Home / วาย / กุนซือจ้าวหัวใจ / บทที่9 หลานรัก

Share

บทที่9 หลานรัก

last update Last Updated: 2025-03-22 13:20:07

“ปู่ก็คิดถึงเจ้ามากเช่นกัน ว่าแต่นี่...เด็กดี เจ้าผอมลงหรืออย่างไร ทำไมตัวถึงเบาหวิวเช่นนี้กัน”

ชายชราเอ่ยเย้าหลานสาว กึ่งประชดคนที่กำลังเดินมา ก่อนจะพาร่างกลมในอ้อมแขน หมุนตัวอยู่หลายรอบ ชายสูงวัยยิ้มจนแก้มแทบปริ เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจ ของหลานสาวเพียงคนเดียว

          “แก่แล้วมิเจียมสังขาร เกิดล้มแล้วพิการขึ้นมา จะลำบากฮูหยินของท่าน ต้องหาสามีใหม่มาช่วยดูแลลูกหลาน ช่างชอบหาเรื่องให้ผู้อื่นลำบากอยู่เรื่อย”

          ท่านแม่ทัพใหญ่ หันไปถลึงตาใส่บุตรชาย ขนาดเขายังไม่ได้เอ่ยปากเอ่ยสิ่งใด ก็ถูกวาจาถากถางมาก่อนแล้ว เหอะ! คิดจะให้ภรรยาเขามีสามีใหม่ รอเขาตายในอีกห้าสิบปีข้างหน้าก็แล้วกัน

          “ฮูหยินข้า ก็มารดาเจ้ามิใช่รึ ถ้าหากนางคิดหาสามีใหม่ เจ้าก็ต้องมีบิดาเพิ่มจริงหรือไม่”

          “ก็ดีนะ มีพ่อหลายๆ คนคงสนุกดี ฮ่า ๆ”

คำพูดของชายหนุ่ม หาได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจไม่ กลับเห็นเป็นเรื่องสนุกสนานไปเสียนี่

          “คนอย่างข้า มิเป็นอันใดไปง่ายๆ หรอกนะ เพราะข้าจะต้องคอยดูแลหลันเอ๋อร์ของข้าไปอีกนาน”

ท่านแม่ทัพใหญ่ หาได้ยอมลดละ การต่อคำกับบุตรชายคนเล็ก ซึ่งคำพูดประชดหรือเหน็บแนมกัน ของทั้งคู่เป็นเรื่องธรรมดา มันเป็นเรื่องปกติสำหรับทุกคน รวมถึงคนในกองทัพ ต่างคุ้นชินกับการหยอกเย้า ของพ่อลูกสกุลลู่เป็นอย่างดี

มิว่าจะอยู่ท่ามกลางวงล้อมศัตรู หรืออยู่ในที่...ที่อันตรายมากมายเพียงใด พ่อลูกบ้านนี้ ก็ยังคงพูดจากันเช่นนี้อยู่นั่นเอง แม่ทัพใหญ่ลู่ฉางเอินเคยบอกแก่ผู้คนที่สงสัยเพียงว่า

‘หันกลับไปถามตัวพวกท่านเองเสียก่อน ว่าคำพูดหวานหูกับครอบครัวของท่านนั้น จริงใจและรักใคร่กันเพียงใด สำหรับข้าแล้ว แม้คำพูดจะเสมือนมิได้ใยดีต่อลูกๆ แต่ข้ารักลูกของข้ายิ่งกว่าชีวิตข้าเอง เช่นเดียวกันกับลูกๆ ของข้า ต่อให้เอ่ยวาจากับบิดาเยี่ยงสหาย ทว่าพวกเขาก็รักข้าด้วยหัวใจ และมิเคยเพิกเฉย ต่อชีวิตของข้าแม้แต่เสี้ยวเวลา’

          การทำเช่นนี้ของเขานั้น เป็นการลดความห่างเหินกับลูกๆ ด้วยชีวิตของเขาส่วนมากจะอยู่ที่ชายแดน แทบไม่มีเวลาที่จะแสดงออก ถึงความเป็นพ่ออย่างครอบครัวอื่น

