ทำให้ฉันพอใจ
ฉันนั่งเงียบ ๆ อยู่บนโซฟาด้วยสภาพใบหน้าที่มีน้ำคาวเต็มไปด้วย ซึ่งฉันทำอะไรกับมันไม่ได้เพราะคุณรณสั่งไว้ว่าให้อยู่แบบนั้นจนกว่าเขาจะทำงานเสร็จ และตอนนี้มันก็เริ่มแห้งเกรอะกรังไปหมด
"หึ"เสียงแค่นหัวเราะดังเข้ามาเบา.ๆ พอฉันหันไปที่เสียงก็เห็นว่าคุณรณกำลังใส่ปลอกปากกาแล้วปิดแฟ้มเอกสารมันทำให้ฉันยิ้มออก เพราะนั้นหมายความว่าเขาทำงานเสร็จแล้ว.
"คุณรณทำงานเสร็จแล้วเหรอคะ"ฉันเอ่ยถามแล้วคลี่ยิ้มบาง.ๆ
"อืม"พอได้คำตอบฉันก็ลุกขึ้นจากโซฟากำลังจะก้าวขาเดินไปที่ประตูห้อง
"จะไปไหน"ฉันหยุดชะงักแล้วหันไปที่ชายหนุ่มร่างสูง.
"นับจะไปล้างหน้า"
"ห้องน้ำในนี้ก็มี...."ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าหนักเดินตรงมาที่ฉัน
"....จะออกไปคุยกับผู้ชายอีกหรือไง"
"ปะ เปล่านะคะ นับไม่รู้ว่ามี..."
"ฉันลงโทษเธอเบาไปใช่ไหม"คุณรณยืนเต็มความสูงแล้วสอดมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงจ้องหน้าฉัน
"เอ่อ.."ฉันก้มหน้างุดแล้วเม้มปากทั้งสองเข้าหากันแน่น
"รีบไปล้างจะได้กลับ!"
"ค่ะ"ฉันตอบรับแล้วมองไปรอบ ๆ ห้องก็เจอกับประตูห้องน้ำ จากนั้นก็รีบพาตัวเองเข้าไปทำความสะอาดใบหน้า
หลังจากทำความสะอาดใบหน้าเรียบร้อยฉันก็เดินออกมาจากห้องน้ำเห็นคุณรณนั่งสูบบุหรี่อยู่ พอเดินเข้าไปถึงเขาก็ดับบุหรี่แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงสายตามองมาที่ฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนที่จะก้าวขายาวเดินนำออกมาจากห้องทำงาน
"เธอทำงานอยู่ที่ร้านกาแฟไอ้เจย์"ปากหนาเอ่ยแต่สายตามองไปที่ถนนขณะกำลังขับรถออกมาจากผับ
"ใช่ค่ะ"สายตาคมหันมาที่ฉันทันทีที่พูดจบ
"ฉันจะไปบอกไอ้เจย์ให้ว่าเธอคงไม่ได้ไปทำแล้ว"พอสิ้นเสียงเจ้าของใบหน้าหล่อก็หันกลับไปมองถนนเหมือนเดิม
"แต่นับอยากทำงาน"
"หึ...เธอได้เงินเดือนเท่าไหร่ฉันจะให้ห้าเท่า"คุณรณเอ่ยแต่ไม่ได้มองมาที่ฉันหรอก
"หมายความว่าอะไรคะ"ฉันสงสัยกับคำพูดของคุณรณจึงเอ่ยถาม
"ระหว่างที่เธออยู่กับฉัน..."คุณรณหันมาที่ฉัน
".....ฉันจะจ่ายให้เธอห้าเท่าของเงินเดือนที่เธอเคยได้"
"นับไม่ได้อยากอยู่และก็ไม่ต้องการเงินของคุณด้วย"เจ้าของใบหน้าหล่อหันมามองฉันตาเขม็ง
"เธอคิดว่าเธอเป็นใคร มีสิทธิ์เลือกจะอยู่หรือไม่อยู่ได้ด้วยเหรอ!"คุณรณเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มดุ รวมถึงสีหน้าที่แม้จะดูนิ่ง ๆ แต่ฉายรังสีความน่ากลัวออกมาจนเห็นชัด
"..."ฉันก้มหน้างุดแล้วเม้มปากทั้งสองเข้ากันแน่นข่มความกลัวภายในใจ
"ฉันเป็นคนที่จะกำหนดชีวิตเธอว่าจะให้อยู่หรือให้ไป..."เขากัดกรามแน่นจ้องหน้าฉัน
"....เงินที่ฉันจ่ายให้ไม่ใช่เพราะว่าฉันพิศวาสตัวเธอหรอกนะมันก็แค่เศษเงินฉันเท่านั้น"
"ชีวิตนับมีค่าแค่เศษเงินของคุณงั้นเหรอ"ฉันสวนกลับด้วยน้ำเสียงสั่นภายในใจรู้สึกกลัว ๆ
