คราวนี้น้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจหลั่งไหลออกมาจริง ๆ ไม่ได้บีบเค้นเสแสร้งเหมือนตอนแรก ฟารีดาร้องไห้อยู่นานกว่าจะพูดออกมาได้
“ฉันขี้เหร่กว่าผู้หญิงคนนั้นตรงไหน ฉันสวยไม่พอที่จะทำให้คุณรักฉันได้บ้างเหรอ”
“เธอเป็นคนสวยมากฟารีดา” เขาตอบตามความรู้สึกจากใจจริงทุกประการ “แต่ความสวยของเธอมันไม่เคยอยู่ในสายตาของฉันต่างหากล่ะ” ชายหนุ่มวางธนบัตรใบสีแดงลงในถาดแล้วหยิบบัตรเครดิตเก็บใส่กระเป๋า “อยากรู้ไหมว่าคุณป่านเธอบอกอะไรกับผม.. เธอบอกว่าเธอซุ่มซ่ามก็เลยโดนแก้วบาดมือ ต้องขอบคุณคุณนะที่ทำให้ผมรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” พูดจบก็ลุกจากไปท่ามกลางสายตาของแขกในร้าน ที่มองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามประสาของมนุษย์ โชคดีอยู่บ้างที่เขาพูดภาษาอาหรับผสมอังกฤษ จึงไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครฟังออก
“กรี๊ดดดด...” หลังจากหายตกตะลึงจากคำพูดของชายหนุ่ม หญิงสาวก็กรีดร้องออกมาดังลั่นอย่างลืมอาย หยิบส้อมกระหน่ำแทงไปในจานอาหารบนโต๊ะเพื่อระบายอารมณ์ “เพราะแกคนเดียว เพราะแกเขาถึงทำกับฉันแบบนี้ อย่าหวังเลยว่าแกจะสมหวัง” เธอโยนความผิดทั้งหมดไปให้หญิงสาวอีกคนอย่างไม่ละอายแก่ใจ...
ปัทมาลุกจาก
วารีนึกอยากจะตบปากตัวเองที่พลั้งเผลอพูดออกไปกับลูกชายที่แสนฉลาด แต่ก็คงแก้ไขไม่ทันแล้วนอกจากอ้างไปน้ำขุ่น ๆ“แม่ก็พูดไปมั่ว ๆ แหละลูกอย่าไปคิดมากเลยนะ”“แต่ผมไม่ได้รู้สึกแบบนั้นนะครับ”“ทำไมชอบอำแม่เล่นอยู่เรื่อยเลยนะ ไม่คุยด้วยแล้ว แม่กลับก่อนดีกว่า ลูกจะได้ทำงานต่อ” วารีรีบหาทางเลี่ยงจากใบหน้าอมยิ้มแต่สายตาจับผิดของลูกชาย...ประเทศเวียดนาม“ก๊อก ๆ ๆ”อินทิราเงยหน้าจากกองเอกสารเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู “ขาพี่เสริม มีอะไรหรือเปล่าคะ”“เที่ยงแล้ว ไปทานข้าวกันเถอะคุณป่าน” ผู้จัดการโรงงานนามว่าเสริมชัย ที่มีลักษณะตุ้งติ้งเหมือนผู้หญิงเอ่ยชวนหญิงสาวรุ่นน้อง“ค่ะ” อินทิราหยิบกระเป๋าสะพายลุกจากที่นั่ง มองหน้าเพื่อนรุ่นพี่ “พี่เสริมไม่สบายหรือเปล่าคะ ทำไมหน้าซีดจัง”“พี่รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่เหมือนกันนะคุณป่าน กะว่าทานข้าวเสร็จแล้วจะหายามาทานสักหน่อย”“ก็ดีค่ะพี่เสริม ป้องกันไว้ก่อนที่มันจะเป็นหนัก เวลาป่วยแล้วมันรู้สึกหงุดหงิดนะคะ”“จริงคุณป่าน พี่ไม่ชอบให้ตัวเองป่วยเลยนะ ถ้ามีอาการนิดหน่อยนี่พี่จะต้องหายามากินป้องกันไว้ก่อนตลอด พี่เกลียดที่สุดเลยไอ้ประเภทคัดจมูก เจ็บคอเนี่ย มันทรมานสุด