บุตรชายหญิงของบ้านอื่น มักเที่ยวสังสรรค์ ดื่มชา ฟังดนตรี ทว่าบุตรชายหญิงบ้านเขา เมื่ออยู่ร่วมกันพร้อมหน้า มักจะเข้าป่าล่าสัตว์ พูดคุยกันเสมือนสหายวัยเดียวกัน จวบจนเมื่อลูกๆ เติบใหญ่ เขาก็ยังคงทำเช่นเดิมมิเปลี่ยนแปลง

“มิจำเป็น ลูกข้า ข้าดูแลเองได้ตาเฒ่า” เฉินเซียนพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งประชดมิเลิกรา

“ท่านปู่เจ้าคะ อย่าไปฟังท่านพ่อเลยเจ้าค่ะ ท่านปู่ยังแข็งแรงและหล่อเหลา ยังไงท่านปู่ก็จะอยู่กับหลันเอ๋อร์ไปอีกนานเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ฟังคำฉอเลาะของหลานรัก ท่านแม่ทัพใหญ่ลู่ยิ้มจนตาหยีให้หลานสาวในอ้อนแขน ก่อนจะหันไปยักคิ้วให้ลูกชาย พร้อมทั้งอุ้มหลานเดินผ่านหน้า คนที่กำลังทำตาขวางใส่อยู่หน้าประตูบ้าน

เสียงพูดคุยกันของสองปู่หลาน ทำให้ชายหนุ่มเจ้าของบ้าน ได้แต่ยืนยิ้มส่ายหน้าไปมาเบาๆ กับความช่างอ้อนของลูกสาว มิใช่ตัวเขากีดกันนางออกจากครอบครัว แต่เพื่อความปลอดภัย และตัวเขามิอยากให้นางเติบโตในเมืองหลวง ที่ต้องอยู่กับการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน

เขาไม่สนว่าหลันฮวา จะเล่นดนตรีได้เก่งหรือไม่ วาดรูป แต่งกลอนเป็นไหม เขาสนแค่นาง สามารถปกป้องตนเองได้เท่านั้นพอ ทรัพย์สินที่เขามีนั้น ต่อให้นางมิมีสามี นางก็ไม่มีวันอดตาย จึงไม่จำเป็นต้องอาศัยบารมีของบุรุษหน้าไหนทั้งนั้น

“หลันเอ๋อร์ ปู่อยากจิบชาดอกเหมยแดงของหลาน สักหน่อยได้หรือไม่”

เมื่อเห็นว่าต้องพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว ชายชราจึงหาข้ออ้าง ให้หลานสาวออกไปก่อน

“ได้เจ้าค่ะท่านปู่ หลานจะไปเตรียมให้นะเจ้าคะ”

เด็กน้อยรีบลงจากตักผู้เป็นปู่ ก่อนจะวิ่งหายไปยังด้านหลัง แม้จะวิ่งออกไปแต่มิมีเสียงดังสักนิด รอยยิ้มมุมปากปรากฏบนใบหน้าของผู้เป็นปู่ในทันใด เพราะนั้นแสดงว่า หลานสาวได้ฝึกฝนวิชาจนบรรลุอีกขั้นเป็นแน่

“นานหรือยังที่นางทำได้” ชายชราหันไปถามบุตรชาย  

“เมื่อสองอาทิตย์ก่อนนี่เอง ที่นางบรรลุขั้นสองแล้ว”

ชายหนุ่มตอบคำถามของบิดา ก่อนจะเดินไปหย่อนก้นลงบรเก้าอี้ข้างบิดา

“อืมดีๆ เอ้า...ส่วนนี่ของเจ้า”

ลู่เฉินเซียนรับกระดาษเนื้อดี มาจากมือของบิดา มิต้องเดาให้ยาก ว่ามาจากใคร เพราะกระดาษแบบ นี้ทั่วทั้งแคว้น มีใช้อยู่แค่สองคนคือหงส์กับมังกรเท่านั้น ชายหนุ่มคลี่ออกอ่านใจความด้านในช้าๆ ก่อนจะเงยหน้ามองบิดา

