Share

กุนซือจ้าวหัวใจ
กุนซือจ้าวหัวใจ
Author: ไห่ถาง

บทที่1 เจรจา

last update Last Updated: 2025-03-17 05:04:43

แคว้นหลี่ ณ ชายแดนใต้

ร่างสูงในชุดเกราะสีเงินยวง กำลังยืนเผชิญหน้าอยู่กับรองแม่ทัพแคว้นเหลียว หลังจากที่หลายวันก่อน สองแคว้นยกทัพเข้าห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด จนเมื่อแม่ทัพเหลียวได้รับบาดเจ็บสาหัส

แคว้นเหลียวจึงได้ถอยทัพกลับยังฐานที่ตั้งค่าย ทว่าผ่านไปได้เพียงสองวัน ก็มีสาสน์ขอเสนอการเจรจาเกิดขึ้น นี่เป็นเหตุให้เขาต้องมายืนอยู่ตรงนี้ จากสายตาที่เขาประเมินแล้ว อีกฝ่ายหาได้เต็มใจ ที่การเจรจากับเขาเท่าใดนัก

“รองแม่ทัพเหลียว ผยองใช่เล่นเลยนะขอรับ ท่านกุนซือ”

ทหารติดตามเอ่ยกับผู้เป็นนาย เมื่อเห็นใบหน้าบึ้งตึงของรองแม่ทัพแคว้นเหลียว

“นกเพิ่งได้บินเองครั้งแรก ย่อมต้องสร้างความน่าเกรงขาม โดยที่เขาไม่รู้เลย ว่ามันไม่เป็นผลต่อคนเช่นข้า”

ลู่เฉินเซียนรู้สึกขบขันอย่างที่พูดจริง เขาเติบโตมาท่ามกลางกองทัพ สกุลลู่ ซึ่งในทุกรุ่นล้วนเป็นนักรบทั้งสิ้น เขาย่อมต้องผ่านศัตรูมานับไม่ถ้วน ส่วนรองแม่ทัพเหลียวคนใหม่ ดูจะยังไม่คุ้นกับกองทัพสกุลลู่เท่าใดนัก

เพราะหากลูกนกเหล่านี้ รู้จักโบยบินในพื้นที่ของตนเอง คงไม่นำชีวิตของทหารและประชาชน มาสังเวยภายใต้คมดาบของสงคราม นับว่าฮ่องเต้เหลียวมองคนไม่ขาด เห็นแก่คำว่าพ่อลูก ย้ายอดีตแม่ทัพเปลี่ยนให้โอรสคนโปรดมาแทนที่ ผลถึงได้ออกมาเลวร้ายเช่นนี้

สงครามที่สงบมานานนับสิบปี ต้องเกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะฮ่องเต้หวั่นไหว ไปกับคำยุยงของพระโอรส ที่ประกาศว่าจะยึดครองดินแดนฝั่งทิศใต้ของหลี่ คนที่ใช้ชีวิตโดยมีข้ารับใช้มาตั้งแต่เกิดจนโต มิเคยตรากตรำเช่นทหารที่อุทิศตน เพื่อปกป้องแผ่นดินมานานปี คิดว่าจับดาบเป็นก็จะคว้าชัยได้ เบาปัญญาสิ้นดี และการเจรจาในครั้งนี้ จะเป็นผลหรือไม่ ก็อยู่ที่คนตรงหน้าเขาแล้ว ว่าจะมีไหวพริบดีเพียงใด

“ไยแม่ทัพของเจ้าของเจ้า ไม่มาด้วยตนเองเล่า”

รองแม่ทัพแคว้นเหลียว เอ่ยถามกับชายในชุดเกราะเบื้องหน้า ช่างหยามกันเกินไปแล้ว ที่ส่งเพียงผู้ติดตามชั้นผู้น้อย มาเพื่อเจรจากับเขา

“การเจรจามิได้กำหนดว่าต้องเป็นผู้ใด อีกอย่างเรื่องนี้ ย่อมเป็นหน้าที่ของข้า หาใช่ท่านแม่ทัพไม่”

