LOGINเสียงฝีเท้าของดีนี่ดังขึ้นเรื่อยๆ จนหยุดหน้าประตูห้อง ดีนี่สูดลมหายใจแรงเพื่อกดความโกรธ ก่อนจะกดรหัสเข้าห้องทันทีที่ภาพตรงหน้าปรากฏ หญิงสาวถึงกับกำมือแน่น น้องชายของเธอนอนหลับสนิทบนเตียง ใบหน้าไร้ซึ่งความทุกข์ร้อน ราวกับไม่ได้เพิ่งทำลายหัวใจผู้หญิงคนหนึ่งจนพังยับ
ดีนี่กัดฟันกรอดหยิบแก้วน้ำเย็นที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาโดยไม่คิดแม้แต่วินาทีเดียว จากนั้นสาดใส่เต็มแรง
“เฮือก!” ภูริสะดุ้งตื่นลุกพรวดขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าเปียกโชก ก่อนจะหันไปมองด้วยแววตางุนงง
“เจ้ทำอะไรเนี้ยปลุกดีๆ ก็ได้มั้ย” เขาเอ่ยเสียงหลง
“แกสำนึกบ้างไหมภูริ! คนที่แกเพิ่งทำลายเขาเดินกลับมาบ้านฉันทั้งน้ำตา ตัวสั่นเหมือนคนหมดลมหายใจ แล้วดูแกสินอนหลับสบายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น!”
น้ำเสียงแข็งกร้าวของพี่สาวดังสะท้อนก้องไปทั่วห้อง ความเย็นจากน้ำยังไม่เท่ากับความหนาวสะท้านที่แล่นเข้าสู่ใจของภูริ เมื่อสบสายตาพี่สาวที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและโกรธเกรี้ยว
“รู้เรื่องแล้วเหรอ” เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“รู้แล้ว? แกยังไม่สงสารลูกบ้างเหรอน้องภูผาเพิ่งจะเก้าเดือนเองนะ นี่แกเอาสมองคิดหรือใช้ส้นตีนคิดทำไมถึงทำแบบนี้” ดีนี่ยืนด่าน้องชาย จนเขาตอบไม่ทัน
“ผมเบื่อเดียร์ที่คอยบงการชีวิตผม ต้องคอยรับโทรศัพท์ตลอด”
“ชีวิตเดียร์ก็มีแต่แกมั้ย? แกเป็นคนทำลายชีวิตเขาเอง ไม่สงสารเดียร์บ้างเหรอว่าเขาเสียสละอะไรบ้าง”
“หมดรักก็คือหมดรัก รอยร้าวต่อให้ประสานกันได้มันก็ยังทิ้งร่องรอยไว้ ไม่อยากอยู่แบบนั้นอีกแล้ว” เขาตอบหน้าตาเฉย
“หมดรักเหรอ ฉันว่าแกรักเดียร์ไม่มากพอมากกว่า รู้ความหมายของชีวิตคู่หรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย”
“พูดไปผมยืนยันเหมือนเดิม”
“แกก็ไปคุยกับคุณปู่เอาเอง” เรื่องนี้เธอจะไม่ช่วยภูริ เพราะเห็นใจผู้หญิงด้วยกัน อีกคนใช้ชีวิตต่อไปอย่างไม่รู้สึกผิด แล้วอีกคนจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ก็ไม่รู้ได้
“น้องภูผาผมยังดูแลเหมือนเดิม แต่เดียร์เขาน่าจะโกรธมากเลยไม่ยอมให้ผมไปเจอลูก”
“นั่นเรื่องของแกอาบน้ำแต่งตัวแล้วกลับบ้าน”
ดีนี่ออกมานั่งรอที่ห้องโถงในห้องนี้ยังมีของน้องภูผาเต็มไปหมด นึกถึงเดียร์แล้วเธอสงสารและเห็นใจมาก การเลิกกันครั้งนี้คงไม่สามารถทำให้ทั้งสองคนกลับมารักกันได้อีกต่อไป
เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างหมอนดังขึ้นกลางห้องเงียบๆ เดียร์ที่เพิ่งหยุดร้องไห้ได้ไม่นานสะดุ้งเล็กน้อย เธอเหลือบตามองหน้าจอ เห็นชื่อปรากฏขึ้นมาใจหนึ่งก็ดีใจที่ได้ยินเสียงของคนที่รัก