"เธอมันก็แค่ของแถม..อย่าคิดว่าตัวเองมีค่าสิ"พอเขาพูดจบ หยดน้ำตาใส ๆ ก็รินออกมาจากดวงตาฉัน จึงยกมือขึ้นปาดออก
"แล้วของแถมอย่างฉัน จะถูกทิ้งเมื่อไหร่"ฉันก้มหน้าแล้วพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
"ทำตัวดี ๆ ระหว่างที่อยู่กับฉัน แล้วเธอจะสบาย"มือหนาเอื้อมมาลูบที่หัวฉัน
"เหอะ..."ฉันกลั้วหัวเราะอย่างน่าสมเพชตัวเอง
"...ได้ค่ะนับจะทำตัวดี ๆ และจะทำให้คุณพอใจ"เขาหันมายกยิ้มมุมปากก่อนจะหันกลับไปมองถนน
ในเมื่อฉันหนีไปไหนไม่ได้ ฉันก็ต้องอดทนอยู่จนกว่าเขาจะเบื่อและปล่อยฉันไป แบบนี้ใช่ไหม.ชีวิตฉันมันพังลงหมดแล้วเพราะสองแม่ลูกนั้นแท้ ๆ
พอมาถึงที่บ่อนคุณรณก็ลากฉันขึ้นห้องแล้วทำเรื่องอย่างว่าจนฉันเจ็บแสบไปหมด แผลเก่ายังไม่หายดี เพิ่มแผลใหม่ขึ้นมาอีกแล้ว.จะขัดขืนก็ไม่ได้ เลยต้องยอมนอนกัดฟันอดทนไป ปึก! ปึก! ปึก! คนบนร่างก็อึดซะเหลือเกิน ไม่รู้เอาเรียวแรงมาจากไหน ฉันไม่สามารถทนต่อไปได้ จอดับไปตอนไหนไม่รู้ พอตื่นเช้ามาก็ไม่เจอเขาแล้ว
ฉันตะเกียกตะกายพาร่างที่บอบซ้ำไปทำความสะอาด แล้วจัดการสวมใส่เสื้อผ้า แอ๊ดดด ประตูห้องเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างชายหนุ่มที่สวมใส่ชุดยูนิฟอร์มพนักงานบ่อน มือถือถาดอาหารพร้อมน้ำดื่มเข้ามาด้วย เขาคลี่ยิ้มให้ฉันบาง ๆ แล้วเดินไปวางถาดอาหารไว้บนโต๊ะกระจกกลางโซฟา
"คุณรณสั่งไว้ให้เอาข้าวเช้ามาให้เธอ สาย ๆ เขาจะเข้ามา"ฉันผงกหัวรับรู้
"ทานให้อร่อยนะ"
"ขอบคุณนะคะ"ฉันกล่าวกลับไปแล้วยิ้มให้ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเปิดประตูเดินออกจากห้องไป
ฉันเดินมานั่งที่โซฟามองไปที่ถาดอาหารซึ่งมันน่าทานมาก จึงลงมือกินทันทีด้วยความหิว.ในหัวก็นึกถึงโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมา จึงวางช้อนลงแล้วเดินมาเปิดกระเป๋าดู แต่ก็ไม่เจอโทรศัพท์อยู่ในนั้น ฉันจึงเดินหาทั่วห้องก็ยังไม่พบ
"โทรศัพท์ไปอยู่ไหน"ฉันบ่นพึมพำกับตัวเอง.เมื่อหาจนทั่วแล้วก็ไม่เจอจึงเดินกลับมาทานข้าวต่อ จนกระทั่งทานเสร็จ ฉันก็ยกถ้วยชามและถาดอาหารไปล้างในห้องครัว แอ๊ดดดด เสียงประตูเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างชายหนุ่มหน้านิ่ง.เขาเดินตรงมาหาฉันในครัวขณะที่กำลังล้างถ้วยชามอยู่
"ออกไปกับฉัน"
"ไปไหนเหรอคะ"ฉันคว่ำจานที่ล้างเสร็จเรียบร้อยแล้วหันไปที่เขา
"ทำไมต้องถาม"
"ก็อยากรู้"ปากฉันก็ไวเกินสวนกลับไปทันควัน
"เฮ้อ..."คุณรณพ่นลมหายใจอย่างหนัก
"....ฉันไม่พาเธอไปตายหรอกน่า"พูดจบชายหนุ่มร่างสูงก็เดินออกมา พอฉันเช็ดไม้เช็ดมือเรียบร้อยก็เดินตามไป
"คุณรณเห็นโทรศัพท์นับไหมคะ"ฉันเอ่ยถามขณะที่เขากำลังจะเอื้อมไปเปิดประตู
"เห็น"คุณรณหันมาตอบแล้วเปิดประตูห้องเดินออกไป ฉันรีบคว้ากระเป๋าแล้วเดินตามไปติด ๆ
"อยู่ไหนคะ นับต้องการใช้"
"ทิ้งไปแล้ว"เจ้าของใบหน้าหล่อนิ่งหยุดเดินแล้วหันมาพูดกับฉัน
"คุณรณทิ้งโทรศัพท์ของนับทำไม รู้ไหมว่าในนั้น..."