ลู่เฉินเซียน เดาความคิดของอีกฝ่ายออก แต่เขายังคงสนุกที่จะเห็น อาการพองขนของอีกฝ่ายต่ออีกสักหน่อย จึงมิได้บอกว่าแท้จริงตัวเขาคือใคร หากเป็นอดีตแม่ทัพคนเดิม และเหล่าขุนพลติดตาม ล้วนรู้จักตัวเขาเป็นอย่างดี

“แคว้นหลี่ ส่งเด็กหัดเดินมาเจรจา ช่างน่าขันนัก”

รองแม่ทัพเหลียว ยังคงพูดจาดูหมิ่นชายหนุ่มตรงหน้าต่อ โดยเขาไม่ได้เห็นสีหน้า ของทหารชั้นผู้น้อย ที่อยู่ชายแดนมาหลายปี ว่ามองชายหนุ่มในชุดเกราะสีเงิน ด้วยสายตาเช่นไร

          “หึ ๆ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าเพิ่งหัดเดิน มีสิ่งใดที่จะเสนอ ก็รีบพูดมาเถอะ ข้าไม่ได้มีเวลามายืนมองหน้าขี้ริ้วของเจ้า ทั้งวันหรอกนะ!”

          ลู่เฉินเซียนไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ มีหรือเขาจะมองไม่ออกว่ารองแม่ทัพเหลียว กำลังรู้สึกเช่นไร ภายใต้ใบหน้าและน้ำเสียงอันเยาะหยัน มันซ่อนความหวาดหวั่นเอาไว้ไม่น้อยเลย

          “ไยมิเผยใบหน้าของเจ้าเล่า ข้าจะได้รู้ว่าผู้ที่มาเจรจาคู่ควรหรือไม่”

          รองแม่ทัพแคว้นเหลียว เรียกร้องที่จะเห็นใบหน้าของผู้มาเจรจา หากวันนี้การเจรจาล้มเหลว เขาจะได้รู้ว่าคนตรงหน้า เป็นผู้ใดกันแน่

“ไม่จำเป็นกระมัง! เพราะข้ามาเพื่อฟังข้อเสนอ ได้มาอวดโฉมให้ผู้ใดชื่นชม อ่อ...ส่วนตัวข้าคู่ควรหรือไม่ หาใช่สิ่งที่ต้องสาธยายให้เจ้าฟัง หากยังอยากเจรจาก็รีบพูดมา อย่าโยกโย้ให้เสียเวลา”

รอยยิ้มภายใต้หน้ากากสีเงิน ล้วนเต็มไปด้วยความขบขัน ในสนามรบหรือแม้แต่การพบปะระหว่างแคว้น ไม่เคยมีใครได้เห็นใบหน้าแท้จริงของเขา ยกเว้นคนในค่ายทหารสกุลลู่เท่านั้น เพราะถ้าวันไหนตัวตนของเขา ถูกเปิดเผยนั่นคือมีหนอนในกองทัพ และโทษเดียวที่คนผู้นั้นจะได้รับ คงมีเพียงความตายเท่านั้น

รองแม่ทัพเหลียว ทำได้เพียงข่มกลั้นความไม่พอใจเอาไว้ หากวันนี้เขาไม่สามารถ ทำให้อีกฝ่ายอมรับข้อเสนอได้ เห็นทีเขาคงไม่อาจรักษา แม้แต่ลมหายใจเอาไว้ได้เช่นกัน

          “ข้อเสนอเป็นไปตามในสาสน์นี้”

          รองแม่ทัพยื่นม้วนกระดาษ ให้แก่ทหารติดตาม เพื่อนำไปส่งมอบให้แก่ทูตจากแคว้นหลี่

          ลู่เฉินเซียน เป็นผู้ก้าวออกไปรับมันด้วยตนเอง ชายหนุ่มคลี่ออกอ่านอย่างใจเย็น ก่อนจะยกยิ้มเล็กน้อย ข้อเสนอหลายอย่าง นับว่าเห็นแก่ส่วนรวม ยกเว้นว่าองค์ชายแห่งเหลียว ต้องการศีรษะของเขา ไปทดแทนขาที่ถูกตัดไปทั้งสองข้าง

          “หากเจ้าอยากให้ข้าลงนาม ข้าคิดว่าข้อสุดท้าย ควรที่จะเพิ่มเติมสักหน่อย เจ้าเห็นว่าอย่างไร!”

