LOGINภูริยืนตรงหน้าเดียร์มองดวงตาเขาที่เย็นชาและว่างเปล่า น้ำเสียงเรียบแต่ชัดเจนตอกย้ำราวกับมีดกรีดลงกลางใจ
“เดียร์พี่หมดรักแล้ว พี่คิดว่าควรให้เราทั้งสองคนเลิกกันเถอะ” เขาตัดสินใจพูดออกมาไม่ใช่เพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่เขาเหนื่อยเกินไป ยิ่งใกล้กันยิ่งทะเลาะกันมากขึ้น
คำพูดนั้นเหมือนฟ้าผ่ากลางใจเดียร์ตัวแข็งค้าง รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงตรงหน้า
“เดียร์ไม่ยอม เราผ่านอะไรมาด้วยกันมากมาย พี่อย่าทิ้งเดียร์นะเราแก้ปัญหาด้วยกันได้” เธอร้องเสียงสั่น พุ่งเข้าไปยึดแขนเขาแน่น
“พี่บอกแล้วไง ว่าความรักของพี่มันเปลี่ยนไปแล้วเดียร์ไม่เข้าใจหรอก ถ้าเราอยู่ต่อไปทั้งคู่ก็จะเจ็บมากกว่านี้” เขาถอนหายใจหนักๆ มองเธอด้วยสายตาที่เจ็บปวดไม่แพ้กัน
“ไม่เอาอย่าทิ้งเดียร์ เดียร์ยังรักพี่! พี่ต้องรักเดียร์เหมือนเดิมสิ ฮือ~” น้ำตาไหลพราก เธอพยายามเกาะแขนเขาแน่นขึ้นร้องไห้สะอื้น
“พี่ยอมกราบก็ได้แค่เดียร์ยอมปล่อยพี่ไป เพราะหัวใจดวงนี้ไม่มีเดียร์อยู่ในนั้นอีกแล้ว”
หญิงสาวชะงักเธออยากจะก้าวเข้าไปกอดเขา แต่ทุกคำพูดเหมือนตรึงขาเธอไว้กับพื้น น้ำตาคลอเบ้าน้ำเสียงสั่นเครือ
“พี่ยอมกราบเดียร์เพื่อให้เดียร์ยอมปล่อยพี่ไป แต่พี่ยังไม่คิดถึงวันที่เข้ามาจีบเดียร์เลยเหรอ?” เธอถามพลางน้ำตาไหลพราก
“พี่หมดรักเดียร์แล้ว” ภูริหลุบตาลง ไม่สบสายตาเธอ แต่เสียงของเขากลับหนักแน่นราวกับตัดสินใจแล้ว
คำพูดนั้นเหมือนฟ้าผ่ากลางใจของเดียร์ เธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลาย น้ำตาไหลไม่หยุด หญิงสาวนิ่งรู้สึกถึงความว่างเปล่าและความเจ็บปวดที่สุดเท่าที่เคยเจอมา
“เรื่องลูกไม่ต้องเป็นห่วงนะพี่จะดูแลเขาอย่างดี ถ้าเดียร์อยากเลี้ยงลูกเองพี่ไม่ห้าม”
“...” เธอก็ยังนิ่งไม่ยอมพูด
“พี่จะหาเวลาไปเจอเขาบ่อยๆ จะส่งเงินให้ทุกเดือนขอแค่เดียร์อย่ากีดกันพี่กับลูกก็พอ” เขาพยายามเสนอทางเลือกให้อีกฝ่าย
“...” ตอนนี้เธอเหมือนคนไม่มีสติ แค่ได้ยินคำว่าเลิกแทบไม่มีแรงลุกขึ้นยืน
“เดียร์ฟังที่พี่พูดหรือเปล่า พี่หวังดีกับเดียร์เสมอนะ แต่แค่วันนี้เราเดินไปด้วยกันไม่ได้เท่านั้น” เขายังคงพูดต่อ อยากให้ทุกอย่างจบลงตั้งแต่วันนี้
“เดินมาด้วยกันตั้ง 4 ปี เพิ่งรู้ว่าแค่เดินมาส่ง” เธอเช็ดน้ำตาออกมา พยายามตั้งสติคิดไม่ถึงว่าวันนี้จะมาถึง
“พี่ขอโทษที่ทำให้อนาคตของเดียร์พัง” เขาคุกเข่าลงต่อหน้าหญิงสาว ทำเหมือนสำนึกผิดกับเรื่องที่ผ่านมา แต่ไม่เลยเขากำลังผลักไสไล่ส่งเธอออกไปจากชีวิต
“ฮึก~”
“ยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อเลี้ยงดูลูก ปล่อยให้พี่ได้ใช้ชีวิตตามวัยมีสังคม มีทางของตัวเอง ทำหน้าที่ตัวเองไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเราหมดรักกันตั้งแต่ตอนไหน?” เธอเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มไม่กล้าแม้แต่จะมองใบหน้าของเขา
“พี่ผิดเอง” เขาได้แต่พูดคำนี้
หญิงสาวเหมือนคนไม่มีสติใบหน้าเหม่อลอยปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาแทนคำพูดของเธอ เลิกกันวันนี้อาจจะดีกว่าเลิกกันตอนที่ลูกโตแล้วก็ได้ เธอค่อยๆ เงยหน้ามองเขาเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนี้เราทั้งสองคนแยกย้ายกันไปเติบโต
“ไปซะ! ไปแล้วอย่ากลับมาเดียร์จะเลี้ยงลูกของเดียร์อย่างดี จะสอนเขาให้รู้จักรักและเคารพผู้หญิง จะไม่สอนให้เขาเป็นแบบพ่อเขาเด็ดขาด และจะไม่สอนให้เขานอกใจใครเหมือนพี่เด็ดขาด”
เธอตะโกนด้วยความเด็ดขาดน้ำตายังไหลพราก แต่ดวงตากลับเฉียบคมเหมือนคนที่ตัดสินใจแล้ว มือของเธอสั่นจนควบคุมไม่อยู่
“พี่ไม่ได้มีคนอื่นนะ พี่แค่อยากอยู่คนเดียว” เขารีบแก้ตัวทันที ถึงแม้จะในใจจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่ไม่คิดจะมีคนอื่นแบบที่หญิงสาวพูด
“ไม่ต้องมาเจอหน้าลูกอีก ถ้ายังมีสามัญสำนึกในความเป็นพ่อ แค่ส่งเงินมาก็พอหรือจะให้ดีก็ไปตายซะยังจะดีกว่าที่ต้องให้ลูกรู้ว่าพี่คือพ่อที่แย่มาก”
“ทำไมต้องห้ามไม่ให้เจอลูก” มือของเขาอยากจะเอื้อมไปจับมือของเธอ แต่รู้สึกว่าทุกคำพูดของเดียร์เหมือนตะปูตอกลงกลางใจ
“ถ้าพี่อยากมีลูกกับผู้หญิงของพี่ก็ไปมีสิ อย่ามายุ่งกับพวกเรา”
“เดียร์” น้ำเสียงของเขาแหบพร่า ตอนนี้อารมณ์ของเธอคงโกรธเขามากอธิบายไปก็ไม่ฟังอะไร
“พอเถอะ ไปให้พ้นจากชีวิตพวกเรา” แต่เดียร์ส่ายหน้าน้ำตายังคงไหลพราก แต่หัวใจเธอแข็งแกร่ง
หญิงสาววิ่งเข้าห้องนอนด้วยหัวใจที่ปวดร้าว น้ำตาไหลพรากจนแทบหายใจไม่ออก เธอทรุดตัวลงบนพื้นข้างเตียง กอดเข่าตัวเองไว้แน่น ร้องไห้ออกมาอย่างหมดแรง ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวดที่บีบรัดหัวใจ
ชีวิตนี้เธอเคยคิดว่ามีภูริเป็นโลกทั้งใบ แต่ตอนนี้โลกทั้งใบนั้นพังทลายเหลือเพียงความว่างเปล่า
หลังจากสะบัดน้ำตาและตั้งสติได้เธอค่อยๆ ลุกขึ้นเช็ดน้ำตา และเริ่มเก็บเสื้อผ้าอย่างใจร้อน แต่ใจเต็มไปด้วยความเด็ดขาด
เธอเหลือบไปเห็นกล่องรูปภาพเก่าภาพวันที่แต่งงาน วันที่เคยเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความฝัน เธอหยิบขึ้นมาดู ดวงตาเบิกกว้างด้วยความทรงจำ ก่อนจะกำมันแน่นแล้วโยนลงถังขยะ
เสียงกระแทกของรูปภาพกับถังขยะดังสนั่นในห้อง เธอสูดลมหายใจลึกความเจ็บปวดยังอยู่ แต่หัวใจเริ่มรู้สึกถึงความเบาเหมือนปล่อยอดีตที่ทำร้ายตัวเองทิ้งไป
