ชั้นขอยืนรอตรงนี้ พอหมอเขาพากานออกมา กานจะได้เห็นเราชัด ๆ”“แต่ว่า-”“ชั้นไม่เป็นไรจริง ๆ นวล”ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นเป็นเชิงห้าม เพราะไม่ว่านวลจะคะยั้นคะยอให้เขาไปนั่งรอมากแค่ไหน แต่ตอนนี้เขาร้อนใจจนไม่สามารถนั่งรอเฉย ๆ ได้ แววตาของคนที่เคยเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส ในเวลานี้ช่างต่างกันลิบลับ เพราะมันถูกแทนไปด้วยความเป็นห่วง“พี่ธีต์ว่ายังไงบ้างคะคุณลุ