ซึ่งตอนนี้...นั่งจ้องลูกชายตาแทบไม่กระพริบ เขากลัวว่าบุตรชายจะตอบปฏิเสธเหลือเกิน แต่ไม่มีปฏิกิริยาสนองจากคนเป็นลูก ไม่ว่าจะทางสีหน้าหรือสายตา ทำเพียงพับเก็บกระดาษเอาไว้ในอกเสื้อ

“ข้าจะพาลูกไปฝากไว้กับพี่ใหญ่ ก็แล้วกัน”

ชายหนุ่มเอ่ยในสิ่งที่ทำให้ผู้เป็นพ่อ แทบจะกระโจนเข้าบีบคอของเขาเสียให้ได้ ซึ่งดูได้จากสีหน้าไม่พอใจของบิดา แค่ยังมิลงมือกับเขาเท่านั้น นั่นแสดงว่าพ่อของเขา ต้องกำลังคิดหาหนทาง ช่วงชิงกล้วยไม้น้อยของเขาไปอยู่เป็นแน่

“พ่อจะตามแม่เจ้ามาดูแลให้ดีกว่า หลันเอ๋อร์ยังเล็ก หากเดินทางไกล พ่อกลัวหลานจะไม่สบายเอาได้”

เมื่อสิ่งที่บุตรชายคนรองเคยพูดกับเขา ก่อนที่จะขึ้นเขามาล้วนเป็นจริงทั้งหมด สมองของแม่ทัพใหญ่จำต้อง หาหนทางช่วงชิงสิ่งที่เขาต้องการมาให้จงได้ การยกภรรยามาอ้าง อาจเป็นสิ่งที่ทำให้บุตรยอมใจอ่อนลงได้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • กุนซือจ้าวหัวใจ   ตอนที่18 ระวัง!

    “เก่งมากคุณหนูลู่ ฝีมือดีมิแพ้บิดาเจ้าเลยสักนิด”ท่านอ๋องสิบแปดเอ่ยชมเด็กสาว ที่ตอนนี้ยิ้มแต้ส่งให้แก่ทุกคน ก่อนจะหันไปไหวไหล่ให้แก่คู่ปรับของตนเอง ซึ่งองค์ชายเสวี่ยนหรงเทียน ทำเพียงเบะปากตอบนางเท่านั้น โดยที่หญิงสาวมิทันสังเกตเห็นแววตาเป็นประกาย ที่พาดผ่านดวงตาขององค์ชาย ทว่ามันกลับไม่รอดสายตาของพี่ชายทั้งสองของนางไปได้“ขอบพระทัยเพคะท่านอ๋อง หม่อมฉันเผอิญโชคช่วยมากกว่าเพคะ”ลู่เยว่ฉีกล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส และยังคงมีท่าทางเสมือนเด็กได้ของเล่นที่ถูกใจ ซึ่งสำหรับทุกคนนั้นช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก ยกเว้น...เขาองค์ชายผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่ยังเยาว์ จนถึงทุกวันนี้“มันโชคดีจนน่าแปลกใจมากกว่า เสด็จอาว่าจริงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”ในที่สุดองค์ชายหลงเทียนก็ได้เอ่ยขึ้น เมื่อเขารู้สึกคลางแคลงใจกับเรื่องนี้ เขามั่นใจว่าอย่างไรก็ต้องมีสิ่งผิดปกติ มิเช่นนั้นแล้ว...กวางตัวนี้ต้องเป็นของเขาอย่างแน่นอน“อย่างไรรึหรงเทียน อามิเห็นว่าจะมีอันใดที่ดูผิดปกติสักอย่าง เจ้าเป็นบุรุษ จงมีน้ำใจของนักกีฬาให้มาก ยังมีสัตว์ป่าอีกหลายตัวที่รอให้เจ้าพิสูจน์ฝีมือ ครั้งนี้เจ้าอาจพลาด แต่ทว่ามันยังมีครั้งหน้าอยู่อีก อย