เธอมองรูปถ่ายของลูกชายน้ำตาไหลอีก แต่คราวนี้เป็นน้ำตาของการเริ่มต้นใหม่ เธอสัญญากับตัวเองว่าจะสอนเขาให้แข็งแรง จะรักและปกป้องเขาให้ดีที่สุด
ฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ปรานี เดียร์หอบกระเป๋าเดินตากฝนน้ำตาไหลผสมกับละอองฝนเปียกชุ่มร่าง เธอรู้สึกหนาวสั่น แต่หัวใจเจ็บปวดยิ่งกว่าอากาศเย็นยะเยือก
เมื่อถึงบ้านของภูริเธอตัดสินใจมุ่งหน้าไปชั่นสองของบ้าน เคาะประตูห้องนอนพี่สาวภูริ มือสั่นด้วยความร้อนใจ
“เดียร์มาทำอะ...” ดีนี่ยังพูดไม่จบ อีกฝ่ายโผเข้ามากอดแน่น น้ำตาไหลพรากเต็มหน้า
“เขาขอเลิกกับเดียร์แล้ว ฮือ!” เธอพูดออกมาสั้นๆ เสียงสั่นและน้ำตาไหลไม่หยุด
“ทำไมเกิดอะไรขึ้น ไอ้น้องเวรมันทำอะไร” ดีนี่ก้าวเข้ามากอดเธอไว้แน่นตบหลังเบาๆ ปลอบด้วยเสียงอ่อนโยน
เดียร์ซุกหน้าเข้าที่อกของดีนี่ ร้องไห้อย่างหมดแรง ความเจ็บปวดที่กดทับมานานเหมือนพังทลายออกมา เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นเล็กๆ ในโลกที่ตอนนี้ไม่เหลือใคร
“ร้องออกมาให้พอ ไม่ต้องกลั้นน้ำตาไว้” ดีนี่รู้นิสัยของน้องชายดี คิดว่าสักวันเรื่องนี้ต้องมาถึง แต่ไม่คิดว่ามาไวขนาดนี้
“ฮือออ เดียร์เกลียดเขาไม่อยากเจอหน้าเขาอีกแล้ว เดียร์ทำทุกอย่างเพื่อรักษาครอบครัวไว้ แต่เขาทำมันพังพี่ดีนี่อย่าบอกให้เดียร์อดทนอีกเลยนะ เดียร์ทนไม่ไหวแล้ว”
“พี่ขอโทษที่พูดกับเดียร์แบบนั้น”
ดีนี่คอยให้คำปรึกษาหญิงสาวมาตลอด บอกให้อดทนจนลืมนึกไปว่าเดียร์ต้องเจ็บปวดทรมานแค่ไหน ดีนี่พาหญิงสาวมานั่งสงบสติอารมณ์เสียก่อน
“แล้วจะเอายังไงต่อ”
“เดียร์ไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้ ไม่อยากให้เขามาวุ่นวายกับลูกอีก พี่ดีนี่ช่วยเดียร์ด้วยนะคะคุณปู่คงไม่ยอมแน่”
“ตั้งสติค่อยๆ พูดนี่ดึกมากแล้วเดียร์พักผ่อนก่อนนะ ตอนเช้าเราค่อยมาคุยกันอีกครั้ง น้องภูผาอยู่ไหน”
“อยู่กับป้าอิ่มค่ะ”
“ไปอาบน้ำไปเดี๋ยวไม่สบาย พรุ่งนี้เราจะหาทางแก้ปัญหาช่วยกัน”
“ฮือ~”
“ร้องออกมาเลยเดียร์ คนเราไม่ต้องเข้มแข็งตลอดเวลาหรอก”
ดีนี่รู้สึกผิดที่ปล่อยให้น้องชายมาทำลายอนาคตของอีกฝ่าย แถมไม่เคยสอนน้องตัวเองว่าอะไรที่ควรทำหรือไม่ควรทำ ครั้งนี้เธอจะไม่ถามเหตุผลอะไรทั้งนั้น แต่จะเคารพการตัดสินใจของเดียร์
คนแบบภูริสมควรได้รับบทเรียนครั้งใหญ่ ส่วนอนาคตที่ทั้งสองจะกลับมารักกันอีกหรือไม่ก็สุดแล้วแต่บุญวาสนาจะนำพาไป หน้าที่ของสามีและภรรยาจบลงแล้ว แต่หน้าที่ของพ่อแม่ยังคงอยู่ตลอดไป