“ฮัลโหลแม่คะ...น้าเองเหรอคะ” เสียงเธอสั่นเครือเพียงไม่กี่ประโยคจากปลายสาย แววตาของเดียร์ก็เบิกกว้าง น้ำตารื้นขึ้นมาอีกครั้งหัวใจราวกับถูกกดทับจนหายใจไม่ออก และเมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายเสียงสะอื้นก็แทบทะลักออกมาไม่หยุด
“วะ...ว่าอะไรนะ” เสียงเธอขาดหาย โทรศัพท์ในมือสั่นจนควบคุมไม่อยู่ ก่อนจะร่วงลงกระแทกพื้นดัง
เดียร์ทรุดตัวลงทันทีมือข้างหนึ่งกุมอก อีกข้างยกขึ้นปิดปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงร้องสะอื้นไม่ให้เล็ดลอดออกมา ดวงตาแดงก่ำพร่าเลือนด้วยน้ำตา ร่างกายสั่นเทาเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง
เธอไม่กล้าร้องไห้ดัง เพราะกลัวว่าเสียงนั้นจะปลุกลูกน้อยที่นอนหลับอยู่บนเตียงให้ตื่นขึ้นมาโลกทั้งใบของเธอพังลงซ้ำอีกครั้งในชั่วพริบตาเดียว
ทั้งภูริและดีนี่กลับมาถึงบ้านแล้ว เจ้าตัวนั่งเงียบเพราะโดนคุณปู่และพ่อกดดันทางสายตา เขานั่งรอเดียร์อยู่สักพักจนแม่บ้านวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“คุณท่านคะ หนูเดียร์ไม่อยู่แล้ว”
“หมายถึงอะไร” พิชิตถามเสียงดัง
“เดียร์ทิ้งจดหมายไว้ บอกแค่ว่าจะกลับบ้านหากพร้อมแล้วจะพาน้องภูผากลับมาค่ะ”
“เหลวไหล!”
ภูรินั่งเงียบไม่คิดว่าเดียร์จะรีบออกไปจากบ้านหลังนี้ เขาก็ไม่ได้ไล่เธอสักหน่อย ทำไมต้องพาลูกเขาไปตกระกำลำบากด้วย
เพียะ
“ป๊า” ดีนี่ตกใจที่พ่อลงไม้ลงมือกับภูริ ใบหน้าของน้องชายหันไปตามแรงตบ จนแก้มมีรอบนิ้วมือ
“ฉันเคยเตือนแกแล้วใช่ไหม รับผิดชอบชีวิตใครไม่ได้ก็ไม่ต้องสัญญาตั้งแต่แรก” พชรโกรธลูกชายมากตอนที่แต่งงานกัน เขายอมเพราะไม่อยากให้ลูกชายติดคุก ตอนนี้ทำอะไรไม่รู้จักคิด
“คนไม่รักกันแล้วป๊าจะโกรธทำไม”
“โกรธที่แกทำสันดานแบบนี้ไง หลานของฉันจะอยู่ยังไง”
“ป๊าห่วงหลานหรือห่วงชื่อเสียงของตัวเอง” ภูริไม่ยอมอ่อนข้อให้ง่ายๆ
“ฉันจะให้ทนายฟ้องร้องเอาหลานมาเลี้ยงเอง”
“ป๊าทำแบบนั้นไม่ได้นะ จะแยกแม่ลูกออกจากกันไม่ได้น้องภูผายังไม่หย่านมด้วยซ้ำ” ดีนี่ไม่เห็นด้วยกับการฟ้องร้องกัน
“นั่นเป็นทายาทของฉัน”
“แต่ผมไม่เห็นด้วย น้องภูผาอยู่กับเดียร์ถูกแล้ว” ไม่มีเขาอยู่อย่างน้อยเดียร์ก็ยังมีลูกคอยอยู่เป็นเพื่อน หากแยกแม่ลูกออกจากกัน หญิงสาวคงใจสลาย
“พอทั้งพ่อทั้งลูก! เรื่องนี้ห้ามให้ใครไปวุ่นวายกับเหลนของฉันอีก หากไปแยกแม่ลูกฉันจะไม่ยกอะไรให้สักอย่าง ส่วนแกไอ้ภูริกลับไปคิดดูดีๆ อย่าคิดถึงตัวเองให้มากแกไม่ใช่หนุ่มโสด” พิชิตลุกออกไปจากห้องโถง ดีนี่เดินตามไป
“คุณปู่คะ”
“ให้คนตามไปดูหน่อยเกิดเรื่องอะไรขึ้นทำไมหนูเดียร์ถึงพาลูกออกไปจากบ้านไวขนาดนี้ ช่วยกล่อมให้เขากลับมาอยู่ใกล้ๆ กันก็ยังดี”
“แล้วเรื่องนี้...”