"เดี๋ยวฉันซื้อให้ใหม่"คุณรณแทรกพูดขึ้น
"เครื่องนั้นยังใช้ได้อยู่เลยนะคะ"รู้สึกเสียดายโทรศัพท์เครื่องนั้นมาก กว่าฉันจะได้มันมาต้องเก็บเงินหลายเดือนเลย
"เธอใช้คำว่ายังใช้ได้ หึ..."พูดจบเจ้าของบ่อนก็แค่นหัวเราะออกมา
"....แม่บ้านที่บ้านฉันยังใช้โทรศัพท์ดีกว่าเธออีก เครื่องก็เก่า หน้าจอร้าวแล้วร้าวอีกไม่กลัวบาดนิ้วหรือไง"
"อย่าบลูลี่น้องนะ"คุณรณจ้องหน้าฉันแล้วขมวดคิ้วเข้ม.
"....."ฉันก้มหน้างุดรู้สึกเสียดายโทรศัพท์มาก
"ไปได้แล้ว"ว่าจบคนร่างสูงก็เดินล้วงกระเป๋ากางเกงเดินนำลงมาที่บันได
คุณรณขับรถพาฉันออกมาจากบ่อน ระหว่างทางฉันได้แต่นั่งเงียบ ไม่พูดอะไร ในใจยังอาลัยอาวรณ์โทรศัพท์เครื่องนั้นอยู่ พอเงยหน้ามองไปที่ถนนก็เห็นว่าคุณรณขับรถมาทางไปบ้านของฉัน
"คุณรณจะพานับไปบ้านเหรอคะ"
"ฉันจะไปสำรวจที่"ปากขยับแต่ตามองถนน
"คุณจะรื้อบ้านนับหรือเปล่าคะ"ฉันภาวนาอย่าให้เขารื้อเลย ถึงแม้จะไม่ได้เป็นของฉันแล้ว แต่ฉันก็อยากให้เจ้าของใหม่ไม่รื้อมัน
"....."คุณรณไม่ตอบเขาหันมามองฉันด้วยสายตาเรียบเฉยก่อนจะหันกลับไป
"เก็บบ้านหลังนั้นไว้เถอะนะคะ นับไม่อยากให้คุณรื้อเลย...."ฉันเม้มปากเข้ากันแน่นดวงตาเห่อร้อน
"....ถ้านับมีเงินนับจะขอซื้อต่อ เพราะบ้านหลังนั้นเป็นน้ำพักน้ำแรงของพ่อกับแม่ที่สร้างขึ้นมา"ฉันพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ รู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิ์อะไรกับบ้านหลังนั้น และไม่รู้ด้วยว่าจะสามารถหาเงินมาซื้อคืนได้เมื่อไหร่
"ทำให้ฉันพอใจ.."คุณรณหันมายกยิ้มมุมปาก
"...แล้วฉันจะไม่รื้อบ้านหลังนั้น"
"คุณรณพูดจริงใช่ไหมคะ"ฉันฉีกยิ้มกว้างทันที
"อืม"ฉันดีใจมากที่คุณรณรับปาก ต่อไปฉันจะทำตัวดี ๆ ให้เขาพอใจเพื่อไม่ให้เขารื้อบ้านที่พ่อแม่ฉันสร้างขึ้นมากับมือ
คุณรณขับรถมาจอดที่ฝั่งหน้าบ้าน ซึ่งอีกฝั่งเป็นที่ดินว่างเปล่าของพ่อที่ยกให้น้าออยดูแล คิดแล้วก็แค้นใจ
มีรถยนต์คันหรูจอดอยู่ที่ฝั่งที่ดิน และมีชายหนุ่มร่างสูงเดินลงจากรถคันดังกล่าว.