เวลาผ่านไปหลายเดือนภูริเปลี่ยนแปลงไปมากอย่างที่เดียร์เองก็ไม่คิดว่าจะเห็น เขาตื่นเช้าออกไปทำงานทุกวัน ตั้งใจเรียนรู้งานในบริษัทอย่างหนัก ไม่เพียงเพื่ออนาคตของตัวเอง แต่เพื่ออนาคตของครอบครัวเล็กๆ ที่เขารักที่สุดจากชายหนุ่มที่เคยใช้อารมณ์นำเหตุผล วันนี้ภูริกลายเป็นผู้ใหญ่ที่สุขุมและรู้จักรับผิดชอบ เขาไม่เพียงพิสูจน์ให้คนอื่นเห็น แต่ยังพิสูจน์ให้หญิงสาวได้เห็นว่าเขาเปลี่ยนไปจริงๆหลายครั้งที่เขาแอบมองหญิงสาวและลูกชายอย่างเงียบ ๆ ความรู้สึกอบอุ่นในอกยิ่งชัดเจนขึ้นทุกวัน จนกระทั่งคืนหนึ่ง เขาตัดสินใจบางอย่างในใจ เขาจะขอเดียร์แต่งงานอีกครั้ง เดียร์เดินมาหยุดตรงลานน้ำพุยามค่ำคืนตามข้อความของภูริ สายลมเย็นพัดเบาๆ กลิ่นน้ำและแสงไฟจากเสาเรียงรายรอบทางสร้างบรรยากาศอบอุ่นแต่แฝงความตื่นเต้นในใจ เธอก้มมองข้อความในมือถืออีกครั้ง“รอตรงนี้นะ อย่าไปไหน”“รีบมานะคะ” ก็กดส่งข้อความตอบกลับเขาไปหญิงสาวยืนรออยู่นานจนเริ่มสงสัย แต่ก่อนที่เธอจะกดโทรกลับ เสียงพลุดังขึ้นเหนือฟ้าพลุหลากสีระเบิดกระจายกลีบแสงออกไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำ งดงามราวภาพในฝันน้ำพุกลางลานเริ่มพุ่งสูงขึ้นพร้อมกับแสงไฟหลากสีส่องขึ้นต
เช้าวันถัดมาน้องภูผาวิ่งมากอดแม่แน่นหลังจากกลับมาจากนอนบ้านป้าดีนี่ แต่สายตาเจ้าตัวเล็กกลับสะดุดเข้ากับรอยแดงช้ำตรงลำคอของเดียร์“แม่ไปทำอะไรมาคับ ทำไมตรงนี้แดงแบบนี้” เสียงเล็กๆ เต็มไปด้วยความตกใจ ดวงตากลมโตเริ่มคลอไปด้วยน้ำตาเธอชะงักหน้าแดงขึ้นมาทันที ส่วนภูริที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เกือบหลุดหัวเราะ เธอรีบเอามือปิดคอไว้แล้วพูดเสียงแผ่ว“มดกัดจ้ะลูก มดมันชอบแกล้งแม่”“แล้วมดอยู่ไหนคับภูผาจะตีให้!” ภูผาทำหน้างง หันไปมองรอบๆ แล้วถามอย่างจริงจัง “มดอยู่ในห้องลูกปะป๊าจัดการให้แล้ว ไม่ต้องห่วงนะ” เขาตอบเบาๆ แล้วตอบแทนพร้อมรอยยิ้มขำกลั้นไม่อยู่เดียร์รีบส่งสายตาคาดโทษให้เขาทันที ส่วนภูผาก็ยังคงทำหน้างุนงง ก่อนจะกอดแม่อีกครั้งแล้วพูดเสียงเบาๆ“คราวหน้าถ้ามดมากัดอีกบอกภูผานะคับ ภูผาจะช่วยแม่เอง”“เด็กน้อยของแม่” เธอยิ้มจางๆ พลางลูบหัวลูกชาย ส่วนภูริก็ได้แต่กลั้นหัวเราะจนไหล่สั่น“ไปเล่นน้ำกันดีกว่าพ่อพาไปว่ายน้ำ”“ไปคับ ภูผาขอไปเล่นน้ำ” ภูผาหันมาขออนุญาตแม่ เมื่อเห็นว่าแม่พยักหน้าเขาจึงจับมือพ่อเดินออกไปทันที“มดตัวใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอดูเหนื่อยๆ” ดีนี่มองน้องสะใภ้แล้วหัวเราะเบาๆ เชิงล้อเลี