“คุณฟารีดาเธอเข้าไปพบบอสแล้วก็ออกมาเป็นแบบนี้แหละค่ะท่าน” เลขาสาวตอบออกไปเพียงแค่นั้น ที่เหลือปล่อยให้แม่ลูกเขาจัดการซักไซ้กันเอง“ไปที่ห้องฉันก่อนดีกว่านะฟารีดา สงบสติอารมณ์แล้วเล่าให้ฉันฟังว่าเกิดอะไรขึ้น”ฟารีดาพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นตามแรงพยุง เดินตามมารดาของชายหนุ่มที่หมายตาเอาไว้อย่างเชื่อฟังเกือบหนึ่งชั่วโมงต่อมาประตูห้องของยัสซันก็ถูกเปิดออก ไร้การรายงานจากเลขาหน้าห้องและไร้การเคาะประตูขออนุญาต ชายหนุ่มเจ้าของห้องเงยหน้าขึ้นทันที ตั้งใจจะกล่าวตำหนิคนที่เข้ามาเต็มที่“คุณแม่..” หน้าเคร่งเครียดผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเป็นมารดา“ลูกทำอะไรลงไปรู้ตัวหรือเปล่า”“ผมทำอะไรครับคุณแม่” ชายหนุ่มยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ถามกลับไปด้วยความข้องใจ“ลูกไปพูดกับฟารีดาแบบนั้นได้ยังไง”ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ไม่คิดว่าฟารีดาจะกล้าเอาเรื่องที่เกิดขึ้นไปเล่าให้มารดาฟัง “เธอเล่าอะไรให้คุณแม่ฟังบ้างล่ะครับ”“ลูกจะไม่แต่งงานกับเธอ ลูกไล่เธอกลับซาร์จาห์ให้ไปแต่งงานกับลูกชายคนอื่นของชีค” วารีบอกแต่ใจความสำคัญ นางก็อยากให้มันจบลุล่วงไปด้วยการแต่งงานเพื่อรักษาบริษัทเอาไว้ ทั้งหมดก็เพื่อชายหนุ
‘ทุกคนจ้ะ เพราะป่านบอกกับทุกคนที่ป่านอยากบอกหมดแล้ว ที่ไม่ได้บอกคือป่านไม่อยากให้รู้ ดังนั้นแก้วต้องปิดเรื่องของป่านเป็นความลับ เข้าใจไหม’‘จ้ะ’..“บอสอย่าถามแก้วเลยนะคะ แก้วไม่ทราบจริง ๆ”“ผมจะแกล้งเชื่อในสิ่งที่คุณแก้วบอกทุกอย่าง ถึงแม้ใจผมจะไม่เชื่อเลยก็ตาม เชิญคุณแก้วกลับไปทำงานเถอะครับ” เขาพยายามที่จะเข้าใจหญิงสาวให้มากที่สุด เพราะเธอกับอินทิราเป็นเพื่อนสนิทกัน เธอย่อมต้องอยากปกป้องเพื่อนมากกว่าเห็นใจเขาอยู่แล้ว“...ขอโทษด้วยนะคะบอส” ปัทมาจากไปด้วยความรู้สึกบีบคั้นที่หัวใจเหลือเกิน เพราะเขารู้แล้วว่าเธอโกหกคล้อยหลังเพื่อนสาวคนสนิทของอินทิราไปแล้ว ชายหนุ่มจึงเอนตัวลงบนเก้าอี้หนังอย่างอ่อนใจ เขาจะทำอย่างไรดีถึงได้รู้ว่าเธอไปอยู่ที่ไหน ติดต่อผ่านคนที่เธอรู้จักก็แล้ว ผ่านทางโซเชียลก็แล้ว แต่ก็ยังมืดแปดด้าน เขาเอื้อมมือไปกดปุ่มเมื่อเสียงอินเตอร์คอมดังขึ้น(บอสคะคุณฟารีดามาขอพบค่ะ)“ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่พบคนที่ไม่ได้นัดเอาไว้ล่วงหน้า” เขากรอกเสีย
ฝ่ายภรรยาคลี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันหนีไปทางอื่น ไม่กล้าสู้สายตาสามีเพราะกลัวจะเผยพิรุธให้เขาเห็น เนื่องจากไม่เคยโกหก“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ฉันไปอาบน้ำก่อนนะคะ”เรย์มองด์มองตามแผ่นหลังภรรยาไปด้วยสีหน้าครุ่นคิด เริ่มเอะใจกับอาการผิดปกติของเธอ เพราะเธอไม่มีอาการแปลกใจหรือตกอกตกใจให้เห็นเลยสักนิด มันเป็นเรื่องที่แปลกอย่างมากสำหรับคนที่เอาใจใส่ลูกชายอย่างเธอ“เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ”...