          “ตามที่เจ้าเห็นสมควร”

          รองแม่ทัพเหลียวรู้ดี ว่าข้อสุดท้ายคือสิ่งใด แต่จะให้ทำอย่างไรได้เล่า ถ้าเกิดสงครามขึ้นอีกครั้ง เห็นทีเมืองหน้าด่าน ท่านแม่ทัพของเขาคงไม่อาจรักษาเอาไว้ได้

แล้วอดีตแม่ทัพที่เคยประจำอยู่ชายแดน เป็นคนเยี่ยงไรกันนะ ไยถึงได้ครองความสงบมาได้อย่างยาวนาน อีกทั้งแม่ทัพแคว้นหลี่ ยังให้ความยำเกรงอยู่มาก

ทว่าเมื่อองค์ชายรอง และตัวเขามาบัญชาการแทน ทุกอย่างไยจึงกลับตาลปัดได้ถึงเพียงนี้ เขาเคยคิดมาโดยตลอด ว่าแคว้นหลี่อ่อนแอจึงไม่กล้ากำแหงต่อเหลียว แต่การศึกเมื่อไม่กี่วันก่อน ทำให้เขาไม่อาจคิดเช่นนั้นได้อีกตอไป

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • กุนซือจ้าวหัวใจ   ตอนที่18 ระวัง!

    “เก่งมากคุณหนูลู่ ฝีมือดีมิแพ้บิดาเจ้าเลยสักนิด”ท่านอ๋องสิบแปดเอ่ยชมเด็กสาว ที่ตอนนี้ยิ้มแต้ส่งให้แก่ทุกคน ก่อนจะหันไปไหวไหล่ให้แก่คู่ปรับของตนเอง ซึ่งองค์ชายเสวี่ยนหรงเทียน ทำเพียงเบะปากตอบนางเท่านั้น โดยที่หญิงสาวมิทันสังเกตเห็นแววตาเป็นประกาย ที่พาดผ่านดวงตาขององค์ชาย ทว่ามันกลับไม่รอดสายตาของพี่ชายทั้งสองของนางไปได้“ขอบพระทัยเพคะท่านอ๋อง หม่อมฉันเผอิญโชคช่วยมากกว่าเพคะ”ลู่เยว่ฉีกล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส และยังคงมีท่าทางเสมือนเด็กได้ของเล่นที่ถูกใจ ซึ่งสำหรับทุกคนนั้นช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก ยกเว้น...เขาองค์ชายผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่ยังเยาว์ จนถึงทุกวันนี้“มันโชคดีจนน่าแปลกใจมากกว่า เสด็จอาว่าจริงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”ในที่สุดองค์ชายหลงเทียนก็ได้เอ่ยขึ้น เมื่อเขารู้สึกคลางแคลงใจกับเรื่องนี้ เขามั่นใจว่าอย่างไรก็ต้องมีสิ่งผิดปกติ มิเช่นนั้นแล้ว...กวางตัวนี้ต้องเป็นของเขาอย่างแน่นอน“อย่างไรรึหรงเทียน อามิเห็นว่าจะมีอันใดที่ดูผิดปกติสักอย่าง เจ้าเป็นบุรุษ จงมีน้ำใจของนักกีฬาให้มาก ยังมีสัตว์ป่าอีกหลายตัวที่รอให้เจ้าพิสูจน์ฝีมือ ครั้งนี้เจ้าอาจพลาด แต่ทว่ามันยังมีครั้งหน้าอยู่อีก อย