"ไอ้เทวา"คุณรณสบถด้วยน้ำเสียงทุ้มจ้องมองชายคนนั้นด้วยสีหน้าไม่พอใจก่อนที่จะปลดสายเบลล์แล้วเปิดประตูลงจากรถ ซึ่งฉันก็ลงตามติด ๆ
"ไอ้เทวา..."ชายหนุ่มคนนั้นหันมาที่คุณรณแล้วแสยะยิ้มก่อนตวัดสายตามองมาที่ฉัน.
"....มึงมาที่นี่ทำไม ไม่รู้เหรอว่าที่ดินผืนนี้กูซื้อไว้แล้ว"
"รู้ และรู้ด้วยว่าเจ้าของที่มีของแถมให้ด้วย"ชายร่างสูงหน้าตาดูดีหันไปพูดกับคุณรณก่อนที่จะหันมาที่ฉัน
"ผู้หญิงคนนี้คงเป็นของแถมสินะ..."พูดจบก็ตวัดสายตาไปที่คุณรณ
"...โคตรเสียดายเลยว่ะ ของแถมดี ๆ แบบนี้กูช้าไปได้ไง"เขายกยิ้มมุมปากสีหน้าเจ้าเล่ห์
"ออกไปจากที่ดินกู"คุณรณกัดฟันพูดจ้องหน้าชายคนนั้นอย่างเอาเรื่อง.
_______________
ของแถมที่มีค่า ตอนจบตอนนี้ฉันนั่งรถมากับคุณรณและมีลูกนั่งตักอยู่เพื่อจะไปดูงานที่บ่อนหลังจากที่ได้พากันไปเลือกชุดแต่งงานกันเรียบร้อยแล้ว พอมาถึงสามีของฉันก็รีบลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งที่ฉันนั่ง แล้วคว้าลูกชายของเขาไปอุ้ม"เติร์ดมากับพ่อ"เจ้าตัวน้อยฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้อยู่บนอ้อมแขนคนเป็นพ่อ ส่วนฉันก็ปลดเบลล์แล้วลงจากรถเดินตามสองพ่อลูกเข้าไปในบ่อน ซึ่งเป็นสถานที่ ที่ฉันเคยได้อาศัยอยู่อาจจะไม่นานแต่ก็คุ้นเคยดี"สวัสดีครับคุณรณ คุณนับ"เป็นผู้จัดการที่ดูแลบ่อนกล่าวทักทายเมื่อเราสองคนก้าวขาเข้าไปในออฟฟิศ"ที่นี่เรียบร้อยดีไหม"คุณรณเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบ"เรียบร้อยดีครับ"ผู้จัดการหนุ่มตอบในขณะที่เจ้าของบ่อนอุ้มลูกไปนั่งที่โซฟา ก่อนที่ฉันจะเดินไปนั่งลงข้าง ๆ"เอาเอกสารมาให้ผมดูหน่อย""ครับ"สิ้นเสียงผู้จัดการก็เดินไปที่โต๊ะทำงานแล้วยกหูโทรศัพท์ก่อนจะพูดเข้าไปในสาย"ให้คนเอาน้ำมาเสิร์ฟคุณรณกับภรรยา และขนมให้คุณเติร์ดหน่อย"พูดจบ ผู้จัดการก็วางสายแล้วหยิบแฟ้มเอกสารสองสามแฟ้มมาวางไว้ที่โต๊ะกระจกตรงหน้าคุณรณ แล้วนั่งบนโซฟาตรงข้าม"อุ้มลูก..พี่ตรวจงานแปบ"สามียื่นลูกชายมาให้ ฉันก็รีบลูก
มันถึงเวลาแล้วตอนนี้ทุกคนต่างพากันรุมกันอุ้มเจ้าเทวดาตัวน้อยของฉันกันด้วยความเอ็นดู"หน้าเหมือนรณตอนเด็กเป๊ะ"เป็นคำพูดของแม่คุณรณที่ในขณะที่ฉันหยัดกายลุกขึ้นหลังโดยมีสามีหน้านิ่งคอยพยุงขึ้นแล้วเอาหลังพิงที่หัวเตียง ระหว่างนั้นก็มีการรับขวัญหลาน ต่างคนมีของมารับขวัญหลานกันทั่วหน้า แม้แต่หญิงสาวปริศนาที่อยู่ข้างพี่ทอยตลอด ฉันรู้สึกสงสัยว่าเธอเป็นใคร