“ความรักให้มันเป็นเรื่องของคนสองคน เหลนของปู่ต้องไม่ลำบาก” คนผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนคิดหาทางที่จะให้บทเรียนภูริ
“คุณปู่คงไม่คิดจะทำอะไรภูริใช่ไหมคะ?”
“วัยรุ่นอยากรู้อยากลองปล่อยมันไปเถอะ”
จากวันที่เดียร์ตัดขาดการติดต่อ เวลาก็ผ่านไปอย่างเชื่องช้า ภูริกดโทรหาหลายครั้งหวังเพียงได้ยินเสียงลูกชายสักนิด แต่ทุกสายล้วนไร้การตอบรับเสียงรอสายที่เงียบงันทำให้เขาแทบคลุ้มคลั่ง ความว่างเปล่าที่เกาะกินหัวใจนั้นโหดร้ายเกินทน
คนในบ้านก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีใครเอ่ยถึง ไม่มีใครสนใจว่าลูกชายของเขาอยู่ที่ไหน ราวกับความจริงถูกปกปิดไว้ทั้งหมด
ยิ่งคิดยิ่งเจ็บเขาจึงเลือกหนีจากความอึดอัดเหล่านั้นมานั่งกอดแก้วเหล้าในผับ แสงไฟวูบวาบสะท้อนแววตาที่หม่นหมอง มือเขายกแก้วขึ้นดื่มอึกแล้วอึกเล่า จนเพื่อนสนิททนดูไม่ได้ต้องถามออกมา
“มึงเป็นอะไรภูริ เรื่องมึงกับเมียมันยังไงกันแน่” คำถามนั้นเหมือนคมมีดกรีดลึกลงกลางอก ภูริหัวเราะในลำคอแผ่วเบา ก่อนตอบเสียงแหบพร่า
“กูพลาดทำเขาท้องเลยรับผิดชอบแรกๆ ก็ยังรักกันดี แต่นานวันเข้าทุกอย่างก็แปรเปลี่ยน” เขาเงยหน้าขึ้น มองเพื่อนด้วยสายตาแดงก่ำ
“มึงก็ปิดเงียบเลยนะ น้องเขาน่ารักออกทำไมมึงถึง...”
“ไม่รู้วะกูอยู่กับเดียร์ตลอดเวลา พอมาเจอสังคมใหม่ๆ ก็อยากมีอิสระ”
เตชินกับสิงห์สบตากันเงียบๆ ไม่รู้จะปลอบยังไง นอกจากนั่งอยู่ข้างๆ ปล่อยให้ภูริระบายความเจ็บปวดออกมาท่ามกลางเสียงดนตรีที่กลบความจริงอันโหดร้าย
“มึงโสดแล้วใช่ป่ะ” สิงห์ถามเพื่อความแน่ชัดอีกรอบ
“อืม เดียร์หายไปจากชีวิตเกือบจะ 3 เดือนแล้ว ป่านนี้ลูกชายกูคงเดินได้แล้ว”
“กูแนะนำสาวให้ลองคุยดู เขาบอกชอบมึงตั้งแต่ปี 1 สนใจป่ะ”
“ไอ้สิงห์มึงก็ เพื่อนเศร้าอยู่” เตชินห้าม
“อกหักต้องหาคนมาคุยด้วย เดี๋ยวกูโทรเรียกเขาก่อน” สิงห์ไม่ฟังเพื่อนรีบโทรหาคนที่กำลังพูดถึงทันที
“ภูริเราชื่อพลอย เรียนสาขาบัญชีเราขอช่องทางติดต่อได้ไหม เราชอบนายมานานแล้ว”
“โทรศัพท์แบตหมด” ภูรินิ่งไปครู่หนึ่งแววตาไร้แววสดใส เหมือนคนที่ใจไม่อยู่ตรงนี้ เขาตอบสั้นๆ
“งั้นเขียนเบอร์ให้เราก็ได้ เราอยากคุยกับนายจริงๆ”แต่แพรพลอยกลับไม่ถอย ตื๊อไม่เลิกทั้งรอยยิ้มทั้งสายตาเชิงอ้อนวอน
ความรำคาญผสมความเหนื่อยล้าไหลบ่าเข้ามา ภูริถอนหายใจหนักๆ ในที่สุดก็หยิบกระดาษทิชชูกับปากกามาขีดเขียนเบอร์ของตัวเองยื่นให้
“อืม...” เขาพูดเสียงแข็ง ใบหน้าไม่เหลือร่องรอยยิ้ม
แพรพลอยรับไว้ด้วยสีหน้าดีใจราวกับได้ของสำคัญที่สุดในชีวิต โดยไม่รู้เลยว่าเบอร์ที่อยู่ในมือนั้น ไม่ได้มีความหมายใดๆ สำหรับเจ้าของมันเลยแม้แต่นิดเดียว