  • กุนซือจ้าวหัวใจ   ตอนที่17 กลั่นแกล้ง

    เสวี่ยนเซียวเหยาตำหนิชายหนุ่มอยู่ในใจ ยิ่งมองหน้าสาวน้อยเยว่ฉีที่อมยิ้มน้อย ๆ กับชายคนนั้น เขาก็อดคิดถึงใครบางคน เมื่อหลายปีก่อนมิได้ มือเรียวจะเลื่อนไปลูบตรงอกเสื้อ เพื่อสัมผัสบางอย่างที่เขาพกติดตัวตลอดเวลา มิเคยให้ห่างกายเลยสักครั้ง‘ไยท่านหายไปเลย หรือท่านรู้แล้วว่าข้าคือผู้ใด’ความรู้สึกที่แอบซ้อนมาตลอดนั้น บางครั้งก็ทำให้เขาอึดอัดมิน้อย แต่จะทำอย่างไรได้ เมื่อใจของเขานั้น ได้ถวิลหาเพียงคนที่มอบจูบแรกให้แก่เขาเมื่อหลายปีก่อนยิ่งนานวันเข้า เขายิ่งมิคิดที่จะยุ่งเกี่ยวกับหญิงงาม ที่พระเชษฐาทรงแนะนำให้ ในตำหนักอ๋องไร้ซึ่งสนมนางใน ทรงรักการอยู่แบบสงบ มิฝักใฝ่เรื่องเช่นนั้นเพราะใจของเขานั้น รอใครบางคนอยู่ และเขาเองก็อยากจะพิสูจน์เช่นกัน ว่าแท้ที่จริงแล้ว เขาคิดกับคนผู้นั้นอย่างไร แล้วอีกฝ่ายจะคิดเช่นไรกับเขา เมื่อรู้ว่าแท้ที่จริงเขาคือใคร เสวี่ยนเซียวเหยารู้สึกเจ็บแปลบอยู่กลางอก เมื่อนึกถึงว่าหากเจ้าของหยกม่วงลืมเลือนเขาไปแล้วจริง ๆ มันรู้สึกจุกจนหายใจแทบไม่ออก เลยทีเดียว...ลู่เฉินเซียนชักม้ากลับไปหาผู้นำกลุ่ม ด้วยใบหน้าเรียบตึง พอ ๆ กับคนที่หันหน้ากลับไปยังป่า ที่จะทำการล่าต่อ โดยที

  • กุนซือจ้าวหัวใจ   บทที่16 ขุ่นเคือง

    ครึ่งชั่วยามต่อมาเมื่อเข้าสู่เขตป่า ลู่ฉงได้รับหน้าที่​พาทหารออกต้อนสัตว์ป่า​ ส่วนลู่เฉินเซียนทำหน้าที่ คอยอารักขาใกล้ชิด​เจ้านายทั้งสาม พร้อมองครักษ์ส่วนพระองค์อีกบางส่วน​ รวมทั้งคนติดตามของคุณหนูลู่เยว่ฉี อีกสองคนลู่เฉินเซียนอดมิได้ ที่จะคอยชำเลืองมอง คนที่นั่งบนหลังม้าเคียงข้าเขาในตอนนี้ และแน่นอนว่าเขารู้สึกขุ่นเคือง กับความดื้อรั้นของอ๋องสิบแปดผู้นี้นัก ​ด้วยก่อนหน้าที่จะมาถึงตรงนี้ เขาได้เอ่ยทัดทานอีกฝ่าย ว่ามิควรอยู่ตรงนี้​ เพราะอาจเป็นอันตรายได้​ แต่คำตอบที่ได้รับ ทำให้เขาเองถึงกับพูดมิออกเช่นกัน​‘เจ้ารู้จักข้าดีแล้วหรือ ถึงได้คิดว่า​คนเช่นข้า อ่อนแอถึงเพียงนั้น’ใช่แล้ว...เขามิเคยรู้จักอ๋องสิบแปด เสวี่ยนเซียวเหยามาก่อนเลย ​จึงมิรู้ว่าเด็กหนุ่มหน้าหวานดุจสตรีเช่นนี้ จะหยิ่งผยองเกินกว่าที่คิดไปมากทีเดียว ‘สักวัน...เจ้าต้องเจอดีเข้าจนได้ ​ต่อให้เจ้าเป็นน้องชายฮ่องเต้ ก็มิได้หมายความว่าร่างกายเจ้า จะแข็งดุจเหล็กกล้าเสียเมื่อไหร่กัน’ ชายหนุ่มได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจ​ใบหน้าหล่อเหลาที่ช่วงครึ่งบนของวงหน้า​ ที่ได้ปิดบังด้วยหน้ากากเสือดำ​ มองเห็นเพียงเรียวปากหยักที่ยังยกยิ