จึงเอ่ยถามคุณรณเบา ๆ"ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอคะ"คุณพ่อป้ายแดงก็หันไปที่ผู้หญิงคนนั้นก่อนจะหันกลับมาบอกว่า"แฟนใหม่ไอ้ทอยเห็นว่าชื่อ ไผ่""แฟนใหม่พี่ทอย? ไปมีตั้งแต่ตอนไหนนะ"ประโยคสุดท้ายฉันได้พึมพำออกมาเบา ๆ พอได้ยิน"มันก็คบ ๆ เลิก ๆ มาหลายคนแบบนี้แหละ บางคนพี่ยังไม่เคยเห็นหน้าเลย มันก็เลิกไปซะก่อน"คุณรณหันไปที่พี่ชายแล้วบ่นพึมพำ"นินทาอะไรพี่ทอย"นั้นเป็นเสียงของเทมโปที่เดินล้วงกระเป๋ามาที่เตียงฉัน"เหอะ"คนเป็นพี่กลั้วหัวเราะออกมาเบา ๆ"พี่รณ รู้หรือยังว่าพี่ต้องรัก กลับมาอยู่ที่ไทยแล้ว"เทมโปเข้ามากระซิบเบา ๆ ที่กลางวง ต้องรัก? เป็นใครกัน ในขณะที่คุณรณสั่นหัวพรืด"แล้วพี่ชายมึงรู้ยัง"คุณรณคงจะหมายถึงพี่ทอย เทมโปผงกหัว"รู้...แต่ไม่เห็นมี
น้องเติร์ดมาแล้วตอนนี้อายุครรภ์ฉันได้แปดเดือนแล้ว อีกเดือนเดียวฉันก็จะได้เห็นหน้า น้องเติร์ด หรือ ด.ช.รัชชนันท์ แล้ว นั้นเป็นชื่อที่ฉันกับสามีสุดหล่อหน้านิ่งช่วยกันตั้ง.คุณรณดูแลฉันเป็นอย่างดี เขาทำงานแค่ที่คาสิโนตรงกันข้ามบ้านที่เราอยู่รวมถึงไปดูแลโรงแรมที่สร้างโดยที่ดินพ่อฉันที่เขาได้ซื้อไป แต่ตอนนี้โอนมาเป็นของฉันแล้ว โรงแรมที่สร้างนั้นก็เพื่อเอาไว้ให้นักเล่นพนันที่มาจากต่างชาติได้พัก ในส่วนที่ตรงนั้นทำเล และวิวดีมาก ไม่ใช่แค่นักเล่นพนัน ยังมีนักท่องเที่ยวมาพักด้วย ส่วนบ่อนคุณรณก็ขอให้พี่ทอยเข้าไปดูแลให้ก่อน เพราะต้องคอยดูแลฉันฉันอยู่บ้านก็ไม่ได้เหงาอะไรเพราะมีพี่นุชมาอยู่เป็นเพื่อน ส่วนลูกซุบ คุณรณเอาไปฝากไว้ที่บ้านแม่ของเขาไว้ พี่นุชจะอยู่กับฉันจนคุณรณเลิกงาน เธอถึงจะกลับ"คุณรณมาแล้ว"ฉันหันไปที่ประตูบ้านก็เห็นว่าที่คุณพ่อเดินเข้ามา พี่นุชลุกจากโซฟาไปช่วยถือสูทและกระเป๋าทำงานของเขา ส่วนฉันนั่งพุงพุ้ยอยู่บนโซฟา ลุกแทบไม่ขึ้นเนื่องจากว่าฉันเป็นคนตัวเล็กแล้วลูกในครรภ์ค่อนข้างตัวใหญ่สมบูรณ์ หมอจึงแนะนำให้ทำการผ่าคลอด ชายหนุ่มหน้านิ่งปลดเน็กไทหลวม ๆ แล้วเดินมานั่งข้างฉัน ก่อนที่จะ
จดทะเบียน"อืม พี่มั่นใจแล้วล่ะว่าเธอนั้นแหละที่พี่จะใช้ชีวิตที่เหลือด้วย"พอสิ้นเสียงหัวใจฉันก็เต้นโครมครามอย่างไม่มีจังหวะ และรู้สึกว่าดวงตาเกิดเห่อร้อนขึ้นราวกับกำลังจะหลั่งน้ำใส ๆ ออกมา"พะ พี่รณ..."ฉันเอ่ยเรียกชื่อว่าที่พ่อของลูกด้วยน้ำเสียงสั่นเทา"...