เวลาผ่านไปหลายเดือนภูริเปลี่ยนแปลงไปมากอย่างที่เดียร์เองก็ไม่คิดว่าจะเห็น เขาตื่นเช้าออกไปทำงานทุกวัน ตั้งใจเรียนรู้งานในบริษัทอย่างหนัก ไม่เพียงเพื่ออนาคตของตัวเอง แต่เพื่ออนาคตของครอบครัวเล็กๆ ที่เขารักที่สุดจากชายหนุ่มที่เคยใช้อารมณ์นำเหตุผล วันนี้ภูริกลายเป็นผู้ใหญ่ที่สุขุมและรู้จักรับผิดชอบ เขาไม่เพียงพิสูจน์ให้คนอื่นเห็น แต่ยังพิสูจน์ให้หญิงสาวได้เห็นว่าเขาเปลี่ยนไปจริงๆหลายครั้งที่เขาแอบมองหญิงสาวและลูกชายอย่างเงียบ ๆ ความรู้สึกอบอุ่นในอกยิ่งชัดเจนขึ้นทุกวัน จนกระทั่งคืนหนึ่ง เขาตัดสินใจบางอย่างในใจ เขาจะขอเดียร์แต่งงานอีกครั้ง เดียร์เดินมาหยุดตรงลานน้ำพุยามค่ำคืนตามข้อความของภูริ สายลมเย็นพัดเบาๆ กลิ่นน้ำและแสงไฟจากเสาเรียงรายรอบทางสร้างบรรยากาศอบอุ่นแต่แฝงความตื่นเต้นในใจ เธอก้มมองข้อความในมือถืออีกครั้ง“รอตรงนี้นะ อย่าไปไหน”“รีบมานะคะ” ก็กดส่งข้อความตอบกลับเขาไปหญิงสาวยืนรออยู่นานจนเริ่มสงสัย แต่ก่อนที่เธอจะกดโทรกลับ เสียงพลุดังขึ้นเหนือฟ้าพลุหลากสีระเบิดกระจายกลีบแสงออกไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำ งดงามราวภาพในฝันน้ำพุกลางลานเริ่มพุ่งสูงขึ้นพร้อมกับแสงไฟหลากสีส่องขึ้นต
เช้าวันถัดมาน้องภูผาวิ่งมากอดแม่แน่นหลังจากกลับมาจากนอนบ้านป้าดีนี่ แต่สายตาเจ้าตัวเล็กกลับสะดุดเข้ากับรอยแดงช้ำตรงลำคอของเดียร์“แม่ไปทำอะไรมาคับ ทำไมตรงนี้แดงแบบนี้” เสียงเล็กๆ เต็มไปด้วยความตกใจ ดวงตากลมโตเริ่มคลอไปด้วยน้ำตาเธอชะงักหน้าแดงขึ้นมาทันที ส่วนภูริที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เกือบหลุดหัวเราะ เธอรีบเอามือปิดคอไว้แล้วพูดเสียงแผ่ว“มดกัดจ้ะลูก มดมันชอบแกล้งแม่”“แล้วมดอยู่ไหนคับภูผาจะตีให้!” ภูผาทำหน้างง หันไปมองรอบๆ แล้วถามอย่างจริงจัง “มดอยู่ในห้องลูกปะป๊าจัดการให้แล้ว ไม่ต้องห่วงนะ” เขาตอบเบาๆ แล้วตอบแทนพร้อมรอยยิ้มขำกลั้นไม่อยู่เดียร์รีบส่งสายตาคาดโทษให้เขาทันที ส่วนภูผาก็ยังคงทำหน้างุนงง ก่อนจะกอดแม่อีกครั้งแล้วพูดเสียงเบาๆ“คราวหน้าถ้ามดมากัดอีกบอกภูผานะคับ ภูผาจะช่วยแม่เอง”“เด็กน้อยของแม่” เธอยิ้มจางๆ พลางลูบหัวลูกชาย ส่วนภูริก็ได้แต่กลั้นหัวเราะจนไหล่สั่น“ไปเล่นน้ำกันดีกว่าพ่อพาไปว่ายน้ำ”“ไปคับ ภูผาขอไปเล่นน้ำ” ภูผาหันมาขออนุญาตแม่ เมื่อเห็นว่าแม่พยักหน้าเขาจึงจับมือพ่อเดินออกไปทันที“มดตัวใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอดูเหนื่อยๆ” ดีนี่มองน้องสะใภ้แล้วหัวเราะเบาๆ เชิงล้อเลี