เดียร์สะดุ้งตื่นกลางดึกเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่ข้างคอ เธอพลิกตัวจะกรีดร้องแต่เสียงนั้นถูกมือใหญ่ปิดไว้แน่น“พี่เองอย่าร้อง” เสียงต่ำของภูริสั่นเล็กน้อยเหมือนคนที่กลัวจะถูกปฏิเสธ“คุณเข้ามาได้ยังไงออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้!” เดียร์ดันหน้าอกเขาออก“เดียร์ช่วยฟังพี่ก่อนนะ แค่คืนนี้ขอให้พี่พูดได้ไหม” แต่ภูริไม่ยอมขยับ เขาทิ้งตัวลงนอนข้างๆ เหมือนหมดแรง“ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว” เธอเสียงสั่น กำมือแน่นพยายามกลั้นน้ำตา“พี่รู้พี่ทำผิดหัวใจดวงนี้ยังเป็นของเดียร์ ตอนนั้นพี่ยังเด็กอาจจะพูดไม่คิด แต่พอไม่มีเดียร์มันทำให้รู้ว่าพี่ไม่เคยหมดรักเดียร์เลย” เขาจับมือเธอไว้แน่นกว่าเดิม“หยุดพูดได้แล้ว” เธอสะบัดมือออก น้ำตาไหลอาบแก้ม“เดียร์ยังรักพี่อยู่ไหม พี่ไม่เคยนอนกับพริมไม่เคยแตะต้องผู้หญิงคนไหนเลย รูปทุกอย่างพี่ส่งให้เจ้ดีนี่ดูแล้วพี่ตกเป็นเหยื่อ” เขาเงียบไปชั่วครู่ ก่อนเอ่ยเบาๆ “พี่ไม่ได้เข้าหาเดียร์เพราะต้องการอะไรทั้งนั้น พี่แค่อยากไถ่โทษกับทุกสิ่งทุกอย่าง”“...” เธอเม้มปากแน่นไม่ตอบ แต่หัวใจกลับเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมา เขามองเห็นน้ำตาเธอในเงาแสงจันทร์บรรยากาศในห้องเงียบจนได้ยินเสียงห
ภายในโรงแรมมีเพียงแสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟติดผนัง พีรญาก้าวเข้าไปในห้องที่นัดหมาย มือหญิงสาวสั่นน้อยๆ แต่พยายามเก็บอาการให้ดูมั่นคง ประตูเพิ่งปิดไม่ทันขาดเสียง กัมปนาทก็ลุกพรวดจากโซฟา ก้าวเข้ามาหาเธอด้วยรอยยิ้มราวกับผู้ล่า“ในที่สุดก็มาหากูสักที”“นายต้องการอะไรกันแน่” พีรญามองคนตรงหน้ายอมรับว่าตัวเองไม่น่าพลาดมาเจอคนแบบนี้เลย“กูโทรหาไม่รับเสือกไปวิ่งตามผู้ชายคนอื่น” กัมปนาทมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียดหยาม“เราไม่มีอะไรต้องติดต่อกันอีก” พอเธอไม่ให้เงินเขามักจะทุบตีทำร้ายเป็นประจำ จนทนไม่ไหวครั้งนี้เลยเลือกที่จะหนีออกมา“มึงท้องลูกกู แล้วจะหนีไปหาพ่อใหม่มันไม่ได้นะ”เขายื่นมือจะคว้าแขนเธอ แล้วโน้มตัวลงหมายจะจูบ หญิงสาวเบี่ยงตัวหนีทันที ผลักหน้าอกเขาออกแรงจนเขาถอยไปหนึ่งก้าว สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจ“อย่ามาแตะต้องฉันมันไม่ใช่ลูกของแก!”“ไม่ใช่ลูกกูเหรอ? ท้องได้สามเดือนแล้วไม่ใช่ หรือมึงลืมไปว่าใครเป็นคนลากมึงเข้าโรงแรมก่อนหน้านี้” กัมปนาทหัวเราะหยัน เสียงทุ้มต่ำเหมือนเยาะเย้ยคำพูดของเขาแทงใจเหมือนคมมีด พีรญากัดฟันแน่น ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาคลอแต่ยังยืนตัวตรง“ฉันอาจเคยโง่ แต่ลูกในท้องฉันไม่เ