  • กุนซือจ้าวหัวใจ   บทที่15 องครักษ์พิเศษ

    “ฮ่าๆ”สามพี่น้องแอบนินทาน้องสาวที่ตอนนี้ ได้นั่งในฐานะตัวแทนสกุลลู่ เด็กสาววัยสิบห้า นางเป็นลูกหลงของพ่อแม่ ด้วยอายุห่างจากพี่ชายคนเล็กถึงสิบปี ทำให้นางไม่เคยถูกขัดใจจากทั้งสามเลยลู่เยว่ฉีแอบชำเลืองมองชายหนุ่ม ที่สวมหน้ากากพยัคฆ์ทั้งสาม ด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ นางเมื่อยจะตายอยู่แล้ว ที่ต้องนั่งปั้นหน้าวางท่า เป็นบุตรีที่เพียบพร้อม ทั้งที่ความเป็นจริง นางอยากจะถอดชุดรุ่มร่ามสีหวานนี่ออกเต็มทีแล้วทุกคนเงียบเสียงลงในทันที เมื่อบุรุษในชุดมังกร ก้าวเข้ามาในลานพร้อมด้วยสตรีผู้เป็นคู่บารมี ทุกคนได้ยืนขึ้นทำความเคารพ กันอย่างพร้อมเพรียง การล่ากำลังจะเริ่มแล้ว“ทุกท่านเชิญตามสบาย วันนี้เป็นวันที่เราทุกคน มาเพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อย่าได้มากพิธีไป”ฮ่องเต้เอ่ยขึ้น หลังจากเข้านั่งประจำที่ของตนเองแล้ว สายตามังกรกวาดมองไปรอบบริเวณ เพื่อดูเหล่าผู้มาแข่งขันในครั้งนี้“ขอบพระทัยฝ่าบาท”ทุกคนเอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพียง โดยมิต้องมีการนัดหมายล่วงหน้า ถึงคำพูดใด ๆ เป็นที่รู้กันดี ว่าฮ่องเต้ชอบความเรียบง่าย ยิ่งเวลานี้ออกมาอยู่นอกเขตวังหลวง ยิ่งทรงสั่งห้ามพิธีการต่าง ๆ ที่เป็นเรื่องยุ่งยาก การออกล่า