เดียร์สะดุ้งตื่นกลางดึกเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่ข้างคอ เธอพลิกตัวจะกรีดร้องแต่เสียงนั้นถูกมือใหญ่ปิดไว้แน่น“พี่เองอย่าร้อง” เสียงต่ำของภูริสั่นเล็กน้อยเหมือนคนที่กลัวจะถูกปฏิเสธ“คุณเข้ามาได้ยังไงออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้!” เดียร์ดันหน้าอกเขาออก“เดียร์ช่วยฟังพี่ก่อนนะ แค่คืนนี้ขอให้พี่พูดได้ไหม” แต่ภูริไม่ยอมขยับ เขาทิ้งตัวลงนอนข้างๆ เหมือนหมดแรง“ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว” เธอเสียงสั่น กำมือแน่นพยายามกลั้นน้ำตา“พี่รู้พี่ทำผิดหัวใจดวงนี้ยังเป็นของเดียร์ ตอนนั้นพี่ยังเด็กอาจจะพูดไม่คิด แต่พอไม่มีเดียร์มันทำให้รู้ว่าพี่ไม่เคยหมดรักเดียร์เลย” เขาจับมือเธอไว้แน่นกว่าเดิม“หยุดพูดได้แล้ว” เธอสะบัดมือออก น้ำตาไหลอาบแก้ม“เดียร์ยังรักพี่อยู่ไหม พี่ไม่เคยนอนกับพริมไม่เคยแตะต้องผู้หญิงคนไหนเลย รูปทุกอย่างพี่ส่งให้เจ้ดีนี่ดูแล้วพี่ตกเป็นเหยื่อ” เขาเงียบไปชั่วครู่ ก่อนเอ่ยเบาๆ “พี่ไม่ได้เข้าหาเดียร์เพราะต้องการอะไรทั้งนั้น พี่แค่อยากไถ่โทษกับทุกสิ่งทุกอย่าง”“...” เธอเม้มปากแน่นไม่ตอบ แต่หัวใจกลับเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมา เขามองเห็นน้ำตาเธอในเงาแสงจันทร์บรรยากาศในห้องเงียบจนได้ยินเสียงห
ภายในโรงแรมมีเพียงแสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟติดผนัง พีรญาก้าวเข้าไปในห้องที่นัดหมาย มือหญิงสาวสั่นน้อยๆ แต่พยายามเก็บอาการให้ดูมั่นคง ประตูเพิ่งปิดไม่ทันขาดเสียง กัมปนาทก็ลุกพรวดจากโซฟา ก้าวเข้ามาหาเธอด้วยรอยยิ้มราวกับผู้ล่า“ในที่สุดก็มาหากูสักที”“นายต้องการอะไรกันแน่” พีรญามองคนตรงหน้ายอมรับว่าตัวเองไม่น่าพลาดมาเจอคนแบบนี้เลย“กูโทรหาไม่รับเสือกไปวิ่งตามผู้ชายคนอื่น” กัมปนาทมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียดหยาม“เราไม่มีอะไรต้องติดต่อกันอีก” พอเธอไม่ให้เงินเขามักจะทุบตีทำร้ายเป็นประจำ จนทนไม่ไหวครั้งนี้เลยเลือกที่จะหนีออกมา“มึงท้องลูกกู แล้วจะหนีไปหาพ่อใหม่มันไม่ได้นะ”เขายื่นมือจะคว้าแขนเธอ แล้วโน้มตัวลงหมายจะจูบ หญิงสาวเบี่ยงตัวหนีทันที ผลักหน้าอกเขาออกแรงจนเขาถอยไปหนึ่งก้าว สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจ“อย่ามาแตะต้องฉันมันไม่ใช่ลูกของแก!”“ไม่ใช่ลูกกูเหรอ? ท้องได้สามเดือนแล้วไม่ใช่ หรือมึงลืมไปว่าใครเป็นคนลากมึงเข้าโรงแรมก่อนหน้านี้” กัมปนาทหัวเราะหยัน เสียงทุ้มต่ำเหมือนเยาะเย้ยคำพูดของเขาแทงใจเหมือนคมมีด พีรญากัดฟันแน่น ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาคลอแต่ยังยืนตัวตรง“ฉันอาจเคยโง่ แต่ลูกในท้องฉันไม่เ