คำตอบที่ได้รับจากผู้ดูแลแมนชั่นทำเอายัสซันถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว เขามาถึงนี่เมื่อห้านาทีก่อนและตรงดิ่งไปที่ห้องของเธอ เห็นประตูห้องไม่ได้คล้องกุญแจเอาไว้ก็ดีใจจนหน้าบาน รีบเคาะประตูเรียก แต่คนที่เปิดประตูออกมาทำให้เขาต้องลงมาหาคำตอบตรงนี้เพื่อความแน่ใจ“เธอย้ายออกไปนานหรือยัง”“หลายวันแล้วนะคะ”“รู้ไหมว่าเธอย้ายไปไหน”เด็กสาวที่ทำหน้าที่ดูแลแมนชั่นส่งสายตาสงสัยไปที่ชายหนุ่ม “คุณไม่ทราบเหรอคะว่าพี่ป่านเขาไปไหน คุณเป็นแฟนเธอไม่ใช่เหรอ”“เธอบอกว่าจะกลับบ้า
“ลูกจะน่าจะพูดกับพ่อให้ดีกว่านี้นะ” เขาตำหนิลูกชายที่ทำตัวห่างเหินจนเหมือนไม่ใช่พ่อกับลูกคุยกัน “แม้แต่คำทักทายลูกก็ไม่คิดจะพูดกับพ่อเลยเหรอ”“ผมก็พูดกับท่านแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ครับ”“ลูกไม่ดีใจที่ได้เจอพ่อบ้างเหรอ”“ถ้าท่านไม่มองผมด้วยสายตาแบบนั้นผมอาจจะดีใจก็ได้” ทำไมเขาต้องดีใจ ในเมื่อเจอกันทุกครั้งเขาก็มักจะพูดถึงแต่เรื่องให้กลับไปอยู่ตะวันออกกลางด้วยกัน ไปรู้จักกับครอบครัวของชีคคนนั้น ชีคคนนี้ เพื่อประโยชน์ของธุรกิจในอนาคต“พ่อไม่รู้ว่าพ่อมองลูกยังไง พ่อรู้แต่ว่าพ่อปรารถนาดีต่อลูกเสมอ”“ท่านก็น่าจะรู้ว่าผมไม่เคยต้องการ เพราะสิ่งที่ผมได้รับจากคุณแม่และคุณพ่อในทุกวันนี้มันดีที่สุดในโลกแล้ว” เขาพูดถึงพ่อบุญธรรมด้วยความเคารพจากหัวใจปัง!ชีคอัมรานตบโต๊ะดังลั่นด้วยความโกรธสุดขีด เมื่อได้ยินลูกชายในไส้ยกย่องพ่อบุญธรรมด้วยความเคารพอย่างสุดซึ้งต่อหน้าต่อตา คิดไว้ไม่ผิดว่ามันต้องมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เขาจึงสั่งให้ผู้ติดตามจองห้องอาหารแห่งนี้ไว้ทั
“พ่อว่าเขาก็ดูดีนะ หน้าที่การงานก็มั่นคง” อินทรีย์ไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป เพราะไหน ๆ เธอก็รู้แล้ว“เขาอาจจะดูดีในสายตาของพ่อ แต่เขาไม่ได้ดูดีในสายตาของหนูนี่” เพื่อนของเอกอรุณดูดีแค่ไหนก็ไม่สามารถมาลบภาพคนที่อยู่ในใจเธอตอนนี้ได้หรอก คนที่อยู่ในใจแต่ไม่สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้คนนั้น“ลูกจะเลือกไปจนถึงอายุเท่าไหร่ ไม่ได้ยินที่ป้าบุหงาเขาพูดเหรอ” อินทรีย์เตือนสติลูกสาวช่างเลือก“จำได้สิจ๊ะ” อินทิราตอบกลับแล้วนึกถึงคำพูดของผู้เป็นป้าเมื่อเย็นนี้ ‘เมื่อไหร่หลานของป้าจะได้แต่งงานกับเขาสักทีนะ ป้าจะได้อยู่เห็นหลานแต่งงานหรือเปล่า’“พ่อก็คิดไม่ต่างกับป้าเขาหรอก พ่อก็อายุมากแล้วนะป่าน อยากเห็นลูกสาวเพียงคนเดียวเป็นฝั่งเป็นฝา อยากมีหลานตาเอาไว้อุ้มบ้าง ถ้าได้อย่างที่หวังพ่อจะได้ตายตาหลับ”“ไร้สาระอีกแล้วนะพ่อ ทำไมต้องเอาเรื่องความเป็นความตายมาขู่หนูด้วย” เธอหน้างอใส่บิดา สตาร์ทรถแล้วขับออกไป “พ่อยังไม่ตายง่าย ๆ หรอก รอให้บวชลูกชายหนูก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องนี้&rdquo