  • กุนซือจ้าวหัวใจ   บทที่14 มิเห็นนาง

    เจ็ดปีต่อมา ณ เมืองฉางกวง ในการแข่งขันล่าสัตว์ ของเหล่าเชื้อพระวงศ์และขุนนาง ได้จัดขึ้นยังป่าในเขตเมืองฉางกวง ครั้งนี้แม่ทัพลู่ฉางเอินไม่ได้เข้าร่วม ในการอารักษ์ขาฮ่องเต้ แต่เขาได้ส่งบุตรชายทั้งสาม ให้มาทำหน้าที่แทนอย่างลับๆ ซึ่งมีเพียงฮ่องเต้ และองครักษ์คนสนิทเท่านั้นที่รู้ ว่าทั้งสามที่ซ่อนใบหน้าอยู่ภายใต้ หน้ากากพยัคฆ์ คือสามทายาท ของท่านแม่ทัพลู่ฉางเอิน สามองครักษ์ ผู้มีหนาม หยาง ฉง เฉิน นักรบผู้ไร้ที่มาในความเข้าใจของเหล่าเชื้อพระวงศ์ และขุนนางทั้งหลาย“น้องสามเจ้าเป็นอันใดไปเล่า ข้าเห็นเอาแต่จ้องมองท่านอ๋องสิบแปดมิวางตา”เป็นลู่ฉงที่เอ่ยถามออกมา เมื่อเขาสังเกตเห็นน้องชาย มองท่านอ๋องสิบแปดมิวางตาอยู่เป็นนานเฉินเซียนรู้สึกคุ้นหน้าอ๋องสิบแปดยิ่งนัก แต่เขาก็ไม่เคยที่จะได้พบปะ หรือทำความรู้จักกับชินอ๋องผู้นี้เลยสักครั้ง เพียงแค่รู้สึกเหมือนเคยพบกัน ที่ไหนมาก่อนก็เท่านั้น‘อ่า...ข้าลืมไปได้อย่างไร ว่าท่านอ๋องสิบแปด เป็นญาติกับเหยาเอ๋อร์ หากนางเติบโตมา ก็ต้องมีใบหน้าคล้ายคลึงกับท่านอ๋องอยู่มิน้อยสินะ’ สายตาเหยี่ยว สอดส่องหาใครบางคนไปทั่วทั้งลาน แต่ก็มิอาจพบ...‘แต่ทำไมนางม

  • กุนซือจ้าวหัวใจ   บทที่13 คู่หมั้น

    แม้แต่คนที่กำลังตกอยู่ ในอ้อมแขนแกร่งของอีกฝ่าย ซึ่งได้ประกาศว่าเป็นคู่หมายของเขาเมื่อครู่ ด้วยความตกตะลึง และความที่ยังเยาว์วัยอยู่ ทำให้ได้แต่ยืนนิ่งมิได้ขยับกาย จนคนตัวโตกว่า ถอนริมฝีปากออกไปแล้ว นั่นเอง ต้วนเหยาจึงได้กลับมาหายใจเป็นปกติ“พี่ขอโทษเหยาเอ๋อ แต่พี่มิอยากได้ยินคำว่า ‘ไม่’ จากเจ้าเข้าใจไหม เวลานี้พี่ล่วงเกินเจ้าแล้ว นับจากนี้เจ้าคือคู่หมายของพี่อย่างแท้จริง พรุ่งนี้พี่จะให้ท่านพ่อ ทำการสู่ขอหมั้นหมายเจ้าเอาไว้ก่อน”ต้วนเหยาทั้งโกธรและอับอาย ก่อนจะผลักร่างแกร่งออกให้ห่างกาย แล้ววิ่งออกจากสวนไปอย่างรวดเร็ว แต่จะทำร้ายอีกฝ่าย ก็มิใช่สิ่งที่ควรทำ ในเมื่อเขาเป็นผู้เริ่ม ที่หลอกลวงเฉินเซียนก่อนเฉินเซียนกำลังจะพุ่งตามเด็กสาวไป แต่มีบุรุษในชุดองครักษ์ ออกมาขวางทางเขาเอาไว้เสียก่อน ทำให้ชายหนุ่มแสดงสีหน้างุนงงเล็กน้อย ว่าไยองครักษ์จากวังหลวง ถึงได้ตามติดคุณหนูสกุลต้วน แทนที่จะเป็นคนของสกุลต้วน“ได้โปรดคุณชายลู่ อย่าได้คิดตามเจ้านายพวกเราไปเลย มิเช่นนั้นเราจำเป็นต้องลงมือกับท่าน”เฉินเซียนได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ ก่อนจะทรุดนั่งลงคุกเข่าด้วยความสับสน เมื่อเขายังคิดไม่ตก ถึงความเป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status