เดียร์เงยหน้าขึ้นจากเคาน์เตอร์เมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงเรียกชื่อเธอ น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเครียดและสั่นเครือพีรญายืนอยู่ตรงหน้าใบหน้าซีดเผือด ดวงตาบวมแดงเหมือนคนร้องไห้มาทั้งคืน มือหนึ่งจับหน้าท้องของตัวเองไว้แน่น“ภูริอยู่ไหนเขาไม่รับสาย ไม่ตอบข้อความฉันหามาหลายวันแล้ว” ไม่คิดว่าคนอย่างภูริจะใจแข็งและใจร้ายขนาดนี้เธอนิ่งไปชั่วขณะ มองซ้ายมองขวากลัวว่าน้องภูผาจะได้ยินก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเรียบทั้งที่หัวใจเต้นแรง“ไม่รู้”“อย่ามาโกหกเลย เธอยังอยู่กับเขาใช่ไหม เธออย่าคิดจะยึดเขาไว้คนเดียว ลูกของฉันก็เป็นลูกของเขาเหมือนกันนะ”” หญิงสาวพูดพลางกัดริมฝีปากน้ำเสียงเริ่มสั่นคำพูดนั้นเหมือนมีดแหลมแทงเข้ากลางอก เดียร์พยายามกลั้นใจไม่ให้ตัวเองสั่น เธอเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างนิ่งสงบ แต่แววตาแฝงความเจ็บปวด“คุณกำลังเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า เรื่องของคุณกับเขา ฉันไม่อยากรู้ไม่เกี่ยวกับฉันอีกแล้ว”“แต่ลูกในท้องฉันมันคือหลักฐานฉันไม่ได้พูดเล่น!” พีรญาส่ายหน้า ดวงตาเริ่มมีน้ำคลอเดียร์เผลอกำมือแน่น เสียงลมหายใจของเธอสั่นระรัวเธอพยายามไม่หลุดอารมณ์ออกมาพยายามไม่ร้องไห้ตรงหน้าใคร“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปหาภูริเอง
เสียงกระดิ่งเหนือประตูร้านดังขึ้นเบาๆ เดียร์เงยหน้าขึ้นจากเครื่องชงกาแฟ เห็นผู้หญิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าตึงเครียด ก่อนจะเห็นว่าภูริที่กำลังช่วยจัดโต๊ะอยู่ก็ชะงักไปเช่นกันเธอจำได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้คือเพื่อนของภูริ และเป็นคนทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาร้าวราน จนถึงขั้นแยกทางกัน“พริมมีเรื่องจะคุยกับภูเรื่องสำคัญ” พีรญาทำเป็นมองไม่เห็นอีกฝ่าย“ถ้ามีอะไรก็พูดมาตรงนี้เลย เดียร์ไม่ต้องหลบอะไรทั้งนั้น” เขากำลังวุ่นวายกับการเช็ดทำความสะอาดหน้าเคาเตอร์บรรยากาศในร้านเงียบกริบ เหมือนอากาศหนืดขึ้นจนหายใจลำบาก เดียร์มองหน้าทั้งคู่พลางเช็ดแก้วในมือช้าๆ“พริมท้อง” พีรญาสูดหายใจลึก ก่อนพูดออกมาเสียงสั่น เพล้ง!เสียงแก้วในมือเดียร์หล่นกระทบพื้นดัง เธอยืนนิ่ง ดวงตาเบิกกว้าง น้ำเสียงแผ่วเบาแทบไม่ออกจากลำคอ มือของเธอสั่นเทา “พูดบ้าอะไรของเธอ เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” เขาหันขวับไปมองพีรญา ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความตกใจ“พริมไม่ได้โกหกคืนนั้นภูก็เมา แถมไม่ได้ป้องกันอีก” พีรญาไม่ยอมแพ้เอาเรื่องคืนนั้นมาอ้าง เพื่อให้อีกคนได้ยินอย่างชัดเจนเดียร์ถอยหลังไปหนึ่งก้าว หัวใจเต้นแรงเหมือนจะระเบ

![friend zone รักร้ายนายเพื่อนสนิท [ 3P ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)