เดียร์เงยหน้าขึ้นจากเคาน์เตอร์เมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงเรียกชื่อเธอ น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเครียดและสั่นเครือพีรญายืนอยู่ตรงหน้าใบหน้าซีดเผือด ดวงตาบวมแดงเหมือนคนร้องไห้มาทั้งคืน มือหนึ่งจับหน้าท้องของตัวเองไว้แน่น“ภูริอยู่ไหนเขาไม่รับสาย ไม่ตอบข้อความฉันหามาหลายวันแล้ว” ไม่คิดว่าคนอย่างภูริจะใจแข็งและใจร้ายขนาดนี้เธอนิ่งไปชั่วขณะ มองซ้ายมองขวากลัวว่าน้องภูผาจะได้ยินก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเรียบทั้งที่หัวใจเต้นแรง“ไม่รู้”“อย่ามาโกหกเลย เธอยังอยู่กับเขาใช่ไหม เธออย่าคิดจะยึดเขาไว้คนเดียว ลูกของฉันก็เป็นลูกของเขาเหมือนกันนะ”” หญิงสาวพูดพลางกัดริมฝีปากน้ำเสียงเริ่มสั่นคำพูดนั้นเหมือนมีดแหลมแทงเข้ากลางอก เดียร์พยายามกลั้นใจไม่ให้ตัวเองสั่น เธอเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างนิ่งสงบ แต่แววตาแฝงความเจ็บปวด“คุณกำลังเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า เรื่องของคุณกับเขา ฉันไม่อยากรู้ไม่เกี่ยวกับฉันอีกแล้ว”“แต่ลูกในท้องฉันมันคือหลักฐานฉันไม่ได้พูดเล่น!” พีรญาส่ายหน้า ดวงตาเริ่มมีน้ำคลอเดียร์เผลอกำมือแน่น เสียงลมหายใจของเธอสั่นระรัวเธอพยายามไม่หลุดอารมณ์ออกมาพยายามไม่ร้องไห้ตรงหน้าใคร“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปหาภูริเอง
เสียงกระดิ่งเหนือประตูร้านดังขึ้นเบาๆ เดียร์เงยหน้าขึ้นจากเครื่องชงกาแฟ เห็นผู้หญิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าตึงเครียด ก่อนจะเห็นว่าภูริที่กำลังช่วยจัดโต๊ะอยู่ก็ชะงักไปเช่นกันเธอจำได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้คือเพื่อนของภูริ และเป็นคนทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาร้าวราน จนถึงขั้นแยกทางกัน“พริมมีเรื่องจะคุยกับภูเรื่องสำคัญ” พีรญาทำเป็นมองไม่เห็นอีกฝ่าย“ถ้ามีอะไรก็พูดมาตรงนี้เลย เดียร์ไม่ต้องหลบอะไรทั้งนั้น” เขากำลังวุ่นวายกับการเช็ดทำความสะอาดหน้าเคาเตอร์บรรยากาศในร้านเงียบกริบ เหมือนอากาศหนืดขึ้นจนหายใจลำบาก เดียร์มองหน้าทั้งคู่พลางเช็ดแก้วในมือช้าๆ“พริมท้อง” พีรญาสูดหายใจลึก ก่อนพูดออกมาเสียงสั่น เพล้ง!เสียงแก้วในมือเดียร์หล่นกระทบพื้นดัง เธอยืนนิ่ง ดวงตาเบิกกว้าง น้ำเสียงแผ่วเบาแทบไม่ออกจากลำคอ มือของเธอสั่นเทา “พูดบ้าอะไรของเธอ เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” เขาหันขวับไปมองพีรญา ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความตกใจ“พริมไม่ได้โกหกคืนนั้นภูก็เมา แถมไม่ได้ป้องกันอีก” พีรญาไม่ยอมแพ้เอาเรื่องคืนนั้นมาอ้าง เพื่อให้อีกคนได้ยินอย่างชัดเจนเดียร์ถอยหลังไปหนึ่งก้าว หัวใจเต้นแรงเหมือนจะระเบ

![My Engineerรักร้ายนายจอมโหด [ต้าร์พินอิน]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)





![friend zone รักร้ายนายเพื่อนสนิท [ 3P ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)