ที่พี่พูดหมายความว่า""พี่เลือกเธอ"เจ้าของใบหน้าหล่อหันมาแล้วเผยยิ้มบาง ๆ จากนั้นหยดน้ำตาฉันก็ไหลออกมาทันที มือหนาเอื้อมมาเช็ดหยดน้ำตาให้ฉันอย่างเบามือ"นับ ดีใจที่สุดที่พี่เลือกนับ"ฉันพูดออกไปอย่างสะอึกสะอื้น น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลไม่หยุด"ไม่ร้องนะครับ"น้ำเสียงทุ้มแฝงความอบอุ่นทำให้หัวใจฉันสั่นระรัว"ค่ะ"ฉันรีบปาดน้ำตาแล้วคลี่ยิ้มหวานให้ คุณรณยกมือมาลูบหัวฉัน"จะเป็นแม่คนแล้วต้องไม่งอแงนะครับ"ฉันรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจังที่จะมีคนคอยดูแลอย่างคุณรณคุณรณขับมาถึงบ้านหลังนึง ซึ่งใหญ่โตมาก ฉันรู้สึกตื่นตาและประหม่านิด ๆ กว่าคุณรณจะขับรถไปถึงที่จอดก็เกือบกิโล พื้นที่กว้างขวางสุด พอมาถึงที่จอดรถคุณรณก็ดับเครื่องยนต์แล้วหันมามองฉัน ตุ่บ ตุ่บ หัวใจฉันเต้นแรงมากด้วยอาการตื่นเต้น"ไม่ต้องตื่นเต้น พ่อแม่พี่ใจดี"ราวกับว่าจะรู้ว่าตอนนี้ฉันตื่นเต้นมา
มั่นใจRONระหว่างผมเดินออกมาจากโต๊ะอาหาร ผมก็เผยยิ้มออกมาโดยไม่มีใครเห็น เพราะผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่รุ่นน้องคนที่เป็นรักแรกของผมคือ 'นับตังค์' ผมรู้สึกมีความสุขมากที่รู้ว่ารักแรกของผมตอนนี้กำลังจะเป็นแม่ของลูกอีกด้วยพอขึ้นมาบนห้องปิดประตูเรียบร้อยแล้ว นึกอะไรบางอย่างที่จะต้องทำให้เร็วที่สุด จึงคว้าโทรศัพท์แล้วโทรหาไอ้ทอยพี่ชายต่างมารดาทันที ตื๊ด ตื๊ด(ว่าไง)"นับตังค์ท้อง"นั้นแหละคือสิ่งที่ผมจะทำ และไม่ได้จะบอกแค่ไอ้ทอยคนเดียว พรุ่งนี้หลังจากตรวจครรภ์เสร็จผมจะพาเธอไปเปิดตัวกับครอบครัว ที่ผมบอกกับทุกคนที่โต๊ะอาหารว่า มีคนที่จะใช้ชีวิตด้วยแล้ว นั้นก็คือนับตังค์ ผมมั่นใจแล้วล่ะ 'ผมรักเธอ'(อย่าบอกนะว่าแกทำนับท้อง)ไอ้ทอยพูดเข้ามาในสายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแฝงความกังวล มันคงกลัวผมจะไม่รับผิดชอบนับตังค์แน่"อืม"ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ(แกต้องรับผิดชอบนะ ไม่งั้นเรื่องนี้ถึงหูน้าเรอากับพ่อแน่)มันทำมาเป็นขู่ผม"งั้นฝากบอกด้วยนะว่าพรุ่งนี้จะพาลูกสะใภ้ไปไหว้"ทำไมรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมานะ เขินกับคำพูดตัวเอง?(ฮั่นแน่...สุดท้ายก็ตกหลุมรักของแถมแล้วสินะ)ไอ้พี่ชายตัวดีก็แซวผมขึ้นทันที