  • กุนซือจ้าวหัวใจ   ตอนที่17 กลั่นแกล้ง

    เสวี่ยนเซียวเหยาตำหนิชายหนุ่มอยู่ในใจ ยิ่งมองหน้าสาวน้อยเยว่ฉีที่อมยิ้มน้อย ๆ กับชายคนนั้น เขาก็อดคิดถึงใครบางคน เมื่อหลายปีก่อนมิได้ มือเรียวจะเลื่อนไปลูบตรงอกเสื้อ เพื่อสัมผัสบางอย่างที่เขาพกติดตัวตลอดเวลา มิเคยให้ห่างกายเลยสักครั้ง‘ไยท่านหายไปเลย หรือท่านรู้แล้วว่าข้าคือผู้ใด’ความรู้สึกที่แอบซ้อนมาตลอดนั้น บางครั้งก็ทำให้เขาอึดอัดมิน้อย แต่จะทำอย่างไรได้ เมื่อใจของเขานั้น ได้ถวิลหาเพียงคนที่มอบจูบแรกให้แก่เขาเมื่อหลายปีก่อนยิ่งนานวันเข้า เขายิ่งมิคิดที่จะยุ่งเกี่ยวกับหญิงงาม ที่พระเชษฐาทรงแนะนำให้ ในตำหนักอ๋องไร้ซึ่งสนมนางใน ทรงรักการอยู่แบบสงบ มิฝักใฝ่เรื่องเช่นนั้นเพราะใจของเขานั้น รอใครบางคนอยู่ และเขาเองก็อยากจะพิสูจน์เช่นกัน ว่าแท้ที่จริงแล้ว เขาคิดกับคนผู้นั้นอย่างไร แล้วอีกฝ่ายจะคิดเช่นไรกับเขา เมื่อรู้ว่าแท้ที่จริงเขาคือใคร เสวี่ยนเซียวเหยารู้สึกเจ็บแปลบอยู่กลางอก เมื่อนึกถึงว่าหากเจ้าของหยกม่วงลืมเลือนเขาไปแล้วจริง ๆ มันรู้สึกจุกจนหายใจแทบไม่ออก เลยทีเดียว...ลู่เฉินเซียนชักม้ากลับไปหาผู้นำกลุ่ม ด้วยใบหน้าเรียบตึง พอ ๆ กับคนที่หันหน้ากลับไปยังป่า ที่จะทำการล่าต่อ โดยที

  • กุนซือจ้าวหัวใจ   บทที่16 ขุ่นเคือง

    ครึ่งชั่วยามต่อมาเมื่อเข้าสู่เขตป่า ลู่ฉงได้รับหน้าที่​พาทหารออกต้อนสัตว์ป่า​ ส่วนลู่เฉินเซียนทำหน้าที่ คอยอารักขาใกล้ชิด​เจ้านายทั้งสาม พร้อมองครักษ์ส่วนพระองค์อีกบางส่วน​ รวมทั้งคนติดตามของคุณหนูลู่เยว่ฉี อีกสองคนลู่เฉินเซียนอดมิได้ ที่จะคอยชำเลืองมอง คนที่นั่งบนหลังม้าเคียงข้าเขาในตอนนี้ และแน่นอนว่าเขารู้สึกขุ่นเคือง กับความดื้อรั้นของอ๋องสิบแปดผู้นี้นัก ​ด้วยก่อนหน้าที่จะมาถึงตรงนี้ เขาได้เอ่ยทัดทานอีกฝ่าย ว่ามิควรอยู่ตรงนี้​ เพราะอาจเป็นอันตรายได้​ แต่คำตอบที่ได้รับ ทำให้เขาเองถึงกับพูดมิออกเช่นกัน​‘เจ้ารู้จักข้าดีแล้วหรือ ถึงได้คิดว่า​คนเช่นข้า อ่อนแอถึงเพียงนั้น’ใช่แล้ว...เขามิเคยรู้จักอ๋องสิบแปด เสวี่ยนเซียวเหยามาก่อนเลย ​จึงมิรู้ว่าเด็กหนุ่มหน้าหวานดุจสตรีเช่นนี้ จะหยิ่งผยองเกินกว่าที่คิดไปมากทีเดียว ‘สักวัน...เจ้าต้องเจอดีเข้าจนได้ ​ต่อให้เจ้าเป็นน้องชายฮ่องเต้ ก็มิได้หมายความว่าร่างกายเจ้า จะแข็งดุจเหล็กกล้าเสียเมื่อไหร่กัน’ ชายหนุ่มได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจ​ใบหน้าหล่อเหลาที่ช่วงครึ่งบนของวงหน้า​ ที่ได้ปิดบังด้วยหน้ากากเสือดำ​ มองเห็นเพียงเรียวปากหยักที่ยังยกยิ

  • กุนซือจ้าวหัวใจ   บทที่15 องครักษ์พิเศษ

    “ฮ่าๆ”สามพี่น้องแอบนินทาน้องสาวที่ตอนนี้ ได้นั่งในฐานะตัวแทนสกุลลู่ เด็กสาววัยสิบห้า นางเป็นลูกหลงของพ่อแม่ ด้วยอายุห่างจากพี่ชายคนเล็กถึงสิบปี ทำให้นางไม่เคยถูกขัดใจจากทั้งสามเลยลู่เยว่ฉีแอบชำเลืองมองชายหนุ่ม ที่สวมหน้ากากพยัคฆ์ทั้งสาม ด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ นางเมื่อยจะตายอยู่แล้ว ที่ต้องนั่งปั้นหน้าวางท่า เป็นบุตรีที่เพียบพร้อม ทั้งที่ความเป็นจริง นางอยากจะถอดชุดรุ่มร่ามสีหวานนี่ออกเต็มทีแล้วทุกคนเงียบเสียงลงในทันที เมื่อบุรุษในชุดมังกร ก้าวเข้ามาในลานพร้อมด้วยสตรีผู้เป็นคู่บารมี ทุกคนได้ยืนขึ้นทำความเคารพ กันอย่างพร้อมเพรียง การล่ากำลังจะเริ่มแล้ว“ทุกท่านเชิญตามสบาย วันนี้เป็นวันที่เราทุกคน มาเพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อย่าได้มากพิธีไป”ฮ่องเต้เอ่ยขึ้น หลังจากเข้านั่งประจำที่ของตนเองแล้ว สายตามังกรกวาดมองไปรอบบริเวณ เพื่อดูเหล่าผู้มาแข่งขันในครั้งนี้“ขอบพระทัยฝ่าบาท”ทุกคนเอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพียง โดยมิต้องมีการนัดหมายล่วงหน้า ถึงคำพูดใด ๆ เป็นที่รู้กันดี ว่าฮ่องเต้ชอบความเรียบง่าย ยิ่งเวลานี้ออกมาอยู่นอกเขตวังหลวง ยิ่งทรงสั่งห้ามพิธีการต่าง ๆ ที่เป็นเรื่องยุ่งยาก การออกล่า