ไม่สำคัญ"แม่..."พี่เอิงเอยอุทานด้วยความตกใจ ก่อนจะพาแม่ของเธอนั่งลงที่เก้าอี้"...พี่รณช่วยแม่เอยด้วย"เธอเอาฝ่ามือพัดที่หน้าแม่แล้วหันมาบอกกับคุณรณที่มองอยู่ด้วยสายตาเย็นชา ในขณะที่ฉันเองกับพี่นุชกำลังจะลุกจากเก้าอี้เพื่อจะไปดูด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้ว่าเธอจะร้ายกับฉัน แต่พอเห็นเธอเป็นอะไรต่อหน้าแบบนี้ก็อดที่จะสงสารและเป็นห่วงไม่ได้"นับตังค์เธอไม่ต้อง...."แล้วเสียงทุ้มก็ดังขึ้นมาที่ฉัน"...ไปเอายาดมมา"ก่อนจะหันไปที่พี่นุชแล้วออกคำสั่งเสียงเรียบ"ค่ะ"พี่นุชเดินไปในทันที"พี่รณ..เอยคิดว่าแม่อาจจะต้องไปโรงพยาบาลนะคะ""ทำไมต้องไป แค่เป็นลมไม่ใช่เหรอ"ชายหนุ่มหน้านิ่งสวนกลับ"เอ่อ...ช่วงหลังมานี้แม่เอยทำงานหนักมักจะเป็นลมบ่อย ๆ แล้ววันนี้ยังต้องมาขนของให้นับอีก แม่คงจะเหนื่อยมาก"หันมามองขวางที่ฉัน ในขณะเดียวกันที่พี่นุชก็ถือแก้วร้อนที่มีควันขึ้นมา พร้อมกับยาดมมาด้วย"อะไรน่ะ"พี่เอิงเอยถามด้วยสีหน้าสงสัย"ยาหอมไง..พี่เห็นว่าน้าออยเป็นลมก็เลยต้มมาให้"พี่เอิงเอยไม่รับมองหน้าน้าออยที่นอนหลับตาด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก ฉันรู้ว่าเพราะอะไร"เอาให้แม่กินสิ"พี่นุชยื่นแก้วให้อึกครั้ง"แม่เอยไม่ชอบกินยาหอม
ขโมยมา?หลังจากพี่เอิงเอยออกไป ฉันก็หันไปถามคุณรณด้วยความสงสัยต่อ"พี่เอยบอกว่าออกจากโรงเรียนเพราะนับ?""อืม"ชายหนุ่มหน้านิ่งตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ ฉันได้ยินแบบนั้นก็ลอบหายใจออกมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะไม่ใช่เรียนสำคัญ แต่ก็อดคิดไม่ได้เลยว่าทำไมพี่เอิงเอยจะพูดเอาความดีเข้าตัวแบบนี้"หิวหรือยัง"นั้นเป็นเสียงของคุณรณที่เอ่ยถาม"นิดหน่อยค่ะ""งั้นเราลงไปทานข้าวกันเถอะ"พูดจบ คุณรณก็ลุกขึ้นจากโซฟา"ไม่รอทานพร้อมพี่เอยเหรอคะ"ฉันบอกออกไปด้วยความที่ยังน้อยใจ"ไม่ล่ะ ฉันหิว"พอสิ้นเสียงคุณรณก็เดินออกไปจากห้อง ส่วนฉันก็ต้องลุกเดินตามเขาไป ก็ได้สวนเข้ากับพี่เอิงเอย และน้าออย พอเห็นฉันก็พากันรีบคว้าแขนไปในห้องนอนเล็ก"มีอะไรกัน""แกบอกอะไรกับพี่รณหรือเปล่า"พี่เอิงเอยถามด้วยสีหน้าดูร้อนใจ"เรื่องที่พี่ไปโกหกเขาว่าออกจากโรงเรียนเพราะนับ?"ฉันรู้เลยจึงพูดขึ้น เธอคงจะกลัวว่าฉันจะไปบอกความจริงแน่ ๆ แต่ฉันไม่บอกหรอกเพราะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร"ใช่ แกได้ไปพูด....""นับไม่สนใจหรอกนะ นับก็ไม่ได้พูดอะไรด้วย"ฉันแทรกพูดขึ้นแล้วคลี่ยิ้มบาง ๆ"เพราะแกท้องใช่ไหมพี่รณถึงได้เอาใจแก..บอกฉันมา!.""นับตังค์