  • กุนซือจ้าวหัวใจ   บทที่14 มิเห็นนาง

    เจ็ดปีต่อมา ณ เมืองฉางกวง ในการแข่งขันล่าสัตว์ ของเหล่าเชื้อพระวงศ์และขุนนาง ได้จัดขึ้นยังป่าในเขตเมืองฉางกวง ครั้งนี้แม่ทัพลู่ฉางเอินไม่ได้เข้าร่วม ในการอารักษ์ขาฮ่องเต้ แต่เขาได้ส่งบุตรชายทั้งสาม ให้มาทำหน้าที่แทนอย่างลับๆ ซึ่งมีเพียงฮ่องเต้ และองครักษ์คนสนิทเท่านั้นที่รู้ ว่าทั้งสามที่ซ่อนใบหน้าอยู่ภายใต้ หน้ากากพยัคฆ์ คือสามทายาท ของท่านแม่ทัพลู่ฉางเอิน สามองครักษ์ ผู้มีหนาม หยาง ฉง เฉิน นักรบผู้ไร้ที่มาในความเข้าใจของเหล่าเชื้อพระวงศ์ และขุนนางทั้งหลาย“น้องสามเจ้าเป็นอันใดไปเล่า ข้าเห็นเอาแต่จ้องมองท่านอ๋องสิบแปดมิวางตา”เป็นลู่ฉงที่เอ่ยถามออกมา เมื่อเขาสังเกตเห็นน้องชาย มองท่านอ๋องสิบแปดมิวางตาอยู่เป็นนานเฉินเซียนรู้สึกคุ้นหน้าอ๋องสิบแปดยิ่งนัก แต่เขาก็ไม่เคยที่จะได้พบปะ หรือทำความรู้จักกับชินอ๋องผู้นี้เลยสักครั้ง เพียงแค่รู้สึกเหมือนเคยพบกัน ที่ไหนมาก่อนก็เท่านั้น‘อ่า...ข้าลืมไปได้อย่างไร ว่าท่านอ๋องสิบแปด เป็นญาติกับเหยาเอ๋อร์ หากนางเติบโตมา ก็ต้องมีใบหน้าคล้ายคลึงกับท่านอ๋องอยู่มิน้อยสินะ’ สายตาเหยี่ยว สอดส่องหาใครบางคนไปทั่วทั้งลาน แต่ก็มิอาจพบ...‘แต่ทำไมนางม

  • กุนซือจ้าวหัวใจ   บทที่13 คู่หมั้น

    แม้แต่คนที่กำลังตกอยู่ ในอ้อมแขนแกร่งของอีกฝ่าย ซึ่งได้ประกาศว่าเป็นคู่หมายของเขาเมื่อครู่ ด้วยความตกตะลึง และความที่ยังเยาว์วัยอยู่ ทำให้ได้แต่ยืนนิ่งมิได้ขยับกาย จนคนตัวโตกว่า ถอนริมฝีปากออกไปแล้ว นั่นเอง ต้วนเหยาจึงได้กลับมาหายใจเป็นปกติ“พี่ขอโทษเหยาเอ๋อ แต่พี่มิอยากได้ยินคำว่า ‘ไม่’ จากเจ้าเข้าใจไหม เวลานี้พี่ล่วงเกินเจ้าแล้ว นับจากนี้เจ้าคือคู่หมายของพี่อย่างแท้จริง พรุ่งนี้พี่จะให้ท่านพ่อ ทำการสู่ขอหมั้นหมายเจ้าเอาไว้ก่อน”ต้วนเหยาทั้งโกธรและอับอาย ก่อนจะผลักร่างแกร่งออกให้ห่างกาย แล้ววิ่งออกจากสวนไปอย่างรวดเร็ว แต่จะทำร้ายอีกฝ่าย ก็มิใช่สิ่งที่ควรทำ ในเมื่อเขาเป็นผู้เริ่ม ที่หลอกลวงเฉินเซียนก่อนเฉินเซียนกำลังจะพุ่งตามเด็กสาวไป แต่มีบุรุษในชุดองครักษ์ ออกมาขวางทางเขาเอาไว้เสียก่อน ทำให้ชายหนุ่มแสดงสีหน้างุนงงเล็กน้อย ว่าไยองครักษ์จากวังหลวง ถึงได้ตามติดคุณหนูสกุลต้วน แทนที่จะเป็นคนของสกุลต้วน“ได้โปรดคุณชายลู่ อย่าได้คิดตามเจ้านายพวกเราไปเลย มิเช่นนั้นเราจำเป็นต้องลงมือกับท่าน”เฉินเซียนได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ ก่อนจะทรุดนั่งลงคุกเข่าด้วยความสับสน เมื่อเขายังคิดไม่ตก ถึงความเป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status