ใครสั่งให้ย้ายตอนนี้ฉันกำลังจัดเรียงข้าวของที่ขนย้ายมาจากห้องนอนใหญ่อยู่คนเดียวเพราะพี่นุชแยกตัวไปทำมื้อเย็นแล้ว ส่วนพี่เอิงเอยก็ถือวิสาสะพาน้าออยเข้าไปในห้องนอนใหญ่ ซึ่งก็ไม่มีใครพูดห้ามอะไรเพราะถึงพูดไปเธอก็คงไม่ฟัง.ฉันเองก็ไม่อยากจะไปต่อล้อต่อเถียงด้วยปัง! ปัง! ฉันสะดุ้งโหย่งเมื่อได้ยินเสียงทุบประตูห้อง ตามด้วยเสียงของสองแม่ลูก"นังนับ!""เปิดประตูสิ!"เฮ้อ..ฉันพ่นลมหายใจพรืดใหญ่แล้ววางมือเดินไปเปิดประตู"มีอะไรคะ"ฉันเอ่ยอย่างเอือมระอา"ทำไมแกถึงยังหน้าด้านอยู่ที่นี่"นั้นเป็นคำถามของแม่เลี้ยง"..."ฉันไม่ตอบได้แต่ยืนจ้องหน้าเธอกัดฟันแน่น"แกมองฉันแบบนี้หมายความว่าอะไร""แกจะทำอะไรแม่ฉัน!"คนเป็นลูกสาวแทรกตัวมายืนตรงหน้าฉันด้วยสีหน้าเอาเรื่อง"...."ฉันเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วลอบหายใจเบา ๆ"แกจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นานหรอก...ฉันจะให้พี่รณไล่แกออกจากบ้านนี้ไปแน่""ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม...นับจะได้ไปจัดของต่อ"ฉันไม่สนใจคำพูดของลูกสาวแม่เลี้ยง แล้วพยายามจะหลีกเลี่ยงทั้งคู่ ระหว่างที่กำลังจะเอื้อมไปปิดประตู"เอ๊ะ..นังนับนี่แกอ้วนขึ้น?"พี่เอิงเอยเป็นคนทักเธอได้หลุบตามองที่หน้าท้องของฉันที่มีนูน ๆ ออ
ต้องรู้ให้ได้หลังจากที่ฉันอาบน้ำเสร็จพอเปิดประตูออกมาก็พบกับความว่างเปล่าไร้ตัวตนพ่อของลูก จึงรีบสวมใส่เสื้อผ้าแล้วรีบลงมาจากห้อง.แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้เห็นภาพบาดตาบาดใจ ไม่รู้ทำไมฉันรู้สึกเจ็บที่หัวใจราวกับมีคนเอามีดมาทิ่งแทง"นับไปทานข้าวสิ พี่ตักข้าวต้มไว้ให้แล้ว"พี่นุชเดินเข้ามาสะกิดที่ไหล่จนทำให้ฉันสะดุ้งรีบยกมือปาดน้ำตาที่มันคลอเบ้า"ให้พวกเขาทานกันไปก่อนดีกว่า...เดี๋ยวนับค่อยไปทานทีหลัง""เฮ้อ...ไม่รู้ว่ายัยเอยทำของใส่คุณรณหรือเปล่าทำไมจู่ ๆ ถึงเปลี่ยนไปแบบนี้..."เธอถอนลมหายใจแล้วหันไปมองชายหญิงที่นั่งทานมื้อเช้าอย่างกะหนุงกะหนิงราวกับคนรักกัน"....ไม่แคร์นับบ้างเลยทั้งที่กำลังจะเป็นพ่อของลูกในทัองนับ""ช่างเขาเถอะพี่ นับคงไม่ได้สำคัญอะไรสำหรับเขาและที่เขาดีกับนับก็เพราะ...ลูก"ฉันเอามือลูบที่ท้องแล้วก้มลงมองอย่างสะเทือนใจ ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าคุณรณจะดูแลและดีลูกฉันหรือเปล่าถ้าหากเขาจะเลือกพี่เอิงเอยเป็นคู่ชีวิต แต่กับฉันแล้วไม่ว่าจะยังไงลูกก็คือสิ่งที่มีค่าและเป็นคนสำคัญที่สุดสำหรับฉัน"นับขึ้นไปบนห้องก่อนนะ ถ้าพวกเขาไปแล้วช่วยไปตามนับด้วย""จ๊ะ"พี่แม่บ้านตอบรับสั้น ๆ แต่ส